พิพิธภัณฑ์ถิ่นได้เก็บรักษาดาบเล่มนี้ไว้เป็นอย่างดี
และตั้งชื่อดาบเล่มนี้ว่า ดาบของ Saga
โดยจะเปิดให้เข้าชมได้หลังจากบูรณะเสร็จแล้ว
คาดว่าน่าจะราวปีหน้าจึงจะเปิดให้คนเข้าเยี่ยมชม
มีบางคนเขียนว่า
เธอน่าจะเป็นราชินีของ Sweden
เพราะเธอดึงดาบขึ้นจากในน้ำ
แบบราชาอาเธอร์ในหนังสืออัศวินโต๊ะกลม
ทางท้องถิ่นได้ส่งทีมงานลงไปสำรวจค้นหาของเก่าในทะเลสาบ
และได้ค้นพบวัตถุโบราณบางอย่างที่คาดว่าน่าจะอยู่ในยุคเดียวกัน
โดยคาดว่าน่าจะเป็นพื้นที่ราบมาก่อนในอดีต
จึงมีการฝังดาบและวัตถุบางอย่างลงในพื้นดิน
ก่อนที่จะกลายเป็นทะเลสาบในภายหลัง
ดาบเล่มนี้มีการค้นพบเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม
ตามโพสต์ Facebook ของ Mr. Vanecek
แต่ทางพิพิธภัณฑ์ได้ขอร้องให้ครอบครัว Saga
เก็บเรื่องราวการค้นพบครั้งนี้เป็นความลับก่อน
เพื่อให้นักโบราณคดีจะได้มีเวลาค้นหาของเก่าในทะเลสาบ Vidostern
ก่อนที่พวกนักล่าสมบัติจะเข้าไปค้นหาข้าวของทางประวัติศาสตร์ชิ้นอื่น ๆ
ที่ยังอาจจะจมน้ำอยู่ในบริเวณทะเลสาบแห่งนี้
โดยนักดำน้ำและเครื่องตรวจจับโลหะได้นำมาใช้ในการค้นหา
" หลังจากที่ Saga ค้นพบดาบแล้ว
เราได้ทำการสำรวจถึง 2 ครั้ง
เราพบว่ามีเครื่องประดับช่วงอายุราว 300-400 ปีที่ผ่านมา
(มีความยาวราว 6 นิ้ว)
ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่า ดาบเล่มนี้จะมีอายุในยุคเดียวกันหรือไม่
จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ก่อนในเรื่องนี้ "
Anders Kraft นักโบราณคดี จากคณะกรรมการบริหารชุมชุน Jonkoping ตอบกลับในอีเมล
เรียบเรียง/ที่มาhttps://nyti.ms/2NrZwzvhttps://bit.ly/2C2Zo7khttps://ind.pn/2EaxUj7https://bbc.in/2yglS1hhttps://bit.ly/2IKfww4
How the Normans changed the history of Europe - Mark Robinson
Girl Finds Massive Sword in Same Lake Where King Arthur Threw Excalibur
เรื่องเล่าไร้สาระพวกชนเผ่าไวกิ้งเดิมจะอาศัยอยู่ทางตอนเหนือยุโรป
ชาวบ้านในยุโรปตอนใต้มักจะเรียกว่า พวกโจรบ้าตอนเหนือ Normaid
มาจาก North + Mad เพราะมักจะปล้นฆ่าข่มขืนไปทั่ว
ไม่เลือกว่าจะเป็นโบสถ์/ศาสนาสถาน เอาทั้งคนทั้งสัตว์
โดยรวมฝูงลงมาจากทางภาคเหนือของดิหลก
(ยุโรป คนจีนมาเลย์พูดไทยไม่ชัด)
หมายเหตุในไทยก็มีพวกโจรใจทมิฬ
พวกนี้เป็นแขกทมิฬมาจาก โจฬะ
ทางตอนใต้อินเดียตรงกันข้ามกับ Normaid ยุโรป
พวกโจฬะรบแพ้พวกอารยันกับอาหรับในภายหลัง
ต่อมา พวกนี้ส่วนมากนับถือศาสนาอิสลามผสมกับความเชื่อเดิม
บางส่วนไปตั้งรกรากที่มาเลย์ อินโดนีเซีย
แถว ๆ มากัสซ่า หรือไทยเรียก แขกยักษ์มักกะสัน
พวกโจฬะเคยยกทัพมาปล้นหัวเมืองภาคใต้หลายต่อหลายครั้ง
และเคยมาเป็นทหารอาสา(ทหารรับจ้าง)ในกรุงศรีอยุธยา
เคยก่อการกบฎในเมืองหลวงสมัยพระนารายณ์มหาราช
แต่พ่ายแพ้ถูกล้อมปราบหนักมาก
บางส่วนที่หนีรอดตายไปได้
ก็ไปตั้งตัวร่วมกับพวกโจรสลัด
พวก Normaid มารวมฝูงกันที่ตอนเหนือฝรั่งเศส
ที่ตอนนี้เรียกกันว่า Normandi
ต่อมาอีกฝูงขึ้นเรือไปรุกรานเกาะอังกฤษ
และทิ้งร่องรอยทางภาษา/วัฒนธรรมไว้
จนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หลอมรวม
ภาษาชาวบ้านเดิมกับภาษา Normaid
จนเป็นภาษาอังกฤษที่ใช้งานทุกวันนี้
ภาษาชนเผ่านี้มี 2 ชนชั้น คือ
ภาษาชนชั้นสูงของพวกหมอผี/พวกนักรบ
ภาษาชนชั้นต่ำของพวกไพร่/พวกทาส
ใช้ในการพูดคุยกัน ยังไม่มีตัวอักษร
ในฝั่งยุโรป พวก Normaid ก็เริ่มผันตัวเป็นนักรบรับจ้าง
บางส่วนก็เริ่มนับถือคริสต์จึงไปรบเพื่อคริสต์ศาสนา
แต่พวกนักรบรับจ้างมีรายได้จากราชันต์และชาวบ้านต่าง ๆ
ในการไปรบสงครามศาสนาครูเสด
ที่ต้องการยึดคืนดินแดนของพระเยซู
คืนจากพวกอาหรับที่นับถือศาสนาอิสลาม
และกระทำการย่ำยีต่อคนนับถือศาสนาคริสต์
ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของพระสันตปาปา/ราชันย์และชาวบ้าน
ที่ช่วยกันกระพือข่าวเลวร้ายพวกอาหรับไปทั่วทั้งยุโรป
แต่ข้อเท็จจริงคือ พวกยุโรปต้องการควบคุมชายฝั่งทะเล
ทางตอนเหนือของอัฟริกากับเอเชียกลาง
และยันให้พวกอาหรับอยู่แถบตะวันออกกลาง
กับให้มีพื้นที่ทางทะเลจำกัดในการค้าขาย
พวก Normaid ทหารรับจ้างจะรบเก่ง/รวยมาก
จนมีตำนานอัศวินผู้พิทักษ์ศาสนา
ทำให้มีรายได้เงินทองทรัพย์สินมหาศาลจากการรับจ้างรบ
และปล้นสะดมภ์ในบางครั้ง
ในเวลาต่อมาศาสนาจักร/ราชันต์ยุโรปเริ่มแปรเปลี่ยนจิตใจ
จากพันธมิตรกลายเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ
เพราะเกรงกลัวอำนาจอิทธิพลมืดกลุ่มนี้
กับตาล่อ(โลภ)กับทรัพย์สินมหาศาลของกลุ่มนี้
นำไปสู่การตามล้างตามฆ่ากลุ่ม Normaid
จนต้องกลายเป็นองค์กรลับปกปิดตัวตน
ต้องนำทรัพย์สินไปหลบซ่อนในที่ต่าง ๆ
มีการนำตำนานมาเขียนเป็นนวนิยายโดย Dan Brown
เรื่องที่โด่งดัง เช่น รหัสลับดาวินซี
ผสมกับพวกอาหรับที่ตาล่ออีกกลุ่ม
เลยร่วมกันตามล้างตามเช็ดเพื่อยึดสมบัติกลุ่มนี้
เพราะนักรบอาหรับได้พัฒนาฝีมือในการตีดาบ
และยุทธวิธีในการรบกับพวกยุโรป
กับการใช้ดินดำกระสุนปืนที่เรียนรู้จากจีน/มองโกล
มาพัฒนาอาวุธใช้ในการรบได้ดีกว่าพวกยุโรป
จนสามารถสร้างอาณาจักรออตโตมันที่ยิ่งใหญ่
ยึดครองดินแดนยุโรป อัฟกานิสถาน เปอร์เซีย และอินเดียบางส่วน
ก่อนที่อาณาจักรแห่งนี้จะแตกสลายเป็นประเทศต่าง ๆ
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะแรงยุของพวกยุโรป/สหรัฐอเมริกา
ที่ชื่นชอบนโยบายแบบโรมัน คือ แบ่งแยกแล้วปกครอง
ชนชั้นภาษาจิตร ภูมิศักดิ์ ระบุเองว่า
ตัวอักษรเขมรมี 3 ชนชั้น
ตัวสี่เหลี่ยมของนักบวช
ตัวกลมป้อมของราชันย์
ตัวเหลี่ยมง่าย ๆ และหวัด ๆ ของชาวบ้าน
ส่วนตัวอักษรของพ่อขุนรามคำแหง
คือ ความพยายามสร้างอักษรราชันย์
เพราะตัวสี่เหลี่ยมจะจารบนแผ่นหินง่ายกว่า
ในทัศนะของจิตร ภูมิศักดิ์
ตัวอักษรชาวบ้านที่ยังมีหลักฐาน
คือ พระราชสาส์นพระนารายณ์มหาราช
ที่ทรงส่งให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ฝรั่งเศส
ยังมีการเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติฝรั่งเศส
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงพยายามเปลี่ยนแปลงตัวอักษรไทย
เป็นอักษร อริยกะ แต่ไม่ได้รับความนิยมเลยยุติไป
เพราะทรงเห็นความยุ่งยากระบบภาษาไทย
เวลาใช้งานเทียบเคียงกับภาษาอังกฤษ
เจษฏาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ นักบวชชาวฝรั่งเศส
ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ/ปราชญ์แห่งอัสสัมชัญ
ในสมัยรัชกาลที่ 5-9 (1901-1968) ท่านรู้ภาษาไทยดีมาก
จนได้รับเชิญเป็นกรรมการสยามสมาคม
เคยมีความเห็นว่า ภาษาไทย มี 4 บรรทัด
วรรณยุกต์ พยัญชนะ สระ ตัวสะกดไทย/บาลี
ทำให้ยุ่งยากมากในการเรียงพิมพ์ตัวตะกั่วในยุคนั้น
ท่านเลยออกแบบให้เหลือเพียง 2 บรรทัด
แต่ไม่ได้รับความนิยม เลยยุติไป
ที่มา https://bit.ly/2A2COugสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ก็ลดตัวอักษรตัวสะกดลงไปหลายตัว
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เลยถูกด่าว่าทำให้อักษรวิบัติ
แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเช่นกัน
เช่น ศ เศรษฐบุตร กลายเป็น สอ เสถบุด
ในพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย รุ่นอักษรวิบัติ
ที่มีราคาแพงและหายากมากในตอนนี้
ปัญหาภาษาไทย มี 4 บรรทัด
ในยุคแรก ๆ ที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลออกใหม่ ๆ
และแพร่หลายมากในช่วงหลังปี 2530
การประมวลผลภาษาไทยจะช้ามาก
มีผลต่อการทำงาน การเรียงลำดับ Sort Index มาก
เพราะมาตรฐานรหัสประจำตัวภาษาไทยก็ยังมีหลายค่าย
กว่าจะประกาศมาตรฐานสากลของไทยก็กินเวลาร่วม 10 ปี
ทำให้สมุดเงินฝากและรายการบัญชีของไทยในยุคก่อน
ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพราะมี 1 บรรทัดในยุคนั้น
เช่น ชื่อบัญชีภาษาอังกฤษของธนาคารทิดพาไน
ใช้มาตรฐานการแปลจากจุฬาฯ
แต่ไม่ตรงกับความเคยชิน/การแปลเดิมของลูกค้า
จนต้องมีการแก้กลับไปกลับมาในบางสาขา
บางสาขาถึงขนาดลูกค้าชวนทะเลาะเลย
หาว่าไปแก้ชื่อนามสกุลเดิมที่ดีอยู่แล้ว
แต่ปัจจุบันมีมาตรฐานภาษาไทย
และ Computer ประมวลผลเร็วกว่าเดิมมากแล้ว
จึงมีความนิยมหันมาใช้ภาษาไทยกันมากขึ้น
ไม่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิมอีกแล้ว
ถ้ายังมีการใช้ภาษาไทยตัวอักษรแบบพ่อขุนรามคำแหง
น่าจะเขียนง่ายเขียนเร็วกว่าภาษาไทยทุกวันนี้
และ Computer จะประมวลผลภาษาได้เร็วกว่านี้
การมีภาษาเขียนประจำชาติเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว
เพราะเวลาประชุมนักวิชาการ/นักเขียน/นักการเมืองในกลุ่มอาเชี่ยน
เวียตนาม อินโดนีเซีย มาเลย์ บรูไน ฟิลิปปินส์
ต่างยอมรับเองว่า น้อยใจมาก ที่ภาษาเขียนของชาติตนไม่มีแล้ว
ทั้ง ๆ ที่แค่เดิมชาติเหล่านี้มีภาษาเขียนประจำชาติ
แต่ถูกลดทอนทำให้สาปสูญไปในยุคตกเป็นเมืองขึ้น/อาณานิคม
ต้องใช้ตัวอักษรอังกฤษ/ฝรั่งเศส สะกดคำ/เขียนภาษาแทน
แม้จะมีบางคนในชาติเหล่านี้จะพยายามพูดเลี่ยงว่า
ตัวอักษรที่ใช้เป็นแบบภาษาละติน/แบบสากล
ที่ยุโรปต่างใช้กัน ใครจะอ่านจะเขียนอย่างไรก็ได้
แต่ชาติที่มีภาษาเขียนประจำชาติ
คือ เอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของชาตินั้น
ความมีศักดิ์ศรีความมีตัวตนในสังคมชาวโลก
เช่น ภาษาจีน พม่า อินเดีย ลาว ญี่ปุ่น เกาหลี เขมร
ไทย ล้านนา ไทยใหญ่ มอญ ธิเบต รัสเซีย มองโกล
จะมีคนใช้มากใช้น้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ
แต่แสดงถึงการดำรงอยู่และสืบทอดเผ่าพันธุ์กันมาอย่างยาวนาน
Create Date : 09 ตุลาคม 2561 |
Last Update : 10 ตุลาคม 2561 23:55:32 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1783 Pageviews. |
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อุ้มสี Diarist ดู Blog
นกสีเทา Travel Blog ดู Blog
ravio Education Blog ดู Blog
ขอบคุณที่นำมาบอกค่ะ