ตำนานเสี่ยโรงเหล้า เพื่อนที่สนามหลวง
เพื่อนสนามหลวงของเริญ
สุธนคนทอดข้าวเกรียบขายที่ท้องสนามหลวง ได้ตั้งโรงงานผลิตข้าวเกรียบรายใหญ่ ขายส่งขายปลีกทั้งในและต่างประเทศ รายได้หลักจริง ๆ มาจากยอดขายต่างชาติ
แกบอกเริญว่าขายในร้านค้าปลีกผูกขาดทั่วประเทศ ยิ่งขายยิ่งขาดทุน เพราะค่าแรกเข้าแพงอย่างหนึ่ง คิดค่าวางบนชั้นวางสินค้า ยิ่งสูงยิ่งแพง มีค่าเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งยอดขาย และค่าการตลาด ค่าพ่องมันเก็บทุกเม็ดเก็บทุกอย่าง
แต่คิดให้มุม 360 องศาแล้ว คุ้มยิ่งกว่าแฟลตปลาทอง เพราะคนต่างชาติที่จะซื้อสินค้า พอเห็นสินค้านี้ทุกร้านค้าปลีก ก็ตัดสินใจสั่งซื้อได้แบบง่าย ๆ ทันที เท่ากับแกได้ที่ PR หรือโฆษณาทางอ้อม
ส่วนแกตอนนี้หมดเงินกับการทำฟันปลอมทั้งปาก ตื่นเช้าว่ายน้ำในสระน้ำที่ใช้แก๊สวันละหนึ่งถังใหญ่ อุ่นน้ำให้อุ่นก่อนลงว่ายน้ำตอนตีห้าของทุกวัน ว่ายน้ำเสร็จก็จะขับรถยนต์ไปทำงานที่โรงงาน ไม่มีที่จอดรถยนต์เฉพาะเจ้าของ เพราะแกไปก่อนใคร ๆ เลือกจอดได้ตามสบายใจ
ค่าใช้จ่ายบันเทิงส่วนตัวนี้ ไม่ต้องไปสนใจแต่อย่างใด ถือว่าซื้อความสุขส่วนตัวก่อนตาย กับได้ใช้เงินของธนาคารไปด้วย จากการสนับสนุนการเงินให้โรงงานแกทั้งหมด คนเราไหน ๆ ก็จ่ายดอกเบี้ยธนาคารทุกวันแล้ว กลัวอะไรกับการจ่ายเงินเพิ่มอีกเล็กน้อย
ส่วนเฮียเหลียว ที่เดินไล่แจกน้ำดื่มแรดแดง ได้ตั้งโรงงานขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังระดับชาติ ประมาณการว่าวันหนึ่งผลิตเพียง 20 ล้านขวดเอง หรือเดือนละ 600 ล้านขวดเป็นอย่างต่ำ กำไรขวดละ 2 ไพนิด ๆ เอง แค่นี้ก็รวยพุงปลิ้นแล้ว
ส่วนฝรั่งออสเตรียที่ขอไปทำการตลาดน้ำดื่มนี้ที่ต่างชาติ ก็ให้แกถือหุ้นฝ่ายละครึ่ง ส่วนแบ่งกำไรหักภาษีแล้ว ยังต้องวางกองทิ้งไว้ที่เมืองนอกไม่ได้นำเข้ามา เพราะศยมกุกจะเก็บภาษีเงินได้ในการนำเงินเข้ามา
บ้านพักของแกก็อยู่ใกล้ ๆ กับตัวโรงงาน แกชอบขี่จักรยานคันเก่า ๆ ร้าย ๆ ไปตรวจตรารอบ ๆ โรงงานทุกวัน มีครั้งหนึ่งยามคนใหม่ทำงาน ไม่รู้จักว่าแกเป็นใครมาจากไหน ไล่ไม่ให้แกเข้าไปในโรงงาน เพราะเห็นแกขี่จักรยานเก่า ๆ กับใส่เสื้อยืดกระทิงแดงตัวเก่า
แกไม่กล้าบอกแบบนักเลงวัยรุ่น " รู้มั้ย พ่อคิงเป็นใคร " เพราะแกเป็นพ่อผู้จัดการใหญ่ในบริษัท กับพ่อแกแค่ชาวบ้านจน ๆ ในอดีต เลยไม่รู้บอกไปทำไม เดี๋ยวยามจะตกใจแล้วหัวเราะขำมาก
ดีที่หัวหน้ายามกับผู้จัดการโรงงาน ได้ยินเสียงรีบออกมาห้าม พร้อมกับดุยามคนใหม่เรื่องนี้ แต่แกไม่ถือโกรธหรือถือสาหาความ เพราะถือว่าดีแล้วที่ยามทำตามหน้าที่ เลยให้ย้ายยามคนนี้ไปทำงาน เฝ้าประจำที่บ้านพักของแกซะเลย
ส่วนเมียหลวงแกเสียชีวิตไปนานแล้ว แกเลยได้แต่งงานกับเมียใหม่นับถือศาสนาอิสลาม แต่แกไม่ยอมเข้าแขกแต่อย่างใด เมียใหม่ที่เป็นมุสลิมค่อนข้างเก็บเงินเก่ง ลุกสาวของแกที่เกิดกับเมียคนนี้ นิสัยเรียบร้อย เก็บเงินเก่ง ชอบเป็นพวกเอ็นจีโอ
เธอเคยไปเรียนที่มหาวิทยาลัยบ้านนอก ชื่อเล่นว่า ศรีตรัง ที่สงขลา (เสือปลา) เที่ยวขับขี่รถจักรยานยนต์คันร้าย ๆ กับชอบเดินทางไปกับพวกเอ็นจีโอ ทำตัวเหมือนลูกสาวชาวบ้านนอก คนไม่รู้จักหรือชอบดูถูกคนจน นึกว่า อ้ายหมวยร้าย ๆ ไม่มีเงิน เที่ยวมาปลุกปั่นยุยงชาวบ้าน แต่พอรู้วันหลังรีบซูฮกยกยอปอปั้นทันที
ส่วนสายเมียหลวงไม่อยากจะพูดมาก กลายเป็นพวกรสนิยมสูง รายได้สูง ชอบเล่นของแพง ๆ เช่น สร้างฟาร์มสร้างไร่องุ่นแถวใกล้วัดห้วยธรรมชาติ จิบไวน์เกรดดีเยี่ยม คุยเรื่องภาพเขียน ภาพวาด แต่งรถยนต์ สะสมรถหรูราคาแพง ธุรกิจก็มาดูบ้างไม่ดูบ้าง ชอบเน้นแต่ภาพพจน์ด้านการตลาด
ตอนนี้แกกำลังติดต่อผู้นำพรรครัฐบาลใหม่ ให้ยกเลิกภาษีซ้ำซ้อนที่จ่ายต่างชาติแล้ว เวลานำเงินเข้าศยมกุกต้องจ่ายภาษีอีกรอบ เคยจ่ายเงินอุดหนุนพรรคการเมืองศยมกุก แค่เดือนละ 15 ล้านไพมาหลายปีแล้ว
โดยเฉพาะพรรคแมลงสาบดีแต่ปาก จ่ายไปหลายปีแล้วไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว เลยเลิกจ่ายไปเลย ไปจ่ายให้ พรรคคิดใหม่ทำใหม่รวยใหม่ ทำจริงทำจังทำตามรับปาก แกเลยได้เงินนำเข้าตามที่เรียกร้องไป
เงินทองส่วนแบ่งกำไรที่เมืองนอก ไม่ต้องเสียภาษีสักเฟื่องเดียว ตามกฎหมายชำระภาษีซ้ำซ้อน เพราะถือว่าจ่ายภาษีที่เมืองนอกแล้ว แกเลยได้ขนเงินเข้ามาในประเทศสบายไปเลย ลูกหลานเลยสบายขึ้นไปอีกมากมาย
มีหลายมหาวิทยาลัยต่างมาชิงตัวเสนอ ให้ปริญญากิติมศักดิ์ให้แกมากมาย แกไม่ยอมรับบอกว่า ไม่ดี ไม่งาม เป็นการเอาเปรียบคนตั้งใจเรียน แกเรียนมาน้อยขอแค่ที่เรียนก็พอ ทุกวันนี้แกนั่งดื่ม Hennesy XO จิบพอเป็นกระษัยยาบำรุงร่างกาย
แกเพิ่งลงทุนเพียงแค่ 45 ล้านไพ ให้โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในชุมชน สร้างห้องรักษาพยาบาลโรคไต มีข้อแม้ให้ดูแลแกเป็นพิเศษเวลาไปหา เพราะเดินทางไปรักษาที่ต่างชาติ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็ไม่หนีกันเท่าใด แต่รักษาในเมืองศยมกุกดีกว่ามาก มีคนคอยเอาอกเอาใจสบายใจดี
ไม่นานหลังจากนั้นแกก็สิ้นบุญ แกสั่งลูกหลานให้จัดงานศพเงียบ ๆ แบบเรียบง่ายที่สุด ใกล้บ้านแก ใกล้วัด ใกล้โรงงาน ไม่ให้รบกวนแขกเหรื่อทั้งพวงหรีด กับเงินช่วยงานศพ
งานศพของแกประทับใจทุกคน ทั้งคนขับรถให้เจ้านายที่มางานศพ มีคนนำทางพาไปที่จอดรถยนต์รอเจ้านาย พร้อมมอบอาหารการกินให้ไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ต้องให้คนขับรถยนต์ไปตะลอน ๆ หากินเอง
แขกใครไปมา แขกใครมา มีคนที่รู้จักกับแขกดี มาคอยต้อนรับ ไม่ต้องเกื้อเขินว่ามางานแล้ว จะต้องยืนโด่เด่แบบเกื้อเขิน
ส่วนจ่าชัยที่ทอดไก่แหยง ๆ อยู่ที่สนามหลวงกับเมีย กลายเป็นพวกแก่แล้วเหลวไหล หลังจากที่ไก่บ้านเริ่มแพงขึ้น ๆ กว่าเดิม จนค้าขายแทบไม่มีกำไร
รวมทั้งพี่น้องตระกูลเจี่ย ที่แต่เดิมขายเมล็ดพันธุ์ผัก หันหน้ามาเลี้ยงไก่เนื้อแบบ 45 วันขายได้ ได้น้ำหนักตัวหนึ่งไม่น้อยกว่ากิโลกรัม เริ่มมาขายทุ่มตลาดเพราะราคาต่ำกว่า ผลิตได้มากกว่าไก่บ้านที่ใช้เวลาร่วมครึ่งปี
อัตราแลกเนื้อดีกว่าไก่บ้าน คือ เอาอาหารให้กิน ไก่มีน้ำหนักตัวที่ชั่งขายได้ เร็วกว่าไก่บ้านที่เลี้ยงครึ่งปี ตอนนี้บางแห่งใช้เวลาเลี้ยง เพียงแค่ 37-39 วันเอง
ในตอนแรกพี่น้องแซ่เจี่ย เกือบเจ๊งกับการเลี้ยงไก่เนื้อ เพราะตั้งโรงงานไปขวางทางลม ทำให้อาคารเลี้ยงร้อนกว่าปกติ ไก่ไม่สบายกับตายจำนวนมาก
เลยพาหมอดูฮวงจุ้ยไปดูสถานที่ หมอถือเข็มทิศปากวยเดินไปเดินมา วัดองศาตามพิธีกรรมแบบหมอผี แล้วสั่งให้ปรับทิศทางลมตัวอาคาร พร้อมกับทำทางเข้าออกโรงงานใหม่หมด
ไก่รอดตายจำนวนมาก กับโตเอา ๆ จำนวนมาก แกเลยเชื่อหมอดูฮวงจุ้ยไปแล้ว ทุกเรื่องราวของบริษัทนี้ ต้องผ่านหมอฮวงจุ้ยคนนี้
สถาปนิกระดับชาติคนหนึ่ง ด่าพิธีกรรมแบบนี้และคนที่ทำแบบนี้ ประเภทเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นแทน
ตามหลักวิทยาศาสตร์ action = reaction
พร้อมกับบอกว่า ต้องมีสักวัน ๆ ภัยพิบัติจะย้อนกลับไปฟาดฟัน คนที่เอาประโยชน์จากคนอื่นมากที่สุด
ส่วนจ่าชัยเห็นช่องทางธุรกิจ จึงไปหุ้นกับบริษัทฝรั่ง ไปตั้งโรงงานเลี้ยงไก่เนื้อ ชำแหละไก่เนื้อส่งขาย ทั่วศยมกุกกับต่างประเทศ
แล้วสร้างคฤหาสนหลังงาม ที่แถวพาทาย่า เมืองสายน้ำบุรี กิจการต่าง ๆ ก็ไปได้ดีไปได้สวย แถมมีเมียอีกหลายคนสบายใจเฉิบ กับลูก ๆ อีกเป็นโขยง
เลยให้ทั้งลูกเมียน้อยเมียหลวง มาเป็นพวกกรรมการบริษัทที่ตั้งไว้ แถมยังเก่งกับหัวหมอหมอผีปีศาจมาก โกงเก่งชะมัดล้มบนฟูกมาครั้งหนี่งแล้ว เพราะเวลาเจ้าหนี้ฟ้องเรียกหนี้คืน ก็จะยื่นขอประนอมหนี้หรือขอ TDR หรือยื่นแผนฟื้นฟูกิจการกับศาล
ยื่นแผนไม่ทันใด ทั้งเจ้าหนี้ทั้งศาลต้องยอม เพราะอย่างไรก็ต้องอนุมัติอยู่แล้ว มีแต่เจ้าหนี้รายใหญ่ ๆ จริง ๆ แต่เป็นเจ้าหนี้ผีโผล่ขึ้นมา หลอกหลอนอีกหลายตัว ออกมาเรียกร้องหนี้สินจากบริษัท
ก็คนกันเองทั้งนั้นที่เป็นเจ้าหนี้ผี หรือไม่ก็นอมินีเจ้าหนี้ของโรงงาน เรียกว่ากินกันสูบกันแทะกันจนหมด เนื้อติดกระดูก เศษกระดูก เศษหนัง เศษขน เศษขี้ ไม่มีเหลือให้ใคร ไม่เหลือเจือจานให้เจ้าหนี้คนอื่น ๆ แต่อย่างใด เจ้าหนี้รายย่อยต่างเจ้งล้มละลายไปหมด แต่พวกเรานั่งจิบเบียร์ดื่มไวน์ ร้องเพลงคาราโอเกะของพี่ Bird สบาย สบาย
พวกเราไม่ต้องทำตัวให้เหมือน กับเพลงคาราบาว ขอร้องเพลงแปลง กินไม่เหลือ ไม่เผื่อแผ่กันวันนั้น วันนี้กูยังล่องเรือสำราญ
ตอนนี้กำลังมีข่าวที่เมืองลูกหลานพาลี ก็แบบเดียวกัน ยังมีเจ้าหนี้รายใหม่ ไม่เคยเข็ด ไม่เคยศึกษาประวัติความเลว พวกมือใหม่อ่อนหัด วัยรุ่นใจกล้า นึกว่าฉลาดเก่งกาจกว่าใคร ของบริษัทเลี้ยงไก่สหอสูรกายชาม
เพราะพวกเราถือคติ เหมือนคนล่องน้ำล่องทะเล
ด้านได้ อาย อด
ทำธุรกิจ ต้องใจ ดำมั่งมี ใจดี Chip หาย
ถือว่าชาติก่อน พวกเจ้าหนี้คราก่อน กับเจ้าหนี้ชุดใหม่ครานี้ พวกมันเป็นลูกหนี้เราในอดีตกาล ไม่ยอมเกิดมาเป็นงัวเป็นควาย มาทำไร่ไถนาใช้หนี้แทนเรา ไม่ยอมเกิดมาเป็นเป็ดเป็นไก่ มาเป็นอาหารของพวกเรา
ชาตินี้พวกมันเลยต้องเกิดมา ชดใช้หนี้เก่าให้กับพวกเรา ด้วยการทำงานเลี้ยงไก่ให้เรา ส่งอาหารไก่ในที่ต่าง ๆ ให้เรา ทำงานฟรี ๆ ให้กับพวกเรา
เหมือนบางคนบอกว่า ให้คิดใหม่นิยามใหม่ว่า
บางทีเจ้ากรรมนายเวร อาจจะมาในรูป
คนงานของเรา เจ้าหนี้จอมโหดของเรา เมียเรา กิ๊กเรา ผัวเรา ลูกหลานของเรา พ่อแม่ญาติพี่น้องของเรา เพื่อนร่วมงานของเรา เจ้านายห่า ๆ เหี้ย ๆ ของเรา
จะได้ทำใจ ถือว่าชดใช้เวรกรรมกันไป จะได้หมดเวรหมดกรรมกันไป ยิ่งทำให้เร็ว ๆ จะได้ หมดเวรหมดกรรมเร็ว ๆ
อยากให้พวกมันสวดมนต์ภาวนา ว่าเกิดชาติหน้าหนใด ขอให้เกิดเป็นยุง เป็นแมลงวันแมลงหวี่ สิบห้าวันได้ตายไปแล้วเกิดใหม่ จะได้ใช้เวรใช้กรรมหมดกันเร็ววัน
ขอย้ำทุกเรื่องนี้คือ นิทาน ๆ ๆ
Create Date : 07 มกราคม 2559 |
|
0 comments |
Last Update : 1 มีนาคม 2559 21:58:59 น. |
Counter : 3494 Pageviews. |
|
 |
|