ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 204 "อาหารมื้อเย็น" โจทย์โดยคุณ toor36
ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 204 "อาหารมื้อเย็น" โจทย์โดยคุณ toor36
บ้านแม่ตะลีเป็นเรือนไทยสองฝั่ง มีระเบียงบ้านสองฝั่ง มีครัวสองฝั่ง มีนอกชานแล่นกลาง บ้านเราไม่มีโต๊ะกินข้าว มื้อเช้ามื้อกลางวันก็ตักราดๆ แล้วต่างคนต่างไป
แต่ยามเย็นทุกคนกลับมาพร้อมกันที่บ้าน มื้อเย็นนั่งล้อมวงที่นอกชาน ตะเกียงน้ำมันก๊าดตั้งกลางวง บ้านเรามีเกิน10ชีวิต ตายาย พ่อแม่ ลุงป้า พี่น้องเรา พี่น้องลูกลุง และป้าอีก1 คน
มื้อเย็นจะพร้อมเพรียงกันทุกวัน ยายและแม่จะเป็นแม่ครัวห้วป่าก์ ทำครัวอยู่คนละฝั่งมื้อละ2อย่าง แม่และยาย ที่ทำอาหารอร่อย แต่เราลำเอียงนิดหนึ่ง เพราะชอบรสมือยายมากกว่า
บ้านเรากินอยู่ง่ายๆ เน้นไปทางพืชผักและน้ำพริก แกงกะทิปลา หมู เนื้อ มีเผ็ดก็ต้องมีจืด เด็กๆกินเผ็ดได้ตั้งแต่เล็ก
ถ้ามีผัดเผ็ด ก็ต้องมีปลาเค็ม หรือเนื้อเค็มทอด หรือไข่เจียว ไข่เค็ม ไข่ต้ม อาหารวันละ 2 อย่าง ไม่มีฟุ่มเฟือย แต่ถ้าเป็นแกงจืดตำลึง จะมีตำลึงแยะมาก หมูสับลอยน้ำแกงนิดหน่อย
เราจะรู้จักแกงบวน แกงบอน แกงสับนก(ทั้งที่ไม่มีนกสับ) แกงหมูหอง...ชอบหน่อไม้แห้งและถั่วลิสง แกงกระท้อนใส่หอยแมลงภู่แห้ง ต้มเค็มกะทิเนื้อแห้ง คิดถึงอยากกินอีก
แต่มื้อที่เด็กๆรู้สึกว่าอร่อย และกินข้าวได้2-3จาน คือมื้อที่ตาเดินหิ้วเป็ดย่าง มาจากสนามมวยราชดำเนิน หรือตอนกลับจากสนามม้านางเลิ้ง จนรู้สึกว่าเป็ดย่างที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าที่นั่น
ผักมีรอบบ้าน ยายปลูก พ่อปลูกไม่ต้องซื้อเท่าไหร่ เห็ดหูหนู เก็บจากขอนมะม่วง ขอนมะพร้าว ตากแดดเก็บไว้ จะใช้ก็เอามาล้างแช่น้ำให้บาน หน้าเห็ดมะพร้าว เห็ดมะม่วง ก็มีเพียบ เก็บกินได้ตลอด
ไข่ไก่มีบ้าง แต่ไก่ไข่ไม่ค่อยทัน ปลาช่อน ปลาดุก ปลาตะเพียน หาเอาในท้องร่องสวนและในคลองหน้าบ้าน
มะพร้าวจากสวน ขูดเอง ด้วยกระต่ายขูดมะพร้าวฟันเหยิน เราชอบอาสาขูดให้ เพราะแอบหยิบเนื้อมะพร้าวขูดแรกๆกิน มันหวานดี
แต่ถ้าเรื่องตำน้ำพริก เด็กๆขอผ่าน เพราะพริกกระเด็นเข้าตาทุกครั้ง ทำให้เข็ดหลาบ
>>>>>>>>
จนทุกวันนี้เมื่อมีครอบครัว จาก 32 ปีก่อน ตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ เราอยู่บ้านพักที่ห่างไกลตลาด ต้องซื้อกับข้าวเอามาตุนไว้ มื้อเย็นเป็นมื้อที่กินข้าวอร่อยที่สุด พร้อมหน้าพร้อมตา พูดคุย....บ้านเราไม่มีกฏห้ามพูดตอนกินข้าว ดังนั้น มื้อเย็นเป็นมื้อที่อิ่มอร่อย มีความสุขที่สุด
บ้านเราติดนิสัยกินข้าวหน้าทีวี ด้วยบ้านพักไม่ได้กว้างพอ ที่จะแบ่งห้องเป็นสัดส่วน โต๊ะกินข้าวคือโต๊ะเอนกประสงค์ ลูกทำการบ้าน พ่อแม่ทำงาน ก็บนโต๊ะนี้ ซึ่งตั้งหน้าทีวี และเป็นสิ่งให้สาระบันเทิงเพียงสิ่งเดียวในบ้าน รองลงมาจากวิทยุ
>>>>>>>>>>>>>
คนที่เหนื่อยที่สุด เห็นจะเป็นเรา แต่ยิ้มแก้มฉีกก็ตอนลูกบ้านพ่อบ้านกินแล้ว ชมชอบอาหาร ตักกันจนจานแวว
แม่กินอย่างไร ลูกมักจะกินเช่นนั้น รสชาติก็ตามแต่แม่จะกิน เคยชินและคุ้นลิ้นกันมาตั้งแต่รู้ความ
จะหัดจะสอนนิสัยใจคอ ระเบียบการกิน ก็บนโต๊ะกินข้าวนี่แหละ แต่ก็ห้ามดุว่า ตำหนิติเตียนลูกหลาน หรือแม้แต่ทำโทษกันตอนกินข้าว เพราะได้รับการปลูกฝังมาจากตา ว่าเวลากินข้าวคือเวลาที่มีความสุขที่สุด ห้ามทำให้ใครน้ำตาตกใส่จานข้าว มันบาปกรรม เพราะจะต้องทำให้กินน้ำตาไปจนตาย (ที่จำจนตายคือ ตาเคยดุแม่เรา เพราะแม่ไล่ตีเรารอบวงข้าว ด้วยเหตุ ที่เราไม่ถูบ้านตอนเช้า แต่แกล้งซักผ้าขี้ริ้วผึ่งไว้ที่บันไดบ้านแทน)
ตอนเป็นเด็กไม่เคยรู้คิดอะไร ตาสอนก็ฟังๆไว้ แต่มันซึมซับโดยไม่รู้ตัว จนติดเอามาใช้และสอนลูกหลานต่อ เราไม่รู้เหตุผลหรอกว่า ทำไมตาห้ามไว้เช่นนั้น แต่คิดเอาเองว่า การไปขัดขวางช่วงเวลา ที่มีความสุขของผู้อื่นเป็นการกระทำ ที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
มื้อเย็นจากที่เคยพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นมื้อหนักสุดของบ้าน มาวันนี้ ต่างคนต่างกิน ที่ไหนเมื่อไหร่แล้วแต่สะดวก เหลือเราตายายกันสองคน กับข้าวบางเย็นก็ไม่มี เพราะกินกล้วยน้ำว้าบ้าง กินนมถั่วเหลืองบ้าง บางเย็นงดข้าว แต่กินทุเรียนแทน...
สวัสดี
ขอบคุณท่านเจ้าของภาพนี้จาก kanchanapisek.or.th
>>>>>>>>>
Create Date : 27 พฤษภาคม 2561 |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2561 16:48:51 น. |
|
33 comments
|
Counter : 1452 Pageviews. |
|
|
|
แต่ถูกตีเรื่องหลอกผู้ใหญ่สมควรนะคะ
แขวนไม้เรียวไว้ตีหลังอิ่มข้าวก็ได้ค่ะ
พวกเราติดทานมื้อหนักกันตอนเย็นมานาน
เพราะพร้อมหน้าพร้อมตากัน และมีเวลา
ตอนเด็กก็คิดเสมอว่า ไม่รู้จะให้แหกขี้ตาไปโรงเรียนทำไม
คนกำลังนอนสบายๆ ต้องตื่นงัวเงีย ขึ้นรถไปตั้งแต่ยังไม่สว่าง
น่าจะเข้าเรียนสายๆหน่อยก็ได้ พ่อแม่จะได้มีเวลาพูดคุย สั่งสอน
เตรียมอาหารเช้ามีประโยชน์ มื้อใหญ่นะคะ