รู้จักอำเภอนายูงไหมครับ?ชื่อออกเพราะอย่างนี้น่าจะไปเยือนสักทีนะครับเป็นอำเภออยู่ชายขอบเหนือสุดของอุดรธานีติดเมืองเลยโน่นออกจากอุดรก็ไปบ้านผือหาทางไปน้ำโสมแต่ไม่เข้าน้ำโสมถามทางเขาไปนายูงความจริงตอนนี้ก็มีความสุขดีไม่ได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจอะไรแต่รู้สึกอยากไปหาที่สงบ สงัด และสว่างไว้ทดสอบใจตัวเองสักหน่อยมีเพื่อนแนะนำวัดให้วัดหนึ่งชื่อ "วัดป่านาคำน้อย" สมภารชื่อ"หลวงพ่ออินทร์ถวาย"เป็นลูกศิษย์ของ"หลวงตามหาบัว"ซึ่งเป็นลูกศิษย์"ท่านอาจารย์มั่น"อีกทีหนึ่งสมภารท่านใจดีมีเมตตาผมกราบเรียนท่านว่าจะมาอยู่วัดจะมาฝึกใจ ฝึกอารมณ์ ตัวเองท่านก็ให้พระพาไปที่กุฏิหลังหนึ่งในป่าเงียบมาก ก็มันกลางป่าน่ะกลางคืน มันวังเวงได้ยินเสียงหายใจตัวเองกลัวเหมือนกันนะเนี่ยอันว่าวัดป่านั้นผมก็เข้าใจเอาเองว่ามีต้นตอมาจากท่านอาจารย์มั่นนั่นแหละมีลักษณะจำเพาะคือมีความพอเพียงมีเหตุผลเรียบง่ายละวางมีภูมิคุ้มกันใจคนที่ไปแสวงหาของจริงที่นั่นคิดเอาเองว่าวัดป่าไม่ต้องอยู่ในป่าก็ได้ในเมืองเสียอีกน่าจะต้องสร้างวัดป่ามาคานอำนาจกับโลกาภิวัตรและวัตถุนิยมให้สังคมมันเกิดดุลยภาพและเสถียรภาพมีโอกาสเมื่อไหร่จะทำตามแนวที่ผมคิดไว้นี่แหละอาจจะเป็นชาติหน้าก็ได้(ถ้ามีจริง)ไม่รู้จะไปหาที่ดินในเมืองตรงไหนมาสร้างวัดตามแนวคิดนี้ได้มันแพงระยับ จับไม่ได้หรือใครที่มีที่ดินและสนใจละก็ email มาคุย Concept กันได้หารือกันก่อนจะสร้างวัดก็ไม่รังเกียจนะครับยินดีต้อนรับสปอนเซ่อร์ครับไปอยู่ที่วัดป่านาคำน้อยกินข้าววันละครั้งไม่มีไฟฟ้าใช้ ใช้แต่ไฟฉายและเทียนไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นแนะนำให้ไปหน้าหนาวมันจะถึงใจดีมากนะไปปล่อยใจแล้วก็จับใจกลับคืนมาผ่อนสั้นผ่อนยาวเหมือนเล่นว่าวได้สมาธิบ้าง ไม่ได้บ้างส่วนใหญ่ไม่ได้หรอกใจผมมันยังกับลิงจับให้อยู่เฉย เฉย มันไม่ยอม มันดิ้นคงต้องไปบ่อย บ่อยลิงมันอาจจะยอมก็ได้มันคงเชื่องขึ้นบ้างผมกลับมาแบบไม่ค่อยได้อะไรหรอกแต่ได้ความคิดอย่างหนึ่งว่าต้องหาโอกาสไปบ่อย บ่อยไปเรียนรู้หัวใจตนเองสักพักคงรู้จักตัวเองดีขึ้นเป็นแน่
สร้างวัด ไม่มีไฟฟ้าใช้ หลายอย่างเหมือนย้อนยุค...ลดความสบาย
วัดที่ว่านี้ จะอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลนี่แหละค่ะ
ไม่รู้เมื่อไร
คงเมื่อไรก็เมื่อนั้น....
เล่าให้ฟังค่ะ เพราะดูท่าเค้าจะเอาจริง เห็นเก็บเงินเก็บทอง เตรียมการแล้ว...
จะได้มีหลายๆ วัดในแนวคิดนี้นะคะ