ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
27 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
เพื่อนที่มีชื่อเล่นว่า ลิง คนที่สาม

เพื่อนที่มีชื่อเล่นว่า ลิง คนที่สาม

เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนนักเรียนโรงเรียนแสงทองวิทยา
เป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นน้องห่างกันสองปี
มาเริ่มรู้จักสนิทสนมกันมากก็ช่วงไปเรียนที่กรุงเทพฯ
เพราะความที่ต่างเป็นเด็กมาจากต่างจังหวัด
มาจากหาดใหญ่ ที่เส้นทางเข้ากรุงเทพฯ หนึ่งพันกว่ากิโลเมตร
ต่างคนต่างห่างไกลจากบ้านและครอบครัว
ต่างก็มีความเหงา ความฝัน ความหวังร่วมกัน
เลยเริ่มสานสัมพันธ์ความรู้จักคุ้นเคยกันมากขึ้น

แกอาศัยอยู่ที่ฝั่งธนบุรีสมัยนั้น
จำชื่อซอยและพื้นที่แถวนั้นไม่ได้แล้ว
เจอกันที่กรุงเทพฯ ก็ที่บ้านเพื่อนที่หมู่บ้านนครไทย
แถวสาธุประดิษฐ์ ซึ่งเป็นบ้านเพื่อนที่มีเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้อง
มักจะไปชุมนุมศิษย์เก่าโรงเรียนแสงทองวิทยา
ชุมนุมกันที่นั่นมากทุกเย็นวันศุกร์ถึงเย็นวันอาทิตย์
เพราะพี่น้องบ้านนี้เรียนที่โรงเรียนเดียวกันร่วมกันสี่รุ่น

มีปรากฎการณ์ครั้งหนึ่งที่เป็นตำนานของบ้านหลังนี้
คือมีเพื่อนนักเรียนร่วมโรงเรียนแสงทองวิทยาไปเจอกันรวมสี่สิบคน
ต่างคนต่างมาเรียนในกรุงเทพฯ บางคนก็เรียนมหาวิทยาลัย
บางคนก็ชั้นมัธยมศึกษา บางคนก็เรียนอาชีวะศึกษา
บางคนก็มาทำงานไม่ได้เรียนต่อแล้ว
ต่างก็ตั้งใจจะมาพักอาศัยค้างคืน
แต่ส่วนมากมักจะมาพูดคุยกันมากกว่า

เมื่อเจอเพื่อนที่มีชื่อเล่นว่า ลิง
แกก็ชวนไปเที่ยวบ้านแก
โดยพานั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์แบบผู้ชาย
เป็นฮอนด้า รุ่น CB125 หรือไงถ้าจำไม่ผิดพาไปบ้านพักของแก
ซึ่งเป็นห้องแบ่งให้เช่าที่อยู่ฝั่งธนบุรี
ทำให้รู้จักทางไปที่อยู่อาศัยของแก

ตั้งแต่นั้นเวลาว่างจากการเรียน
ช่วงวันเสาร์วันอาทิตย์ที่เหงา ๆ
ไม่รู้จะทำอะไร หรือจะไปไหน
ก็มักจะนั่งรถเมล์ไปหาแกที่ฝั่งธนบุรี
สมัยนั้น โทรศัพท์พื้นฐานก็หายาก
โทรศัพท์มือถือไม่ต้องพูดถึงยังไม่มีขาย
การไปมาหาสู่แต่ละครั้ง
ก็เป็นเรื่องต้องวัดดวง
ว่าเพื่อนที่จะไปหาอยู่ที่บ้านหรือไม่
แต่ก็มักจะเจอแกทุกครั้ง
แต่ถ้าไม่เจอแกก็จะแวะไปหาน้องชายย่าที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
หรือไม่ก็บ้านเพื่อนอีกคนที่อยู่แถวฝั่งธนบุรีเช่นกัน

ผมมักจะนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของแก
วนเวียนรอบกรุงเทพฯ ละแวกสนามหลวงและฝั่งธนบุรี
(ผมไม่กล้าขับรถจักรยานยนต์ในกรุงเทพฯ)
แต่ส่วนมากเราชอบนั่งบนม้าหินคุยกัน หรือกินขนมเล่นพลาง
ด้านข้างศาลฏีกาปัจจุบัน ตรงแถวคลองหลอด
ใกล้ ๆ กับกรมแผนที่ทหาร
หรือที่เรียนรักษาดินแดนสมัยก่อน
เรื่องที่พูดคุยส่วนมาก ก็เรื่องของบ้านเกิด
เพื่อนที่มาเรียนที่กรุงเทพฯ หรือทำงานแล้ว
ความฝัน ความหวังในอนาคตที่มาเรียนต่อ หรือที่ทำงาน

แต่สำหรับแก ไม่ได้เรียนต่ออีกแล้ว
เพราะพอจบมัธยมศึกษาปีที่สาม ก็มาหางานทำเลย
ครอบครัวของแกทำอาชีพเช็คปั้มดีเซลที่หาดใหญ่
ทำให้แกมีวิชาชีพติดต่วมาทำงานในอู่แห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ
จำได้ว่าไม่เคยสอบถามว่า
แกทำงานที่ไหนหรือเรื่องครอบครัวแก
เพราะเพื่อนรุ่นแกบางคนบอกว่า
แกเป็นลูกเลี้ยงของครอบครัวนี้
แต่เรื่องนี้ไม่ได้สอบถามแกโดยตรง
เกรงว่าแกจะเสียใจในเรื่องนี้

มีครั้งหนึ่ง ผมชวนแกไปกินข้าวที่หอพักซีมะโด่ง
เพราะราคาค่าอาหารการกินจัดว่าถูกมาก
แกก็ไปครั้งเดียว และบอกตรง ๆ ว่า เขิน ๆ
กอปรกับแกแต่งกายเสื้อสีนำเงินแบบช่างทั่วไปด้วย
เลยขอร้องวันหลังให้มาส่งที่ที่พักได้
แต่อย่าชวนเข้าไปกินอาหารข้างในอีก
ก็เคารพสิทธิ์ของแกในส่วนนี้
แต่ก็ยังแวะเวียนเยี่ยมเยียนแกสม่ำเสมอ

วันหนึ่งไปหาแกที่บ้าน
แกก็แนะนำให้รู้จักแฟนของแก
ที่เรียนอยู่ที่พาณิชยการแห่งหนึ่ง
รูปร่างเล็กและเตี้ยกว่าแก หน้าหมวย ๆ
แกอวดว่า มีความฝัน ความหวังว่า
ถ้าแฟนแกจบทำงานสักพักก็จะแต่งงานกัน
บ้านของแฟนแกก็อยู่ใกล้ ๆ กับห้องพักแบ่งให้เช่าของแก
ก็ยินดีที่รู้จักและขอให้ความฝันเป็นจริง

หลังจากเรียนจบมาไม่นานนัก
ก็กลับมาบ้านเพื่อช่วยงานที่บ้าน
และมาหางานทำส่วนหนึ่ง
(จริง ๆ ตกงานอยู่ช่วงหนึ่ง)
วันหนึ่งก็ได้ทราบข่าวจากเพื่อนรุ่นเดียวกันกับแกว่า
ลิง ตายแล้วและเผาเรียบร้อยแล้ว

โดยได้รับฟังข้อเท็จจริงแต่เพียงว่า
ก่อนตายแกได้ไปหาแฟนแกที่ทำงาน
เรียกให้ออกมาตกลงกันในเรื่องเกี่ยวกับความรัก
ที่ช่วงหลังแฟนของแก
เริ่มจะห่างเหินและทอดทิ้งแกไป
หลังจากได้เริ่มทำงานตั้งแต่จบแล้ว
คาดว่าคงจะตกลงเรื่องความรักกันไม่ได้
แกเลยชักปืนยิงแฟนแกตายตรงหน้าที่ทำงาน
แล้วแกก็ยิงตัวเองตายพร้อมกับกอดแฟนแกไว้ในอ้อมแขน
ปรากฎเป็นข่าวเล็ก ๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันของกรุงเทพฯ
เพราะช่วงนั้นมีข่าวการเมือง เศรษฐกิจที่น่าสนใจมากกว่า

ได้สอบถามเพื่อนว่า
มีการนำศพกลับมาที่หาดใหญ่หรือไม่
จะได้ไปทำบุญและไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
ก็ทราบว่า พี่ชายของแกขึ้นไปคนเดียว
แล้วทำเรื่องติดต่อกับโรงพยาบาลตำรวจเพื่อนำศพไปทำบุญ
แล้วทำการเผาแยกคนละวัด กับวัดที่แฟนแกทำพิธีฌาปนกิจอยู่
โดยทำบุญเพียงหนึ่งวันแล้วก็ทำการเผาศพเลย
ก่อนนำเถ้ากระดูกไปลอยอังคารที่เจ้าพระยา
ปิดตำนานเพื่อนที่มีชื่อเล่นว่า ลิง คนที่สาม

ทุกวันนี้ในบางวัน ยามเหงา ยามเศร้า
เมื่อมองเห็นแม่น้ำลำคลอง หรือทะเล แห่งไหน
อดนึกถึงเพื่อนคนนี้ไม่ได้
อย่างน้อยก็ยังมีความผูกพันและเชื่อมโยง
สายใยความฝันความหวังในอดีตที่ผ่านพ้นมา
จากการก้าวข้ามห้วงเวลาของวัยเยาว์

เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่กาลเวลาจะกลืนกินหายไปในที่สุด


Create Date : 27 พฤษภาคม 2553
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 23:35:10 น. 1 comments
Counter : 1690 Pageviews.

 
น่าจะ CG 125 ค่ะ เคยหัดขี่มอเตอร์ไซด์รุ่นนี้แหละค่ะ ราว ๆ ปี 2519 หนัก ๆ หน่อย แต่นิ่งดี

เรามีเพื่อนที่เสียชีวิตเพราะดื่มน้ำประสานทองเพียงเพราะเหล้าหมดแล้วเขาจะดื่มต่อ เพื่อน ๆ เล่าให้ฟังว่าอย่างนี้ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:36:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.