Meet The Penguin Protecting Maremma
เมื่อฝูงสุนัขจิ้งจอกเจอนกเพนกวินจิ๋วบนเกาะ Middle Island ของ Australian
ฝูงสุนัขจิ้งจอกเกือบทำลายอาณาจักรนกเพนกวินบนเกาะแห่งนี้จนเกือบสูญพันธุ์เหลือเพียง 4 ตัวเท่านั้น
จนทั่งชาวนาคนหนึ่งได้นำสุนัขเลี้ยงสัตว์มาช่วยปกป้องนกเพนกวินจิ๋วบนเกาะแห่งนี้
จนกระทั่งตอนนี้จำนวนนกเพนกวินนางฟ้าขยายพันธุ์ถึง 200 ตัว
ข้อมูลจากทางการในปี 2005 มีจำนวนน้อยกว่า 10 ตัว
แต่ในปี 2013 นับจำนวนได้ถึง 180 ตัว
สุนัขจิ้งจอกแต่เดิมไม่มีในออสเตรเลียแต่มีคนนำเข้ามาเลี้ยงในปี 1870
เพื่อนำขนสัตว์มาใช้ทำเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม
แต่แล้วพวกมันหลุดรอดออกไปได้แพร่พันธุ์จนเป็นสัตว์กินเนื้อที่ดุร้าย
มักจะพบสุนัขจิ้งจอกระหว่าง 3 ตัวในป่าในพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
และราว 5 ตัวในพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตรใกล้เขตเมืองและชุมชน
เกาะ Middle Island เป็นเกาะที่งดงาม มีแนวหินขรุขระ คลื่นลมแรง
อยู่แยกออกแผ่นดินใหญ่ทางชายฝั่งตะวันตกของ Victoria
เป็นอาณาจักรของนกเพนกวินที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
มักจะรู้จักเรียกกันในชื่อเดิมว่า นกเพวนกวินนางฟ้า
ก่อนที่จะมีนักคิดนักเขียนที่ค่อนแคะขุดคุ้ยต่อต้าน
เรื่องความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์/ความเชื่อทางศาสนา
จนกระทั้งชื่อใหม่ของพวกมันห่างไกลจากชื่อเดิมมากแล้ว
แต่ตามข้อเท็จจริงแล้ว พวกมันสูงราว ๆ 30 ถึง 40 เซ็นติเมตร
หมายเหตุ ฝรั่งบางคนจะต่อต้านความเชื่อทางศาสนาแบบคลั่งไคล้เหมือนคนเป็นโรคจิต
เหมือนหนังสือเรื่อง Harry Potters ที่มีบางคนต่อต้าน
ห้ามไม่ให้คนอ่านเพราะเกี่ยวกับเวทย์มนต์หรือแม่มด
หมายเหตุในเมืองไทยมักจะมีการรณรงค์และสอนนักเรียนว่า
ห้ามเรียกว่า ปลาวาฬ ปลาหมึก ปลาดาว
เพราะพวกมันไม่ใช่สัตว์น้ำ
เลยมีบางคนรำคาญออกมาโต้แย้งว่า
ให้คนเหล่านั้นกลับบ้านไปถามพ่อแม่ว่า
ท่านเคยเรียกว่าอย่างไร
เพราะชาวบ้านเรียกขานกันมานานนมหลายร้อยปี
ก่อนที่จะมีหลักฐานทางวิทยาศาตร์มายืนยันว่าไม่ใช่สัตว์น้ำ
และชาวบ้านชาวประมงต่างเรียกกันแบบนี้
จึงจะสื่อความหมายและเป็นอันเข้าใจกันดี
" พวกเรามาถึงจึงที่นกเพนกวินลดลงจาก 800 ตัว
เหลือให้พวกเราพบเห็นเพียง 4 ตัวเท่านั้น
นักฆ่านกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสามารถฆ่านกได้ถึง 360 ตัวในเวลาเพียง 2 คืน
คือ ฝูงสุนัขจิ้งจอก สัตว์นักล่าที่วิตกจริตและบ้าคลั่ง
กัดกินและฆ่าสัตว์ทุกอย่างที่ขวางหน้าและสู้พวกมันไม่ได้
เหตุการณ์เลวร้ายเรื่องนี้เริ่มต้นในปี 2005
มาจากปราฏการณ์ธรรมชาติที่สั่งสมมายาวนานหลายปี
เกาะ Middle Island ไม่มีผู้คนอยู่อาศัยบนเกาะแห่งนี้
อยู่ห่างจากผืนแผ่นดินใหญ่ราว ๆ 20 หรือ 30 เมตร
เมื่อตอนน้ำลงจะเกิดสันทรายที่สร้างทางเดินขนาดย่อม
ที่ฝูงสุนัขจิ้งจอกสามารถเดินข้ามมาจากอีกฝั่งได้
ปัญหานี้เริ่มพบในช่วงปี 2000 ที่ธรรมชาติท้องทะเลได้พัดพาสร้างสันทรายขึ้นมา
ในเวลาเดียวกันกับที่จำนวนฝูงสุนัขจิ้งจอกที่เพิ่มขึ้น
และพวกมันเริ่มรู้ว่ามีแหล่งอาหารแหล่งใหม่ที่หากินได้ง่าย ๆ แบบหมู ๆ
(คนเมืองซัง หรือตรัง มักจะพูดกันเล่น ๆ หรือพูดกันว่าเป็นเคล็ดลับว่า
ตื่นแต่เช้า ต้องกินหมูย่าง ทุกเรื่องราวในวันนั้นจะได้หมู ๆ)
นกเพนกวินนางฟ้า ตามที่ชาวบ้านเรียกกัน
ต้องเผชิญหน้ากับหายนะที่อาจจะหมดสิ้นจากเกาะ Middle Island
จนกระทั่งชาวนาเจ้าของเล้าไก่ Swampy Marsh
ได้มาพร้อมกับแผนการที่แนะนำว่า
เขาจะให้สุนัขเลี้ยงสัตว์ Maremma ไปช่วยดูแลนกเพนกวิน
ในออสเตรเลียสุนัขพันธุ์นี้จะใช้ช่วยปกป้องไก่ แพะ แกะ (จากสัตว์นักล่า)
สุนัข ตัวแรกบนเกาะ Middle Island มีชื่อว่า Oddball
และ Oddball ได้สร้างผลลัพธ์อย่างเงียบ ๆ
พวกเราพบการเปลี่ยนแปลงทันทีทันใดของฝูงสุนัขจิ้งจอก
การนำสุนัขขึ้นไปตระเวณบนเกาะแห่งนี้
ทำให้ทุกเช้าเรามักจะพบรอยเท้าฝูงสุนัขจิ้งจอกบนชายหาดอีกฝั่งหนึ่ง
การมีสุนัขบนเกาะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลำดับชั้น(ของห่วงโซ่อาหาร)
ฝูงสุนัขจิ้งจอกได้ยินเสียงเห่าของสุนัขหรือได้กลิ่นสาบของสุนัข
ก็มักจะทำให้พวกมันตกใจแล้วหลบหนีหายไป
เรื่องมหัศจรรย์ก็คือ ตั้งแต่ Oddball กับสุนัขตัวอื่น ๆ ที่ตามมาภายหลัง
เพียงช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยพบเลยว่า
มีนกเพนกวินแม้แต่ตัวเดียวที่ถูกสุนัขจิ้งจอกฆ่าตายเลยบนเกาะ Middle Island "
Peter Abbott จาก Penguin Preservation Project
Swampy Marsh เลี้ยงสุนัขเลี้ยงแกะอิตาลี
เพื่อเฝ้าไก่ในฟาร์มของเขาห่างจาก Middle Island ราว 25 กิโลเมตร
Swampy รู้ดีว่าสุนัข maremmas สามารถทำงานแบบนี้ได้
เพราะพวกมันสามารถปกป้องลูกไก่ถึง 5,000 ตัว และไก่กระทง 3,000 ตัว
จากสัตว์นักล่าสุนัขจิ้งจอกได้มาเกือบสิบปีแล้ว
แม้ว่า Swampy จะได้รณรงค์มาหลายครั้งแล้ว
ให้นำสุนัข marimbas มาปกป้องนกเพนกวิน Warrnambool
มักจะเรียกกันนกเพนกวินในเกาะ Middle Island
หลังจากหาทางเลือกอื่น ๆ หลายทางแล้ว
ในที่สุดคณะกรรมาการชุมชนจึงเชิญ Swampy
และ กลุ่มอนุรักษ์ชายฝั่งท้องถิ่น Local Coastcare Group
มาร่วมประชุมอย่างเป็นทางการกับตัวแทนภาครัฐ State Agencies
เพื่อบรรลุข้อตกลงดังกล่าวจากแนวคิดนี้
โดยสรุปแล้ว คณะกรรมการเห็นพ้องกับ Swampy
และในที่สุดแนวคิดที่ยอดเยี่ยมของเขา
ด้วยการใช้สุนัขจากยุโรปช่วยปกป้องนกออสเตรเลีย
จากสัตว์นักล่าที่นำมาจากยุโรปได้ผลสำเร็จเป็นอย่างดี"
Fitzgibbons ให้สัมภาษณ์
เพนกวินนางฟ้า หรือเพนกวินน้อย หรือ เพนกวินสีฟ้า
เป็นนกเพนกวินที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
มี 6 สายพันธู์ย่อย อาศัยอยู่ในประเทศ Australia กับ New Zealand
พวกมันมักจะจับคู่เพียงคู่เดียวตลอดชีวิต
ในฤดูผสมพันธ์มักจะกลับมาที่อาณาจักรเดิมทุกปี
ถ้าการจับคู่ประสบความสำเร็จจะวางไข่ได้ถึง 2 ฟอง
ใช้เวลาฟักไข่ราว ๆ 35-37 วัน
แหล่งที่มา : Encyclopedia Britannica
จากซ้ายไปขวา : อาสาสมัคร Coastcare Thoren Robertson, John Sutherland
และเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม Dave Williams กำลังจับตามองการปกป้องนกเพนกวิน
จากสุนัขเลี้ยงสัตว์สองตัว Eudy กับ Tula
ที่มา
//goo.gl/Kyk2V2สุนัขที่เฝ้าเกาะ Middle Island ตอนนี้ชื่อ Eudy กับ Tula
ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ตามสายพันธุ์นกเพนกวินนางฟ้า
Eudyptulaทั้งสองตัวเป็นสุนัขตัวที่ 6 และ 7 ที่มาทำหน้าที่นี้
และตอนนี้กำลังฝึกลูกสุนัขโดย Peter Abbott กับทีมงาน
คาดว่าจะเริ่มลงมือทำงานได้ในปี 2016
สุนัขจะเริ่มลงมือปฏิบัติหน้าที่ในฤดูผสมพันธ์ุของนก
ที่มักจะเริ่มตังแต่เดือนตุลาคมถึงมีนาคม
พวกมันจะใช้เวลาอยู่บนเกาะห้าถึงหกวันต่อสัปดาห์
ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่อยู่บนเกาะในช่วงวันหยุด
แต่กลิ่นสาบของพวกมันจะทำให้ฝูงสุนัขจิ้งจอกหนีหายไปไกล ๆ
ผลสำเร็จของโครงการนี้ทำให้มีคนนำไปสร้างเป็นภาพยนต์เรื่อง Oddball
" มันเป็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ กับการที่เราพยายามช่วยเหลือนกเพนกวินน่ารักตัวหนึ่ง
โดยฝูงสุนัขน่ารักฝูงหนึ่ง แม้ว่าในหนังจะห่างไกลจากเรื่องจริงก็ตาม " Abbott
ภาพยนต์นี้ทำรายได้ราว 11 ล้านเหรียญ Australian
ตามรายงานข่าวและเป็นเรื่องที่ผู้ชมกล่าวขานกันอย่างแพร่หลาย
" หนังจะอยู่ในความทรงจำได้อีกหลายปี
พวกเราหลายคนคิดว่า ใช่ เราเชื่อเรื่องนี้ เพราะเราเห็นมันจริง
และแล้วทันใดนั้น ทั้งเมืองก็เต็มไปด้วยความโกลาหลและวุ่นวาย
มีกล้องวิดีโอติดเต็มไปหมดพร้อมกับนักแสดงทุกหนทุกแห่ง "
Kristen Abbott จาก Middle Island Project Committee
" เรื่องนี้ทำให้การท่องเที่ยวคึกคักขึ้นมามาก
ในช่วงเดือนฤดูร้อนผู้คนจะมาเยี่ยมเยือนเกาะนี้
"Meet the Maremma Tour"
มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่จะทำได้อย่างยาวนาน
มีการจองห้องพักจำนวนมากจากนักท่องเที่ยว
ที่จะเดินทางมาเพื่อดูสุนัขหรือไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้
John Watson เจ้าของโรงแรมในท้องถิ่น
มีชาวบ้านหลายคนที่แสดงในหนังเรื่องนี้
และอีกหลายคนที่แสดงเป็นตัวประกอบ
" บทบาทของผม Peter Abbott แสดงโดยนักแสดงชาวอเมริกัน
ผมบอกกับชาวบ้านว่า เพราะไม่มีคนออสเตรเลียคนไหนทีดูดีเหมือนกับผม "
Peter Abbott กล่าวสรุป
เรียบเรียง/ที่มา//goo.gl/phlg3A//goo.gl/q4Q8GW//goo.gl/Kyk2V2https://goo.gl/Y454qf