มีเพียงทฤษฎีที่โดดเด่นที่สุด คือ กลไกไฮดรอลิกขับเคลื่อนอุปกรณ์นาฬิกาน้ำ
ด้วยน้ำที่ไหลจากลำธารบนเนินเขาอะโครโพลิส
กลไกดังกล่าวเชื่อกันว่าได้ถูกปล้นสะดมในช่วงสมัยโรมัน
และไม่เคยมีใครค้นพบมันอีกเลย
มีช่วงหนึ่งเป็นหอนาฬิกาสำหรับโบสถ์
Eastern Orthodox ยังมีเศษชิ้นส่วนของ frescoes ศาสนาคริสต์ รูปนางฟ้ากับนักบุญบนหลังม้า
และจารึกออตโตมันตกแต่งบนผนัง
การใช้เป็นสถานที่ของชาวมุสลิม
ช่วยให้หอคอยนี้รอดพ้นจากมือ Lord Elgin ชาวอังกฤษ
ที่ขนหินอ่อนพาร์เธนอนจากเมือง Acropolis ไปแล้วส่วนหนึ่ง
ในปี 1799 Lord Elgin เริ่มวางแผนจะขนหอคอยแห่งนี้ไปยังอังกฤษ
แต่เพราะถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จึงรอดพ้น
ในปี 1828 มีการปิดตายตั้งแต่พวกซูฟีย้ายออกไปจากกรีซ
ในปี 1843 มีการใช้งานสั้น ๆ เพื่อเก็บโบราณวัตถุ
หลายปีต่อมาก็เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและมลภาวะต่าง ๆ
ในปี 2014 จีงเริ่มลงมือบูรณะ
ในปี 2016 เพิ่งจะเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมได้อีกครั้ง
หลังจากที่ถูกปล่อยปละละเลยเกือบ 200 ปี "
เรียบเรียง/ที่มาhttps://bit.ly/2OebApohttps://bit.ly/2uKJMB5https://reut.rs/2mAwouR
เมืองที่ตั้งเดิมกับเหมืองหินอ่อน
นาฬิกาแดด
นาฬิกาน้ำยุคโบราณ
นาฬิกาน้ำยุคโบราณ
Photo credit: Ava Babili/Flickr
Photo credit: Borisb17/Shutterstock
Photo credit: Anastasios71/Shutterstock
ศาสนศถานของพวกซูฟี
สถานที่ภายในของหอคอยแห่งสายลม
นักบวชซูฟี หรือ นักร่ายรำ พวกมุสลิมสุนนี่บางกลุ่มระบุว่า เป็นพวกนอกรีต
นักบวชซูฟี หรือ นักร่ายรำ พวกมุสลิมสุนนี่บางกลุ่มระบุว่า เป็นพวกนอกรีต
ชื่อลมของชาวไทย เครดิต : ครูไพรวัลย์ วงศ์ดี
ลมที่คนไทยรู้จักกันมาตั้งแต่โบราณ และใช้เรียกชื่อกันอยู่ตามชนบททั่วไป มีดังนี้
1. ลมว่าว เป็นลมที่พัดจากทิศเหนือไปสู่ทิศใต้ ปรากฏในต้นฤดูหนาว
2. ลมตะเภา เป็นลมที่พัดจากทิศใต้ไปทางทิศเหนือ ปรากฏในกลางฤดูร้อน
3. ลมตะโก้ เป็นลมที่พัดจากตะวันตกเฉียงเหนือไปสู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ปรากฏในปลายฤดูฝน
4. ลมพัทยา เป็นลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปรากฏในต้นฤดูฝน
5. ลมสลาตัน เป็นลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือปรากฏในปลายฤดูร้อน
6. ลมบ้าหมู มีลักษณะหมุนเป็นวงขึ้นไปในอากาศ โดยมีผงฝุ่นและเศษสิ่งของต่าง ๆปลิวหมุนขึ้นไปด้วย ปรากฏในฤดูร้อน
7. ลมกรด เป็นลมที่พัดแรงจัดมาก ซึ่งสามารถพัดต้นไม้ใบหญ้าให้ขาดหลุดออกไปได้เหมือนคมดาบ
8. ลมงวง เป็นลมพายุชนิดหนึ่งเกิดในทะเล มีลักษณะเป็นงวงห้อยลงมาจดผิวน้ำ
ซึ่งทางอุตุนิยมวิทยาเรียกว่า วอเตอร์สเป๊าท์ ( Water spout )
เครื่องมือตรวจลม
การตรวจลมต้องตรวจทั้งทิศทางและความเร็ว โดยใช้เครื่องมือดังต่อไปนี้
1. ศรลม ( Wind Vane ) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจทิศทางของลม
มีลักษณะเป็นแท่งโลหะเบามีแพนหางตั้งตรง ศรลมหมุนได้รอบตัว
โดยหัวลูกศรลมจะชี้ทิศทางที่ลมพัดมาเสมอ
2. มาตรวัดความเร็วลมหรืออะนิโมมิเตอร์ ( Anemometer )
เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตรวจวัดความเร็วลม ประกอบด้วยโลหะเบา 3 หรือ 4 ใบ
หันตามกันอยู่บนแกนที่หมุนได้ เมื่อลมพัดถ้วยจะหมุนรอบแกน
ซึ่งทำให้เราสามารถอ่านความเร็วลมได้จากตัวเลขหน้าปัดของเครื่อง
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
phunsud Food Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
ravio Education Blog ดู Blog
สวยจังเลยค่ะ
เห็นแล้วนึกถึงหอคอยเก่าหรือว่าอะไรก็ไม่ทราบ
ตรงกระทรวงต่างประเทศ
แถววังสราญรมย์น่ะค่ะ
พอมีความรู้ไหมคะว่าคืออะไร