เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนพื้นที่ทุ่งหญ้าใน Costa Rica เดิมเป็นพื้นที่แห้งแล้งใช้เลี้ยงปศุสัตว์มีแต่วัชชพืช แต่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยพืชพรรณป่าไม้บุปฝาชาตินานาชนิด สิ่งที่ส่งผลมหัศจรรย์ในป่าไม้แห่งนี้คือ กากส้ม
ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 Del Oro ผู้ผลิตน้ำส้มใน Costa Rica กำลังมองหาวิธีที่จะกำจัดเปลือกส้มและเนื้อเยื่อของส้ม ที่เหลือเป็นกากส้มจำนวนมากหลังจากการสกัด/คั้นน้ำส้มแล้ว ในตอนแรก ทางบริษัทได้วางแผนที่จะสร้างโรงงานแปรรูปกากส้ม ให้เป็นสินค้าที่ใช้ในครัวเรือนด้วยการสะกัดไขมันและสารเคมีออกจากกากส้ม
แต่ Daniel Janzen กับ Winnie Hallwachs นักนิเวศวิทยาจาก University of Pennsylvania ที่ทำงานวิจัยและเป็นที่ปรึกษาป่าไม้ในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ดินของโรงงาน ได้เข้ามาพบกับผู้บริหารโรงงานพร้อมด้วยข้อเสนอแนะ ที่มีแนวคิดที่แตกต่างออกไปจากเดิมที่จะตั้งโรงงานแปรรูปกากส้ม โดยขอให้ทางบริษัทบริจาคที่ดินราว 3 เฮกตาร์(30,000 ตารางเมตร/18.75 ไร่) ที่อยู่ติดกับป่าไม้แห่งชาติ Área de Conservación Guanacaste ด้วยการทิ้งกากส้มซึ่งเป็นขยะอินทรีย์ทั้งหมดลงในที่ดินบริเวณที่เสื่อมโทรม โครงการนำร่องดังกล่าวได้นำไปสู่ดินร่วนสีดำ ที่ดินที่อุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชนานาชนิด
ผลการศึกษาครั้งใหม่จากนักวิจัยจาก Princeton University และ University of Pennsylvania ได้วิเคราะห์ถึงคุณภาพดินและองค์ประกอบของพื้นที่ดังกล่าว พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของชีวมวลของป่าไม้เกือบ 200% และสายพันธุ์พืชนานาชนิดคิดเป็นจำนวน 3 เท่าของพื้นที่เปรียบเทียบที่อยู่บริเวณถัดไป
ภูมิปัญญาชาวบ้านแถวบ้านมักจะพูดกันง่าย ๆ ว่า N ทำให้ใบเขียวสวยสดเหมาะกับพืชอายุสั้นพวกผักต่าง ๆ P บำรุงรากลำต้นกิ่งไม้ให้แพร่กระจายแข็งแรงเหมาะกับไม้ยืนต้น K ทำให้ดอกผลแข็งแรงติดง่ายมีรสหวานหอมหรือผลผลิตมาก
การฟ้องร้องเรื่องการทิ้งกากส้มของโรงงาน Del Oro สาเหตุน่าจะมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า TicoFruit คู่แข่งมากส่วนหนึ่ง เพราะ Del Oro ไม่ต้องเสียเวลานำกากส้มไปทำการบำบัดก่อน หรือต้องขนส่ง/ว่าจ้างคนนำไปทิ้งภายนอกโรงงาน ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบต่อต้นทุนและรายได้ของโรงงานได้ รวมทั้งการฟ้องร้องดำเนินคดีของ TicoFruit คู่แข่งทางธุรกิจ เป็นการสะกัดดาวรุ่งและทำให้โรงงาน Del Oro มีค่าใช้จ่าย และเสียเวลาในการแก้ต่างคดีนี้และมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ของธุรกิจ ในกรณีที่เกิดแพ้คดีขึ้นมาตามคำพิพากษา
กากส้มมีประโยชน์จริงๆ