--Work&Travel: Internship USA: Adjustment of Status--

Markswoman
Location :
Virginia Beach, VA United States

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Would you rather be "smart but ugly" or "dumb but pretty?
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Markswoman's blog to your web]
Links
 

 

Internship~USA#13: J1 Waiver Questions & Answers

I got all this questions and concerns from my comment section so I would combine it all in the same place and answer it all in the same time.

_______________________________________________


โชคดีจังค่ะ ต่ายว่าจะไปอินเทอนชิพสักปี แล้วอยากอยู่ต่อ เพราะอาจจะแต่งงานกับ แฟน ยังไงช่วยแนะนำด้วยนะคะ
โดย: ต่าย IP: 113.53.164.150 2 มกราคม 2553 22:58:38 น.

There's no "luck" part ka'
it's just being prepared for everything, did research and follow instructions.

The good thing about J1 waiver is, you can start filing it once you got in US, so the sooner you file, the faster you get the final favorable recomendation letter.

Again, be prepared for everything, make sure every required documents is sent all together and just be patient.



สวัสดีค่ะคุณหมูตุ๋น ดีใจที่ได้เจอ blog ของคุณหมูตุ๋น จิ๊บนะคะมีเรื่องรบกวนถามดังนี้ค่ะ
1. ดีใจที่ได้เจอ เพราะจิ๊บจะไป VA beach เช่นกัน
2. ดีใจที่ searchเจอ J1 waiver ในนี้ค่ะ
คือวันนี้ไปสัมภาษณ์วีซ๋าคู่หมั้นมาค่ะ แต่ติดที่เอกสารไม่ครบ จิ๊บทำwaiver แต่เค้าต้องการ final decision จาก USCIS ค่ะ เลยไม่ทราบว่าจิ๊บขาดขั้นตอนหรือหลักฐานอะไรเพราะใน case online ก็เห็นว่า Favorable recommendation แล้ว ต้องมีเอกสารอะไรที่จะเราจะได้ยืนยันว่า approve แล้วค่ะ คุณหมูตุ๋นพอจะมีตัวอย่างไหมว่า ที่จิ๊บมี ได้มาอยู่สองใบคือจากสถานทูตและจาก department of state เลยไม่ทราบกว่าเค้าต้องการอะไร แล้วหน้าตาเป็นไง แล้วเอกสารที่เค้าต้องการมันคืออะไร ช่วยตอบจิ๊บด้วยนะคะ ขอบคุณมาก ๆๆๆ เลยค่ะ
โดย: jib IP: 203.144.144.164 25 มกราคม 2553 14:36:40 น.

I'm pretty sure, it's the final letter from department of state saying you have been granted the favorable recommendation. That's it.
If I have a chance to scan it, I will.



ขอปรึกษาหน่อยค่ะว่า คุณฟ้าได้ระบุเหตุผลรึเปล่าค่ะ ว่าอยากของ waiver เพราะอะไร เพราะเพิ่งโดนปฎิเสธมาค่ะ ว่าเหตุผลไม่เพียงพอที่จะขอ waiver เช่นจะแต่งงาน อ่ะคะ
โดย: โบ IP: 76.76.241.169 12 กุมภาพันธ์ 2553 6:19:13 น.


Getting married is NOT and NEVER be a reason for you to get a waiver easily. NEVER EVER use 'I'm getting married so you have to give me J1 waiver" card. Department of state or your own country's embassy will not even process your document because getting married is not a "good enough" reason to let you stay longer in USA.

All they care about is you do not have any objection to your home country, for example; not getting any sponsorship from the government [that you have to go back home and pay it off], not getting any kind of funds from any organization to participate in your internship program. They just want to make sure you do not have anything behind in your homecountry or owe any organization any money.

So the answer is, use "no objection" reason in your statement of reason when you apply for your J1 waiver. Just state that you are here in USA as a part of internship program all by your own funds. You have never recieved any kind of funds or sponsorship from your homecountry or any organization.



ดีค่ะ...กะลังจะไปเมกาอินเทอนชิพของซีๆเหมือนกัน ไปมาสองรอบแระค่ะตอนเวิค รอบนี้ไปอินเทอน หวั่นๆว่าจะไม่ผ่านเพราะอยู่ดีดีก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ขึ้นมากระทันหัน ตอนสัมภาษณ์เลยติดๆ ฮ่าๆ แล้วเอกสารไม่ครบ เลยต้องไปใหม่อาทิตย์หน้า..ตอนนี้อยู่ในช่วงลุ้นว่า จะเป็นอะไรรึเปล่า ยังงัยรบกวนแอดอีเมลล์หน่อยนะคะ

Don't worry, you will be just fine. Make sure you prepare all needed documents the way US embassy want, and just don't freak out, be yourself and take a deep breath!




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2553    
Last Update : 23 สิงหาคม 2553 12:48:20 น.
Counter : 2525 Pageviews.  

Internship~USA#12: J1 Waiver I got it!!

11 months already!! I couldn't believe it would be this fast.
There's a lot of things going on in my life right now.

First, I got married! It was pretty fast. Well, we had to do what we have to do. Simple.

Second, I already got my J1 Waiver, woo hoo!!! Congratulation for me. It was not that bad. It just took a long time to wait on process.

Third, I'm doing the "Adjustment of Status" right now. it's kinda pricey. Well, you have to do what you have to do (again). lol

............
กลับมาเวอร์ชั่นไทยดีกว่า
ถึงจะพิมลำบากนิดนึงแต่คงจะง่ายกะคนอ่านมากกว่า
ฮ่าๆ

โอเค
พล่ามมามากมาย
เข้าเรื่องดีกว่า

เมื่อราวๆหกเดือนที่แล้ว
ฟ้าเริ่มทำเรื่อง ขอ J1 Waiver เพื่อเอาเจ้า 2 years rule ออกซะ
เพราะเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองน่าจะมีแนวโน้มว่าต้องอยู่ที่นี่อีกพักใหญ่ๆ


เริ่มแรก ก็ศึกษาข้อมูล ว่าจะต้องทำอะไรยังไง
หลักๆ ก็จะแบ่งออกเป็นสองส่วน
คือ เอกสารที่ต้องส่งไป DOS หรือ Department of State
และ เอกสารที่ต้องส่งไป Thai Embassy, Washington DC

มาว่ากันที่ DOS ก่อนเลย
เข้าเวบนี้ https://j1visawaiverrecommendation.state.gov/

เลือก Complete an online application for a J-1 waiver recommendation.

กรอกๆๆๆ แล้วก็พิมพ์ออกมา
จัดเอกสาร ให้ครบตามที่เค้าต้องการแล้วก็ส่งไป

ส่วนเอกสารที่ต้องส่งไปกงศุลไทยในดีซี
ตามลิงค์นี้
//www.thaiembdc.org/consular/Lega/Lega3_1.aspx/

เลือก >หนังสือเปลี่ยนวีซ่า J-1

จะเห็นได้ว่า กงศุลไทย ต้องการ "จดหมายถึงสถานเอกอัครราชทูต ฯ แจ้งความประสงค์ในการขอหนังสือรับรอง"

ฟ้าทำเรื่องเรียบร้อยหมดละ เลยอยากเอาตัวจดหมายเนี่ยมาแชร์ จำได้ว่า ตอนทำเรื่อง ฟ้าพยายามหาตัวอย่างจดหมายถึงกงศุลไทย แต่หาไม่เจอเอาซะเลย
________________________________________________________________________________

The Royal Thai Embassy
Consular Section, Room 101
1024 Wisconsin Ave., N.W.
Washington D.C. 20007

13 มิถุนายน พ.ศ.2552

ข้าพเจ้า นางสาว xxx xxxxxxxx มีความประสงค์ในการขอหนังสือ No Objection Statement เพื่อใช้ในการดำเนินการขอ J1 Visa Waiver ข้าพเจ้าสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยxxxxx xxxx ในสาขาวิชาบริหารธุรกิจการจัดการ (ภาคภาษาอังกฤษ) คณะวิทยาการจัดการ เมื่อเดือน พฤษภาคม ปีพ.ศ. 2551

หลังจากสำเร็จการศึกษา ข้าพเจ้าได้เข้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ชื่อบริษัท xxxx (ประเทศไทย) จำกัด ในตำแหน่ง เลขานุการผู้บริหาร เป็นระยะเวลาทั้งสิ้นสี่เดือน ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนกันยายน พ.ศ.2551

ข้าพเจ้าได้รับวีซ่า J1 รวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง ในครั้งแรกเมื่อ เดือนพฤษภาคม ถึง เดือนสิงหาคม ปีพ.ศ. 2549 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Work and Travel ภาคฤดูร้อน ในระหว่างนั้นข้าพเจ้าทำงานให้กับสวนสนุก ซีดาพอยน์ ในมลรัฐโอไฮโอ ในครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้ใช้เงินทุนส่วนตัวเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในระหว่างที่ข้าพเจ้าพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีองค์กรเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกา Camp Counselors USA (CCUSA) เป็นเพียงผู้สนับสนุนโครงการเท่านั้น รัฐบาลหรือ องค์การใดในไทย ไม่ได้เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย หรือให้ทุน หรือเงินสนับสนุนใดใดทั้งสิ้น

ข้าพเจ้าได้รับวีซ่า J1 อีกครั้งหนึ่ง ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2552 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Internship เป็นระยะเวลาหนึ่งปี โดยทำงานให้กับบริษัท HMP Properties ในรัฐเวอร์จิเนีย เช่นกัน ข้าพเจ้าได้ใช้เงินทุนส่วนตัวเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในระหว่างที่ข้าพเจ้าพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีองค์กรเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกา Cultural Homestay International เป็นผู้สนับสนุนโครงการเท่านั้น รัฐบาลหรือ องค์การใดในไทย ไม่ได้เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย หรือให้ทุน หรือเงินสนับสนุนใดใดทั้งสิ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้าพเจ้าไม่เคยรับราชการ หรือ ได้รับทุนการศึกษา หรือ เงินสนับสนุน หรือ ความช่วยเหลือทางการเงินใดใดจากรัฐบาล หรือ องค์การใดใดในประเทศไทย ให้ไปศึกษา ดูงานหรือ ฝึกงานในประเทศสหรัฐอเมริกา

ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อความที่กล่าวในจดหมาย เป็นความจริงทุกประการ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาดำเนินการต่อไป




นางสาวxxx xxxxx
_________________________________________________________________________________


เอาเป็นว่า ในที่สุด ฟ้าก็ได้ไอ้เจ้า Favorable recommendation จาก DOS ซึ่ง remove 2 years rule ในพาสปอร์ตออกเป็นที่เรียบร้อย



ส่วนข้างล่างนี่ เป็น Timeline ของ J1 waiver ของฟ้าค่ะ

6-14 J1 waiver Document delivered to Thai Embassy, Washington DC
6-15 J1 waiver Document delivered to DOS, Saint Louis, MO
6-17 J1 waiver fee has been cashed by DOS
6-19 Married @ Courthouse, VA Beach
6-26 J1 waiver documents received by DOS
9-13 J1 Waiver Case approved: Favorable recommendation


หวังว่าจะมีประโยชน์กะ J1 visa holder ทุกคนนะค๊ะ





 

Create Date : 18 ธันวาคม 2552    
Last Update : 18 ธันวาคม 2552 3:24:11 น.
Counter : 6365 Pageviews.  

Internship~USA#11: หกเดือนผ่านไป

เร็วมากกกกกกกกกกกก
ผ่านไปแล้วหกเดือน
มาอยู่เวอร์จิเนียได้หกเดือนแล้วนะคะ

สงสัยว่าจะได้อยู่อีกนานเลยล่ะ

หกเดือนที่ผ่านไป
ก็ทำงาน สบายๆ ขำขำ ไปวันๆ
ทำเป็น shift shift ละ 8 ชม.

สบายมาก
ขำขำ
แต่แทบจะไม่ได้นั่งเลยตลอดแปดชม.
ทำfront desk ค่ะ
งานสบายๆ

แขกเชคอิน เชคเอาท์
รับจองโรงแรม
แคนเซิลจอง
คอนเฟิร์มการจอง

ประเด็นหลักๆตลอดหกเดือนที่ผ่านมา
ก็คือ เรียนรู้ระบบโรงแรม การจัดการภายใน และ Customer Service

สนุกดีอ่ะ
คนที่ที่ทำงาน ไนซ์มากกกกก

เลยทำงานแบบสบายๆ
ไม่ต้องคิดมาก

ทำงานที่นี่ ไม่ทันรู้ตัวก็ปาเข้าไปหกเดือนแล้ว

ตอนทำงานที่ไทย
กว่าจะทำงานได้ซักเดือน เหนื่อยใจมาก
ต้องลุกไปทำงานตั้งแต่เช้าพอพอกัน แต่ความรู้สึกต่างกันมากมาย

ทีนี้ มาตอบคำถามที่ว่า
งาน internship program เนี่ยงานมันดีกว่า work & travel ใช่มั้ย
ก็ตอบได้เลยว่าใช่
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ต้องแสดงความสามารถให้เค้าเห็นด้วย
ว่าเราน่ะดีพอที่จะทำงานนี้นะ

เช่น
มาอินเทิน แต่ภาษาอังกฤษยังพูดกะใครไม่เข้าใจ
ก็ธรรมดาที่เค้าจะไม่ให้ทำงานอะไรที่พูดกะคนอื่นมากมาย
อาจจะถูกส่งให้เป็น Housekeeping ได้

นายจ้างเองก็ต้องใช้คนให้เหมาะกะงาน
มันเป็นเรื่องที่ใครก็เข้าใจได้

เทรนนิ่งแพลนเพลินอะไรที่เค้าให้มา
ว่ากันตามตรง
อย่าไปคาดหวังอะไรมากมาย

ถีบตัวเอง ดันตัวเอง
อย่ารอให้ coordinator ดูแลแค่อย่างเดียว

อยากได้อะไรก็บอกบอสตัวเอง
ไม่ต้องไปบอก coordinator
เค้าทำไรให้จริงๆจังๆ ไม่ได้หรอก

ต้องกล้าพูด มั่นใจ
หาข้อมูลด้วย
ไม่ใช่สักแต่จะเถียงอย่างเดียว
ยกเหตุผลมาคุยกัน
ถ้าเราไม่พูดอะไร มันก็เป็นธรรมดาที่เค้าจะคิดว่าเราแฮปปี้

พล่ามอะไรเนี่ย ยืดยาว
เอาเป็นว่า
จะมาอัพเดทอีกนานนานทีนะคะ







 

Create Date : 05 สิงหาคม 2552    
Last Update : 5 สิงหาคม 2552 20:39:59 น.
Counter : 1124 Pageviews.  

Internship~USA#10: และแล้วก็ถึงเวลาต้องไป

อย่างแรกเลยคือตั๋วเครื่องบิน

เชคจากหลายๆสาย หลายๆเอเจนซี่นะคะ
ฟ้าไปกะ ANA ค่ะ จะเอาไมล์ แต่แพงเหมือนกัน
แต่จองค่อนข้างกระชั้นชิดมากๆแล้ว
จองก่อนปีใหม่ไม่กี่วันค่ะ
Asiana ก็เต็มแล้ว
ฺฺBKK-NRT-SFO one-way ราคา 32,000.- จากราคาหน้าตั๋ว 52,xxx.-
เดินทางวันที่ 11 มกรา 2009

Agent: G.M. TOUR & TRAVEL / LADPRAO
6 GRAND VILLAGE LADPRAO 80/3
LADPRAO WANGTHONGLANG 10130
TEL : 02-933-9898
FAX : 02-629-0405

ไม่รับประกันว่าที่นี่จะถูกสุดทุกกรณีนะคะ
ต้องถามหลายๆที่ค่ะ
ฟ้าถามประมาณ สามสี่ที่
สรุปว่าที่นี่ถูกสุด เลยเอาที่นี่ค่ะ

ได้ตั๋วปุ๊บ ปรินท์ออกมาตั้งไว้ ทำสำเนาไว้อีกชุดก็ดีค่ะ

**ANA บริการดีมากกกกกกกกกกกกกกกก
แอร์ใจดีมากถึงมากที่สุดค่ะ
ขออะไรให้หมด ได้ทุกอย่างงงงงงงงงงง
ขอไอติมเพิ่มสองรอบก็ให้
ขอไวน์ได้เรื่อยๆเลย เดินเสิร์ฟตลอดเวลา
ขอพุดดิ้งเพิ่ม ก็ได้อีกกกกกกกก
เอิ้กกกกกก
อิ่ม หลับปุ๋ยค่ะ

จาไปจาก BKK-NRT เนี่ย
นั่งคนเดียวซะสามที่เลย
ได้นอนยาววววว สวรรค์มากกกกก
หลับอยู่คุณแอร์ก็ไม่กวนเลย
พอตื่นปุ๊บก็ถามเลยจะทานเลยมั้ย
เอิ้กกกกกกกกกกกกกกกก

สบายใจ หลั่นล๊ามากมายย
เทียบกะไฟลท์ยาวๆที่เคยนั่งของอีว่า (ที่ว่าดีใช้ได้อยู่แล้ว)
เจอ ANA ไป ติดใจสุดๆเลยยยยยย (ดีมากกกก)
ทั้งๆที่เดินทางคนเดียว แต่ไม่รู้สึกเคว้งเลยค่ะ

แต่ไปพลาดนิดนึง ที่ไม่ได้ขอที่นั่งริมทางเดินตอน NRT ไป SFO
เลยขออะไรคุณแอร์หรือเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ลำบากหน่อย
เกรงใจคนข้างๆอ่ะ เกรงใจมาก พยายามออกไปเข้าห้องน้ำพร้อมๆกะที่เค้าไป
แต่คนที่นั่งด้วยก็น่ารักมากค่ะ
ช่วยตลอด เป็นผู้ชายญี่ปุ่น รุ่นพ่อฟ้าได้มั้ง

จบเรื่องตั๋วเครื่องบิน
ก็มาที่เรื่องกระเป๋า

กระเป๋าของฟ้า
ทั้งหมด สามใบหลักๆ ใหญ่สอง เล็กหนึ่ง

ใบแรกสีแดงแปร๊ด เป็น กระเป๋าเดินทาง แบบผ้าแข็งๆหน่อยค่ะ
มีล้อลาก 28 นิ้วมั้งคะ ถ้าจำไม่ผิดนะ ใบนี้ไว้โหลดค่ะ

ใบที่สองเป็นกระเป๋าแบบผ้า ที่มัน flexible หน่อย
ไม่มีล้อลาก
ใบใหญ่มากกกกค่ะ คนตัวเล็กๆ ลงไปนอนได้เลย
ได้มาตอนเดินทางกลับหนก่อน
จาก continental airline
ไว้โหลดเช่นกัน

อีกใบ
เป็นใบสีชมพูแปร๋นแปร๋
ไซส์ใหญ่ พอจะใส่ พวก โน้ตบุ๊ค กับแฟ้มเอกสารได้
ใบนี้ มีล้อลาก เอาขึ้นเครื่องค่ะ

กลุ่มใบใหญ่สองใบ นน. แต่ละใบห้ามเกิน 23 KG ค่ะ
ส่วนใบที่ลากขึ้นเครื่อง ก็ตามสะดวกค่ะ

เริ่มกันจากข้าวของกลุ่มแรก
คือ เอกสาร แบ่งเป็นสองกลุ่มย่อย

เอกสารที่จำเป็น
ฟ้าเอาขึ้นเครื่องไปด้วยนะ

พาสปอร์ต และ สำเนา สามสี่ห้าใบค่ะ กรุณาทำสำเนาไว้ให้ที่บ้านด้วยนะ
ตั๋วเครื่องบิน ทำสำเนาไว้เช่นกัน ซักชุด อีกชุดทำสำเนาให้ที่บ้านเช่นกัน

เอกสารอื่นๆ ที่เอาไปเผื่อๆ

สำเนาทะเบียนบ้านของตัวเอง ของพ่อแม่
สำเนาบัตรปชช. ของตัวเอง ของพ่อแม่
ทรานสคริป ตัวจริง และสำเนา
และอื่นๆ ตามความถนัด


เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า
**ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่จะไปอยู่ แล้วก็สภาพอากาศด้วยนะคะ

ขึ้นเครื่องใส่เสื้อที่ใส่สบาย ไม่อึดอัดไม่คับ
แขนยาวได้ก็ดีค่ะ
เสื้อคลุมอีกซักตัวก็ดีค่ะ ถ้าเป็นสาวๆ คาร์ดิแกนก็ได้อยู่นะ
กางเกง ขอเน้น สบายๆๆๆมากๆ ไว้ก่อน
กางเกงผ้าสบายๆ
อย่าใส่ กางเกงยีนฟิตๆ เลยนะ
สงสารจิ๊มิ๊เต๊อะ >.<

อย่าใส่ส้นสูงหรือ บู๊ท ถ้าไม่จำเป็น เดินลำบาก ถอดลำบากค่ะ
ใส่ถุงเท้าด้วยนะคะ -*-
**ตัดเล็บก่อนขึ้นเครื่องซัก วันสองวันนะคะ เดินเยอะๆ อาจจะเจ็บเท้าได้

คืนก่อนขึ้นเครื่อง ไม่ต้องนอนค่ะไม่ต้องนอน
เก็บไว้นอนยาวๆ บนเครื่อง
ยิ่งไฟลท์ไปเมกายาวๆนี่ นอนสนุกสนานมากกกกกก
**ใช้ได้กะคนหลับง่ายเท่านั้น ถ้าเป็นคนนอนยาก ผิดที่แล้วนอนไม่หลับ ก็นอนตุนไว้เถอะค่ะ

ของอื่นๆ ฟ้าแบ่งเป็นสองกลุ่มหลักๆค่ะ
กลุ่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
และกลุ่มอาหาร เครื่องปรุง

เสื้อผ้า รองเท้า ใส่กระเป๋าผ้าContinentalใบใหญ่โลดดด
ยังไงมันก็ไม่แตก ไม่หักไม่เสียหายแน่นอน
ยัดมันลงไปค่ะ แล้วก็ทำใจว่ามันแค่ยับน่าาาาา ไม่เป็นไรเนาะไม่เป็นไร
ใครจะเอามันไปกลิ้งที่ไหน ก็ตามสะดวก

อีกใบที่เป็นล้อลาก ก็ของกินล้วนๆ ของที่กลัวแตกด้วย
กุนเชียง แคบหมู น้ำปลา น้ำมันหอย ซอสปรุงรส ผงปรุงรสต่างๆนานา
ปลากระป๋อง มาม่าสารพัดรส ไมโลแบบพร้อมดื่ม โจ้กแบบเติมน้ำกินได้เลยไม่ต้องต้ม
**ลง SFO ตรวจไม่เข้มเลย ดังนั้น ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมด ฟ้ายัดใส่เป๋ามาแล้ว ขอบอก
พวก มีด ของมีคม ที่ตัดเล็บ เอาไปได้นะคะ แต่ต้องโหลดแค่นั้นเอง

พวกเครื่องสำอาง น้ำหอม แชมพู ครีมอาบน้ำ
แนะนำว่าเอาไปแค่พอใช้ สองอาทิตย์แรกพอค่ะ
ค่อยไปซื้อที่โน่น กระเป๋าไม่หนัก แถมได้ลองของใหม่ด้วย
มีให้เลือกเยอะ ตื่นตาตื่นใจมากมายยยยย

ยาสีฟัน ถ้าใครติดพวก ซิสเทมมา ก็ควรจะเอามาให้พอใช้นะคะ เพราะที่นี่ไม่มีอ่า
ผ้าอนามัย แบบ พวกแคร์ฟรี แผ่นเล็ก แผ่นบาง เอามาเท่าที่จะใช้เลยค่ะ
เพราะที่นี่มี แต่ไม่มีแบบที่ขายในไทยค่ะ

ผ้าอนามัย ของสาวๆ มาลองใช้ของที่นี่ก็ได้ค่ะ
แต่ถ้าจะเอาแบบมีปีก ยาวสุดกู่ ก็เอามาเองจากไทยก็ได้ค่ะ
มันเบา แต่มันกินที่นิดหน่อย คงพอไหวเนอะ

ถ้าเป็นคนที่ติดเครื่องประดับ สร้อยคอ ต่างหู
ควรจะซื้อมาจากไทยอย่างยิ่งค่ะ
เพราะว่าที่นี่แพง แล้วก็ไม่สวยเท่าที่ไทย
แนะนำว่าไปดูที่แพลททินัมก็ได้นะคะ ถูกดี สวยด้วย

รองเท้า แนะนำว่า หา flat ที่ใส่สบายๆ สวยๆ มาหลายๆคู่ก็ได้ค่ะ
เพราะว่าที่นี่ ราคาแต่ละคู่เนี่ย 10$+ แน่นอน ไม่สวยด้วยอ่ะ
ที่ไทยสวยกว่ามาก ขอบอก

ผ้าพันคอ ฟ้าเอามาสามผืน ฟ้ายังรู้สึกว่ามันน้อย แล้วก็บางด้วยค่ะ
ฟ้าเอามาแบบ บางๆซะ ทั้งสามผืน กะว่าไม่หนาวมากมั้ง
ปรากฏว่า หนาวชิบเป๋งเลยยยย
จิงๆ หยิบๆ มาเผื่อ เป็นของฝากก็ดีนะคะ
ไปเจอที่แพลททินั่ม เป็นผ้า(ที่เค้าบอกว่าเป็น)ผ้าแคชเมีย ผ้าไหม นิ่มๆ สีสวยๆ
นั่นแหละค่ะ ซื้อมาเรยยย ซื้อมาทำคะแนนกะนายจ้าง 55+

...ตัดจบตอนนี้ก่อนนะคะ
ง่วงแล้วล่ะ เด่วมาต่อทีหลังนะค๊ะ












 

Create Date : 19 มกราคม 2552    
Last Update : 19 มกราคม 2552 6:15:25 น.
Counter : 911 Pageviews.  

Internship~USA#9: ได้มาแล้ววว วีซ่า J1

ได้มาแล้ววว วีซ่า J1

ความเดิมจากตอนที่แล้ว
ที่เอเจนซี่ให้ฟ้าเตรียมเอกสารอย่างวุ่นวาย
และ สรุปว่า สุดท้าย ก็ ไม่ได้ใช้
เอกสารหลายชิ้น เป็นแค่เอกสารที่ support เท่านั้น
ไม่ได้ critical แบบที่เอเจนซี่ไซโคไว้


...
ก่อนวันสัมภาษณ์วันนึง
ฟ้าก็เข้าไปเอา เอกสารพวก DS 2019, DS7002
PIN วันนัด ใบเสร็จค่าธรรมเนียม สี่พันกว่าบาท
หลักฐานแสดงการจ่ายเงินค่า SEVIS fee ที่เอเจนซี่เป็นคนจัดการไว้ให้
เซ็นๆชื่อตัวเอง
แล้วก็เอาเอกสารทั้งหมดมานอนกอดที่บ้าน

อีกวันก็นั่งแทกซี่ไป ถนนวิทยุ ตามเวลาที่นัดหมายไว้ใน PIN

...
ฟ้ามาเจอปัญหาเอาตอนนี้ล่ะค่ะ
วันนัดของฟ้า ตอนแรกมันคือ 16 Dec
แต่..เอเจนบอกฟ้าว่า สถานฑูตสั่งเลื่อนให้มาทำช่วงเช้า วันที่ 17 Dec แทน
ให้เรายื่น PIN อันเดิมเนี่ย กะพนง.สาวเสื้อแดงได้เลย
เค้าจะรู้เองว่า PIN ของฟ้าถูกย้ายมา 17 Dec

...
ถึงปุ๊บ
ไปยื่นเอกสารทั้งหมดให้สาวเสื้อแดง
แล้วเค้าก็หาชื่อ
ทันใดนั้น
เค้าหาไม่เจอ

เค้าก็เช็คให้นะคะว่าชื่อเราไปอยู่ไหน
สรุปว่าเป็นช่วงบ่ายของ 17 Dec นี่ล่ะ
(ตอนนั้นราวๆ สิบโมงได้ละ)

สาวเสื้อแดงก็บอกได้แค่ว่า ต้องมาใหม่ตอนบ่ายโมง
ฟ้าก็ได้แต่เดินคอตก ออกจากสถานฑูตไป
นึกแค้นอะไรสักอย่าง ใครซักคน แต่ทำอะไรไม่ได้
แง่งงงงงงงงงงง

ออกมานั่งแหง่วที่ป้ายรถเมล์
โทรไปหาเอเจน
พี่เค้าก็โทรคุยกะสถานฑูตให้

ตึ๊งงงงงงงงงงงง
สาวเสื้อแดงเดินมาบอกว่าเข้าไปได้เลย
มีคนประสานงานมาแล้วว่า เอเจนกะสถานฑูตตกลงกันไว้เป็นกรณีพิเศษ
เชิญค่ะ คุณน้อง


...เห่อๆๆๆ
CCUSA อ่ะ
อย่างงี้อยู่เรื่อยเลย ชอบแสดงอิทธิฤทธิ์
หนก่อนก็ทีนึงละ
ไปขอพร้อมกันสามคน
มีPIN สอง
ไม่มี 1 คน
ไอ้คนที่ไม่มี ก็ถือ จม.ปิดผนึกไปโชว์ให้จนท.ดู
พี่ที่เอเจนย้ำสุดๆ ว่าให้ใช้ในกรณีคับขันเท่านั้น

เพราะมันคือ อีเมลที่พี่เจ้าของเอเจนคุยกะจนท.สถานฑูตUS ระดับบิ๊กๆคนนึง
ถึงได้บอกตั้งแต่ ตอนแรก ว่าเอเจนนี้ เส้นใหญ่

...
ผ่านด่านตรวจอาวุธ ฝากมือถือแล้ว
เข้าไปข้างใน ก็ยื่นเอกสาร ที่เคาน์เตอร์ที่มีสาวๆ สองสามคนนั่งอยู่
เยื้องๆ ตู้ขายซองไปรษณีย์นั่นแหละค่ะ

เค้าก็จะเชคเอกสาร
เอาเอกสารออกบ้างอะไรบ้าง
แล้วยื่นแบบฟอร์มที่เอาไว้ใช้เขียนที่อยู่เพื่อส่งคืนพาสปอร์ตให้เรากรอกให้เรียบร้อย
จากนั้นก็ไปยืนเข้าแถวจ่ายตังซื้อซองราคา 75 บาท (แพงไปไหน)

ถือซองใส่แฟ้มที่เค้าให้มา
ไปนั่งรอช่อง 12-13 สำหรับคนที่เคยได้วีซ่าเข้าเมากามาแล้วก่อนหน้านี้

หลังจากนั้นก็เร็วมากค่ะ
ยื่นเอกสาร ที่ช่อง 12
พี่ผู้หญิงคนนึงก็ดึงเอกสารออก เอาเอกสารบางชิ้นไปสแกน
สั่งให้แสกนนิ้วซ้ายสี่ ขวาสี่ แล้วก็นิ้วโป้งสองนิ้ว

เสดปุ๊บก็ถูกเรียกไปช่อง 11 ต่อเลย
เอกสารก็ถูกย้ายมาที่ช่องนี้

เซย์ไฮอะไรกันไปค่ะ
ฟ้าสัมภาษณ์กับ ฝรั่ง คนเมกัน ผู้ชาย อายุไม่มากอ่ะ ตัวสูงหน่อย
เหมือนจะดุดุ แต่ก็ใจดีอ่ะค่ะ

คำถามแรก
ชื่ออะไร
หลังจากนั้นมาเป็นชุดเลยค่ะ
ทำไมอยากไปเมกาล่ะ
เล่ามาสิว่าจะไปทำอะไรที่ไหน ยังไง
งานอินเทินที่ทำเป็นงานแบบไหน
ได้ตังชม.ละเท่าไหร่

เรียนจบตั้งแต่เมื่อไหร่
ทำงานที่ไหนล่าสุด
ทำอะไรบ้าง
ทำนานเท่าไหร่

ทำไมออกซะล่ะ
งานก็ดูมั่นคงดีนะ

แล้วงานที่จะไปทำอินเทินมันไม่ใช่แบบเดียวกะที่มีประสบการณ์เลยนะ
ทำไมถึงจะไปอินเทินให้ได้ล่ะ


ตรงนี้ฟ้าบอกไปตามตรงค่ะว่าอยากเปลี่ยน industry
เพราะงานเก่าเนี่ย เลขาผู้บริหารระดับสูงในบ.นำเข้าส่งออกแปรรูปไม้ยางพารา
แต่งานอินเทินที่จะไปทำเนี่ย Front Desk ของโรงแรม

เค้าก็ถามต่อ ว่ากลับมาแล้วจะทำอะไรจ๊ะ
ฟ้าก็บอกว่าจะกลับมาทำงานที่ภูเก็ตอ่ะ ที่นั่นโรงแรมดีดีเยอะ
เค้าต้องการคนที่มีประสบการณ์ทำงานกับโรงแรมและภาษาอังกฤษดีมาก
อยากทำงานใน international hotel
อยากทำงานที่ใกล้ๆทะเลเพราะชอบดำน้ำ (ซะงั้น)

เค้าก็โอเค เดี๋ยวพาสปอร์ตจะถูกส่งไป คุณจะได้รับภายในสามสี่วันนะ
Enjoy your internship program!


จบ
เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆ
อีกวันนึงถัดมา
ก็ได้พาสปอร์ตคืน
รวดเร็วทันใจมากกกกกกก

พร้อมเก็บกระเป๋าเดินทางแล้วค๊า





 

Create Date : 27 ธันวาคม 2551    
Last Update : 27 ธันวาคม 2551 5:42:59 น.
Counter : 815 Pageviews.  

1  2  3  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.