ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
24 กุมภาพันธ์ 2561
 
All Blogs
 

ไขปริศนาประตูสู่นรก





เมืองโบราณ Hierapolis อยู่ในตุรกีทุกวันนี้ CaoWei/Getty Images




ในช่วงศตวรษที่ 2 ก่อนคริสตศักราช
ราชันย์แห่ง Pergamon ได้สร้างเทวสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ Hierapolis
ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตุรกี แต่สภาพตอนนี้เป็นซากปรักหักพัง
แต่ยังมีบางสิ่งบางอย่างภายในที่น่าตื่นเต้น
บางสิ่งบางอย่างที่เก่าแก่กว่าที่เคยเป็นมาและเป็นตำนานลับสุดยอด

เมื่อ 7 ปีก่อน ประตูสู่นรก หรือที่เรียกกันว่า Plutonium
ซึ่งได้ตั้งชื่อตาม เทพเจ้าโรมัน เจ้าแห่งนรก
ประตูเป็นประตูหินโค้งที่ทอดยาวเข้าไปสู่ถ้ำเล็ก ๆ ภายใน
ประตูถูกสร้างขึ้นในผนังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
มีพื้นที่ว่างเปิดโล่งล้อมรอบตัววิหาร/หน้าถ้ำทางเข้าประตูสู่นรก
และห้อมล้อมไปด้วยที่นั่งหินสำหรับผู้เข้าชม/ร่วมพิธีกรรม
เมืองนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางธรณีวิทยา
ที่มีภูเขาไฟมากที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาค

2,200 ปีที่ผ่านมา การใช้ความร้อนจากน้ำพุร้อน
มีความเชื่อกันว่าใช้ในการรักษาโรคบางโรคได้เป็นอย่างดี
แต่ขณะเดียวกัน รอยร้าวลึกที่ฝังอยู่ใต้เมือง Hierapolis
ก็ยังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะไหลออกมาเป็นรูปหมอกควันที่มองเห็นได้

ในปี 2011 นักโบราณคดียังพบว่า
ประตูสู่นรกคือ ประตูมรณะที่ยังคงมอบความตายให้สิ่งมีชีวิต
นกที่บินเข้าใกล้เกินไปจะหายใจไม่ออกและตายลง
ประตูนี้ถูกค้นพบที่นั่น เพราะมีกลุ่มหมอกควันที่ทำให้มึนงง
และได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิตที่ยู่ภายในถ้ำ ถ้าอยู่นานเกินไปมักจะตาย

ประตูนี้มีตำนานเล่าขานกันมานมนานแล้วว่า
มีแต่มนุษย์ที่เดินผ่านประตูเข้าไปในถ้ำแล้วเดินออกมา
มักจะรอดตายมากกว่า วัว แกะ และพวกนกต่าง ๆ
เพราะพวกสัตว์มักจะตายหลังจากเดินผ่านประตูเข้าไปในถ้ำ




ภาพจำลองประตูมรณะ





บทความในวารสาร Archaeological and Anthropological Sciences
ได้ตีพิมพ์เผยแพร่และอธิบายว่า
ในช่วงกลางวัน ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์จะขับไล่ก๊าซให้กระจายตัวออกไป
แต่ในเวลากลางคืนก๊าซที่หนักกว่าอากาศทั่วไปจะไหลออกมาจากรอยแตกในใต้ดิน
แล้วก่อให้เกิดทะเลสาบ CO2 บนพื้นถ้ำที่สร้างในที่กำบัง/กำแพงล้อมรอบ
ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
จะอยู่สูงถึงที่ระดับ 40 เซนติเมตรเหนือพื้นถ้ำมีปริมาณถึง 4-53%
ปริมาณมากเพียงพอที่จะทำให้คนหรือสัตว์ที่ตัองหายใจด้วยปอด
มีอาการมีนงง ง่วงเหงาหาวนอน สลบไปและตายได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที

แต่ความเข้มข้นจะลดลงอย่างรวดเร็วในระดับพื้นที่ที่สูงกว่า
นักบวชผู้เสียสละเข้าไปในถ้ำช่วงเวลาเช้าหรือเย็นเท่านั้น
เมื่อรู้ว่าความเข้มข้นของก๊าซไม่สูงเกินกว่าระดับดังกล่าว
แต่ความสูงของหัวพวกสัตว์มักจะสูงไม่เพียงพอ
ทำให้พวกมันต้องอยู่ท่ามกลางทะเลสาบ CO2
เพราะระดับหัวของพวกมันแทบอยู่ในระดับทะเลสาบ CO2
พวกมันจึงต้องสูดดม CO2 เข้าไปเต็มปอด
ก่อให้เกิดอาการวิงเวียน มึนงง สลบลงก่อนที่จะตายในที่สุด

แต่พวกนักบวชที่ยืนจะสูงพ้นระดับทะเลสาบ CO2
ทั้งยังยืนอยู่บนก้อนหินเพื่อเพิ่มความสูงให้กับตนเอง
เพราะพวกนักบวชรู้ดีว่าการสูดลมหายใจคือ หายนะอย่างร้ายแรง
มีการประมาณการว่าคนกรีกยุคนั้นความสูงเฉลี่ย
มีการประมาณการว่าคนกรีกยุคนั้นความสูงเฉลี่ย
สตรีระหว่าง 154-155 เซนติเมตร บุรุษระหว่าง 166-169 เซนติเมตร
จากการขุดค้นหลุมศพโบราณเพราะโภชนาการยังไม่ดี
และมีโอกาสตายง่ายจากโรคภัยต่าง ๆ





ทีมงานนักวิจัยที่นำโดยมหาวิทยาลัย Duisburg-Essen (UDE)
ได้อธิบายถึงเรื่องราวของพิธีกรรมการบูชาในถ้ำแห่งนี้
ที่ปรากฏในงานเขียนของนักเขียนหลายคนในอดีต เช่น
Strabo นักภูมิศาสตร์ชาวกรีกเคยเขียนถึงเรื่องนี้ว่า
" พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยไอน้ำหมอกที่หนาทึบ ที่แทบจะมองไม่เห็นพื้นดิน
สัตว์ที่ผ่านเข้าไปข้างในจะพบกับความตายทันที
ผมโยนนกกระจอกเข้าไป และพวกมันหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะตายลงทันที "
ในบันทึกที่ท่านเขียนไว้อย่างค่อนข้างเรียบง่าย

ถึงแม้ว่า การเกิดขึ้นของก๊าซจากภูเขาไฟเป็นที่รู้จักกันดีในพื้นที่แห่งนี้
แต่ทีมงานต้องการที่จะทำความเข้าใจรายละเอียดของประตูมรณะแห่งนี้
จึงทำการตรวจวัดอย่างละเอียดทุก ๆ จุด ทุก ๆ ช่วงเวลาเป็นระยะ ๆ
ทำให้ค้นพบข้อเท็จจริงว่า แสงแดดและลมที่พัดพาในตอนกลางวัน
จะช่วยกระจายหมอกควัน/ก๊าซที่เป็นอันตรายได้

นั่นคือ ในช่วงเวลาก่อนหัวรุ่ง(ตอนเช้ามืด)
จะเป็นเวลาที่เสี่ยงตายที่สุดในการเข้าไปในถ้ำ
ในตอนกลางคืนความเข้มข้น/ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในถ้ำจะสูงมาก
จนทำให้สามารถฆ่าคนได้ภายในหนึ่งนาที




ส่วนหนึ่งของการสร้างภาพแบบ 3D ของ Plutonium ที่ Hierapolis
ประตูสู่นรกอยู่ภายในกำแพงด้านล่างของที่นั่งคนร่วมพิธีกรรม Credit: Massimo Limoncelli





" การปล่อยก๊าซมรณะนี้ประดูจดั่งลมหายใจของ Hades เจ้าแห่งนรก
และ/หรือลมหายใจของหมาสามหัว Kerberos ที่เฝ้าระวังประตูสู่นรก
(J.K Rowling เคยนำหมาสามหัวมาเขียนไว้ในเล่มแรก
บทตอนจบของหนังสือ Harry Potter ตอนศิลาอาถรรพ์
มันเฝ้าอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องลับที่จะลงไปไขปริศนาได้)

Galli นักบวชบัณเฑาะก์ ผู้มีประสบการณ์เพียงพอ
จะรู้ว่าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน
นั้นคือ เหตุผลที่ทีมงานได้คาดการณ์ว่า
การเดินทางเข้าไปในถ้ำคือ การเสียสละขั้นสูงสุด
และเมื่อพวกนักบวชโผล่ออกมาจากถ้ำ
ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
นั่นคือ พลังอำนาจวิเศษที่พระเจ้าประทานให้
ทำให้พวกนักบวชกลายเป็นตำนานเล่าขานว่า
เป็นตัวแทนของพระเจ้าที่แสดงอภินิหาร

Galli นักบวชบัณเฑาะก์จะยืนอยู่บนก้อนหิน
รอบ ๆ ตัวนักบวชจะมีวัวหรือแกะที่เคราะห์ร้ายล้มตาย
นั่นแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจเหนือธรรมชาติของพวกนักบวช
และที่ระดับความสูงบนนั้น พวกนักบวชจะสามารถยืนได้
อย่างน้อยช่วงระยเวลา 20-40 นาทีโดยไม่ต้องเสี่ยงตายแต่อย่างใด

ไม่มีใครสามารถผ่านประตูสู่นรกได้โดยไม่สลบ
แต่ถ้า Galli กลั้นลมหายใจไว้สักพักหนึ่งก่อนที่จะคลานเข้าไป
คลานเข้าไปในประตูมรณะที่สูงระดับเอวของพวกนักบวช
แล้วรีบขึ้นไปยืนบนก้อนหินที่สูงกว่าความสูงวัวหรือแกะ
บนก้อนหินนั้นจะมีลมหายใจเพียงพอช่วงเวลาหนึ่ง
แต่ต้องสังเกตว่ามีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้มข้นมากหรือไม่
โดยพยายามหลีกเลี่ยงการยืนใกล้ประตูมากเกินไป ยกเว้นแต่ตอนกลางวัน "
ศาตราจารย์ Hardy Pfanz หัวหน้าทีมนักวิจัย
นักวิจัยด้านภูเขาไฟและชีววิทยาที่ UDE ให้สัมภาษณ์กับ IFLScience

Francesco D’Andria นักโบราณคดี University of Salento ใน Lecce ของ Italy
ผู้นำทีมค้นพบ Plutonium ใน Hierapolis ช่วงปี 2011
ยังไม่ค่อยมั่นใจว่า การค้นพบตะเกียงโบราณจำนวนมากรอบ ๆ ประตูมรณะ
เป็นไปได้ว่า นักบวชอาจจะต้องผจญภัยทำพิธีตอนกลางคืน
เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับระดับความเข้มข้นของ CO2
(สันนิษฐานว่า ตะเกียงจุดไฟอาจจะใช้วัดปริมาณของ CO2
ถ้าไฟดับแสดงว่ายังมีความเข้มข้นสูงมาก
แบบตะเกียงแสงของนักขุดเจาะถ่านหินในเหมืองถ่านหิน
ถ้าไฟในตะเกียงดับลงอย่างรวดเร็ว
นักขุดเจาะถ่านหินจะรีบออกมาจากอุโมงค์โดยพลัน)

" ผลการค้นพบครั้งนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ความถูกต้องแหล่งโบราณคดี
และช่วยอธิบายว่า ทำไมคนไม่ตายแต่สัตว์ตายตอนเข้าประตูสู่นรก "
Gil Renberg นักวิจัยศาสนาและความเชื่อชาว Greek และ Roman
University of Nebraska ใน Lincoln สหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปปี 1986 ทะเลสาบ Nyos ที่เกิดจากภูเขาไฟใน Cameroon
ซึ่งได้กักขังก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้ผิวน้ำจำนวนมหาศาลนานหลายศตวรรษ
ก๊าซที่ไร้สีไร้กลิ่นเกิดปะทุขึ้นมาจากท้องทะเลสาบทันทีทันใด
กวาดชีวิตผู้คนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบตายไปมากกว่า 1,700 คน
แม้ว่า จะไม่มีใครรู้ว่าจะมีการปลดปล่อยก๊าซจากท้องทะเลสาบอีกเมื่อใด
ทางการทำได้ก็แค่พยายามปลดปล่อยก๊าซออกมาจากท้องทะเลสาบเท่าที่ทำได้

และช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทะเลสาบ Monoun ใน Cameroon
ก็มีเหตุการณ์ใกล้เคียงกันแต่เรียกว่า การปะทุของภูเขาไฟ
ซึ่งยังไม่ถึงกับฉับพลันทันทีและเป็นภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง
เหมือนกันพลังการทำลายล้างของประตูนรก Plutonium
ที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาอย่างต่อเนื่อง


เรียบเรียง/ที่มา


https://goo.gl/odNPMD
https://goo.gl/hYLBUe
https://goo.gl/svDGUw
















ซากนก







เรื่องเล่าไร้สาระ





"ขุดบ่อบาดาล" อาชีพที่มาพร้อมกับภัยแล้ง - Springnews




ภูมิปัญญาชาวบ้านในเรื่องก๊าซพิษที่ทำให้ตายได้
ในการขุดบ่อน้ำของชาวบ้านไทยในยุคก่อน
ที่จะต้องวางปล่องบ่อลงไปทีละลูก ๆ
และต้องใช้แรงงานคนขุดลงไปในใต้ดิน
ขุดจนกว่าจะไปเจอตาน้ำ(น้ำซึมออกมาจากผิวดิน)

ช่างขุดบ่อน้ำรุ่นเก่ามักจะมีการโยนกิ่งไม้/ใบไม้ลงไปเป็นระยะ ๆ
หรือสาดน้ำเย็นลงไปข้างล่างในบ่อให้คนขุดบ่อเป็นระยะ ๆ
ไม่ใช่เพื่อดับร้อนของคนขุดในบ่อเพียงอย่างเดียว
แต่เป็นการไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สะสมในบ่อด้วยส่วนหนึ่ง
ส่วนบางคนจะใช้วิธีจุดไม้ขีดไฟทดสอบดูก่อน
ถ้าไฟดับอย่างรวดเร็วจะรีบขึ้นมาจากบ่อเลย
เพราะแสดงว่าอากาศข้างล่างเริ่มไม่เพียงพอแล้ว

วิธีการนี้จะใช้ในตอนล้างบ่อ/ลอกบ่อใหม่ด้วย
ถ้าโยนไม้ขีดไฟลงไปแล้วดับเร็วมาก
แสดงว่าอากาศข้างล่างในบ่อไม่เพียงพอ
ก็จะต้องสาดน้ำลงไปเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับโยนกิ่งไม้ใบไม้ลงไปตาม
เพื่อไปปัดเป่าไล่ก๊าซCO2ข้างล่างขึ้นมาข้างบน

แต่ช่างขุดบ่อน้ำบางคนจะโหดกว่านั้นหน่อย
หลังจากสาดน้ำลงไปแล้วพร้อมกับโยนกิ่งไม้ใบไม้ลงไปในบ่อเก่าแล้ว
มักจะใช้วิธีโยนไก่เป็น ๆ ทั้งตัวลงไปในบ่อเก่าด้วย
นัยอ้างว่าเพื่อบวงสรวงพระแม่ธรณี
ถ้าไก่ตายในบ่อก็จะเลื่อนวันขุดลอกบ่อเก่าออกไปก่อน
หรือโหดกว่านั้นจะเสี่ยงทายไปเรื่อย
โดยสาดน้ำพร้อมกับโยนกิ่งไม้ใบไม้ลงไปในบ่อเก่า
พร้อมกับโยนไก่ลงไปตามภายหลังจนกว่าไก่จะไม่ตาย
แล้วถือโอกาสนำไก่ตายมาทำเป็นอาหารต่อไป

แต่บางรายจะนำไก่หรือนกหรือกระรอกลงไปในบ่อด้วย
โดยใช้สัตว์เป็นตัววัดอากาศภายในบ่อ
ถ้าสัตว์เลี้ยงสะลึมสะลือหรือออกอาการน่าเป็นห่วง
ก็จะรีบขึ้นจากบ่อโดยเร็ว

แต่ปัจจุบันใช้พัดลมเป่าอากาศลงไปแทนที่ก่อน
หรือใช้เครื่องปั้มลมอัดอากาศลงไปไล่อากาศเสีย
หรือขุดบ่อแบบเจาะลงไปในดินฝังท่อขนาด 2 4 6 นิ้วแทน
ซึ่งเครื่องมือขุดเจาะบ่อบาดาลทั่วไปมักจะพบเห็นในขนาดนี้
เพราะท่อน้ำตัน/ท่อน้ำเซาะร่องพอหาซื้อได้ในท้องตลาดในราคาย่อมเยา
รวมทั้งปั้มน้ำที่สูบน้ำขึ้นจากบ่อบาดาลมักจะมีขนาดนิยม
ไม่เกิน 4 หุน 1 นิ้ว 2 นิ้ว แล้วแต่ความต้องการใช้น้ำ




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2561
1 comments
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2561 22:08:00 น.
Counter : 2501 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณชมพร

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ข้ามขอบฟ้า Klaibann Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Review Food Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
ravio Education Blog ดู Blog

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ ravio เรียบร้อยแล้วนะคะ

 

โดย: ชมพร 24 กุมภาพันธ์ 2561 22:14:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.