ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 มีนาคม 2561
 
All Blogs
 
ศัตรูโซเวียตรัสเซียที่ถูกไล่ล่าและฆ่าทิ้งในต่างชาติ 3 ราย







หลังจากสูญสิ้นอำนาจเพราะต่อกรกับ Joseph Stalin
Leo Trotsky พบว่าตนเองอยู่ภายใต้สถานะการณ์ที่ล่อแหลมมาก
Mary Evans Picture Library/Global Look Press




หน่วยสืบราชการลับโซเวียตรัสเซียในทศวรรษ 1930-50
ไม่เคยเกรงกลัวที่จะกำจัดนักการเมืองที่มีปัญหาด้วยการฆาตกรรมทิ้ง
เรื่องราวของศัตรูของรัฐ 3 คนซึ่งถูกสังหารทิ้งโดยสายลับโซเวียตรัสเซียในต่างประเทศ
" จะไม่มีความปราณีต่อสายลับและคนต่อทรยศต่อมาตุภูมิ "
บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์พรรคบอลเชวิค Bolshevik ในปี 1937
วาทกรรมนี้ คือ คำขวัญของหน่วยสืบราชการลับโซเวียตรัสเซีย
คำว่า ทรยศ หมายถึง ใครก็ตามที่กระทำการใด ๆ
ที่เป็นอันตรายต่อพรรคคอมมิวนิสต์ และผลประโยชน์ของผู้นำที่ยิ่งใหญ่


สายลับโซเวียตรัสเซียจะทุ่มเทเงินทองและความพยายามอย่างเต็มที่
ในการกำจัดศัตรูของรัฐ แม้ว่าศัตรูเหล่านี้จะอาศัยอยู่ห่างไกลจากรัสเซียก็ตาม
วิธีการกำจัดคู่ต่อสู้/คู่แข่งทางการเมืองเป็นที่นิยมกันมาก
โดยเฉพาะภายใต้การปกครองในสมัยสตาลิน Joseph Stalin
ซึ่งได้รับการยืนยันหลังการตายของสตาลินแล้ว




1.



Alexander Kutepov - ผู้นำขบวนการฝ่ายขาว White Movement ในยุโรป Legion Media



Alexander Kutepov (1882 - 1930)
นายพลที่เป็นข้าราชบริพารจักรพรรดิ์รัสเซีย
ที่อุทิศชีวิตเพื่อรับใช้สถาบันกษัตริย์ราชวงศ์โรมานอฟ
ท่านกลายเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการกองทัพบก
เป็นผู้นำในกลุ่มฝ่ายขวาต่อต้านกลุ่มคอมมิวนิสต์
ในช่วงสงครามกลางเมือง (1917-1922)
แต่การเคลื่อนไหวของฝ่ายขวา หรือ White Movement
กลับประสบความล้มเหลวในที่สุด

ในปี 1920 ท่านจึงหนีจากรัสเซียไปยุโรป
แต่ท่านก็ยังคงต่อต้านพวกคอมมิวนิสต์อย่างเนื่อง
ในปีนั้นเอง ท่านได้กลายเป็นประธานสหภาพทหารรัสเซีย
Russian All-Military Union (ROVS)
องค์กรเคลื่อนไหวฝ่ายขาว White Movement ที่นิยมกษัตริย์
ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อพยายามจะเอาชนะพวกบอลเชวิค
ในฐานะประธาน ROVS ท่านจึงได้สั่งให้มีการก่อการร้ายในสหภาพโซเวียตรัสเซีย
เช่น การวางระเบิดใน Central Club of the Party
พรรคคอมมิวนิสต์ในเมือง Leningrad
จึงไม่น่าแปลกใจอย่างใดที่ท่านจะต้องถูกตอบโต้กลับจาก
เจ้าหน้าที่รัฐ OGPU (Joint State Political Directorate)

ข้อมูลและพยานหลักฐานอย่างไม่เป็นทางการ
ยังไม่มีความชัดเจนว่า Alexande Kutepov ตายเพราะสาเหตุใด
เพราะครั้งสุดท้ายยังมีคนเห็นท่านใช้ชีวิตอยู่ในกรุงปารีส

ในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1930
ตามบันทึกของ Pavel Sudoplatov อดีตสายลับโซเวียต
เจ้าหน้าที่ 2 คนแต่งตัวเป็นตำรวจฝรั่งเศส
สั่งให้ Alexander Kutepov หยุดบนท้องถนนและพาท่านไปที่รถยนต์
หลังจากท่านได้ยินคำพูดภาษารัสเซียจากตำรวจปลอม
Alexander Kutepov จึงเริ่มต่อสู้และเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากอาการโรคหัวใจวาย

แต่อีกกระแสข่าวระบุว่า
สายลับรัสเซียพยายามลักพาตัว Alexander Kutepov ไปยังสถานที่ลับแห่งหนึ่ง
บังเอิญฉีดมอร์ฟีนใส่ Alexander Kutepov มากเกินไป ทำให้ท่านเสียชีวิตทันที



2.



Leon Trotsky - ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์เสื่อมเสีย
ภาพขณะให้สัมภาษณ์ที่บ้านแห่งใหม่ที่ลี้ภัย
พิพิธภัณฑ์ของ Leon Trosky ในเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก
Leon Trotsky เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 1940 ในเม็กซิโก
เป็นเหยื่อของการถูกสังหารทิ้ง / DPA/Global Look Press



ในช่วงระหว่างสงครามกลางเมืองภายในรัสเซีย
Leon Trotsky (1879 – 1940)
ท่านคือ ผู้นำคอมมิวนิสต์หมายเลข 2
และผู้บัญชาการทหาร/ผู้ก่อตั้งกองทัพแดง
ชาวบ้านมักจะเรียกท่านว่า สหายหมายเลขสองของพรรค
เพราะความสำคัญในการติดตามและรับใช้เลนินอย่างใกล้ชิด
รวมทั้งมีข้อคิดข้อเขียนแนวคิดทฤษฏีคอมมิวนิสต์ไม่ด้อยกว่าเลนิน
ความนิยมและอิทธิพลของ Leon Trotsky
ดูเหมือนว่าไม่ใครจะทำร้ายหรือโค้นล้มลงได้
แต่กาลเวลาได้พิสูจน์ว่าเรื่องนี้ผิดพลาดและไม่จริง

หลังจากการเสียชีวิตของ Lenin ในปี 1924
สตาลินค่อย ๆ บีบ/กำจัดผู้สนับสนุนทรอตสกี้
ออกจากพรรคคอมมิวนิสต์/รัฐบาลโซเวียตรัสเซีย
แล้วรวบอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือในปี 1927

ทรอตสกี้ถูกขับไล่ออกจากพรรคคอมมิวนิสต์
และต่อมาไม่นานก็ถูกเนรเทศออกจากรัสเซีย
มีประเทศหนึ่งในยุโรปได้ปฏิเสธรับทรอตสกี้ลี้ภัย
เพราะได้รับแรงกดดันจากสตาลินอย่างแรง
ทรอตสกี้จึงต้องหนีไปลี้ภัยที่ซึกโลกอีกด้านหนึ่ง ที่เม็กซิโก

แต่แล้วสตาลินรู้ทันทีว่า
การปล่อยตัวศัตรูหนีไปต่างชาติกลายเป็นความผิดพลาด
แม้ว่าทรอตสกี้จะถูกเนรเทศออกไปจากรัสเซียแล้ว
แต่ท่านยังคงตีพิมพ์เผยแพร่แพร่หนังสือและเขียนบทความต่าง ๆ
ประนามระบอบการปกครองของสตาลิน
ว่าเป็นลัทธิแก้ที่หลีกหนีจากอุดมการณ์ลัทธิมาร์กซิสต์
และไม่ได้การปฏิวัติเพื่อชนชั้นกรรมาชีพ/ชาวนา
ทั้งยังพยายามสร้างขบวนการสังคมนิยมนานาชาติ เพื่อต่อต้านระบอบสตาลิน
ดังนั้น สตาลินจึงตัดสินใจว่าต้องกำจัดศัตรูรายนี้ทิ้ง

Pavel Sudoplatov รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศของ NKVD
จึงได้เริ่มวางแผนลอบสังหารทรอตสกี้
โดยมอบหมายให้ Ramón Mercader สายลับชาวสเปญที่นิยมสตาลิน
ไปแกล้งทำตัวเป็นผู้สนับสนุนและเป็นฝ่ายชื่นชอบทรอตสกี้
ทำให้สายลับรายนี้เข้าถึงวงในและที่พักส่วนตัวของทรอตสกี้ได้ในที่สุด
รวมทั้งมักจะไปแวะเยี่ยมบ้านพักทรอตสกี้ใน Coyoacán

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 1940
ทั้งคู่อยู่กันเพียงสองคนภายในบ้านพักทรอตสกี้
ในขณะที่ทรอตสกี้ก้มลงอ่านกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ
Mercader ได้แอบเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ๆ
แล้วจามศีรษะทรอตสกี้ด้วยขวานจามหิมะ/น้ำแข็ง
จนทำให้ทรอตสกี้บาดเจ็บสาหัส
แม้ว่าแผลที่ศีรษะของทรอตสกี้จะลึกประมาณ 7 เซนติเมตร
แต่ทรอตสกี้ก็ยังมีชีวิตอยู่เกือบเป็นวันหลังจากนั้น

ในที่สุด Ramón Mercader ถูกศาลเม็กซิโกตัดสินจำคุก 20 ปี
แต่ติดคุกจนกระทั่งปี 1960 ก็ได้รับการปล่อยตัว
หลังจากออกจากคุก Ramón Mercader ได้ย้ายไปอยู่ที่สหภาพโซเวียตรัสเซีย
และได้รับเหรียญวีรบุรุษโซเวียต Hero of the Soviet Union
ต่อมาไม่นานก็เสียชีวิตจากโรคมะเร็งและถูกฝังศพอยู่ใน Moscow






Hero of the Soviet Union ที่มา https://goo.gl/W7PAZX



ขวานจามหิมะ/น้ำแข็ง Ice Axe ที่ฆ่าทรอตสกี้ https://goo.gl/hzECvA



3.



Stepan Bandera - สัญลักษณ์ลัทธิชาตินิยมยูเครน
Stepan Bandera poster. / CTK/Global Look Press




จนกระทั่งทุกวันนี้ Stepan Bandera (1909-1959)
ยังคงเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากที่สุด
หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตรัสเซีย
แต่ชาวยูเครน Ukrainians ส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นว่า
ท่านเป็นนักสู้เพื่อเสรีภาพที่นำการเคลื่อนไหวต่อต้านโปแลนด์
และต่อต้านโซเวียตรัสเซียในยูเครนตะวันตกในทศวรรษ 1920-1930

แต่ก็ยังมีชาวยูเครนและชาวรัสเซียที่สนับสนุนสหภาพโซเวียตรัสเซียในอดีต
ต่างประนามท่านที่ร่วมมือกับพวกนาซีเยอรมันนี Nazi
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และการสังหารหมู่พลเรือนผู้บริสุทธิ์
แต่มีเรืองหนึ่งที่แน่นอนคือ ท่านเป็นศัตรูตัวยงของสหภาพโซเวียตรัสเซีย USSR

ในช่วงต้นทศวรรษ 1950
Stepan Bandera อดีตนักโทษในค่ายกักกัน Sachsenhausen ในมิวนิค
ท่านได้ร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองตะวันตกที่มี CIA เป็นแกนนำ
เพราะหวังว่าจะทำลายคอมมิวนิสต์และทำให้ยูเครนมีเอกราช
ดังนั้น ท่านจึงตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารหลายครั้ง
ผู้สนับสนุนท่านจึงได้ขอร้องให้ท่านหลบหนีไประยะหนึ่ง
Stepan Bandera เห็นชอบด้วยกับเรื่องนี้และตอบตกลง

แต่การลอบสังหารครั้งสุดท้ายประสบความสำเร็จ
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1959
Bohdan Stashinsky สายลับของ KGB
ได้แอบซุ่มตัวรอคอยอยู่ที่ทางเข้าบ้านพักของ Stepan Bandera ใน Munich
พร้อมกับปืนลมที่บรรจุกระสุนไซยาไนด์ Cyanide
ที่ซ่อนไว้ในหนังสือพิมพ์ที่พับไว้

" แก มาทำอะไรที่นี่ "
Stepan Bandera ถาม Bohdan Stashinsky
ก่อนที่จะถูกลอบสังหารทิ้งด้วยยาพิษที่รุนแรง

Bohdan Stashinsky สามารถหนีคดีอาญาได้ถึง 2 ปี
โดยหลบหนีเข้าไปอยู่ในเยอรมันนีตะวันออก
ซึ่งเป็นรัฐบริวารของสหภาพโซเวียตรัสเซีย
ก่อนที่จะหลบหนีออกมาพร้อมกับภริยา
เดินทางเข้ามาในเยอรมนีตะวันตก
สมัยนั้นยังเป็นเมืองบริวารของสหรัฐอเมริกา
และขอลี้ภัยทางการเมืองที่นั่น
โดยรับสารภาพว่า เขาคือคนที่ลอบสังหาร Stepan Bandera
แต่ถูกทางการเยอรมันนีปฎิเสธและตัดสินจำคุกเป็นเวลา 4 ปี
หลังจากเป็นอิสรภาพแล้วได้ลี้ภัยไปอยู่สหภาพแอฟริกาใต้
ด้วยความร่วมมือของ CIA ในการเปลี่ยนแปลงหลักฐานต่าง ๆ
รวมทั้งการผ่าตัดแปลงโฉมหน้ากันการถูกลอบสังหาร






Cyanide Gas Gun ที่ KGB ใช้สังหารศัตรู ที่มา  https://goo.gl/mKmKTb



เรียบเรียง/ที่มา


https://goo.gl/6ceNhc


















Create Date : 17 มีนาคม 2561
Last Update : 17 มีนาคม 2561 23:48:33 น. 0 comments
Counter : 2232 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.