|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
โบสถ์ที่สร้างอยู่ในภูเขาไฟที่ดับแล้ว

ภูเขาไฟ Santa Margarida ที่มีอาศรมอยู่ภายในปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว Photo credit: Carquinyol/Wikimedia
Santa Margarida เป็นภูเขาไฟแบบ Phreatomagmatic Vocalno ตั้งอยู่ในเขต Garrotxa แคว้น Catalonia ในสเปญ ช่วงราว 11,500 ปีที่ผ่านมา เปลือกโลกได้ระเบิดขึ้นมา และดันหินหนืดออกมาหลายล้านตันจนสะสมเป็นรูปกรวย มีสภาพกลายเป็นเนินเขาที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2 กิโลเมตร และสูง 682 เมตร
ที่ด้านบนของเนินเขามีสภาพเป็นวงกลมขนาดกว้าง ในใจกลางของปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้วจะมี โบสถ์โรมัน ทุกวันนี้มีสภาพคล้ายกับการปูพรมด้วยหญ้าหนาและพุ่มไม้ ด้านข้างล้อมรอบพื้นที่วงกลมจะเต็มไปด้วยต้นโอ๊ก และป่าไม้เบญจพรรณ
ยังไม่ค่อยมีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวประวัติความเป็นมาของอาศรม Santa Margarida หลังจากที่ภูเขาไฟลูกนี้ได้รับการเรียกขานชื่อนี้ เพราะโบสถ์ดั้งเดิมภายในภูเขาไฟที่ดับแล้วถูกทำลายลงในช่วงปี 1428 เพราะแคว้นคาตาโลเนียเกิดแผ่นดินไหวครั้งสำคัญ และมีแต่คำบอกเล่าว่าโบสถ์หลังนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกราว 600 ปีก่อนหน้านี้ และมีการสร้างขึ้นมาใหม่ในช่วงปี 1865
เขตภูเขาไฟ Garrotxa หรือที่เรียกกันว่าเขตภูเขาไฟ Olot ซึ่ง Santa Margarida ก็เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งที่ตั้งอยู่ ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตรไปทางทิศเหนือของ Barcelona เขตภูเขาไฟดังกล่าวมีภูเขาไฟรูปกรวยราว 40 ลูก ที่สงบตัวลงไปแล้วและยังไม่มีการระเบิดอีกเลย หลังจากการระเบิดเมื่อ 11,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแตกต่างจากภูเขาไฟส่วนมากที่มักจะปะทุซ้ำ
เขตภูเขาไฟ Garrotxa จึงเป็นเขตที่มีภูเขาไฟ ประเภทระเบิดสนั่นเพียงครั้งเดียวแล้วยุติไปแลย แต่เขตนี้ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับแผ่นดินไหว และการสั่นสะเทือนเลือนลั่นที่รู้สึกได้เป็นครั้งคราว
ในปี 1428 เกิดแผ่นดินไหวครั้งสำคัญ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนจำนวนหลายหลัง และมีผู้เสียชีวิตถึง 20 รายใน Barcelona ซึ่งห่างออกไปถึง 90 กิโลเมตร
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/YuwLg8 https://goo.gl/9k95Nr https://goo.gl/qg4Tq1

อาศรม Santa Margarida Volcano Photo credit: nito/Shutterstock

Photo credit: Rafel Miro/Flickr

Photo credit: raul2010/Flickr

Photo credit: Santi Nunez Fulcara/Shutterstock

ภูเขาไฟที่เกิดขึ้นในเขคพื้นที่เดียวกัน https://goo.gl/H6QbX3
 ที่มา https://goo.gl/KBEyi4
ภูเขาไฟในไทย
ในประเทศไทยมีภูเขาไฟอยู่ในทุกภูมิภาค ลักษณะของภูเขาไฟจะเป็นภูเขาไฟแบบโล่ (Shield Volcano) ซึ่งคุณสมบัติของลาวาจะไหลได้ง่าย ดังนั้นหากมีการระเบิดขึ้นก็จะไม่รุนแรง ภูเขาไฟในทุกภูมิภาคดับแล้ว ภาคเหนือ พบในเขตจังหวัด ลำปาง เชียงราย แพร่ น่าน และอุตรดิตถ์ ภาคกลาง พบในเขตจังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ สระบุรี และลพบุรี ภาคตะวันออก พบในเขตจังหวัด ปราจีนบุรี จันทบุรี นครนายก และตราด ภาคตะวันตก พบในเขตจังหวัด กาญจนบุรีและจังหวัดตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบในเขตจังหวัด นครราชสีมา ศรีษะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ เลย และสุรินทร์ ภูเขาไฟที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยอยู่ในเขตจังหวัดเลย โดยมีอายุราว 395-435 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งมีอายุมากกว่า ปล่องภูเขาไฟที่พบในจังหวัดสุโขทัยและบุรีรัมย์ที่มีอายุเพียง 20 -30 ล้านปีเท่านั้น
จากการตรวจสอบแผนที่ประเทศไทยพบว่าภูเขาไฟระเบิดหลายจุดในอดีต โดยนักวิทยาศาสตร์จึงได้มีการเก็บหิน และหลักฐานบางอย่างตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบหลักฐานที่เก็บมาพบว่า เคยมีภูเขาไฟระเบิดขึ้น เมื่อประมาณ 70 ล้านปีที่ผ่านมา บริเวณที่เกิดภูเขาไฟในประเทศไทยมีดังนี้
1. ภูเขาไฟหินพนมรุ้ง สถานที่เขาพนมรุ้ง ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นปราสาทหินทรายสีชมพูสวยงามมาก สร้างขึ้นบนยอดภูเขาลูกเตี้ย ๆ ที่มีลักษณะเป็นปากปล่องภูเขาไฟ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นเทวสถานสำหรับเมืองใหญ่ในที่ราบใกล้เคียงกัน ชื่อเมือง วนัมรุงปุระ ในสมัยขอมเรืองอำนาจ
2. ภูเขาไฟหินหลุบ และภูเขาไฟคอก จ.บุรีรัมย์ ภูเขาไฟหลุบ อยู่ในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ภูเขาไฟเขาคอก ตั้งอยู่ในอำเภอประโคนชัย ภูเขาไฟทั้งสองแห่งนี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านธรณีวิทยา ในเรื่องเกี่ยวกับภูเขาไฟของไทยได้เป็นอย่างดี
3. ภูเขาไฟอังคาร สถานที่ภูพระอังคาร ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากภูเขาไฟพนมรุ้ง ที่ยอดเขาอังคารแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของ วัดเขาพระอังคาร ที่มีโบสถ์ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบประยุกต์หลายสมัยที่สวยงามแปลกตา และภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังและเรื่องราวพุทธชาดกเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ชม
4. ภูเขาไฟกระโดง สถานที่เขากระโดง ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว มีปากปล่องทะลุเห็นได้ชัดเจน รอบบริเวณแวดล้อมด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าขนาดเล็ก โดยเฉพาะนกนานาชนิด บนเขากระโดงยังมีโบราณสถานสมัยขอม รอยพระพุทธบาทจำลอง และพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เป็นที่เคารพสักการะของคนในท้องถิ่น
5. ภูเขาไฟไบรบัด จ.บุรีรัมย์ ซากภูเขาไฟในจังหวัดบุรีรัมย์ส่วนใหญ่ มีสัณฐานของช่องปล่องประทุระเบิดชัดเจน เนินภูเขาไฟเกิดจากการทับถมของเศษหินภูเขาไฟ(Pyroclastic Materials) ซึ่งเกิดจากแรงดันของก๊าซ (Gas) ต่าง ๆ ที่แทรกอยู่ในหินหลอมละลาย เช่น ไอน้ำ (70.75%) คาร์บอนไดออกไซด์ (14.07%) ไฮโดรเจน (0.33%) ไนโตรเจน (5.45%) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (6.40%) ซัลเฟอร์ไฮออกไซด์ (1.93%) เป็นต้น เศษหินภูเขาไฟเหล่านี้เป็นมวลหินหลอมละลายที่ถูกดันประทุขึ้นไปและเย็นแข็งตัวในอากาศ มีขนาดต่าง ๆ กัน และมีชื่อเฉพาะเรียกแตกต่างกัน
6. ภูเขาไฟดอยผาดอกจำปาแดด และภูเขาไฟดอยหินคอกผาฟู จ.ลำปาง ปล่องภูเขาไฟลำปางยังมีอีกบริเวณหนึ่ง อยู่ที่บริเวณอำเภอเกาะคา โดยจะเห็นชั้นหินลาวา (หินบะซอลต์) ซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ เนื่องจากปากปล่องภูเขาไฟมีบริเวณกว้าง ลักษณะของพืช หรือต้นไม้คลุมดินมีลักษณะเหมือน ๆ กับภูมิประเทศทั่ว ๆ ไป จึงไม่เป็นที่ทราบว่าบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของปล่องภูเขาไฟมาก่อน ชื่อว่าปล่องภูเขาไฟสบปราบ มีลักษณะเป็นเนินยาวขนานไปกับแม่น้ำวังซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตก ตอนเหนือเป็นเนินสูงรูปร่างคล้ายกรวย ฐานกว้าง มีแบบรูปทางน้ำเป็นรัศมีและวงแหวน ตอนใต้เป็นเนินยาวค่อนข้างราบ บนยอดเนินรูปกรวย มีลักษณะเป็นแอ่งรูปวงกลม มีขอบสูงเปิดออกทางทิศตะวันตก มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 700 เมตร ลักษณะของเนินทั้งทางตอนเหนือและตอนใต้เป็นธรณีสันฐานที่เกิดจากภูเขาไฟและลาวาหลาก
7. ภูป่าเปาะ บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย ฟูจิเมืองเลย ที่เที่ยวไทย ฝาแฝดภูเขาไฟฟูจิ วิว 360 องศา ภูเขาไฟฟูจิ ฟุจิซัง ฟุจิยะมะ แลนด์มาร์คของจังหวัดเลย ภูก้นถ้วย ภูหอ ภูนางนอน ยอดภูป่าเปาะ ที่เที่ยววิว 360 องศา สวนภูผา ผาหินงาม เที่ยวเลย ที่เที่ยว 365 วัน เที่ยวธรรมชาติ เที่ยวเชิงอนุรักษ์ เที่ยวภู

ที่มา https://goo.gl/eE15zK
สีแดง ๆ ในแผ่นที่ธรณีที่เห็นนั้น เกือบจะทั้งหมดคือ หินภูเขาไฟ ที่เกิดขึ้นตอนเปลี่ยนยุคจากเพอร์เมี่ยน ไปเป็นไตรแอสสิก หรือเรียกว่า เพอร์โมไตรแอสสิก เป็นยุคก่อนที่ไดโนเสาร์จะลืมตาดูโลก ลองนึกดูสิว่า ตอนนั้นสภาพเป็นยังไง มันเหมือนโลกกำลังถล่มเลยใช่มั๊ย เหมือนภูเขาไฟระเบิดเต็มไปหมด ถ้าให้นับว่าตรงไหนมีภูเขาไฟบ้าง ก็มีเยอะ ที่เลย Vocanic Neck (ปล่องภูเขาไฟเก่า) เต็มเลย รวม ๆ ก็พวกสีแดง ๆ ทั้งหลายนั่นแหละคือ หินที่เกิดจะภูเขาไฟ
Credit : สมาชิกหมายเลข 2931621
เรียบเรียง/ที่มา
https://goo.gl/P7pCvW https://goo.gl/hhVb8p
เรื่องเล่าไร้สาระ
คาดว่าภูเขาไฟในไทยน่าจะอยู่ในช่วงก่อนหรือหลัง กำเนิดหิมาลัย ที่มีผลต่อเนื่องถึงการยกพื้นดินของเมืองไทยให้เป็นที่ราบสูง บริเวณอีสานที่มีเกลือสินเธาว์ เพราะยกทะเลขึ้นสูงกว่าระดับน้ำทะเลเดิม ทำให้มีการขุดเจาะเกลือในบางแห่งได้ชั้นเกลือลึกหลายสิบเมตร และยังมีการพบเปลือกหอยทะเลบนยอดเขาที่เมืองกาญจนบุรี บนเขาแถวภาคเหนือ บนเขาแถวภาคใต้ ซึ่งเคยอ่านเจอในหนังสือ คนตีหิน
ในภาคใต้ก็มีบ่อน้ำร้อนหลายแห่ง ซึ่งสันนิษฐานว่าเดิมเป็นเขตภูเขาไฟมาก่อน ในบันทึกของ หลวงจีนอี้จิ้ง ที่พอจำได้ ตอนท่านไปศึกษาพระไตรปิฏกที่อินเดีย ตอนท่านนั่งเรือผ่านไชยา สุราษฏร์ธานี ท่านบอกเห็นเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าเป็นสีแดง ในยามค่ำคืนเป็นระยะ ๆ สามารถมองเห็นได้จากที่ไกล ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภูเขาไฟที่ใกล้ดับแล้ว หลังจากนั้น ท่านได้เดินทางต่อไปไทรบุรี ซึ่งจะเป็นฝั่งตะวันตกด้านทะเลอันดามัน เพื่อเดินทางต่อไปยังอาณาจักรศรีวิชัยที่สุมาตรา
ส่วนแถวภาคใต้บ่อน้ำร้อนที่เคยไปเยี่ยมชมมี ที่สวนโมกข์ไชยา นานาชาติ ที่พัทลุงก็มี ตรงบริเวณเขาชัยสน ที่สตูลก็มี บ้านทุ่งนุ้ย บ้านโตน ที่กระบี่ ก็มีใกล้ ๆ กับสระมรกต หรือคลองท่อม
ที่ระนอง ในเขตอำเภอเมือง มีหลายบ่อ แต่ที่ระนองมีผู้สู่รู้โกหกนางงามที่ไปประกวดในงานต่าง ๆ ว่า ห้ามอาบน้ำแร่ที่นี่ จะทำให้ปทุมถันหย่อนยาน คาดว่าน่าจะต้องการเร่งรัดเวลาทำกิจกรรมโชว์ตัวของนางงาม ทำให้นางงามแต่ละคนแค่เดินรอบบ่อน้ำร้อนแถวนั้นพอเป็นพิธี
Create Date : 04 มิถุนายน 2561 |
Last Update : 6 มิถุนายน 2561 21:12:22 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2249 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: เพรางาย วันที่: 4 มิถุนายน 2561 เวลา:9:23:48 น. |
|
|
|
โดย: ravio วันที่: 4 มิถุนายน 2561 เวลา:22:53:45 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
สงขลา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]

|
เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา
เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง
ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้
ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน
|
|
|
|
|
|
|
|