|
|
|
|
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
10 กรกฏาคม 2550 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เบื้องหลังการลดน้ำหนัก:วิทยาศาสตร์ที่น่าเบื่อแต่......เจ๋งจริง ๆ.....(ภาค 3)
ถ้าความอ้วน...และการลงพุง...เป็นทุกข์ละก็ ผมก็เขียนเรื่องกลไกของสาเหตุแห่งทุกข์นี้ไปบ้างแล้ว
แต่เหตุของเหตุที่สำคัญก็คือ "พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง...คือเลือชนิดของอาหารไม่เหมาะสมและการรับประทานมากจนเกินอิ่ม"...ไปนั่นเอง
เริ่มแก้ตรงนี้ก่อนนะครับ ปรับทัศนคติการรับประทานอาหารใหม่ซะหน่อยครับแล้วตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารกันดีกว่า(ถ้าอยากให้ศักดิ์สิทธิ์ละก็....ไปที่หน้าพระประธานวัดที่เราศรัทธา....แล้วอธิษฐาน+ปวรณา....ว่าลูกช้างจะเปลี่ยนนิสัยรับประทานไม่เลือกแล้ว..จะรับประทานคาร์โบไฮเดรตให้เหลือน้อนที่สุด.....เลือกแต่ชนิดดี ๆ เท่านั้น...ถ้าลูกช้างผิดคำอธิษฐ+คำปวรณาละก็ขอให้ชาติหน้าเกิดเป็นหมู...ส่วนชาตินี้ขอให้เป็นแม่หมูไปเลย.....โอม...เพี่ยง!!!!)
เราน่าจะไปต่อกันที่ "ระดับยุทธศาสตร์" กันดีกว่านะครับว่าเราจะชนะ "ความอ้วนและการลงพุง" ...ได้อย่างไร?
ยุทธศาสตร์ที่ 1 ปรับเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ และพฤติกรรมการรับประทานอาหารเสียใหม่ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ปรับเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ และพฤติกรรมการรับประทานอาหารเสียใหม่ ยุทธศาสตร์ที่ 3 ปรับเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ และพฤติกรรมการรับประทานอาหารเสียใหม่
เพียง 3 ยุทธศาสตร์เท่านั้น.....จริง ๆ.....ฮา.....ฮา.....ฮา.....
ไปที่นี่เลยครับ...ลดนำหนัก 15 กิโล ใน 6 เดือน..... //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=armydoc&month=06-2007&date=19&group=27&gblog=5
หรือไม่ก็ที่นี่ครับ....อาหารลดน้ำหนัก"สูตรกินรี"(คาร์โบไฮเดรตต่ำ)....อันเดียวกันครับ//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=armydoc&month=06-2007&date=14&group=24&gblog=4
ง่ายมากใช่ไหมครับ....เพียง 3 ยุทธศาสตร์เท่านั้น....ที่ทำให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้....ก็จะประสบความสำเร็จแล้วจริง ๆ ในการลดพุง
อยากจะย้ำว่ามีความเชื่อที่น่าเป็นห่วงที่จะเป็นตัวถ่วงไม่ให้เราลดน้ำหนักได้ตามที่ต้องการ...เราต้องเปลี่ยนความเชื่อเหล่านี้ให้ได้ก็คือว่า 1.ความเชื่อที่ว่าถ้าเราไม่รับประทานข้าวแล้วจะทำให้ไม่มีแรง...อ่อนเพลีย...วูบ...และทำงานไม่ได้.....ซึ่งไม่จริงเลย....สาบานได้....ให้ผอมซี่เอ้า....เพราะถ้าเรารับประทาน...ผัก...เนื้อสัตว์...เต้าหู้...ในปริมาณที่มากพอเพียงแล้วละก็จะมีคาร์โบไฮเดรตมากพอที่ร่างกายจะใช้งานได้....ไม่มีวูบ.....ไม่มีเป็นลมแนอน 2.สูตรอาหารแบบ "สูตรกินรี(คาร์โบไฮเดรตต่ำ)" นั้นจะทำให้เราไม่สนุกกับการรับประทานอาหาร...เพราะมีแต่ผักกับเนื้อสัตว์....ข้อนี้รับรองว่าไม่จริงครับ....ขอปฎิเสธตลอดข้อหา.....เพราะว่าเรามีหลักการที่ว่า...."ทุกมื้อ...ต้อง..อิ่ม..และอร่อย"...มันขึ้นกับฝีมือการจัดเมนูและฝีมือการปรุงอาหารของเราต่างหากว่าแน่แค่ไหน....ลองไปที่นี่ดูนะครับ........คลิก //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=armydoc&month=06-2007&date=14&group=24&gblog=5
โดยปกติถ้าร่างกายมีคาร์โบไฮเดรต(กลูโคส)ไม่พอใช้ละก็ร่างกายก็จะเอาไขมันที่ถือว่าเป็นพลังงานสำรองออกมาใช้แทนได้เป็นอย่างดี.....ลองคิดดูถ้าเราเลิกรับประทานคาร์โบไฮเดรต(ช้าว...แป้ง....น้ำตาล...ขนมปัง...ฯลฯ)ละก็อะไรจะเกิดขึ้น......ไขมันที่พุงก็จะถูกสลายมาเป็นพลังงานแทนน่ะซิ่....ผอมแน่ ๆ เลย.....นี่คือหลักการที่สำมะคัญนะ.....คือเราจะล่อหลอกร่างกายเราว่า.....ไม่มีน้ำตาลกลูโคสใช้แล้วนะ.....ไปใช้ไขมันที่พุงโน่นแทน....ไปเลย
คราวนี้เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าถ้าเรารับประทานคาร์โบไฮเดรตให้เหลือน้อยที่สุดก็เท่ากับว่าเราจะไปลดกลูโคสสำรอง(ไกลโคเจน)ลงไปร่างกายก็จะหันไปเผาผลาญไขมันที่พุงป็นพลังงานให้เแทน....พุงก็จะยุบไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่เรารับประทานคาร์โบไฮเดรตให้ร่างกายรู้สึกว่าขาดแคลนไปเรื่อย ๆ....ผมเรียกยุทธศาสตร์นี้ว่า "ล่อเสือออกจากถ้ำ" ....ความจริงน่ะเป็นการ "ล่อไขมันให้ออกจากพุง" ต่างหากนิ...โอม...เพี่ยง...ผอม.....ผอม......ผอม.......ผอม......ผอม......ผอม.....ผอม.....ผอม......ผอม........นับได้ 9 ครั้งพอดี......ชัวร์ป้าดดดดดด!!!!!
แล้วการออกกำลังกายล่ะ?....เก็บไว้ก่อนก็ได้แล้วค่อยคุยกันนะ
ต้องนับแคลอรี่ไหม?....ลืม ๆ มันไปซะก่อนเถอะนะ
ยาลดความอ้วนล่ะต้องใช้ไหม?.....ชิดซ้ายแล้วจอดชิดขอบทางไปเลย....อย่ามาเสนอหน้า...ชิ้ว...ชิ้ว...ชิ้ว...ไปไกล ๆ เลย
ลองมาดูเรื่องการออกกำลังกายดูนะครับว่ามันจะช่วยลดน้ำหนักมากแค่ไหน? ....สมมุติว่าถ้าเราจะเผาผลาญพลังงานสัก 700 กิโลแคลอรี่ละก็จะต้องจ็อกกิ้ง 1 ชัวโมงด้วยความเร็ว 6 ไมล์ต่อชั่วโมง ....แต่ถ้าเดิน 1 ชั่วโมงด้วยความเร็ว 2 ไมล์ต่อชั่วโมงละก็ จะเผาผลาญพลังงานไปแค่ 200 กิโลแคลอร่เท่านี้นเอง
แล้วถ้าเราจะออกกำลังกายให้ร่างกายเปลี่ยนการเผาผลาญกลูโคส(พุงอยู่เฉย ๆ ไม่ยุบหายไป ) มาเผาผลาญไขมันที่พุงแทน(พุงจะยุบ)จะทำยังไงดีล่ะ?
ปกติเวลาเราออกกำลังกายนั้นร่างกายเราจะใช้กลูโคสเป็นเชื้อเพลิงก่อน...แต่แป๊บเดียวมันก็หมดซะแล้วเพราะถ้าใช้ไปมากเกินน้ำตาลในเลือดจะต่ำ....เราก็จะวูบ....เป็นลม.....ร่างกายจะต้องเอากลูโคสสำรอง(ก็คือไกลโคเจนนั่นเอง)มาใช้ ซึ่งมีอยู่ในกล้ามเนื้อประมาณ 100 กรัมและในตับอีกประมาณสัก 300 กรัม รวมหลงจ้งแล้วก็ 400 กรัม คิดเป็นแคลอรี่ก็เท่ากับ 1,600 กิโลแคลอรี่ใช่ไหมครับ(ถูกไหมเนี่ย...ผมตกเลขน่ะ)?
ไกลโคเจนใช้เป็นพลังงานไปหมดเมื่อไหร่ละก็คราวนี้ก็ถึงคิวต้องใช้พลังงานสำรองตัวต่อไปแล้ว...ก็ไขมันแถวพุงไงล่ะ....รอคิวอยู่แล้ว
อยากจะเน้นให้เห็นความสำคัญตรงนี้ว่าเมื่อไรก็ตามที่เราใช้กลูโคสสำรองหมดเมื่อนั้นร่างกายจะเริ่มเอาไขมันที่พุงซึ่งเป็นพลังงานสำรองก๊อกสองมาเผลาผลาญให้พลังงานแทน(พุงจึงจะเริ่มยุบนะ).....เห็นไหมว่ากว่าจะใช้ไขมันได้ต้องผ่านด่านมหาหินก่อน.....ไม่ง่ายเลย.....แต่ถ้าอยากลดพุงต้องใจเย็นและรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมนี้.....ต้องมียุทธศาสตร์ที่ดีพอ
เจ้ากลูโคสสำรองที่เท่ากับพลังงาน 1,600 กิโลแคลอรี่น่ะถ้าจะใช้มันให้หมดเพื่อที่จะได้เผาไขมันต่อไปละก็จะต้องจ็อกกิ้ง 2 ชัวโมงกว่า ๆ ด้วยความเร็ว 6 ไมล์ต่อชั่วโมง...หรือถ้าจะเดินด้วยความเร็ว 2 ไมล์ต่อชั่วโมงละก็ประมาณ 8 ชั่วโมงเท่านั้นจึงจะเผาผลาญหมด....เมื่อยแย่เลย.....เห็นท่าจะอ่วมแน่เลย
ไหวไหมครับ?.....เคยออกกำลังกายทีละ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ หรือเดินทีละ 8 ชั่วโมงไหมครับ.....ต้องตายแน่เลย....หมดแรงข้าวเหนียว...ข้าวจ้าว....ขนมปัง.....ขนมจีน...แน่นอน.....แล้วถ้าจะให้ร่างกายเผาไขมันต่อก็ต้องกำลังกายต่อ....คงประมาณ 3 ชั่วโมงมั้ง.....ขาดใจตายซะก่อนแน่เลยตู.....คนที่จะทำอย่านี้ได้ก็คือพวกนักกีฬาและนักวิ่งมาราธอนที่ซ้อมกันเป็นบ้าเป็นหลังวันละหลายชั่วโมง...จึงมีแต่กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ หาไขมันที่พุงแทบไม่เจอเลย....ส่วนเราเป็นคนที่แสนจะธรรมดาคงหมดปัญญาแน่นอน.....จริงป่าวววววววว???????......วิ่งไปครึ่งชั่วโมงหรือมากหน่อยขั่วโมงเดียวก็เกือบตายแล้ว.....ฉะนั้นการออกกำลังกายแบบธรรมดา ๆ จึงไม่สามารถลดน้ำหนักได้อย่างที่คนเข้าใจกัน...เป็นได้แค่ตัวสำรองและตัวช่วยเท่านั้น
อย่าเพิ่งไปดูถูกการออกกำลังกายนะ...แม้มันไม่สามารถทำให้พุงเราหายไปได้ก็ตามที....แต่มันทำให้เราฟิตขึ้น...แข็งแรงขึ้น....สดชื่นขึ้น....หัวใจ+หลอดเลือด+กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น>>>>>ตายช้าลงแน่นอน....และมักตายดี......ถ้ามีแรงมีความตระหนักเรื่องนี้รีบไปออกกำลังกายเลยครับ....น้ำหนักไม่ลด...หรือลดนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรขอให้แข็งแรงก็น่าจะดีกว่าอยู่เปล่า ๆ น่า
ถ้าอย่างนั้นถ้าเราคุมอาหารด้วยและออกกำลังกายด้วยก็น่าจะทำให้ลดน้ำหนักเร็วขึ้นใช่ไหม?......คงเร็วขึ้นบ้างแต่ขึ้นอยู่กับความหนักหน่วงในการออกกำลังกายด้วยว่ามากแค่ไหน.....อย่างไรก็ตามการคุมอาหารก็ยังเป็นแกนนำอยู่ดีนั่นแหละ....ออกกำลังกายด้วยน่ะดีแน่แต่ช่วยลดน้ำหนักไม่มากนักหรอก.....ที่สำคัญคือออกกำลังกายแล้วแข็งแรงน่ะ....ทำไปเถอะ......แรงเราเองไม่ได้ไปซื้อที่ไหนมา
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากกล่าวถึงคือการใช้ "ยาดักจับไขมัน"....อันนี้ก็ช่วยลดปริมาณไขมันลงไม่ให้มีมากเกินไปก่อนการดูดซึมในลำไส้....แต่เสียเงินมโหฬารเลย....อึมาทีงี้มันเยิ้มและเหม็นหึ่งเลย....เผลอ ๆ ท้องเดินอีกต่างหาก(เรียกว่าตกมันแบบรับประทานไข่ปลาสลิดมากไปนั่นเอง)....เสียดายเงินน่ะ...และก็ไม่เป็นการสร้างนิสัยที่ดีเอาเสียเลยนะ...ก็เลือกอาหรที่ไขมันต่ำเสียตั่งแต่แรกก็สิ้นเรื่องเท่านั้นเอง.....แต่บางคนบอกก็อยากกินขาหมู....อยากกินเป็ดย่าง....อยากกินคอหมูย่างน่ะ....จะทำไงดี....ก็เอางี้ก็แล้วกัน....หาวันปล่อยผีบ้างเป็นครั้งคราวนาน ๆ ครั้ง....แก้อยาก.....แต่อย่าปล่อยผีจนเพลินไปล่ะ.....เอาผีกลับมาลงหม้อให้ได้ด้วยนะ.....เดี๋ยวพุงปลิ้นอีก.....อายเค้า
ส่วนยาลดความอ้วนต่าง ๆ นั้นอย่ามาคุยกับผมเลย....มันน่ารังเกียจมาก.....อันตรายก็ปานนั้น....เปลืองเงินก็ปานนั้น.....สร้างนิสัยเสียก็อีกต่างหาก(อยากผอมทีก็รับประทานยาลดความอ้วนที).....ชิ้ว....ชิ้ว....ชิ้ว.....ไปไกล ๆ เลยนะ......ไม่ต้อนรับ
สรุปว่ารับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีปริมาณต่ำ ๆ จะช่วยลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักได้แน่นอน.....สุขกันเถอะเรา......ผอมแล้วนี่
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้....จบมันดื้อ ๆ งี้แหละ.....แต่ผมว่าน่าจะมีภาคพิสดารต่อซักหน่อยนะ....ขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน
อย่าลืมกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับไขมันที่พุงที่ถูกเผาไปเรียบร้อยแล้วล่ะ.....ให้ไปที่ชอบ ๆ ....อย่าได้กลับมาจองเวรจองกรรมกันอีกเลย...สาธุ....สาธุ....สาธุ
Create Date : 10 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 11 สิงหาคม 2550 16:38:32 น. |
|
3 comments
|
Counter : 510 Pageviews. |
|
|
|
โดย: cm-2500 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:21:50:17 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:15:15:58 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|