หัวข้อทำบุญ ครั้งนี้ขอเล่าแต่ประสบการณ์ตรงของตัวเองนะคะ
ไม่ขอยกตัวอย่างของผู้อื่น เพราะไม่รู้จริงเท่าเรื่องของตัวเอง
1) ลูก "แม่ขา พรุ่งนี้ตอนเช้าปลุกลูกก่อนเจ็ดโมงด้วยนะ"
แม่ "ได้เลยแต่ปลุกแล้วต้องลุกนะ อย่านอนแช่
อ้าว! แล้ววันเสาร์ไม่หยุดรึ"
ลูก "เข้าเวรค่ะ เพื่อนแลกเวรไว้"
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ปลุกลูกตามที่ลูกขอไว้
ลูกก็รีบลุกมาอาบน้ำแต่งตัว
กินข้าวต้มที่แม่เตรียมไว้ให้
กินนมถั่วเหลือง แล้วรีบไปทำงาน
ลูกได้ตื่นไปทำงานตามเวลา.....
แม่ก็ได้ทำสิ่งที่พอทำได้และสุขใจ
2) แม่ตะลีสอยมะม่วงเบาลูกกำลังขบเผาะลงมาเยอะแยะ
แบ่งใส่ถุง เอาเกลือเคย(น้ำปลาหวานใส่กะปิ) ใส่ไปถุงละ1กะปุก
ให้คนท้องก่อนเป็นคนแรก นอกนั้นแบ่งๆ กันไป
ส่วนตัวบ้าง ส่วนรวมเป็นกองกางแบ่งๆกันกินในสำนักงานบ้าง
มะม่วงมีต้นเองไม่ต้องซื้อ เหนื่อยกับการสอยหน่อย ไม่เป็นไร
เกลือเคยต้องลงทุน ก็ไม่เป็นไรในเมื่ออยากให้
ก็ต้องให้ไปให้พร้อมกินได้อร่อย
........คนที่ได้กิน มีความสุข คนให้ก็มีความสุข

3) นักการเข็นรถผ่านหน้าเรา มีถุงดำ2-3ใบแล้วตั้งอยู่
เราถามว่าอะไร จะเอาไปไหน เขาบอกว่าขยะกับใบไม้ปนๆกัน
จะเอาไปทิ้ง เราก็เปิดถุงดู เห็นเป็นใบก้ามปูแห้งๆ
เต็มถุงตาวาวทันที
เลยบอกกับเขาว่าไม่ต้องเข็นไปทิ้งให้เหนื่อย
เอามาตั้งไว้ที่ข้างบ้านได้เลยแล้ววันหน้าแยกแต่ใบก้ามปู
ใส่ถุงต่างหากอย่าปนกับขยะอื่น
เอามาให้ไว้ที่เดิมนี่แหละ แล้วก็ส่งเงินให้เขาไป200บาท
วันหลังเขาก็กวาดแยกใบก้ามปูไว้ให้
เรื่อยๆจนหมดหน้าใบไม้ร่วง
สินน้ำใจก็ตอบแทนกันไป
ทีละร้อย สองร้อย
นักการ ทำงานไม่เหนื่อยเปล่าได้ค่าขนมไปกินเพิ่มอีก
จริงๆเป็นหน้าที่ของเขาที่
จะต้องเก็บกวาดขยะและใบไม้ที่หล่นเกลื่อน
ไปทิ้งถังขยะใหญ่ทุกๆวัน
แต่เราก็คิดว่าเราทำบุญให้เขานิดหน่อย
เราก็ได้ใบไม้เอามาหมักทำปุ๋ยด้วย
เขาก็ไม่ต้องเข็นไปไกลๆให้เหนื่อย
เพราะนักการก็อายุมากๆแล้วทั้งนั้น
4) แมวสีขาวส้มของนักการ มาเมียงมองเดินผ่านไป
ตัวนี้ชอบมาเก็บอาหารของหมา
ที่เพื่อนบ้านเลี้ยงไว้ใต้ถุน ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับต้นไม้
สักครู่ ได้เสียงเสียงร้อง แง๊ว!!!!! ดังมาก
ตามมาด้วยเสียงดัง อ้อก ๆๆ รีบวิ่งมาดู
เห็นแมวตัวเดิม กำลังแลบลิ้น ทำท่าเหมือนจะสำรอก
น้ำลายเหนียวๆไหลยืด เราตกใจ
เป็นอะไรล่ะลูกเอ๊ย....
รีบเอาขันตักน้ำไปตั้งไว้ให้ เผื่อจะได้กินน้ำ
แต่แมวไม่กิน กลับตะเกียกตะกาย โซซัดโซเซ ....
ทำไงดีล่ะเรา จะเข้าไปจับตัว ง้างปากดู ก็ไม่กล้า
เพราะถ้าไม่ใช่แมวของเราก็ไม่แน่ใจว่า
ได้ฉีดยากันพิษสุนัขบ้าหรือเปล่า
ฉวยหากมันกัดเราเข้า ก็จะเดือดร้อนกันใหญ่โต
จะช่วยยังไงดี น้ำลายเหนียวๆที่ไหลยืดกลายเป็นเลือด ....
เรา เลยถ่ายรูปแมว แล้วส่งไลน์หาคุณผู้ชาย
เล่าแจ้งเรื่องราวไปเสร็จเขาก็เลยนำไปบอกนักการ
ที่เป็นเจ้าของว่าให้รีบมาพาแมว ไปคลินิกสัตว์เดี๋ยวนี้เลย
เจ้าของพอรู้เรื่องก็รีบบึ่งรถเครื่องมานำแมวของเขาไป .....
เราช่วยแมวได้เท่านี้ เราก็โล่งใจ
คิดว่าเจ้าของคงรีบพาไปคลินิกรักษาสัตว์แล้ว
หลายวันผ่านไป นึกได้ก็เลยถามคุณผู้ชายว่า
แมวหายหรือยัง
คุณผู้ชายตอบว่า
นักการไม่ได้เอาแมวไปหาหมอ
เขาเอาไปไว้ที่บ้าน
ปล่อยให้มันตาย.....ฝังเรียบร้อยไปแล้ว.....
โดยไม่รู้ว่าเป็นอะไรด้วยซ้ำ.....
สิ่งที่เราทำนี่เป็นบุญหรือเปล่า หรือไม่ได้ช่วยอะไรเลย
แค่คิดขึ้นมาใจก็โหวงเหวง เห็นภาพแต่แมวขาวส้มตัวนั้น
แล้วน้ำตารื้น

5) มองเนื้อปลาที่ลูกแกะก้างออกให้หมดก่อน
แล้วหยิบมาใส่จานแม่
คิดย้อนไปถึงตอนที่เราเคยทำอย่างนี้ให้แม่
แกะก้างปลาออกให้หมดก่อนส่งให้แม่ ให้ยายกิน
แกะเนื้อปูให้ แกะเปลือกกุ้งให้ ในวันที่เรามองอะไรไม่ชัด
ยิ่งเป็นก้างปลาเล็กๆ ยิ่งหาไม่เจอ....... สิ่งที่ทำไปโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนเหล่านี้ไม่ได้สูญหายมันเป็นบุญที่เราทำไว้
วันนี้บุญนั้นส่งผลให้เห็นแล้ว.....
แค่เพียงกินปลาโดยไม่มีก้างติดคอ
จากการทำให้รุ่นต่อรุ่น
หัวใจก็เปี่ยมสุข

6) ทุกๆวันในหน้าFB เราต้องลงภาพกาแฟชา
หรือนมกับขนม หรืออาหารเช้า เที่ยงลงภาพอาหารกลางวัน
ตกแต่งจานชามสวยงามให้ดูน่ากิน
มีดอกไม้ใบไม้ลงหน้าเพจทุกวัน แต่งตัวสวยๆ
(คิดเอาเองว่าสวย)
ไปเที่ยวไหนก็ลงภาพสวยๆ มีคำอวยพรดีๆ
ให้เพื่อนในวันเกิดทุกวัน เขียนคำพูดให้กำลัง
เพื่อนพ้องน้องพี่ทุกเช้า .......
ทำแบบนี้มานานหลายปี
ด้วยเหตุผลที่ว่า เพื่อนรักที่ไม่สบาย
จะได้อยากกินอาหาร
เพื่อนที่กำลังกลุ้ม หาทางออกไม่ได้
จะได้ผ่อนคลายบ้าง
ไม่คิดอะไรมากมายนัก เราทำเพราะเราบ้าถ่ายรูปด้วย
แต่วันหนึ่ง เจอเพื่อนรุ่นน้องในห้างสรรพสินค้า
เธอเพิ่งผ่าตัดหัวใจ รอยแผลเป็นกลางอกสูงขึ้นมาพ้นคอเสื้อ
ยังไม่หายดีนัก เธอมาจับมือเราบีบ แล้วบอกว่าตามดูหน้าเพจเราทุกวันพร้อมกับมารับคำอวยพรทุกวัน
เธอมีความสุข และชอบดอกไม้สวยๆ
อาหารหน้าตาหน้ากิน ผ้าถุงสวยๆ
พร้อมการเล่าที่มาของซิ่นแต่ละผืน
สถานที่สวย บรรยากาศดีที่เราลงไว้ .........
เราถึงรู้ว่า สิ่งที่เราทำนั้นคือบุญ
เพราะทำให้คนสบายใจสบายตาได้
และบุญนั้นส่งผลกลับให้เรามีความสุขแล้ว
โดยไม่ต้องบริจาคทรัพย์สินอะไรเลย
ในทางกลับกัน
บางเพจมีแต่เรื่องราวเศร้าหมอง
ก่นด่าว่ากันสารพัด
แค้นใครก็มาระบายลงในเพจ โชว์ภาพไม่น่ามอง
อวัยวะที่ไม่ควรโชว์ เช่นเท้าเต็มหน้าจอ
เปิดมาก็เจอตีนเต็มหน้า(ขอโทษค่ะ)
รีบเลื่อนแทบไม่ทัน
ด้วยเรามีเพื่อนหลายวัยตั้งแต่วัยลูก
จนถึงวัยคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย
แต่ละเพจ แต่ละFB ก็จะหลากหลายแตกต่างกันไป
หน้าไหนไม่สร้างสรรค์ก็ไม่เปิดดูหรือรีบเลื่อนๆหนีไปซะ




6) แม่ตะลีเพิ่งได้บริจาคเงินทำบุญกับโรงพยาบาล
ด้วยการซื้อผ้าซิ่นปาเต๊ะทำมือ ราคาสูงขึ้นมาอีกนิดเพราะ
ผู้ผลิดแบ่งเงินส่วนหนึ่งจำนวน999บาทในถุงผืนที่เราซื้อ
(ผ้าถุงราคาผืนละ1,999บาท)
ไปบริจาคให้โรงพยาบาลศิริราช
ปกติผ้ามีพอแล้ว แต่พอเห็นว่าทำบุญ
ก็ซื้อทันที ไม่ได้รวย แต่อย่างน้อย
เราก็ได้ทั้งบุญและทั้งผ้าทันตาเห็น
ปาเต๊ะทำมือผืนนี้มีลาย ดารารัตน์
มีความหมายทางใจมาก

7) วันนี้วันมาฆะบูชาพอดี ขึ้น15ค่ำเดือน4 (ที่จริงต้องเป็นเดือน3 แต่ปีนี้ปีอธิกมาส มีเดือน8สองหน)
ก็เตรียมอาหารคาวหวานผลไม้ พร้อมเงินใส่ซอง
ใส่บาตรหน้าบ้าน
เราไม่ได้เป็นคนดีอะไรนักหนา
แต่เราก็เลี่ยงไม่ทำชั่ว ไม่ทำบาป
ใส่บาตรเช้า บ่อยๆเท่าที่อยากทำ
ใครบอกว่าใส่เงินเป็นบาป
แต่เราก็เอาเงินใส่ซองถวายพระตอนใส่บาตรด้วย
นอกเหนือจากอาหาร เพราะพระท่านก็ยังจะต้องใช้เงิน
ซื้อของประจำวันเช่นแฟ็บ สบู่ ยาสระผมยารักษาโรค
ไม่ใช่แต่ฉันอาหารอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่

8) เมื่อเช้าอีกครั้ง ช่วยไขกุญแจประตูให้คนแก่
ที่ขี่มอเตอร์ไซค์มา มือก็ไม่ว่าง เราก็เลยช่วยไขกุญแจเปิดปิด
ประตูบ้านให้ น้าก็ให้พรยาวเหยียด....นี่ไงบุญ
ไม่ต้องรอเวลา ทำได้ก็รีบทำ
ทำอะไรๆด้วยจิตอันเป็นกุศล นั่นก็คือบุญแล้ว
ไม่ว่าการกระทำ คำพูด อากัปกิริยา สีหน้าสีตา
ก่อให้เกิดความสุขความสบายตาสบายใจ
แก่ตนและผู้พบเห็นได้ทั้งสิ้น
สิ่งที่ว่านี้ คือที่มาของ
ทำบุญ
สวัสดี