ความทรงจำเก่า ๆ ก่อนจะลืมเลือนหายไปกับกาลเวลา
Group Blog
 
<<
มกราคม 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
6 มกราคม 2559
 
All Blogs
 
ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ตรีบท



เย้ยฟ้าท้าดิน สุเทพ วงศ์กำแหง (ต้นฉบับ)


โชคชะตาฟ้าลิขิต

.....ฟ้า....หัวเราะเยาะข้า ชะตาหรือ
ดินนั้นถือ อภิสิทธิ์ ชีวิต ข้า
พรหมลิขิต ขีด เส้น เกณฑ์ชะตา
ฟ้า อินทร์ พรหม ยมพญา ข้า หรือเกรง
ฟ้า หัวเราะ เยาะเย้ย เหวยเหวยฟ้า
พสุธา อย่าครวญว่า ข้า ข่มเหง
เย้ย ทั้งฟ้า ท้าทั้งดิน สิ้น ยำเกรง
หรือใคร เก่ง เกิน ข้า ฟ้า ดินกลัว

......ข้า ขอ ลิขิต ชีวิตข้าเอง ไม่เกรง ดิน ฟ้า
อีก พื้นพสุธา พญายม พรหมอินทร์ ทั่ว
ข้า กระทำ แต่กรรมดี มีหรือจะกลัว
มิใช่ใจชั่ว ลืม ตัว หลง ลำพอง
อัน สวรรค์ อยู่ในอก นรก นั่น หรือ
ข้า ก็ถือ อยู่ในใจ ไม่ หม่น หมอง
ละ การ ทำ ชั่ว ควรหรือจะกลัว นรก มั่นปอง
หาก ทำดี ฟ้าดินต้อง คุ้ม ครอง เอย



หลังจากที่เริญกลายเป็นตัวตลกของโรงงานเบียร์ไปแล้ว
ทำให้เริญเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในวงการขายขวดเก่า
กลายเป็นฉายาประจำตัวที่เรียกขานกันแบบขำขัน
เรียกว่าเอ่ยชื่อ เริญโรงเบียร์ ทุกคนจะรู้จักแล้วหัวเราะกันเลย

มีวันหนึ่งเริญได้ไปส่งขวดเก่าที่โรงเหล้าผูกขาด
สมัยนั้นมีเจ้าเดียวที่ผลิตในนามของประเทศ
ชื่อแม่น้ำที่ต้นน้ำไหลมาจากน้ำใสบริสุทธิ์
บนแนวหิมะของเทือกเขาหิมาลัย
ผ่านหุบเขาลำห้วยสะสมน้ำอีกหลายเส้นทาง
ก่อนไหลเอื่อย ๆ ไปออกมหาสมุทรแปซิฟิค
ต้องไหลผ่าน ผ่าน จีน ลาว ไทย ขอมและอั้งนั้ม

ในยุคนั้นหรือยุคนี้
ใครก็ตามเป็นเจ้าของโรงงานเหล้า
จัดว่าต้องเป็นคน รวย ๆ ๆ
ยิ่งในยุคนั้นแล้วมีการผูกขาดผลิตเหล้าสี (วิสกี้)
เหล้าขาวหรือเหล้าโรงหรือเหล้าชาวบ้าน
กับเหล้าเซี่ยงชุนกลิ่นฉุน ๆ เหมืน ๆ
(ผู้เชียนเคยชิมแล้วไม่ชอบ)
มีโรงงานเพียงไม่กี่แห่งในศยมกุ๊ก ๆ

เหล้าที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้
เรียกได้เลยว่า Monopoly
ผูกขาดรายเดียวเจ้าเดียวแห่งเดียว
มีการผลิตขายทั่วประเทศไทย
และขายตามโควต้าระบุเฉพาะจังหวัด
เป็นแบบโควต้าจังหวัดใครจังหวัดมัน
มีฉลากติดชื่อจังหวัดด้านในขวด
มองเห็นผ่านน้ำเหล้าได้ชัดเจน

ราคาขายจึงแพงมากในบางจังหวัด
ตามหลักอุปสงค์อุปทาน Demand & Supply
บางจังหวัดก็ราคาถูกกว่าอีกจังหวัด
เพียงแค่เดินข้ามไปอีกเขตจังหวัดหนึ่งเท่านั้น

แต่เพราะมีข้อกำหนดห้ามขายข้ามจังหวัด
ใครขายข้ามเขตจะถูกจับปรับราคาแพง
หรือยกเลิกโควต้าประจำจังหวัดกันเลย
รวมทั้งโควต้าได้กันมายากมาก
เป็นของดีราคาแพงแต่คุ้มค่า
เพราะผูกขาดรายเดียวเจ้าเดียวในจังหวัด
ตามหลักการสินค้าอบายมุขกึ่งเสพย์ติด
ของกินได้ สูบได้ ไร้ประโยชน์ก็จริง
แต่สร้างสิ่งเร้าให้อารมณ์ได้ทุกครั้ง

คนซื้อเหล้าข้ามโควต้ากินได้ก็จริง
แต่ได้จำนวนไม่กี่ขวดมากนัก
เพราะถ้าซื้อมากขวด ๆ เขา
เจ้าหน้าที่กรมโรงเหล้ากับกรมตำรวจ
จะไม่ยอมเรื่องในเรื่องแบบนี้
มีโทษปรับและจำคุกให้พอหลาบจำ

เหล้าสีราคาถูกจะเป็นเหล้าสโมสร
ปิดสีเขียวที่สลากและแทบไม่เสียภาษี(ถ้าจำไม่ผิด)
รุ่นพี่เคยซื้อมากินกันในหอพักซีมะโด่ง
เวลามีงานมีการหรือขอความอนุเคราะห์
จากรุ่นพี่ที่ทำงานในโรงเหล้า
หรือจากรุ่นพี่ที่เป็นข้าราชการดูแลโรงเหล้า
รสชาติดีและกลมกล่อมกว่าที่วางขายกันในท้องตลาด
ดื่มแล้วตอนเช้าไม่ค่อยเมาค้างเหมือนกันสุราจากนอก

บางคนบอกว่าเหล้าสีที่ขายกันในท้องตลาดยุคนั้น
มีการผสมแอสไพรินหรือพาราเซ็สตามอล
ลงไปในกระบวนการผลิตเหล้าก่อนจำหน่ายด้วย
มิฉะนั้นคนกินจะเมาหนักมาก หรือเมาตายฮา
หรือตามที่มักจะร้องเพลงกันในวงสังสรรค์ว่า

" กินเหล้า เดี๋ยวก็เมาตายฮ่า
ข้าวปลา ก็ไม่ยอมกิน
ทำไม ไม่ไปถือศีล ๆ
ประเดี๋ยว กัฉึก ๆๆ "



ทุกยุคทุกสมัยพ่อค้าคนจีนมักจะหุ้นส่วนกัน
ประมูลโรงงานผลิตเหล้าแข่งกับคนศยมกุ๊ก ๆ
มักจะมีนายทุนธนาคารหนุนหลัง
กับนักการเมืองนักการทหารหนุนหลัง
เรียกว่าใครได้ก็รวย ใครไม่ได้ก็สวย

มีหลักการวิชามารอย่างหนึ่งที่ว่า
เวลาจะไปประมูลแข่งขันราคากับใคร
ให้พานายธนาคารไปเป็นเพื่อนร่วมงานประมูลด้วย
ฝ่ายตรงข้ามที่รู้จักนายธนาคารพอเห็นแล้วมักจะหวาด

หวาด ภาษาใต้มาจากคำว่า
หวาดกลัว หวาดเสียว
เพราะฝ่ายตรงข้ามมักจะประเมินไว้ก่อนว่า
คนมาประมูลครั้งนี้คงสู้ตายแน่นอน
มีเงินมีทองหนุนหลังมาสู้ราคาเต็มที่

หลงจู้หรือผู้จัดการโรงเหล้าจึงมักเป็นคนจีน
ที่ทำงานมานานหรือเป็นหุ้นส่วนโรงเหล้า
ทำให้มีบทบาทและอิทธิพลพอตัวในวงการ
ทั้งยังรู้จักมักคุ้นนักการเมือง อธิบดีกรมโรงเหล้า
หรือผู้หลักผู้ใหญ่นายทหารหลายต่อหลายคน
ที่ในยุคนั้นชี้เป็นชี้ตายธุรกิจในศยมกุ๊ก ๆ ได้เลย



วันนั้นเริญไปส่งขวดเหล้าที่โรงเหล้า
หลงจู้ได้ยินข่าวเกี่ยวกับฉายาของเริญมาก่อน
ทีแรกก็นึกขำ กับหัวเราะขำมาก
เลยสั่งคนงานที่หน้าโรงเหล้าว่า
ถ้าเริญมาขอดูตัวหน่อยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
อยากรู้จักเพราะเรื่องนี้ขำมากพอได้ยินครั้งแรก

เมื่อเริญมาส่งขวดเหล้าสีขาวในวันนั้น
คนงานหน้าโกดังที่รับขวดเหล้า
สีขาวที่ล้างทำความสะอาดแล้ว
บอกว่าหลงจู้ขอดูตัวหน่อย
พร้อมกับหัวเราะกันคิกคัก ๆ

เริญทำหน้าเรียบเฉยมากกับเรื่องนี้
กล่าวขอบคุณคนงานที่เดินมาบอก
แล้วเดินไปพบหลงจู้ที่สำนักงาน
ด้วยอาการสุภาพอ่อนน้อมตามนิสัย

ตอนที่เริญเดินเข้าไปหาหลงจู้
มีรูรั่วจุดหนึ่งบนหลังคามุงสังกะสีแผ่นหนึ่ง
แสงแดดได้ส่องทะลุผ่านรูได้
ส่องตรงลงตรงจุดที่เริญยืนรออยู่
สะท้อนแสงเปล่งประกายงดงามตัดกับใบหน้าเริญ
ทอแสงเป็นประกายงดงามเหมือนประกายเจิดจ้า
ถ้าเป็นนิยายก้เหมือนมีแสงเฮ้ากวง
หรือแบบที่เรียกว่า ฉัพพรรณรังสีจับตรงใบหน้าเริญ

หลงจู้มองเห็นแล้วก็ประทับใจมากกับภาพนี้
พอเห็นใบหน้าค่าตาของเริญก็รู้สึกชอบใจ
กอปรกับมารยาทที่งดงามพูดไทยกับจีนได้
อารมณ์ที่จะหัวเราะในเรื่องเริญโรงเบียร์ก็หายไป
รู้สึกดีมีสุขกับการคุยกับเริญมาก

หลังจากนั้นเป็นต้นมา
เวลาเริญมาส่งขวดเหล้าที่โรงงาน
หลงจู้มักจะสั่งคนงานล่วงหน้าไว้ทุกครั้ง
ให้เรียกเริญมาพบด้วยทุกครั้ง
จะขอพบชวนดื่มน้ำชาจีนและนั่งพูดคุยกัน

เริญก็มักจะนอบน้อมขอบคุณคนงานที่มาบอกทุกครั้ง
แล้ววางตัวสุภาพอ่อนน้อมกับหลงจู้และทุกคนในสำนักงาน
จนทำให้เริญกลายเป็นที่รักและเกรงใจของคนงานคนอื่น ๆ
ไม่มีใครกล้าเรียก เริญโรงเบียร์ หรือหัวเราะอีกต่อไป

ต่อมาไม่นานหลงจู้ก็ถามเริญว่า

" ลื้อรับเงินเดือนเท่าไรกับเถ้าแก่ลื้อนะ "

" เดือนเจ็ดร้อยบาทครับ
กินข้าวสามมื้อที่โรงงาน
พอกินพอใช้กับส่งให้พ่อแม่
กับน้อง ๆ ได้เรียนครับ "

เริญตอบหลงจู้

ธุรกิจคนจีนสมัยก่อน
มักจะมีการเลี้ยงอาหารคนงาน
แทนการให้คนงานออกไปหากินข้างนอก
ปัจจุบันร้านค้าทองรุปพรรณหลายแหง
ก็ยังมีธรรมเนียมนี้อยู่ในร้านค้าหลายแห่ง
เป็นการให้การช่วยเหลือด้านอาหารกลางวัน
กับเบื้องหลังลึก ๆ เพื่อป้องกันการทุจริต
ยักยอกลอบนำทองรูปพรรณออกจากร้านค้า
ในช่วงพักเที่ยงออกไปก่อนเวลาปิดทำการ/เช็คสต็อค

" งั้นลื้อมาทำงานกับอั้วเลย
ให้ลื้อเดือนหนึ่งพันบาท
กินข้าวสามมิ้อที่โรงงานเหมือนกัน
เริ่มงานพรุ่งนี้ได้เลย "

หลงจู้บอก

" ไม่ได้ครับ
เพราะผมยังไม่ได้บอกลาเถ้าแก่
และผมได้งานที่เดิม
เพราะเถ้าแก่เมตตาครับ
กับผมความรู้น้อย
คงช่วยเหลือหลงจู้ไม่ได้มากครับ "

เริญตอบหลงจู้อย่างสุภาพ

" เฮ่ย ไม่เป็นไรหรอก
อั้วหนังสือไทยก็ไม่รู้สักตัว
แต่ยังบริหารงานได้อย่างสบาย ๆ
คนเราขอให้มีนิสัยดี
ขยันขันแข็งก็ดีแล้ว
อั้วถูกชะตากับลื้อมาก
มาทำงานพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
ส่วนเถ้าแก่ลื้อเดี๋ยวจะพูดให้ "

หลงจู้บอกยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าไม่เป็นไร
เรื่องที่บอกว่าเดี๋ยวจะบอกเถ้าแก่ลื้อให้
เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน
เดินทางมาเสี่ยงโชคพร้อมกันในศยมกุ๊ก ๆ
มีอะไรช่วยเหลือกันบอกกันได้ทุกอย่าง

" ผมยังไม่อยากรับปากหลงจู๊
ขอบอกลาเถ้าแก่เดิมก่อน
ไม่รู้ว่าแกอนุญาตหรือไม่ครับ

ถ้าอนุญาตผมจะมาทำงานกับหลงจู้
พรุ่งนี้เลยครับ ผมสัญญาครับ "

เริญบอกหลงจู้อีกครั้ง

หลงจู้เลยนึกในใจ
อ้ายหนุ่มคนนี้มันดีมาก
ไปมาลาไหว้รู้จักบุญคุณคนมาก
คนอย่างนี้ได้เป็นลูกเขยจะดีมาก
หน้าตาท่าทางดูมีแววว่า
เก่งกับรวยพร้อมรุ่งโรจน์มากในอนาคต



เย็นวันนั้นเริญกลับไปที่ทำงาน
โรงงานล้างขวดเก่าส่งขายตามโรงงาน
เถ้าแก่เรียกพบพร้อมกับยื่นซองแดงให้ทันที

" เถ้าแก่ ให้อั้งเปาผมทำไม
จะไล่ผมออกเหรอครับ "

เริญถามเถ้าแก่ทันที

" ม่ายช่าย
อั้วยังเสียดายลื้ออยู๋
ตั้งแต่ลื้อมาทำงาน
ก็ถูกชะตากับโรงงาน
รายได้ก็งอกงามตลอด
มีงานเข้าทุกวัน

หลงจู๊โรงเหล้า
อีโทรศัพท์มาขอตัวลื้อแล้ว
อั้วแม้ว่าจะเสียดายตัวลื้อ
แต่ก็ยินดีไม่อยากรั้งลื้อไว้เลย
แม้ว่าจะสู้เงินเดือนใหม่ไหว

แต่ดู ๆ แล้วโชคชะตาฟ้าลิขิต
ไม่อยากหยุดยั้งอนาคตลื้อไว้
เพราะทางข้างหน้ากับงานใหม่
โรงงานเหล้ามีอนาคตมากกว่านี้
คนงานก็มากกว่ารายได้ก็มากกว่า
ตำแหน่งใหม่ลื้อก็ดีกว่ามาก
หลงจู้แกบอกอั้วไว้ล่วงหน้าแล้ว

วันข้างหน้าทำงานที่นั่นไม่ได้แล้ว
กลับมาได้เลย ที่นี่ยินดีต้อนรับ
และอั้วจะบอกลูกหลานทุกคนไว้เลย
ให้ต้อนรับลื้อเข้าทำงานได้ทุกเมื่อ
ทุกเวลา มาเช้ารับเช้า มาค่ำรับค่ำ "

เถ้าแก่โรงงานขวดบอก

" ขอบคุณ
เถ้าแก่มากเลยครับ
เงินนี้ผมรับไม่ได้หรอกครับ
ให้ผมมากเกินไปครับ "

เริญตอบพร้อมกับพยายามส่งเงินคืนให้เถ้าแก่

เภ้าแก่ไม่ยอมยื้อให้รับให้ได้แล้วบอกว่า

" อั้วรู้ว่า ครอบครัวลื้อลำบาก
รับไว้เถอะ อย่างน้อย
ลื้อก็ทำงานให้อั้วได้ดี
มีกำไรงอกงามมาตลอด

งานที่ลื้อรับผิดชอบ
ก็ดีกว่าทุกคนที่เคยจ้างมา
แต่เห็นอนาคตวันข้างหน้า
ของลื้อจะดีมากจริง ๆ
วันหลังมีอะไรก็มาเซียหูกัน
(ช่วยเหลือกัน)
วาสนาของเรา
มีด้วยกันเท่านี้ละ "

" ขอบคุณเถ้าแก่มาก
ผมจะไม่ลืมบุญคุณเภ้าแก่
ตลอดชีวิตนี้เลย "

เริญตอบพร้อมกับไหว้เถ้าแก่อย่างงาม
ธรรมเนียมจีนมักจะไม่นิยมไหว้ผู้ใหญ่กัน
แค่เรียกตำแหน่งอาวุโสหรือชื่อหรือฉายา
ด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
ก็เป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง
การไหว้เป็นการแสดงความเคารพสูงสุด
ที่เลียนแบบวัฒนธรรมท้องถิ่นผสมผสาน

ต่อมาในภายหลัง
เถ้าแก่โรงงานล้างขวดเก่าก็ไม่ผิดหวัง
เพราะได้การร่วมมือกับเริญ
ในการทำมาค้าขายกับเริญ
ถล่มวังค้างคาวหรือโรงเบียร์เก่า
จนโรงเบียร์เก่าแทบย่อยยับล่มสลาย
ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมมากมาย
แทบกระอักเลือดตายคาที่

แถมเถ้าแก่ยังได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่อง
ได้กำไรอย่างงดงามเรียกว่า
อย่างไม่เคยพบเคยเห็นมาทั้งชีวิตว่า
หมูวิ่งชนปังตอจนทั้งเลือดทั้งเนื้อทั้งเอ็น
ขาดออกมาเป็นชิ้น ๆ อย่างงดงาม
ตัดขายให้เขียงหมูได้ราคา
ขายได้อย่างสบายใจเฉิบ
จนเป็นมหากาพย์ครั้งยิ่งใหญ่



หลังจากเริญทำงานกับหลงจู้ได้ไม่นานนัก
ผลงานก็ออกมาดีเยี่ยมสมใจนิกบางลำพู
ใช้ให้เริญไปติดต่อหน่วยราชการเวลายื่นเสียภาษี
หรือให้ไปต้อนรับนำของไปให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงราชการ
หรือติดต่อกรรมการ/หุ้นส่วนโรงเหล้า

แม้ว่าเริญจะมีฉายา เริญโรงเบียร์
ที่เดิมเป็นที่หัวเราะเยาะกันนำหน้า
ดูน่าตลกขบขันในตอนแรก
แต่พอเวลาใคร ๆ พบปะกับเริญ
ต่างพึงพอใจกับมารยาทที่นอบน้อม
และการพูดจาปราศรัยที่สุภาพ
ต่างชื่นชมจนบอกมายังหลงจู้เป็นประจำ

วันหนึ่งช่วงว่าง ๆ
หลงจู้เลยถามตรง ๆ ไปเลยว่า

" อาตี๋อ่า ลื้อแต่งงานแล้วยัง "

เริญตอบด้วยความสุภาพอ่อนน้อมว่า

" ยังครับ ต้องทำงานช่วยพ่อแม่
กับส่งน้องเรียนอีกหลายคนครับ
คงไม่มีใครอยากมาลำบาก
ร่วมกันผมหรอกครับ "

" ถ้ามี ก็บอกนา
จะไปสู่ขอให้พร้อมสินสอดทองหมั้น "

หลงจู้บอกกับเริญ

" ขอบคุณมากครับ "

เริญตอบหลงจู้
หลงจู้นึกขอบเริญมากในเรื่องมารยาท
การพูดการจาที่ค่อนข้างหนักแน่นมีเหตุผล
เลยส่งคนให้ไปสืบประวัติของเริญในที่ต่าง ๆ
ก็ได้รับคำชมเชยเป็นส่วนมากในเรื่องนิสัย
ยกเว้นแต่ฉายาที่ได้จากโรงเบียร์
ที่ทำให้เริญกลายเป็นตัวตลกในวงการไป

แต่ตอนนี้กลายเป็นเรื่องคนพูดกันน้อยลงแล้ว
เพราะตำแหน่งอย่างไม่เป็นทางการของเริญ
ที่รับรู้กันในโรงเหล้าจัดว่าใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ระดับบิ๊ก ๆ ในวงการโรงเหล้าเหมือนกัน
เพราะเริญไปติดต่อทำการแทนในฐานะตัวแทนหลงจู๊
อย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอเรื่อยมา



หลงจู้ได้ปรึกษากับเมียแล้ว
เห็นพ้องต้องกันว่า
คนดี ๆ อย่างนี้ ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ
น่าจะแอบเอาดวงเริญ
ไปผูกกับลูกสาวที่ยังโสดอยู่

ดูว่าคู่นี้จะสมพงษ์หรือไม่
เพราะลูกสาวก็ยังเป็นสาวทื้ออยู๋
ในยุคนั้นผู้หญิงอายุไม่เกินยี่สิบห้าปี
ยังไม่แต่งงานแต่งการก็จัดว่าใกล้ขึ้นคานแล้ว
บางคนก็เรียกหยอกเย้าว่า สาวทื้อ

หลงจู๊บอกับเมียว่า
แกดูโหงวเฮ้งเริญแล้วว่า
น่าจะรุ่งกับรวยมาก

เมียแกก็เห็นขอบ
จึงจ่ายเงินให้กับคนเฝ้าศาลเจ้าจีน
ศาลเจ้าจีนบางแห่งแล้ว
ตามธรรมเนียมคนจีนในบางกลุ่ม
โดยปรกติจะมีการนำวันเดือนปีเกิดบางคน
หรือของทุกคนในครอบครัว
ไปนำฝากไว้กับเจ้าพ่อ
ที่นับถือเพื่อต่อโชคชะตา
หรือเสริมศิริมงคลให้กับครอบครัว

หรือบางทีก็ไปดู
ปูมประวัติของแต่ละครอบครัว
ถ้าเป็นตระกูลที่ใหญ่โตร่ำรวย
จะบันทึกสายสกุลสืบต่อกันมาไม่ขาดสาย

หรือไปสืบจากโรงเรียน
ที่แจ้งเข้าเรียนก็ได้
แต่ถ้าเป็นข้อมูลวันเดือนปีเกิด
ที่ได้มาจากศาลเจ้า
จะแน่นอนกว่า
ไม่มีการหมกเม็ดหรือปกปิด

เพราะคนยุคก่อน
มักจะปกปิดไม่บอกกันตรง ๆ
กลัวคนไปทำของ
หรือเล่นคุณไสย
แบบตัดไม้ข่มนาม

เว้นแต่จะหาฤกษ์หายาม
ในวันแต่งงาน
หรือวันออกศพบุพการี
จึงจะแจ้งวันเดือนปีเกิด
เวลาตกฟากกันจริง ๆ

ธรรมเนียมจีนเวลาออกศพบุพการี
จะต้องดูฤกษ์ยามวันที่ออกศพด้วย
ไม่ใช่นึกจะออกวันไหนก็ได้
เพราะบางวันอาจจะชง
หรือมีปัญหากับลูกหลานบางคน

แม่เคยเล่าให้ฟังเองว่า
ศพย่าทวดแกทิ้งไว้ที่โรงนา
มีฟางปกคลุมอยู่มิดชิด
จนมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ด้านใน
โรงนากับบ้านคนจีนจะอยู่ในที่เดียวกัน
มีวันหนึ่งแกเห็นมีคน
มาขนย้ายโลงศพออกไปฝัง
แกยังจำได้และกลัวจนขึ้นใจ

แม่แกบอกเองว่า
ศพย่าทวดมีปัญหาชงคนนั้นคนนี้
เรียกว่าหาวันสรุปไม่ได้เลย
ต้องวางทิ้งไว้กว่า 40 ปี
รอฤกษ์งามยามดี
ลูกหลานเจ้ามีปัญหาเรื่องชง
ไม่อยู่แล้วหรือไปทีอื่น
กับมีเงินพอแล้ว
จึงย้ายออกไปฝังศพได้วันนี้เลย



หลังจากเมียหลงจู้ได้ฤกษ์เริญแล้ว
ทั้งสองคนก็นำดวง
ไปผูกกับหมอดูรายใหญ่
หมอดูพลิดดูดวงแล้ว
บอกขอเวลาศึกษาก่อน
เพราะดูครั้งแรกไม่แน่ใจ
ต้องเอามือขยี้ตาครั้งแล้วครั้งเล่า
เลยขอเวลาศึกษาก่อนหนึ่งคืน

วันรุ่งขึ้น
ทั้งสามีภริยาก็มาพบหมอดู
ครั้งแรกก็แบบไม่แน่ใจมากนัก
เพราะที่ผ่านมาหมอดูคนนี้
ดูดวงใครแล้วมักจะทำนายได้ทันที
แต่กับดวงเริญ
ทำไมต้องรอข้ามวันข้ามคืน

หมอดูวางฤกษ์เริญลงบนโต๊ะจีน
แล้วตบมือบนฤกษ์เสียงดังปั้ง
พร้อมประกาศเสียงดังฟังชัดว่า

" เฮ่ย นี่มันดวงมหาเศรษฐีระดับโลกเลย
จะมีธุรกิจหลักแสนล้าน ที่ดินหลักแสนไร่
แพร่ขยายกว้างไกลเหมือนมองโกลยีดดินแดนไกล

ใครได้เป็นสามีรับรองรุ่งแน่ ๆ
เป็นคนรักเดียวใจเดียว
มุ่งมั่นทำงานทำการ
นี่ถ้ากรูมีลูกสาวอีกคน
จะยกให้ฟรี ๆ
สินสอดทองหมั้นแถมให้เลย
พร้อมบ้านเรือนกับยกกิจการให้ทำเลย

ดวงคนนี้จับคู่กับใครก็ได้
ยิ่งดวงลูกสาวลื้อ
เสริมดวงกับอีดีมาก ๆ
ในหลายพันคนที่อั้วดูมา
ทั้งคู่นี้ไม่มีชงกันแม้แต่องศาเดียว
เหมาะกันจริง ๆ

ดวงนี้ในรอบพันปี
จะมีแบบนี้สักคน
ยิ่งเมื่อคืนเล่าฮิว
อาจารย์ใหญ่อั้วมาเข้าฝัน
บอกหายาก ๆ
ยิ่งกว่างมเข็มขนาดหนึ่งองคุลี
ในกองฟางยักษ์ที่สุมรอม้าพันตัวกิน
ในสนามเลี้ยงม้าในอาณาจักรมงโกล

อั้วให้เวลาลื้อตัดสินใจแค่เจ็ดวัน
ถ้าไม่ตกลงปลงใจเรื่องลูกสาวลื้อ
อั้วจะไปบอกไอ้แต้เซี่ยงชุน
หรือฉายาแต้เสี่ยวป้อ
มันมีลูกสาวอีกหลายคน
ที่ยังไม่ได้แต่งงาาน

รวมทั้งยังมีเถ้าแก่
ในเยาวราชอีกหลายคน
ที่ให้อั้วหาลูกเขยให้
แบบไม่เกี่ยงงอนเรื่องสินสอด
ยกให้ฟรี ๆ ถ้าได้ลูกเขย
แบบมีดวงดีจริง ๆ
ขยันทำงานทำการจริง

ลื้อไปได้แล้ว
อั่วเหนื่อยมากกับดวงนี้
โชคชะตาฟ้าลิขิต
การเปิดเผยความลับฟ้าครั้งนี้
จะทำให้อั้วอายุสั้นลงอีกหลายปี
แต่อั้วก็ดีใจ
ภูมิใจที่ได้ดูดวงนี้
อั้วขอพักผ่อนก่อน
เหนื่อยมากเลย "

แล้วหมอดูก็เดินขึ้น
ไปบนเล่าเต้ง(ข้างบน)ไปนอน

ตำนานจีนมักจะบอกเล่ากันว่า
หมอดูที่แม่น ๆ คือ
คนเปิดเผยความลับฟ้า
มักจะต้องรับโชคร้ายของคนที่ทำนายไปแทน
จึงต้องทำบุญกันมาก ๆ เพื่อแก้กรรม
หนัก ๆ เข้าบั้นปลายชีวิต
มักจะตาบอดหริอพิการ



เย็นวันนั้น หลงจู๊กับภริยา
เรียกเริญมาพบที่บ้าน
ซึ่งปรกติบ้านหลงจู้
จะไม่ค่อยเปิดรับแขก
หรือให้คนภายนอก
เข้าไปยุ่มย่ามหรือพบได้

แล้วแกแนะนำเริญให้รู้จักกับลูกสาว
เริญเห็นหน้าลูกสาวหลงจู้ก็ถูกชะตาทันที
ก้มหน้าแดงเขินอายตลอดเวลาทั้งคู่
รวมทั้งลูกสาวก็รู้ข่าวนี้ล่วงหน้าแล้ว

หลงจุ้ไม่พูดพล่ามทำเพลง
หรือชักม้ารอบค่าย
ก่อนเข้าโจมตี
พูดตรง ๆ เลย

" อั้วชอบลื้อกับนิสัยลื้อมาก
ขอยกลูกสาวให้ลื้อเลย
ช่วยดูแลเหมือนพวกอั้วดูแลด้วย

ขอดวงลื้อพรุ่งนี้ด้วย
พาพ่อแม่ลื้อมาสู่ขอได้
เรื่องแหวนหมั้นกับขันหมาก
เดี่ยวให้ไอ้โอวมักกุ้ยจัดการให้ทั้งหมด
ไม่ต้องเกรงใจหรือไม่มีเงินจ่าย
ลื้อค่อยผ่อนจ่ายวันหลังก็ได้
หรือหยิบยืมเงินลูกสาวอั้วคืนให้ก็ได้ "

" ไม่กล้า ไม่บังอาจครับ
ผมจนมาก หลงจู้ก็ทราบอยู่แล้ว "

เริญละล่ำละลักบอกหลงจู้

" นี่เป็นคำสั่งของอั้ว
ถ้าลื้อไม่ทำถือว่าขัดคำสั่ง
กับไม่ตอบแทนบุญคุณอั้วน่า "

หลงจู้ตัดบททันที
เริญต้องนั่งเงียบ
พร้อมกับรีบขอบคุณหลงจู้
พลางหันไปสบตาว่าที่ภริยา
ด้วยอารมณ์ปลื้มปิติยินดี

หลงจู้ดีใจมากกับเรื่องนี้
รีบตัดบททันที
บอกคนขับรถยนต์ที่บ้าน
ให้รีบไปส่งเริญที่บ้านทันที
เพื่อไปเตรียมการในเรื่องนี้



วันรุ่งขึ้น
เริญกับพ่อแม่และน้อง ๆ
ก็มาสู่ขอลูกสาวหลงจู้
หลงจู้กับภริยาก็ให้หมั้นทันที
เพราะดูดวงไว้ล่วงหน้าแล้ว

ไม่เกินสัปดาห์ก็จัดงานแต่งงานแบบเรียบง่าย
ที่บ้านของหลงจู้มีงานเป็นการภายใน
เชิญแขกเหรือที่สนิทกันจริง ๆ ไม่เกินกว่ายี่สิบคน
แล้วงานแต่งงานของเริญกับวันนา
ก็เสร็จสิ้นลงตามความต้องการของหลงจู้

และแล้ว

Some Day the tiger will fly
Fly high and high
above the ocean and sky
Not try but can fly to paradise.

พยัคฆ์ติดปิกเหินฟ้าล่าเหยื่อ
น่ากลัวกว่านกอินทรีย์
หรือฝูงกาทั้งฝูงออกบิน
หรือฝุงนกแร้งทั้งฝูงออกบิน
รวมตัวกันล่าเหยื่อ

หมายเหตุ

แต้เซี่ยงชุน
หรือฉายาแต้เสี่ยวป้อ
ฉายานี้จะมีบทบาท
และเป็นหุ้นส่วนโรงเหล้า
กับหลงจู้พ่อตาเริญ

โอวมั๊กกุ้ย หรือ ผีตาดำ
คือกุนซือจอมเก่งของหลงจู้
ที่ต่อมาร่วมงานกับเริญ
ในการพิชิตชัยครั้งยิ่งใหญ่




Create Date : 06 มกราคม 2559
Last Update : 1 มีนาคม 2559 21:56:38 น. 0 comments
Counter : 2385 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ravio
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา

เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง

ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้

ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน






Friends' blogs
[Add ravio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.