ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2561
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 กรกฏาคม 2561
 
All Blogs
 
หอคอยแห่งสายลมสถานีอุตุนิยมวิทยาแห่งแรกของโลก






สายลมที่หวังดี - ทราย เจริญปุระ



Tower of the Winds. Photo credit: Viacheslav Lopatin/Shutterstock




หอคอยแห่งสายลม Tower of the Winds
หรือ Horologion of Andronikos Kyrrhestes
เป็นหอคอยที่สร้างด้วยหินอ่อนรูปทรงแปดเหลี่ยมที่งดงาม
ตั้งอยู่ใน Roman Agora ในกรุงเอเธนส์ Athens
ถือเป็นสถานีอุตุนิยมวิทยาแห่งแรกของโลก


หอคอยแห่งนี้มีอายุมากกว่า 2,000 ปี
มีช่องทางลม 8 ด้านซึ่งสอดคล้องกับสายลมหลัก 8 สายลม
มีนาฬิกาแดดเพื่อบอกเวลา มีกังหันลมบ่งบอกทิศทางของลม
และนาฬิกาน้ำข้างในหอคอยที่สามารถบอกเวลาได้แม้แต่ในความมืด


รูปทรงแปดเหลี่ยมของอาคารแต่ละด้าน
จะหันหน้าไปตามแนวทางเข็มทิศ
และตกแต่งด้วยรูปกรุด้วยรูปสัญลักษณ์
ที่แทนสายลมที่พัดจากทิศทางนั้น


ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าสายลมพัดมาจาก 12 ทิศทางที่แตกต่างกัน
และแต่ละทิศทางเหล่านี้
ได้กลายเป็นวิธีการหาทิศทางทางภูมิศาสตร์ในทุกวันนี้
เช่นเดียวกับ 4 ทิศทางสำคัญที่เราใช้งานกันในวันนี้
ยังไม่มีคใตรทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่า
เหตุใดผู้คนจึงเริ่มใช้สายลมเป็นทิศทางสำคัญ
ซึ่งอาจเริ่มจากชาวนาชาวไร่ที่ทำกสิกรรม
เกษตรกรโบราณช่างสังเกตการณ์เหล่านี้
ต่างยอมรับว่าคุณภาพของสายลมแต่ละประเภท
มีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับที่ที่(ทิศทาง/เวลา)ที่สายลมพัดมา
สายลมบางประเภทมีความชื้น บางประเภทนำความแห้งแล้ง
สายลมบางประเภทนำอากาศร้อน และบางประเภทนำอากาศหนาวจัด
กะลาสีเรือในอดีตต้องพึ่งพาเส้นทางสายลมมาก
และยังสามารถรับรู้ถึงคุณสมบัติเฉพาะของสายลมแต่ละประเภทด้วย


ชาวกรีกโบราณเดิมได้ระบุสายลมด้วยระบบที่แตกต่างกัน
และแยกสายลมตามระบบที่วางไว้ด้วยจากจุดที่มาและสายลม
4 จุดที่สำคัญในภาษากรีก (Arctos, Anatole, Mesembria และ Dusis)
ตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐานของท้องฟ้า
และใช้สำหรับการกำหนดทิศทางลม
สายลมกรีก 4 ชื่อ (Boreas, Notos, Eurus, Zephyrus)
ถูกนำมาใช้ในอุตุนิยมวิทยา
ในที่สุดระบบทั้งสองอย่างก็ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน
และชื่อสายลมก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงและบ่งบอกถึงทิศทางลมด้วยเช่นกัน







Aristotle นักปรัชญาชาวกรีกได้ระบุสายลมถึง 10 ประเภท
สายลมพัด 2 ทิศทางที่พัดไปทางทิศเหนือ-ใต้ (Aparctias, Notos)
และสายลมพัด 4 ทิศทางที่พัดไปจากทิศตะวันออก-ทิศตะวันตก จากละติจูดที่แตกต่างกัน
วงกลมอาร์กติก Arctic (Meses, Thrascias)

Summer Solstice ครีษมายัน (Caecias, Argestes)
พระอาทิตย์โคจรจนไปถึงจุดหยุดคือจุดสุดทางเหนือในราววันที่ 21 มิถุนายน
เป็นจุดในหน้าร้อนมีกลางวันนานกว่ากลางคืน,
วันที่ดวงอาทิตย์อยู่ตรงกับเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้ามากที่สุด

Equinox (Apeliotes, Zephyrus)
เวลาที่ดวงอาทิตย์โคจรรอบเส้นศูนย์สูตรทำให้มีกลางวันเท่ากับกลางคืน
/เกิดขึ้นในราววันที่ 21 มีนาคม (vernal equinox)
กับวันที่22กันยายน (autumnal equinox)

Winter Solstice เหมายัน (Eurus, Lips)
วันที่มีกลางวันสั้นที่สุด ทางซีกโลกเหนือ (วันที่ 22 ธันวาคม)

Aristotle ได้อธิบายว่าสายลมแต่ละชนิด
มีคุณสมบัติทางอุตุนิยมวิทยาแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น
สายลมบนแกน NW-SE โดยทั่วไปจะแห้งแล้ง
สายลมบนแกน NE-SW มักจะเปียกชื้น
สายลม N และ NNE จะทำให้หิมะตก
ขณะที่สายลมพัดพามาจากภาคตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมด
(NW, NNW, N) มักจะทำให้พายุเฮอริเคนเกิดขึ้น


อย่างไรก็ตามระบบของ Aristotle ก็ยังไม่สมมาตร Asymmetric

เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องผิดพลาดดังกล่าวนี้

Timosthenes นักเดินเรือและนักภูมิศาสตร์ชาวกรีก

จึงได้เพิ่มลมอีก 2 ชนิดที่เป็นชื่อคลาสสิค
คือ 12 สายลมดอกกุหลาบ 12-wind rose
แต่ Eratosthenes of Cyrene นักธรณีวิทยาชาวกรีกอีกท่าน

ตระหนักรู้ดีว่า จำนวนลมที่มากขึ้นกว่าเดิม
มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย

จึงได้ลดลมจาก 12 ชนิดลงเหลือ 8 ชนิดหลัก

ซึ่งต่อมากลายเป็นก้าวที่สำคัญของ
วิวัฒนาการของเข็มทิศ
เข็มทิศ 8 ทิศทาง
ที่ยังคงใช้อยู่ในระบบนำทางเกือบทั้งหมด

รวมทั้งแผนภูมิศาสตร์ทางทะเล
แผนที่ทั่วไปที่ใช้งานกัน
และแม้แต่ GPS ในปัจจุบัน










สายลมดอกกุหลาบของ Aristotle (สอดคล้องกับเข็มทิศในทุกวันนี้)





ทำให้ Tower of the Winds
ยังอิงตามระบบลม 8 ชนิดของ Eratosthenes 

ซึ่งแต่หอคอยละด้านของที่เป็น 8 เหลี่ยม
ต่างตั้งหันหน้าไปทางทิศทางลม 

ด้านข้างจะหันหน้าไปในทิศทางดวงอาทิตย์
ที่จะกลายเป็นเส้นของแดด (ทำเป็นนาฬิกาแดด)

โดยหอคอยได้รับการออกแบบให้เป็นหอนาฬิกา
ในเป็นรูปแบบของเทพเจ้า Triton ทำด้วยสำริด
และมีนาฬิกาน้ำเพื่อบันทึกเวลาที่ดวงอาทิตย์ไม่ส่องแสง

หอคอยแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่าน Roman Agora (ตลาด)

หอคอยแห่งนี้มีคุณค่ามากสำหรับพ่อค้า

เพราะจะใช้อ่านสภาพอากาศและคาดการณ์
ระยะเวลาว่า
สินค้าจะเดินทางทางทะเลจะมาถึงเวลาใด

Stelios Daskalakis หัวหน้าทีมอนุรักษ์สรุปกับ Reuters

" หอคอยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นราวค.ศ.50 โดย Andronicus of Cyrrhus
สถาปนิกนักดาราศาสตร์โดยใช้  หินอ่อน Pentelic ที่ใช้สำหรับวิหาร Parthenon
และไม่ค่อยพบในอาคารอื่นนอกจากที่นี่ มีความสูงเกือบ 14 เมตร (46 ฟุต) 
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างยิ่งที่งไม่ใช่วิหาร แต่ใช้ประโยชน์เชิงการค้า
โดยไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณก่อสร้างที่ค่าใช้จ่ายสูงมาก
นอกจากนครรัฐเอเธนส์ต้องการยกระดับตลาด Roman Agora


ความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ นาฬิกาน้ำทำงานตอนกลางคืน 
มีเพียงทฤษฎีที่โดดเด่นที่สุด คือ กลไกไฮดรอลิกขับเคลื่อนอุปกรณ์นาฬิกาน้ำ
ด้วยน้ำที่ไหลจากลำธารบนเนินเขาอะโครโพลิส
กลไกดังกล่าวเชื่อกันว่าได้ถูกปล้นสะดมในช่วงสมัยโรมัน
และไม่เคยมีใครค้นพบมันอีกเลย

มีช่วงหนึ่งเป็นหอนาฬิกาสำหรับโบสถ์ Eastern Orthodox
ยังมีเศษชิ้นส่วนของ frescoes ศาสนาคริสต์ รูปนางฟ้ากับนักบุญบนหลังม้า
จากการใช้กล้องถ่ายรูปแยกชั้นสีที่เขียนทับภาพเดิมออกมา
ยังได้ค้นพบการตกแต่งภายในและภายนอกที่พิถีพิถันด้วยสีสันที่หลากหลาย
เช่น สีฟ้าอียิปต์ลึกสำหรับเพดาน และสีแดง สีน้ำเงิน ที่คดเคี้ยวหรือที่ขอบภาพ

ในช่วงใต้การปกครองของชาวเติร์ก
ที่ใช้โดย Sufi Muslim Whirling Dervishes
มีโพรงที่ถูกแกะสลักบ่งชี้ไปทิศมหานครเมกกะ
และจารึกออตโตมันตกแต่งบนผนัง

การใช้เป็นสถานที่ของชาวมุสลิม
ช่วยให้หอคอยนี้รอดพ้นจากมือ Lord Elgin ชาวอังกฤษ
ที่ขนหินอ่อนพาร์เธนอนจากเมือง Acropolis ไปแล้วส่วนหนึ่ง
ในปี 1799 Lord Elgin เริ่มวางแผนจะขนหอคอยแห่งนี้ไปยังอังกฤษ
แต่เพราะถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จึงรอดพ้น

ในปี 1828 มีการปิดตายตั้งแต่พวกซูฟีย้ายออกไปจากกรีซ
ในปี 1843 มีการใช้งานสั้น ๆ เพื่อเก็บโบราณวัตถุ
หลายปีต่อมาก็เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและมลภาวะต่าง ๆ
ในปี 2014 จีงเริ่มลงมือบูรณะ 
ในปี 2016 เพิ่งจะเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมได้อีกครั้ง
หลังจากที่ถูกปล่อยปละละเลยเกือบ 200 ปี "


เรียบเรียง/ที่มา


https://bit.ly/2OebApo
https://bit.ly/2uKJMB5
https://reut.rs/2mAwouR







เมืองที่ตั้งเดิมกับเหมืองหินอ่อน



นาฬิกาแดด



นาฬิกาน้ำยุคโบราณ



นาฬิกาน้ำยุคโบราณ











Photo credit: Ava Babili/Flickr



Photo credit: Borisb17/Shutterstock



Photo credit: Anastasios71/Shutterstock



ศาสนศถานของพวกซูฟี







สถานที่ภายในของหอคอยแห่งสายลม











นักบวชซูฟี หรือ นักร่ายรำ พวกมุสลิมสุนนี่บางกลุ่มระบุว่า เป็นพวกนอกรีต



นักบวชซูฟี หรือ นักร่ายรำ พวกมุสลิมสุนนี่บางกลุ่มระบุว่า เป็นพวกนอกรีต






ชื่อลมของชาวไทย เครดิต : ครูไพรวัลย์ วงศ์ดี

ลมที่คนไทยรู้จักกันมาตั้งแต่โบราณ และใช้เรียกชื่อกันอยู่ตามชนบททั่วไป มีดังนี้

1. ลมว่าว เป็นลมที่พัดจากทิศเหนือไปสู่ทิศใต้ ปรากฏในต้นฤดูหนาว

2. ลมตะเภา เป็นลมที่พัดจากทิศใต้ไปทางทิศเหนือ ปรากฏในกลางฤดูร้อน

3. ลมตะโก้ เป็นลมที่พัดจากตะวันตกเฉียงเหนือไปสู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ปรากฏในปลายฤดูฝน

4. ลมพัทยา เป็นลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปรากฏในต้นฤดูฝน

5. ลมสลาตัน เป็นลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือปรากฏในปลายฤดูร้อน

6. ลมบ้าหมู มีลักษณะหมุนเป็นวงขึ้นไปในอากาศ โดยมีผงฝุ่นและเศษสิ่งของต่าง ๆปลิวหมุนขึ้นไปด้วย ปรากฏในฤดูร้อน

7. ลมกรด เป็นลมที่พัดแรงจัดมาก ซึ่งสามารถพัดต้นไม้ใบหญ้าให้ขาดหลุดออกไปได้เหมือนคมดาบ

8. ลมงวง เป็นลมพายุชนิดหนึ่งเกิดในทะเล มีลักษณะเป็นงวงห้อยลงมาจดผิวน้ำ
ซึ่งทางอุตุนิยมวิทยาเรียกว่า วอเตอร์สเป๊าท์ ( Water spout )

เครื่องมือตรวจลม

การตรวจลมต้องตรวจทั้งทิศทางและความเร็ว โดยใช้เครื่องมือดังต่อไปนี้

1. ศรลม ( Wind Vane ) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจทิศทางของลม
มีลักษณะเป็นแท่งโลหะเบามีแพนหางตั้งตรง ศรลมหมุนได้รอบตัว
โดยหัวลูกศรลมจะชี้ทิศทางที่ลมพัดมาเสมอ

2. มาตรวัดความเร็วลมหรืออะนิโมมิเตอร์ ( Anemometer )
เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจวัดความเร็วลม ประกอบด้วยโลหะเบา 3 หรือ 4 ใบ
หันตามกันอยู่บนแกนที่หมุนได้ เมื่อลมพัดถ้วยจะหมุนรอบแกน
ซึ่งทำให้เราสามารถอ่านความเร็วลมได้จากตัวเลขหน้าปัดของเครื่อง








Create Date : 23 กรกฎาคม 2561
Last Update : 24 กรกฎาคม 2561 20:04:17 น. 1 comments
Counter : 2951 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณRananrin, คุณอุ้มสี, คุณnewyorknurse


 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
phunsud Food Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
ravio Education Blog ดู Blog

สวยจังเลยค่ะ
เห็นแล้วนึกถึงหอคอยเก่าหรือว่าอะไรก็ไม่ทราบ
ตรงกระทรวงต่างประเทศ
แถววังสราญรมย์น่ะค่ะ
พอมีความรู้ไหมคะว่าคืออะไร


โดย: อุ้มสี วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:12:16:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.