Juan Gris ศิลปิน Cubism
เช้านี้เปิด google พบภาพดังกล่าวน่าสนใจ เลยลองค้นหาดูได้ประวัติศิลปินดังกล่าวจาก//www.en.wikipedia.org/wiki/Juan_Gris" และ//www.answers.com/topic/juan-gris เรียบเรียงได้รายละเอียดคือ José Victoriano (โฮเซ่ วิกตอรีอาโน่) (Carlos Carmelo การ์ลอส การ์มีโล) González-Pérez (กอนซาเลส เปเรส) เกิดระหว่าง 23 มีนาคม 1887(2430) - 11 พฤษภาคม 1927(2470) แต่รู้จักกันดีในฉายา Juan Gris (ฆวน กริส) เป็นจิตรกรและประติมากรชาวสเปน ที่อาศัยและทำงานอยู่ในประเทศฝรั่งเศสมากที่สุดตลอดชีวิตของเขา ผลงานที่เป็นรอยต่อใกล้ชิดกับวิวัฒนาการศิลปะ ประเภทงานสร้างสรรค์ระบบรูปทรงต่าง ๆ - Cubism เขาเป็นผู้ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในกลุ่มศิลปินอย่างโดดเด่นมากที่สุด เกิดใน Madrid (มาดริด) Gris ศึกษาด้านวิศวกรรมที่ Escuela de Artes Y Manufacturas ที่ Madrid ในคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ในช่วงปี 1904-1905 (2447-2448) เขายังลงเรียนการวาดภาพเป็นวิชาย่อย กับอาจารย์ศิลปะ José Maria Carbonero ในช่วง 1902-1904 (2445-2447) เขาขายภาพวาดอารมณ์ขันให้กับวารสารท้องถิ่นในมาดริด อาจจะเป็นในปี 1905(2448) ที่ José González (โฮเซ่ กอนซาเลส) ใช้นามแฝงที่โดดเด่นมากขึ้นมากในวิชาชีพ ในนามฉายา Juan Gris (ฆวน กริส) Gris ย้ายมาอยู่ในปารีสในปี 1906 เขาหลบหนีราชการทหาร ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปยังประเทศสเปนได้อีกเลย เขาตั้งรกรากอยู่ใน Bateau Lavoir, ย่านบ้านที่อยู่อาศัยมีบรรดาจิตรกร นักวิจารณ์และกวี และมีเขาได้พบกับ Picasso, Georges Braque, Guillaume Apollinaire, Max Jacob และ Maurice Raynal เขาได้เป็นเพื่อนกับ Henri Matisse, Georges Braque, Fernand Léger Gris ติดตามศิลปินผู้นำของเพื่อน ๆ และเป็นเพื่อนร่วมชาติชื่อ Pablo Picasso Gris ผลิตภาพวาดของเขาครั้งแรก ในแบบนักเขียนภาพแบบรูปทรงเหลี่ยมใน 1911-1912(2454-2456) กลุ่มพวกเขาเป็นนักเขียนภาพแบบรูปทรงเหลี่ยมที่เข้าเส้นเลือดแล้ว ตามแบบอย่างจาก Braque และ Picasso แต่สำหรับ Gris จะโดดเด่นด้วยรูปทรงเงาแบบเหมือนงานโลหะ เช่นเดียวกับในภาพ กีต้าร์และดอกไม้ (1912) และ Portrait ของปิกัสโซ่ (1912) ในปี 1912 รูปแบบที่ชัดเจนและรูปทรงของภาพได้รับอิทธิพลจาก Amédée Ozenfant และ Charles Edouard Jeanneret (Le Corbusier) และทำให้ Gris เป็นต้นแบบอย่างที่สำคัญของยุคหลังสงคราม กลุ่มศิลปินที่เคลื่อนไหว "ย้อนยุคกลับไปอดีต" Portrait of Picasso, ปี 1912, เขียนด้วย oil on canvas, จาก the Art Institute of Chicago ปี 1912 ปิกัสโซ่ ผู้ชื่นชอบความคิด ทางการเมืองจักรพรรดินโปเลียนถูกจับกุม ในปี 1913 เป็นการเริ่มต้นของ Gris วาดภาพแบบรูปทรงเหลี่ยม cubism ที่ผ่านการสังเคราะห์ของ Gris ทีเขียนภาพแบบรูปทรงเหลี่ยม ด้วยวิธีการที่วัตถุไม่ใช่เป็นรูปทรงเล็ก ๆ มาเป็นส่วนประกอบ แต่ถูกนำมารวมเข้ากับวัตถุอื่น ๆ หรือ ชิ้นส่วนอื่น ๆ ของวัตถุ ในรูปทรงรวมทั้งหมดแบบใหม่อย่างงดงาม Guitar and Pipe, 1913, Dallas Museum of Art ตอนแรก Gris วาดในสไตล์การวิเคราะห์รูปทรงเหลี่ยมจาก Cubism แต่หลังจาก 1913 เขาเริ่มการเปลี่ยนแปลงงานของเขา เป็นแบบรูปทรงต่าง ๆ ที่มีการสังเคราะห์ขึ้น ซึ่งทำให้เขาได้กลายเป็นผู้วาดที่มีศรัทธาอย่างแน่วแน่ กับการใช้งานกระดาษกาว หรือ กระดาษตัดปะ เป็นงานที่แตกต่างจาก ปีกัสโซ และ Braque ที่นิยมภาพแบบรูปทรงเหลี่ยมแบบโทนสีเดียวที่มีเอกลักษณ์ Gris ชอบใช้สีที่มีความกลมกลืนสดใสด้วยความชื่นชอบ Gris และภรรยาของเขาใช้เวลาช่วงฤดูร้อนของ 1913 กับ Picasso ที่ Seret และเป็นปีที่ Gris เริ่มใช้จับแพะชนแกะอย่างต่อเนื่องในการทำงานของเขา Gris ทำให้ภาพตัดปะมีรายละเอียดและโดดเด่นยิ่งขึ้นพร้อมกับนสี มากกว่าภาพตัดปะร่วมสมัยของ Picasso และ Braque เช่นเดียวกับในภาพ กีต้าร์, แว่นตา, และขวด (1914) ถึงแม้ Gris จะยกย่อง Picasso เป็นอาจารย์ Still Life with Checked Tablecloth, 1915, Private collection. Gertrude Stein (เกอร์ทรูด สไตน์) เขียนไว้ในอัตชีวประวัติของ Alice B Toklas ว่า "Juan Gris เป็นคนเดียวที่ Picasso อยากขจัดไปให้พ้นทาง". ในปี 1914 Gris ใช้เวลาอยู่กับ Henri Matisse ที่ Collioure Gris และกลับไปปารีสในปี 1915 และเขาประสบความยากจนอย่างแสนเข็น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในปี 1915 ภาพส่วนตัวเขาถูกวาดโดยเพื่อนชื่อ Amedeo Modigliani ในปารีส, แม้ว่าเขาจะวาดภาพประกอบแบบอารมณ์ขันลึก ลงในวารสารเช่น Le Rire, L'Assiette au Beurre, Le Charivari, และ Le Cri de Paris, Violin and Checkerboard, 1913, Stephen A. Simon and Bonnie Simon Collection ในปลายปี 1916 ภาพวาดของเขากลายเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ในแบบสถาปัตยกรรมและรูปแบบกลาย ขนาดใหญ่และราบเรียบได้หลายมุมมอง ที่มีขอบเขตที่ถูกทอดทิ้งเช่นเดียวกับในไวโอลิน (1916) Gris เรียกภาพวาดนี้ "ราบเรียบ สถาปัตยกรรมสีสรรค์." ในปี 1917 เขาทำงานประติมากรรมปูนปั้นลงสีแบบเดียวกับ Harlequin ซึ่งได้งานที่ใกล้เคียงกับสิ่งที Jacques Lipchitz ได้ทำในเวลาต่อมา ระหว่าง 1917 และ 1920 Gris นำความซับซ้อนใหม่ในงานศิลปะของเขา เขาทำให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างวัตถุและเงาของภาพ และการนำเสนอย้อนกลับด้วยการแยกระนาบของภาพที่ซับซ้อน และมีสีสรรค์ที่ชวนให้ลิ้มรสและพื้นผิว ใน Fruit Bowl on Checkered Cloth (1917) รวมทั้งการเขียนภาพอย่างแปลกใหม่ จากตำนานนิยายบอกเล่าจาก Matisse ในปี 1920 Gris เข้าร่วมแสดงงานกับจิตรกรกลุ่ม Puteaux ใน Salon de la section d 'Or ที่จัดแสดงนิทรรศการล่าสุดของนักเขียนภาพแบบทรงเหลี่ยม ในปีที่ 1924 เป็นปีที่เขาล้มป่วยด้วยเยื่อหุ้มปอดอักเสบ และอยู่พักรักษาตัวจากบ้าน ที่ Bandol เป็นที่เขาได้หารือกับผู้จัดการอุปรากรบัลเล่ต์ Sergei Diaghilev คณะ Ballet Russes มีแผนการสำหรับการออกแบบตกแต่งสำหรับบัลเล่ต์ แต่ทั้งนี้ค่าตอบแทนบางส่วนถูกยักยอกโดยเล่ห์เพทุบาย แต่ยังโชคดีมากกว่ารายอื่น ๆ เช่น Tentations Les de la Bergère, ถูกประหารชีวิตในปี 1922 และ 1923 Daniel Henry Kahnweiler ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของ Gris ในปี 1920 เขียนอัตตประวัติครั้งแรกของจิตรกรในปี 1929 Kahnweiler ได้ยกย่องผลงานของรอบระยะเวลาล่าสุดของศิลปินนี้ แต่มีนักวิจารณ์ที่ตามมาหลายพบว่า งานส่วนมากว่างเปล่าเมื่อเทียบกับงานก่อนหน้านี้ของเขา มันเป็นเหมือน Gris ผลิตเพื่อตอบสนองอารมย์ของตนเอง ในงานชิ้นเดียวกัน มีการผสมปนเประหว่าง ความไม่แน่นอนลังเลใจกับและความเข้มงวด ที่สลับซ้อนซ้อนของภาพที่ตกแต่งเช่นเดียวกับภาพ Two Pierrots (1922) สุขภาพของ Gris ยังคงเสื่อมในปีสุดท้ายของเขา มีการจัดนิทรรศการ Gris ครั้งใหญ่ขึ้นที่ Galerie Simon ในปารีส และ Galerie Flechtheim ในเบอร์ลินในปี 1923 และ Galerie Flechtheim ใน Düsseldorf ในปี 1925 Gris มีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับทฤษฎีสุนทรียศาสตร์ ในช่วง 1924 และ 1925 เขาได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการวาดภาพ (Des possibilites de la peinture) ที่ Sorbonne ในปี 1924 ซึ่งมีการแปลในภายหลังและเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ภายหลังเขาเสียชีวิตในกรุงปารีสเมื่อ 11 พฤษภาคม 1927 Two Pierrots (1922) หนึ่งในคำประกาศที่มีชื่อเสียงที่สุด Gris ในปี 1921 คือ "ผมพิจารณาว่าองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม ที่เป็นคณิตศาสตร์ที่เป็นนามธรรม ผมต้องการที่จะทำให้มันเป็นมนุษย์(รูปธรรม) เช่น Cézanne นำขวดลงในถัง แต่ผมเริ่มต้นจากถังและสร้างภาพรายละเอียดออกมา อย่างชนิดพิเศษ ผมทำให้ขวด -โดยเฉพาะอย่างยิ่งขวด ออกจากถัง ". การตรวจสอบล่าสุดจากภาพ พบว่ามีการวัดที่อย่างแม่นยำ ที่ผสมผสานอัตราเฉลี่ยทอง Golden Raito อัตราส่วนระหว่างจำนวนมาก (a) ต่อผลรวม (a + b) มีค่าเท่ากับอัตราส่วนระหว่างจำนวนน้อย (b) ต่อจำนวนมาก (a) "อัตราส่วนทอง" เป็นค่าคงที่ทางคณิตศาสตร์ มีค่าประมาณ 1.6180339887 (มักจะใช้กับงานโครงสร้างวิหารกรีก และโรมัน) ถูกนำมาใช้ในบางส่วนของภาพวาดของ Gris Fantômas, 1915, National Gallery of Art หลังจากตุลาคม 1925, Gris คือบ่อยป่วยด้วยภาวะโลหิตเป็นพิษ และอาการเต้นผิดปรกติของหัวใจ เขาเสียชีวิตจากไตวาย ใน Boulogne-sur-Seine (ปารีส) เมื่อ 12 พฤษภาคม 1927 ตอนอายุ 40 ทิ้งภรรยา, Josette และลูกชายชื่อ Georges ไว้เบื้องหลัง The Bottle of Anís del Mono, 1914, Queen Sofia Museum, Madrid, Spain งานประมูลที่ได้ราคา 20.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นภาพเขียนในปี 1915 still life titled, Livre, pipe et verres จนกระทั่งสถาบันการประมูล Christie's Imp/Mod มีการขายภาพในพฤศจิกายน 2010 ภาพ "Violon et guitare" ได้ในราคา 28.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คลิปของ Jaun Gris After Gris' death, Stein said to Picasso, "You never realized his meaning because you did not have it", to which Picasso replied, "You know very well that I did". Caws, Mary Ann (2005). Pablo Picasso. Reaktion Books. ISBN 1861892470. p. 66 แปลแบบบ้าน ๆ หลังจาก Gris ตาย Stien พูดกับ Picasso ว่า "มึงมันไม่รู้ความหมายของภาพเขียนเหล่านั้น เพราะมึงไม่มีความสามารถแบบนั้น" Picasso ตอบกลับว่า "มึงก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า กูเคยทำงานแบบนี้มาก่อน" VIDEO ที่ขายภาพพิมพ์ของ Gris ที่//www.1st-art-gallery.com/Juan-Gris/Juan-Gris-oil-paintings.html
Create Date : 23 มีนาคม 2555
Last Update : 6 กันยายน 2555 22:37:53 น.
2 comments
Counter : 10787 Pageviews.