รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
18 กันยายน 2553
 
All Blogs
 

กบฏสำนัก หรือ วิธีเฉพาะตน

ในการฝึกฝนสติปัฏฐานนั้น โดยเฉพาะหมวด กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน สำนักต่าง ๆ มักมีวิธีปฏิบัติแบบสำเร็จที่ให้เหล่าลูกศิษย์ปฏิบัติตาม นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการเริ่มต้นให้ผู้ปฏิบัติใหม่เกิดการเข้าใจ และสดวกต่อการสอบอารมณ์กรรมฐาน

แต่ถ้าท่านได้ฝึกฝนไปและเข้าใจหลักการของสติปัฏฐาน 4 แล้ว ท่านลองสำรวจวิธีการฝึกฝนของท่านเสียใหม่ครับว่า สิ่งที่ท่านกำลังฝึกอยู่นั้น มันถูกจริตกับท่านจริง ๆ หรือไม่
นี่เป็นสิ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญสำหรับการปฏิบัติในขั้นกลางและขั้นสูง

เมื่อผมเริ่มต้นการฝึกแบบหลวงพ่อเทียน ผมยังไม่เข้าใจหลักการของสติปัฏฐาน ผมก็ฝึกฝนไปตามรูปแบบ 15 ขั้น แต่ผมพบว่า วิธีการ 15 ขั้นนั้น มันไม่ถูกจริตกับผมเลย เวลาผมทำ 15 ชั้น ผมจะอึดอัดมากและเกิดความเครียดขึ้นเสมอ ๆ

เมื่อ .จิตรู้. ผมแยกตัวออกมา ผมเห็น .ความคิด เห็นอาการของจิตปรุงแต่ง.ได้แล้ว
ผมจึงเข้าใจคำวา สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คือ อย่างไร มีอาการอย่างไร ดังที่ผมเขียนไว้ใน เรื่อง
เรื่องของ สมาธิ ภาค 1 -ลักษณะของสัมมาสมาธิ มิจฉาสมาธิ
เรื่องของ สมาธิ ภาค 2 -ลักษณะอาการความตั้งมั่นของสมาธิ

ผมก็มาพิจารณาถึงความเครียดที่เกิดขึ้น ผมได้ทดลองดัดแปลงวิธีการเคลื่อนไหวใหม่
โดยการตัดบางท่าออกไปจาก 15 ขั้น เหลือเพียง การเคลื่อนมือ ขึ้น-หยุด ลง-หยุด
เท่านั้น ผมพบว่า พอผมทำแค่นี้ ความเครียดหายไป และรู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาติ
มากกว่า ผมจึงฝึกอย่างนี้ตลอด และกำลังสัมมาสติของผมก็ตั้งมั่นมากขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
อันเนื่องจากการฝึกฝนที่เป็นธรรมชาติมากกว่าและไร้ความเครียด

ในการฝึกฝนนั้น ผมได้พบความรู้มาว่า จิตรู้ ที่แยกตัวออกนี้แหละ คือ ความเป็น .อัตตาตัวตน.ของผมเอง เมื่อ จิตรู้ เห็น ขันธ์ 5 นั้น จิตรู้ เข้าใจได้เองว่า ขันธ์ 5 นั้นมันไม่ใช่เรา
ไม่ใช่ตัวตนของเรา ซึ่งตรงนี้ตรงกับคำสอนที่พระพุทธองค์ทรงสอนปัจจัคคีย์ทุกประุการ
เมื่อขันธ์ 5 นั้นไม่ใช่เรา แล้วอะไรคือตัวเรา คำตอบก็คือ จิตรู้ นั้นแหละคือ ตัวเรา

เมื่อผมฝึกต่อไปอีก ผมก็กลับพบว่า วิธีการที่ผมเคลื่อนมือ ขึ้น-หยุด ขึ้น-หยุด นั้น
ยังมีปัญหาอยู่อีกนิดหน่อย ถึงแม้ไม่เครียดก็จริง ดูเหมือนเป็นธรรมชาติก็จริง แต่ความเป็นอัตตาตัวตน ที่เป็น ตัวจิตรู้ ยังแสดงตัวอยู่ เพราะการฝึกเคลื่อนมือนี้ ยังมีความจงใจในการกระทำอยู่นั่นเอง ซึ่งผมเขียนเรืี่องนี้ไว้ที่
เมื่อจงใจ กระทำสิ่งใด ความเป็นตัวตนก็จะเกิดขึ้นทันที

ผมกลับไปเรียนถามหลวงพ่อที่ท่านสอนผม ท่านบอกว่า ให้ฝึกแต่เหมือนไม่ได้ฝึก
ผมกลับมาลองใหม่ แต่ไม่สำเร็จ

จนมาวันหนึ่ง ผมดูทีวีเรื่องการออกกำลังกายแบบไต่ซี่ ที่เป็นศิลปะการเคลื่อนไหวช้า ๆ แบบมวยจีน ผสมกับลมหายใจ อาจารย์ที่เขาออกทีวี เขาพูดถึงวิธีัการฝึกหายใจ ผมก็เลยลองมาทำดูบ้าง ผมเขียนไว้
ทำสมาธิด้วยลมหายใจเพื่อสุขภาพ

ผมก็เปลี่ยนวิธีการฝึกใหม่เป็น ดูลมหายใจ และ เดินจงกรม แทนการเคลื่อนมือ
เมื่อผมได้พบวิธีการฝึกที่เหมาะสมกับตัวผมเอง กำลังสัมมาสติก็ยิ่งตั้งมั่นมากขึ้น
และจากนั้นอีกไม่นาน ผมก็พบรังของอวิชชาในขณะที่ผมกำลังถ่ายของหนักในห้องน้ำ และ หลังจากนั้นอีกประมาณ 2 อาทิตย์ รังอวิชชา ก็ถูกทำลายลงในขณะที่ผมกำลังดูทีวี Spirit of Asia

มีศิษย์สายหลวงพ่อเทียนกล่าวหาผมว่า ผมเป็นกบฏสำนัก ไม่เดินตามแนวทางคำสอนของหลวงพ่อ ไปฝึกสิ่งที่หลวงพ่อเทียนไม่ได้สอนไว้ ผมไม่โต้ตอบอะไรเขาเลย

สิ่งสำเร็จที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ไว้ ผมเห็นว่าเป็นสิ่งทีดี สำหรับคนใหม่ๆ ทียังไม่เข้าใจหลักการและเหตุผล แต่ถ้าเข้าใจหลักการและเหตุผลแล้ว จะทำให้มองเห็นในสิ่งใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับตนเองได้มากกว่า นี่คือการพัฒนาการของมนุษย์ ถ้ามนุษยน์ขาดการพัฒนานี้เสียแล้ว
ปัจจุับันในยุคปี 2000 มนุษย์ยังคงอยู่ถ้ำ ถือกระบอกหิน นุ่งผ้าหนังสัตว์อยู่กระมังครับ

******
เรื่องท้ายบท

เป็นที่น่าแปลกใจสำหรับผมมากเช่นกันว่า อันความรู้ที่โผล่งขึ้นมาได้เอง และธรรมต่าง ๆ
ที่ปรากฏให้เห็นจิตเห็นแจ้งนั้น ล้วนปรากฏในขณะที่ผมไม่ได้ทำการฝึกฝนอะไรเลย
เพียงแต่ผมอยู่ในชีวิตประจำวันธรรมดา ธรรมดา ที่แสนปรกตินี่เอง

นำมาเล่าสู่กันฟังครับ




 

Create Date : 18 กันยายน 2553
13 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:00:15 น.
Counter : 1338 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะคุณนมสิการ ตั้งไข่สอบถามหน่อยนะคะ
1. การเคลื่อนมือ การตามดูลมหายใจ หรือการเดินจงกรม หรือไม่ว่าอาการกิริยาใดๆ ก็ตามภายในร่างกายเรา ให้เรารู้ที่การเคลื่อนและหยุดใช่หรือไม่คะ แต่จิตจะไม่อ่านของอาการนั้นๆ ว่ากำลังทำอะไร
2. ช่วงหลังๆ นี่ มีอาการรู้อยู่ที่ลมหายใจชัดเจนมากกว่าที่อื่นค่ะ รู้นานๆ และต่อเนื่องค่ะ (เค้าจะรู้เองค่ะ) และเห็นความคิดบ่อยๆ พอเห็นความคิดปุ๊บ ลมหายใจ หรือความรู้สึกตัวจะมากลืนความคิดได้เร็วมากค่ะ ทำให้สุขแป๊บเดียว ทุกข์แป๊บเดียว เจ็บเป็บเดียวค่ะ แต่จะเบาๆ โปร่ง ทั้งวัน และที่เป็นบ่อยๆ คือ ในความคิดจะมีการสอนเราค่ะ แทบจะทุกเรื่อง เช่น เราเห็นของที่ใหญ่กว่า หรือเยอะกว่า หรือผ้าที่สวย ฯลฯ มันจะมีอีกความคิดนึงโผล่มาบอกว่า ใหญ่เล็กไม่เห็นมีเลย มันก็เป็นสิ่งๆ หนึ่งที่วางอยู่นั้นแหละ หรือมากน้อยไม่มีเลย มันก็เป็นสิ่งที่กองอยู่ตรงนั้นแหละ หรือ ผ้าที่สวยหรือไม่สวย ไม่มีเลย มันก็คือสิ่งหนึ่งที่เค้าเรียกว่าผ้านั่นแหละ เป็นแทบทุกเรื่องเลยค่ะ กินอะไรก็ได้ นอนตรงไหนก้ได้ ทำให้ชีวิตเบา และไร้รูปแบบมากเพราะจะไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆ ที่เค้าบอกว่าต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้...แบบนี้เค้าเรียกว่าเป็นอะไรและ..ต้องทำอย่างไรต่อไปคะ ขอบพระคุณค่ะ

 

โดย: ตั้งไข่ IP: 180.183.20.182 18 กันยายน 2553 9:10:15 น.  

 

ตามที่ได้อ่านบล๊อคมา คุณนมสิการอธิบายบ่อยๆแยกกันระหว่างมือใหม่กะมือเก่า บทความนี้ผมจึงเข้าใจได้ไม่ยาก และที่ได้พบมาท่านๆที่ปฏิบัติสายหลวงพ่อเทียน ซึ่งผมคิดเอาเองว่าระดับความทุกข์ของเขาเบาบางมากหรืออาจไม่มีเลย ท่า่นๆเหล่านั้นเท่าที่ผมเห็นก็ไม่ได้เคลื่อนไหวมือ 14,15 จังหวะมากนัก

 

โดย: Littleyogi IP: 180.183.197.130 18 กันยายน 2553 9:14:19 น.  

 

ผมก็ฝึกในสำนักหลวงพ่อเทียนแต่ก็ไม่ยกมือสร้างจังหวะเท่าไหร่ครับส่วนมากจะกำหนดลมหายใจและเดินจงกรมตัวรู้เคยแยกออกจากสิ่งที่ถูกรู้ขณะที่หลังจากการปฏิบัติ
ทำให้เข้าใจสิ่งที่คุณมนสิการอธิบายเกือบทุกเรื่องครับ

 

โดย: ชู IP: 203.148.142.1 18 กันยายน 2553 11:24:57 น.  

 

เข้าใจนะครับ..

เพราะผมก็จอมดัดแปลงเหมือนกัน ตรงไหนที่ทำแล้วอึดอัดก็แอบลัดไปบ้าง 555

เรื่องความรู้ที่ปรากฏขึ้นมาเองเนี่ย อยู่ดีๆ มันก็มานะครับ แปลกดี ผมมักจะได้เสมอเวลาดูหนัง อยู่ดีๆ ก็เข้าใจปัญหาขึ้นมาเฉยๆ

 

โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) 18 กันยายน 2553 11:37:30 น.  

 

ผมเหมือนกัน ตอนแรกก็พยายามทำ
ไปๆมาๆ กลายเป็น แค่ กำมือ คลายมือ

ตอนหลังรู้เหตุผล คือ

การเปลี่ยนอิริยาบถ คือการเคลียร์ความคิดนั้นเอง

 

โดย: billy IP: 58.9.81.207 18 กันยายน 2553 13:24:11 น.  

 

ตอบ คุณตั้งใข่

กรณีของคุณ ฝึกมาได้ผลพอสมควรแล้ว ลองพิจารณาดูครับ

1...ถ้าพูดในแง่การฝึกนั้น ผมฝึก ไหว-หยุด แต่เพียงไว้่แค่รู้สึกตัวอยู่
ในสภาพสภาวะของผมนั้น เมื่อ ไหว-หยุด ไหว-หยุด มันจะมีปรากฏการณ์ที่เกิดในจิตที่เบา ๆ คือ มีพลังงานเกิดในจิต เมื่อไหว
และ พลังงานนั้นหายไป เมื่อหยุด ผมจะรู้เพียงว่ามีพลังงานโผล่ขึ้นมาหรือ ไม่มี เท่านั้น

การรับรู้ต่าง ๆ มันก็จะเหมือนอย่างนี้ คือ เป็นพลังงานโผล่มา หรือ ไม่มีพลังงาน

2...ที่เล่ามานั้น ในความเห็นของผมนั้น ยังเป็นระดับความคิดอยู่ครับ
ในการปฏิบัตินั้น ผมแนะนำให้ฝึกรู้ให้มากในระดับปรมัตถ์ โดยไม่ต้องไปสนใจ ใส่ใจในสมมุติ การฝึกรู้ในระดับปรมัตถ์นี้ จะทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้

สำหรับการกินอยู่ในชีิวิตประจำวัน จะทำอะไรก็ทำไปตามปรกติเหมือนเคยครับ อย่าได้ทำตัวเองให้เดือดร้อน หรือสร้างจุดเด่นอะไรขึ้นมาเป็นที่สังเกต .. อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ ฝากไว้พิจารณา

 

โดย: นมสิการ 18 กันยายน 2553 13:36:04 น.  

 

ขอบพระคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ ถามอีกนิดนะคะ ที่คุณนมสิการ แนะนำให้ฝึกรู้ให้มากในระดับปรมัตถ์ ...เป็นอย่างไรคะ หรือ แนะนำให้ไปอ่านที่บทความตรงไหนคะ..จะได้นำไปปฏิบัติต่อได้ค่ะ... ขอบคุณค่ะ

 

โดย: ตั้งไข่ IP: 112.143.4.191 18 กันยายน 2553 15:26:48 น.  

 

การฝึกรู้ปรมัตถ์นี้ ผมหมายถึงว่า ให้รับรู้สภาวะธรรมในระดับปรมัตถ์
เช่น ถ้าเราหายใจ เราจะรู้สึกถึงการหายใจ แทนการรู้ลมหายใจจริง ๆ
การเห็นความคิด เราจะรู้สึกถึงพลังงานที่เป็นความคิดที่มันโผล่วูบขึ้นมา
ให้รู้สึกได้ ให้รู้สึกเพียงเท่านี้พอ ไม่ต้องไปใส่ใจว่า นี่คือลมหายใจนะ
นี่คือความคิดดี ความคิดชั่วนะ และอีกอย่าง การรู้ปรมัตถ์นี้จะรู้ทีมโนทวาร
ครับ จึงจะได้ผลดี เพราะ รังอวิชชา มันอยู่ที่นั้น ถ้าเราฝึกรู้ที่มโนทวารมาก ๆ บ่อย ๆ เราจะชำนาญที่นั้น เมื่อชำนาญ โอกาสเห็นรังอวิชชาก็จะมากกว่าการไปรู้ที่อื่น

แนะนำอ่าน
วิธีดูจิตแบบพระโปฐิละเถระที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฏก

 

โดย: นมสิการ 18 กันยายน 2553 16:51:33 น.  

 

ขอบพระคุณค่ะ...

 

โดย: ตั้งไข่ IP: 114.128.97.11 18 กันยายน 2553 17:26:20 น.  

 

เรียนอาจารย์ครับ
สำหรับคนใหม่ฝึกไปในชีวิตประจำวันมันไม่ต่อเนื่องตามปัจจัยต่างๆ รอบตัว เช่นการงาน ครอบครัว ฯลฯ
สมควรไหมที่จะปลีกวิเวกหรือเข้าวัดฝึกแบบเต็มที่เท่าที่จะทำได้สักระยะ เช่น 1 สัปดาห์ 1 เดือน ฯลฯ ให้บ่อย ๆ เพื่อที่จะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น
อยากให้อาจารย์แนะนำด้วยครับ

 

โดย: คนใหม่ IP: 114.128.178.251 18 กันยายน 2553 20:32:50 น.  

 

เรื่องเข้าวัดฝึก อยู่ที่จริตของบุคคลครับ
ผมเคยไปฝึกที่วัด ปรากฏว่า ฝีกไม่ดีเลย เพราะว่ามีคนฝึกอยู่ด้วย
ถึงแม้เขาไม่รบกวนผม แต่ผมก็รู้สึกไม่ดี
แต่ผมฝึกที่บ้าน กล้บฝึกได้ดีกว่า เนื่องจากผมมีภาระกิจที่ต้องทำด้วย
ผมจึงฝึกต่อเนื่องนาน ๆ ไม่ได้ แต่จะฝึกได้ครั้งละ 10 นาทีบ้าง 15 นาทีบ้าง แต่ผมอาศัยทีว่า พอมีเวลาเมื่อไร สัก 5 นาที ผมก็ฝึกแล้ว
อาศัยฝึกถี่ ๆ แต่ครั้งละน้อย ๆ เพราะเวลาจำกัด ผมทำอย่างนี้ ตลอด
ก็ได้ผลดีสำหรับผม

แต่กรณีของคุณ คนใหม่ ต้องลองดูเองครับว่า ถ้าไปฝึกตามวัด
จะดีหรือไม่ หรือ จะลองแบบผมก็ได้ คือ ฝึกถี่ ๆ ครั้งละสั้น ๆ
ฝึกหยุด ฝึกหยุด

ให้เป็นข้อมูลเพื่อการตัดสินใจครับ

 

โดย: นมสิการ 19 กันยายน 2553 6:22:04 น.  

 

คุณคล้ายผมนะ จังหวะหลวงพ่อเทียนผมก็ตัด เหลือยกขึ้นลง แล้วก็พลิกมือ แต่ทำช้าๆ ไปมา รู้สึกถนัดมากกว่า ทำบ่อยสุดขีดทั้งวันเลย

 

โดย: ramai IP: 125.25.156.131 20 กันยายน 2553 23:43:54 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 16:23:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.