Group Blog
 
 
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
10 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
ย้อนอดีตในวัยเรียนมหาวิทยาลัย ... กับคำขวัญที่ว่า “ จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน ”

พอดีว่าเมื่อวานนี้ (9 มีนาคม 2553) พี่สิน (yyswim) ได้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องคำขวัญของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยพี่สินได้นำคำขวัญต่าง ๆ มาอัพบล็อกไว้ตามนี้

บล็อกของพี่สิน ... คำขวัญแต่ละมหาวิทยาลัย

แล้วพี่สินก็มีคำถามมาถามผมเกี่ยวกับคำขวัญของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ว่า ...

“จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน ”

โดยพี่สินคงอยากจะทราบว่า คำขวัญนี้มีจริงไหม? เพราะพี่สินได้ทราบว่าตัวผมได้เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ครับ











พี่สินนำคำขวัญในส่วนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาลงไว้ดังนี้

“ ศาสตร์แห่งแผ่นดิน ”


“ ประชาชน คือ เจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์ คือ ภาษีของประชาชน ”


“ จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน ”


“ เกษตรศาสตร์ เราไม่มีเดือน เราไม่มีดาว เรามีแต่ดิน ”






ผมเลยลองย้อนอดีตแล้วมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคำขวัญให้ฟังกันครับ




คำขวัญที่ว่า ...

“ ประชาชน คือ เจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์ คือ ภาษีของประชาชน ”

คำขวัญนี้เป็นคำขวัญประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อย่างเป็นทางการ ที่เรียกว่า อ๊อฟฟิเชี่ยนสโลแกน เลยครับ (คงเหมือนกับคำขวัญอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ว่า “เปลวเทียนให้แสงรามคำแหงให้ทางครับ)

ส่วนคำขวัญที่พี่สินถามผมไว้ว่า

" จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน "

เป็นคำขวัญที่เปรียบเปรยอยู่ในหมู่นิสิตในแต่ละช่วงเวลาครับ แล้วพอดีว่าคำขวัญนี้เป็นคำขวัญที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในช่วงที่ผมเรียน ม.เกษตร อยู่พอดีเลยครับ

ส่วนคำขวัญที่ว่า ... “ ศาสตร์แห่งแผ่นดิน ” น่าจะอยู่ในช่วงเวลาก่อนหน้าที่ผมจะเข้าเรียนที่ม.เกษตร เพราะผมเคยได้ยินได้อ่านจากรุ่นพี่และรุ่นก่อน ๆ โดยคำขวัญเต็ม ๆ น่าจะมาจาก “เกษตรศาสตร์ คือศาสตร์แห่งแผ่นดิน” มากกว่าครับ

ส่วนคำขวัญที่ว่า ... “ เกษตรศาสตร์ เราไม่มีเดือน เราไม่มีดาว เรามีแต่ดิน ” ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าจะเป็นคำขวัญที่ใช้เปรียบเปรยในหมู่นิสิตรุ่นหลังจากที่จบจบออกมาแล้วใช่หรือไม่ ? เพราะว่าในตอนที่ผมเรียนอยู่ผมไม่เคยผมได้ยินเลย แต่ผมมาได้ยินจากสื่อต่าง ๆ ในช่วงหลัง ๆ ครับ โดยน่าจะเป็นในช่วงที่เริ่มมีการแข่งขันฟุตบอล ยู-ลีก ในปีแรก ๆ ที่ให้มีการประกวดมิส ยู-ลีก ขึ้นมามั๊งครับ












กลับมาที่คำขวัญที่ว่า ...

" จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน "

คำขวัญนี้น่ามีที่มาจากประเพณีการรับน้องในยุคนั้น ที่มีประเพณีการลุยโคลน ซึ่งถือว่าเป็นจุดสุดยอดของประเพณีการรับน้องในสมัยนั้นเลยครับ

ในสมัยก่อน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นชื่อในเรื่องของการรับน้องอยู่แล้วครับ โดยประเพณีการลุยโคลนก็เป็นหนึ่งในการรับน้องของ ม.เกษตร ในสมัยนั้น ที่อาจจะบอกได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวที่มีการลุยโคลนในการรับน้อง โดยที่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ไม่มีแน่ ๆ ครับ

สำหรับประเพณีการลุยโคลนในการรับน้อง ก็มีวิธีง่าย ๆ ตรงไปตรงมาตามชื่อเลยก็คือ ...

(ในกรณีนี้ผมจะขอเล่าในส่วนที่ผมมีประสบการณ์ ก็คือประเพณีการลุยโคลนในงานรับน้องของคณะสังคมศาสตร์ เพราะว่าระดับความเข้มข้นของการรับน้องในแต่ละคณะมีไม่เท่ากันครับ)

รุ่นน้องคนไหนที่สมัครใจที่จะเข้ารับการลุยโคลนก็จะเข้าร่วมประเพณีนี้ แต่ถ้ารุ่นน้องคนไหนไม่อยากจะเข้าร่วมการลุยโคลนก็ได้รุ่นพี่ไม่ได้บังคับ ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องตามความสมัครใจของรุ่นน้องแต่ละคน

ประเพณีการลุยโคลนก็คือการลงไปเดินลุยโคลนในทุ่งนาร่วมกัน ของนิสิตในรุ่นเดียวกัน

ที่ ม.เกษตร บางเขนในสมัยที่ผมเรียนอยู่ ช่วงนั้นยังมีแปลงนาทดลองของนิสิตคณะเกษตรอยู่ภายในมหาวิทยาลัย (อยู่หลังตึกคณะเกษตรฯ ยาวไปถึงหลังตึกคณะอุตสาหกรรมเกษตร) โดยแปลงนาทดลองน่าจะไว้ปลูกข้าวทดลองพันธุ์ต่าง ๆ แต่ในช่วงหลังคณะเกษตรฯ ย้ายไปเรียนอยู่ที่วิทยาเขตกำแพงแสนเกือบทั้งหมด ตรงบริเวณที่เคยเป็นแปลงนาทดลองดังกล่าวในปัจจุบันก็เลยถูกสร้างเป็นตึกอาคารเรียนแทน

ในการลุยโคลนก็จะให้รุ่นน้องก็ยืนเข้าแถวหน้ากระดานกอดคอกัน (ลักษณะคล้าย ๆ กับการวิ่ง 31 ขาในปัจจุบัน) เป็นแถวยาวทั้งรุ่นกลางทุ่งนา แล้วเดินลุยโลนในนาไปพร้อม ๆ กัน เมื่อไปถึงกลางแปลงนาแล้วรุ่นพี่ก็จะสั่งให้รุ่นน้องนั่งหรือนอนลงไปในโคลน , สั่งให้ทำการซิตอัพหรือกลิ้งไปกลิ้งมาในโคลน , สั่งให้นอนร้องเพลงเชียร์ในโคลน ฯลฯ หลากหลายตามแต่ที่รุ่นพี่จะคิดได้

(ในสมัยที่ผมเป็นพี่เชียร์ ผมสั่งให้รุ่นน้องยืนไว้อาลัยให้แก่เด็ก ๆ ที่กินดินในประเทศเอธิโอเบีย ซึ่งถือว่าเป็นความคิดที่เจ๋งมาก ๆ เท่าที่ผมจะคิดได้เลยครับ)

ดังนั้นรุ่นน้องทั้งหมดที่ร่วมกันลุยโคลนจะต้องมีความสามัคคีกัน ถึงจะสามารถปฏิบัติตามที่รุ่นพี่สั่งได้ โดยความหมายที่เป็นนัยก็คือ การที่เราร่วมฝ่าฟันอุปสรรคความยากลำบากมาร่วมกัน จะทำให้เราเกิดความรักใคร่ปองดองและมีความสามัคคีซึ่งกันและกัน รวมทั้งเป็นการสร้างให้มีอุปนิสัยที่แข็งแรงพร้อมที่จะต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย

สำหรับรุ่นน้องผู้หญิงก็มีการลุยโคลนเหมือนกัน แต่อาจจะไม่ต้องกลิ้งหรือนอนคลุกโคลนแบบรุ่นน้องผู้ชาย อาจจะแค่เดินลุยโคลนไปคุกเข่าร้องเพลงเชียร์กลางแปลงนา ให้แค่เปื้อนโคลนก็พอครับ ส่วนใครที่มีวันนั้นของเดือน (ผมยัง งง มาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ ที่รุ่นพี่บอกว่าวันนั้นของเดือน มันคือวันไหนหว่า? ... วันเกิดอ่ะป่าวฟ่ะ?) ก็จะยืนคอยรอรับเพื่อน ๆ อยู่ที่ขอบคันนา ไม่ต้องลงไปลุยโคลนกับเพื่อน ๆ (รุ่นพี่คงกลัวว่ารุ่นน้องจะคันมั๊ง)

แต่การลุยโคลนสำหรับรุ่นน้องผู้หญิงและรุ่นน้องผู้ชายจะแยกกันโดยเด็ดขาด ทำกันคนละสถานที่โดยไม่ให้เห็นกันเลย สำหรับประเพณีการลุยโคลนนั้น รุ่นพี่ก็จะต้องเดินตามลุยโคลนลงไปกับรุ่นน้องด้วยทุกครั้ง ไม่ใช่ว่ารุ่นพี่จะตะโกนสั่งอยู่บนคันนาโดยไม่เปื้อนโคลนนะครับ

ดังนั้นความหมายของคำขวัญที่ว่า “ จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน ” ก็น่าจะมีที่มาที่ไปจากสาเหตุดังกล่าวข้างต้นนี้เองครับ โดย 1 ช่วงชีวิตของการเป็นนิสิต ม.เกษตร จะมีโอกาสได้ลุยโคลนประมาณ 4 ครั้งก็คือ ลุยโคลนตอนเป็นน้องใหม่ (เฟรชชี่) 1 ครั้ง และตอนที่เป็นรุ่นพี่อีก 3 ครั้ง ส่วนใครที่ใช้เวลาเรียนมากกว่า 4 ปี ก็มีโอกาสได้ลุยโคลนมากกว่า 4 ครั้งครับ (นิสิตคณะสัตวแพทย์ ม.เกษตร เรียนมากกว่า 4 ปีครับ)











ในสมัยที่ผมเรียน ม.เกษตร ปี 1 ผมเป็นน้องใหม่ (เฟรชชี่) ที่ผ่านประเพณีการรับน้องมาเหมือนกันครับ ซึ่งที่ ม.เกษตร มีการรับน้องมากมายหลายอย่าง เรียกว่า ม.เกษตร เป็นโค-ต-ร พ่อ โค-ต-ร แม่ ของประเพณีการรับน้องเลยครับ

ไม่ว่าจะเป็น ...

รับน้องตะลัย ... เป็นการรับน้องใหม่ (เฟรชชี่) ที่ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดขึ้นให้อย่างเป็นทางการ โดยเป็นการรับน้องรวมทั้งมหาวิทยาลัย (ไม่แยกคณะ) โดยรวมนิสิตใหม่ทุกคณะมาทำการรับน้องในวันเดียวกัน

( คำว่า “ตะลัย” ย่อมาจากคำว่า “มหาวิทยาลัย” ครับ ครั้งแรกที่ผมได้ยินผมก็ งง เหมือนกันครับ มีคนบอกผมว่า รุ่นพี่คนนี้เป็น “นักบอลตะลัย” ผมก็คิดในใจว่า “โห .. แมร่งคงเล่นฟุตบอลเก่งบรรลัยแน่ ๆ เลย” ... แต่จริง ๆ แล้วมันย่อมาจากคำว่า “นักฟุตบอลของมหาวิทยาลัย” ครับ)

หลังจากการรับน้องตะลัยผ่านไปก็จะมี ...

รับน้องคณะ ... ที่คณะต่าง ๆ เป็นผู้จัดขึ้น (โดยการรับน้องคณะที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดใน ม.เกษตร ก็คือ การรับน้องของคณะวนศาสตร์ครับ)

รับน้องภาควิชา หรือเรียกว่า รับน้องเมเจอร์ ... ภาควิชานั้น ๆ จะเป็นผู้จัด

รับน้องหอ , รับน้องตึก สำหรับนิสิตที่อยู่หอ ... โดยรุ่นพี่ที่อยู่ในหอหรือตึกนั้น ๆ จะเป็นผู้จัด

(โดยผมก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถใช้คำว่า “นิสิต” ได้อย่างเต็มตัว เพราะว่าตอนที่ผมเรียน ม. เกษตร ผมก็พักอาศัยอยู่หอภายในมหาวิทยาลัยครับ)

รับน้องชมรม ... โดยรุ่นพี่ในชมรมต่าง ๆ เป็นผู้จัดขึ้น เช่น ชมรมดนตรีไทย (รุ่นพี่คงพารุ่นน้องไปตีฉิ่ง ... มั๊ง) ชมรมยูโด (รุ่นพี่คงพารุ่นน้องไปทุ่ม “อิปัง” ลงพื้น ...มั๊ง) ชมรมเห็ด (พาไปเก็บเห็ด ...ชัวร์) ชมรมพุทธ (พาไปบวชอ่ะป่าวหว่า?) ฯลฯ

รับน้องจังหวัด ... รุ่นพี่ที่จบมาจากจังหวัดเดียวกันรวมตัวกันจัด (ในสมัยก่อนที่ม.เกษตร จะมีนิสิตจากต่างจังหวัดมาเรียนเยอะมาก)

รับน้องโรงเรียน ... รุ่นพี่ที่เรียนจบจากโรงเรียนด้วยกันรวมตัวกันจัดขึ้น (จะมีเฉพาะโรงเรียนมัธยมใหญ่ ๆ โรงเรียนดัง ๆ เท่านั้น ส่วนโรงเรียนเล็ก ๆ อย่าง "โรงเรียนวัดลิงตะปบเห็บ" ที่ผมได้เรียนจบมาไม่มีการจัดรับน้องครับ)

รับน้องกลุ่ม รับน้องรหัส ... ซึ่งรุ่นพี่ ๆ ในกลุ่มก็จะจัดขึ้นเอง (ส่วนใหญ่รุ่นพี่จะพารุ่นน้องไปกินไปเลี้ยงที่ร้านอาหาร ไปกินสุกี้ ไปกินไอติม ฯลฯ ประมาณว่าสร้างความสัมพันธ์ (ปิ๊งกันว่างั้นเถอะ) ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องครับ)

เรียกว่าพอเทศกาลรับน้องใหม่จบลงก็เริ่มต้นสอบกลางภาคต้นพอดีเลยครับ (อ้าว ... ชิ .. หาย แล้ว ตรูยังไม่ได้เข้าเรียนเลย มัวแต่ทำกิจกรรมรับน้องอยู่ แล้วตรูจะเอาความรู้ที่ไหนไปสอบฟ่ะเนี่ย?)

พอเริ่มภาคปลาย ก็จะมีงาน บายเนี่ยร์ ต่าง ๆ เพื่อจัดให้แก่รุ่นพี่ที่กำลังจะจบ เพื่อเป็นการขอบคุณรุ่นพี่ปี 4 ที่เรียกกันว่า “พี่เนี่ยร์” ซึ่งก็มีประเพณีไล่ยาวไปจนถึงกลางภาคอีกแล้วครับ (เลยทำให้รุ่นพี่บางคนไม่จบในเทอมนั้นก็มี เพราะมัวแต่บ้ากิจกรรมอยู่ครับ)











ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ทำไมพวกเด็กที่จบมาจาก ม. เกษตร มันถึงได้รักกันอะไรจะนักหนาขนาดนั้น ก็คงจะเป็นเพราะประเพณีการรับน้องนี้เอง ที่ช่วยสร้างความสนิทสนมให้แก่กันได้ไงครับ แล้วข้อดีของเด็ก ม.เกษตร อีกอย่างก็คือการนับถือรุ่นพี่รุ่นน้อง ที่มีการให้เกียรติซึ่งกันและกันครับ

เมื่อศิษย์เก่า ม.เกษตร มาเจอกัน ต่างก็จะสอบถามกันถึงรุ่นว่าใครจบมาในรุ่นไหน? โดยเทียบเอาจากรุ่นปีที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย โดยจะมีคำถามว่า ...

“ K.U. เท่าไหร่? ”

เพื่อที่จะนับรุ่นกันได้ว่าใครเป็นรุ่นพี่ ใครเป็นรุ่นน้องครับ











(ต่อไปนี้เป็นมุกที่ผมแต่งเสริมขึ้นนะครับ)


ซึ่งผมโชคดีเป็นอย่างมาก เพราะว่าตอนที่ผมจบมาจาก ม.เกษตร ใหม่ ๆ ผมก็เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งครับ ซึ่งผู้จัดการของบริษัทแห่งนี้ก็เป็นศิษย์เก่า ม.เกษตร เหมือนผมครับ จึงทำให้ผมก้าวหน้าในอาชีพการงานมากกว่าคนอื่น ๆ ที่เข้ามาทำงานไล่เรี่ยกัน

ซึ่งมันมีความลับอยู่ที่ว่า ...


พอท่านผู้จัดการ (ผจก.) ทราบว่าผมเป็นศิษย์เก่า ม.เกษตร ท่านก็ชวนผมไปกินเหล้ากันครับ กินเหล้ากันจนเมาปลิ้นเลยครับ

แล้วท่านผู้จัดการก็มากอดคอถามผมว่า ...

ผจก. “เฮ้ย ... ไอ้กล่อง ... มรึงนะ ... มรึงเคยู เท่าไหร่วะ?”

ผมเอง “เออ ... ผม .. ผม เคยู 60 ครับ แล้วท่านผู้จัดการล่ะครับ เคยูเท่าไหร่?”

ผจก. “ ตรู เค ... ยู ... 50 ”

ผมเอง “เอิ้ก .. เออ ... ผู้จัดการ เคยู 50 ส่วน ผม เคยู 60 ... ผม เคยู มากกว่าผู้จัดการ ... เหรอฟ่ะ?”

ผจก. “เออ .. ใช่ มรึง เคยูมากกว่าตรู งั้น ... มรึงก็ต้องเป็นรุ่นพี่ตรูอ่ะสิ”

ผมเอง “ช่าย ย ย ย ย ย ... ผมเป็นรุ่นพี่ผู้จัดการ งั้นพรุ่งนี้ผู้จัดการต้องเลื่อนขั้นให้ผมด้วย”

ผจก. “ด้าย ย ย ย ย ย ... เอา ไอ้คุณพี่กล่อง ... ชนแก้ว ... มรึง ดื่มให้หมดเลยนะโฟ้ย”

หลังจากนั้นผมก็เลยชวนท่านผู้จัดการไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อย ๆ ครับ

เพื่อน ๆ รู้แล้วอย่าไปเล่าให้ใครฟังนะครับ

(โห ... วัวพาควายไปมอมเหล้าเนอะ)

ก๊าก ๆ ๆ












ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เพราะว่าผมอยากจะรำลึกถึงความหลังเหมือนกันครับ เขาว่ากันว่าช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดก็คือช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยครับ

ผมก็เลยอยากจะเก็บเรื่องราวเกี่ยวกับประเพณีการรับน้องนี้ไว้ในความทรงจำด้วยครับ

ส่วนเพื่อน ๆ ถ้ามีความทรงจำที่ประจำใจเกี่ยวกับการรับน้อง หรือว่าช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัย ก็ลองเขียนคอมเม้นท์แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทิ้งไว้ด้วยก็ได้นะครับ

ขอบคุณทุก ๆ ท่านมากครับ

อิอิ
















สำหรับท่านที่เป็นแฟนคลับของคุณกะว่าก๋า แล้วตามมาชมภาพบรรยากาศงานของคุณก๋าฯ

โปรดคลิกไปชมภาพได้ที่ ...


งานเปิดตัวหนังสือ ... "หมื่นตาธรรมะ" ของคุณกะว่าก๋า ... ที่สยามพารากอน ชั้น 4


อิอิ




Create Date : 10 มีนาคม 2553
Last Update : 10 มีนาคม 2553 1:14:22 น. 95 comments
Counter : 29948 Pageviews.

 
มาเยี่ยมคุณกล่องค่ะ รูปตอนสมัยยังเรียนเนี่ยดูสดใสจังค่ะ (เหมือนตอนนี้เลยเนอะ) คิคิ.... คุณกล่องจบที่เกษตรฯ นี่เอง สงสัยจะเป็นรุ่นเดียวกับเพื่อนรุ่นน้องวิสกี้ในกลุ่มแน่ๆ เลยค่ะ


ปล บล๊อกวิสกี้โหลดยาก โหลดนาน หรือหลุดต้องขออภัยนะคะ จริงๆ แล้วคุณกล่องไม่ต้องเยี่ยมตอบหรอกค่ะ วิสกี้เต็มใจมาทักทายเมื่อเห็นอัพบล๊อกอยู่แล้วค่ะ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:1:13:15 น.  

 
โห ..อาคุงลุงกล่อง

ยังจำอดีตได้ด้วยเนอะ ...นานมากเลยนะนั่น
โอ้.....สุดยอดจริงๆ เลย


โดย: star_paradise วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:1:27:26 น.  

 
ชอบมากครับ คำขวัญ ม.เกษตร

เท่ โค ต ร

"จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน"

บอกความหมายได้ลึกซึ้ง จำง่าย จำ นาน อีกด้วย

ขอบคุณที่ช่วยเล่าข้อมูลที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้เรื่องลุยโคลน ผมเองก็เพิ่งรู้

และเพิ่งรู้ว่า อยู่หอเกษตร

อ๊ะ อ๊ะ แบบนี้ คงจะมีเรื่องเล่าต่อในอีกบางบล็อก

ชีวิตนิสิตหอเกษตร ยุคขี่จักรยาน


หุ่นคงที่นะ กี่ปี กี่ปี ก็หุ่นแข็งแรง ไม่อ้วน กินส้มตำเป็นอาหารเหรอ?



โดย: yyswim วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:2:52:13 น.  

 


โดย: meku วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:4:11:24 น.  

 
ได้ศึกษาเรื่องม.เกษตรเเละการรับน้องที่อบอุ่นมากๆค่ะ
ตายเเล้ว..คุณอาก่องเคยหล่อกะเค้าเหมือนกัน (เเซวเล่น )
จริงๆตอนนี้ก็หล่อกว่าคุงก๋าเเล้ว..เท่าที่ชำเลืองมอง

กำลังสงสัยอยู่เชียวว่าการลุยโคลนนั้น ผู้หญิงจะไม่ปลอดภัย เคยมีเชื้อโรคเข้าไปเเละเป็นอัมพาตค่ะ (คนญี่ปุ่น)
เเต่ถ้ารุ่นพี่อนุโลมได้ก็ดีสำหรับคนที่บังเอิญมีวันนั้น
คนที่ไม่มีเมนส์เวลาลุยโคลน..ต้องรีบหุบค่ะ
น่ากลัวจัง

เสียดายที่ "โรงเรียนวัดลิงตะปบเห็บ" คุณอาก่องจบมาไม่มีรับน้อง ..คิดได้งั้ยเนี่ยย..ขำจ้ากกเลย

อยากเล่าเรื่องชีวิตในวัยเรียนเพราะเป็นชีวิตที่กะเเดะที่สุด
รับน้องไม่มีค่ะ มีเเต่ปาร์ตี้ที่พวกอาจารย์จะให้คำปรึกษา
เสียดายจัง..



โดย: YUCCA วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:5:34:33 น.  

 
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะไปชมบล็อกของรักดี

ถ้าได้ยิน คำว่า เกษตร ก็จะนึกถึงพื้นดินทันทีเลย

เข้ากับสโลแกนมากๆ " จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน "

ขอให้คุณ อาคุงกล่อง เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานนะคะ


โดย: รักดี วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:6:16:32 น.  

 
สวัสดีค่ะ อาคุงกล่อง

จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน ถูกใจให้กี๊ฟเลยค่ะ

แต่แอบขำเรื่องมอมเหล้าจัง เคยูหกสิบกับห้าสิบไปกันได้เลยขอบอก !!! ความลับแตกแล้ว!!! อาคุงกล่องยังทำงานอยู่ที่เดิมไหม ไม่น่าแล้วคิดว่า เพราะแหมตั้งแต่จบใหม่ๆ แบบนี้เขาเรียกเลือดสถาบันเข้มข้นจ้า!!!!



โดย: ปลา (scorpionfish ) วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:6:49:49 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่อาคุงกล่อง

รูปค่อนข้างเก่า (และแก่) อยู่มากเลยนะครับ 5555
แต่ยืนยันว่าพี่อาคุงตัวจริงนั้นหล่อมากครับ
หล่อยังไงในรูป
ตัวจริงก็หล่อแบบนั้นเลยครับ อิอิอิ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:7:52:12 น.  

 
สวัสดีค่ะ..พี่กล่อง

ย้อนหลัง ย้อนวัยกันนานมั้ยคะ....
ยังดีนะที่ยังจำความได้อยู่

ส่วนเรื่องอาหารโต๊ะจีน
เจ้านี้คอนเฟิร์มความอร่อยค่ะ
เค้าจะมีสูตรเอาไว้เลยว่าโต๊ะกี่ตัวต้องใช้เครื่องปรุงเท่าไหร่
ทำเยอะ ทำน้อยก็อร่อยเท่ากันค่ะ


โดย: chenyuye วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:8:44:58 น.  

 
สามัคคีกับริดลอนสิทธิส่วนบุคคลบางครั้งมันก็แบ่งกันด้วยเส้นบางๆเนอะพี่


โดย: น้องผิง วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:11:17:47 น.  

 
ผมชอบมอตโต้จังเลย ผมเชื่อว่ามหาวิทยาลัยต้องสอนให้คนเรียนเพื่อคนอื่น มากกว่าเรียนเพื่อตัวเองครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:11:50:44 น.  

 
แล้วมันจะเล่าจบหรือคะอาคุงกล่อง เรื่องราวมันเยอะอยู่นา
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ^^
เท่ห์จริง "ครุยลุยโคลน"

ทานกลางวันให้อร่อยนะคะ


โดย: อรุณสวัสดิ์ที่รัก วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:11:58:32 น.  

 
กรี๊ดดดดดดดดดดดด







พอดีเมื่อกี้แมลงสาบวิ่งผ่านค่ะ เลยตกใจ

ตอนสมัยตะลัย ของหนู ไม่ค่อยมีอะไรอ่ะ เพราะว่ามันแค่ 2 ปีเอง มีแค่พาไปกินข้าว พาไปเที่ยว
แต่จำได้ว่า ตอน ม.ต้น เคยไปเข้าค่ายของชมรม เค้าก็ให้รุ่นน้องลงไปนอนกะพื้น กลิ้งไปกลิ้งมา
ให้กอดคอเพื่อนหลายๆ คน เพื่อซิตอัพพร้อมกัน
ให้ทำกิจกรรมร่วมกัน สนุกดีค่ะ
อ่านชีวิตรับน้องของพี่แล้วอิจฉาอ่ะ เพราะรับมากขนาดนั้น เราก็จะรู้จักกันหมด มันไม่เหมือนตอนที่หนูเรียน แล้วยิ่งเด็กที่เรียนจบมาจากที่เดียวกัน เค้าก็เกาะอยู่กลุ่มเดียวกัน การที่เราจะไปเข้ากะกลุ่มเค้า มันก็ยาก เพราะเหมือนว่าเค้าต้องนับหนึ่งในการรู้จักเราใหม่ เลยเหมือนเป็นหมาหัวเน่ายังไงก็ไม่รู้ค่ะ (จริงๆ จะบอกว่า หนูเก่งง่ะ แบบว่าสอบติดคนเดียว )

แอบเสียดายอยู่อย่าง คือ ตอนที่หนูรับปริญญา รูปถ่ายของหนูไม่ค่อยสวยเลยอ่า รู้งี้จ้างช่างซะก็ดี
อืม เห็นถ่ายกะสาวๆ เยอะแยะ ไม่มีโดนใจมั่งเลยเหรอ คานแค่เอื้อมแล้วนะ
แต่ก็ดีแล้ว ที่พี่ไม่จีบสาวๆ เพราะว่าสงสารเค้าอ่า

ไปดีก่า



โดย: butbbj วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:12:00:10 น.  

 
จากภาพต้องเรียกพี่..

ปกติ จุว่าจะก็จุป้าแล้วนา ยกเว้นพี่สิน ยังไงก็พี่สิน

เพื่อนจุเรียน ม.เกษตรหลายคนมาก แต่น้อยกว่า มช.
แต่จุก็ไม่เคยถามรุ่นมันว่า มันรุ่นอะไร ถ้ามันบอกว่า....ไม่ถึง 60 ละก็ มีฮา



ส่วนจุ จบ มน. รุ่นแรก แต่ว่า ถ้านับตามการรับใบปริญญา น่าจะรุ่น 5 แต่เวลาเรียนที่ใช้ในชื่อ ม.นเรศวร จุจะเป็นรุ่นแรกที่ ปี 1 ที่ใช้ชื้อนี้เลย

ยังจำได้ว่า รุ่นพี่เขาขมขื่นมาก เวลาต้องไปสมัครงาน เพราะในทรานสคริปส์ เขียนว่า มหาวิทยาลัยนเรศวร พวกพี่ๆ เขาไม่ค่อยพอใจนัก เพราะว่า ต้องอธิบายว่า มันก้คือ มศว.เดิม ช่วงนั้นการสมัครงาน ต้อง วงเล็ก ม.นเรศวร ( มศว.พิษณุโลก)


จุจำได้ว่า รุ่นพี่นั้น รัก มศว. จน เรารู้สึกแปลกเปลี่ยน เพราะ เพลงรับน้อง กิจกรรม มันก็ต้องปรับเปลี่ยน กิจกรรมหลักตอนนั้น ไปปลูกต้นไม้ ม.ใหม่ที่อยู่นอกเมืองออกไป ลำบากบำบน เพราะมีรถเมล์วิ่งอยู่ 2 คัน คนตั้ง 300 กว่าคน ( เรียน ม.นอกแค่ปี 1 )


การเรียนช่วงนั้น ถ้าเรียนเช้า จุต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เมื่อไปรอขึ้นรถเมล์ 7 โมง กว่าจะขึ้นอาจจะต้อง 7.30 น. กว่าจะถึง ม.นอก 8.30 เข้าเรียน 9 โมง และถ้าขึ้นรถเมล์ช้า ก็ช้าออกไปอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เพื่อนโดดเรียนกันเป็นงานหลัก


ข้าวเที่ยง ลงมาช้า อด เพราะแม่ค้ามีอยู่ร้านเดียว คณะอื่นกินเหมด

ก็หนุกหนานดีค่ะ ตอนนี้ ม.นเรศวร ไม่มีสภาพเก่าให้จุจำได้แล้ว เปลี่ยนมาก ถึงมากที่สุด สิ่งที่ชื่นใจ ก็คือ ต้นไม้ค่ะ ต้นไม้ที่พวกจุปลูกกัน มันมีมากและเติบโต จนบางจุดเขาต้องตัดทิ้งกันทีเดียว


โดย: กระจ้อน วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:12:13:15 น.  

 


นึกถึงความหลังงงง


โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:12:31:17 น.  

 
หน้าตาดีเชียวค่ะ


โดย: บางส้มเปรี้ยว วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:13:33:26 น.  

 
ในงานวันนั้น
ผมนึกว่าจะมีหนุ่มหล่อใจถึงพึ่งได้
ควัก 5 พันออกมามัดจำหนังสืออินเดียของผมซะอีกครับ 5555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:13:53:09 น.  

 
คนแก่ชอบพูดถึงเรื่องอดีตเสมอ!!
ใช่ม่ะคะอาคุงกล่อง

อืม...รูปที่ลงอ่ะ รูปคุณอาคุงกล่องรึป่าวอ่ะคะ
หรือว่าไปจิ๊กภาพใครมาลงบล้อกน้อ!!

อยากบอกว่าสมัยที่โดนรับน้องอ่ะสนุกมากคะ เหอะๆ
ทำสารพัดอย่างที่พี่ๆสั่ง เอิ๊กๆๆ
ถ้าอยากรู้ว่าโหดยังงัยถามหญิงเพี๊ยนดูเด้อจร้า คิคิ

ปล. กินไข่มดแดงไม่บาปหรอกคะ แฮ่ะๆๆ
มาอุบลเด้ออ้าย เดี่ยวจะพาไปแหย่ไข่มดแดงค๊าฮ้าๆ

ปล. ช่วงนี้งานเยอะคะ เด็กสอบเสร็จพรุ่งนี้
ปิดเทอมก็สิ้นเดือนค๊า!! เมษาก็ไปเที่ยวพักผ่อน คิคิ
ไปเที่ยวด้วยกันม่ะคะ


โดย: thi_noi วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:13:56:26 น.  

 
คุณอาคุงกล่องสบายดีไหมคะ ว่าจะแวะมาเยี่ยมตั้งแต่ตอนกลางวัน แต่ติดไปธุระกับแฟนค่ะ นิยายที่แวะไปอ่านเป็นเรื่องใหม่ค่ะ เขียนเล่น ๆ สนุก ๆ ค่ะ แหะ ๆ

ไม่รู้มาก่อนว่าคุณอาคุงกล่องจบเกษตร รูปสมัยหนุ่ม ๆ เทห์จังเลยนะคะ คนที่จบจากที่นี่เก่งมาก ๆ เลยนะคะ เห็นรุ่นพี่หลายคนจบจากยูนี้ เห็นแล้วอดชื่นชมไม่ได้เลยค่ะ

หลานชายของยีนส์ตอนนี้เรียนอยุ่ ม. 6 ได้โค้วต้าวิศวะพระจอมเกล้าฯ แต่บ่นว่าจะลองสองเข้าเกษตรฯ ดุ เห็นบกว่าอยากเรียนที่นี่ค่ะ ได้แต่ให้กำลังใจ ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ขอพรศักดิ์ไปให้หลานยีนส์ด้วยนะคะ

ขอให้คุณอาคุงกล่องมีความสุขมาก ๆ ขอบคุณที่ยังจำกันได้ค่ะ ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: roslita วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:14:48:07 น.  

 

รูปตอนสมัยนั้น...สีเดียวกันค่ะ

หมายถึงสีในภาพถ่ายนะค่ะ สีออกเหลือง ๆ เหมือนกัน
แสดงว่าหลายปีผ่านมานักแล อิอิ


รูปสมัยหนุ่ม ๆ อย่างกรี๊ดเลยค่ะพี่กล่อง


โดย: aenew วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:14:58:19 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

น้องกล่องเป็นหนุ่มบางเขนนี่เอง
มิน่าล่ะ.......


โดย: อุ้มสี วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:15:00:00 น.  

 
อุณหภูมิ 88 องศาเป็นอีกสูตรนึงหนะครับ อิอิ แต่ว่ารสกลมกล่อมมากมาย กินแล้วติดลิ้นเลยครับ
ต้องให้คุณแม่มาโปรโมทเอง คุณแม่ชอบมากกกก
วันนี้ก็นั่งฟังแม่โปรโมทให้เค้าไปรอบและ

ของแบบนี้ต้องลองชิมเองครับ^^

88 Coffee

ส่วนความทรงจำ ในมหาลัยนี่ ยังไม่ค่อยมีเลย สงสัยต้องรอจบก่อน ฮาๆ


โดย: Sky (2ndStory ) วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:15:57:08 น.  

 
อ่านสนุกจริงๆ

ภาพแรกคุณกล่อง หน้าตาคล้ายๆพวกพระเอกฮ่องกง ไต้หวันในอดีตนะคะ...

หนุ่ม ม.เกษตร เท่มาก จะนึกถึงหนังเรื่องคู่นก หรือ คู่รักอะไรนี่แหละ ที่ไพโรจน์ สังฯเล่น


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:16:17:40 น.  

 
สวัสดีและยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

งานเปิดตัวหนังสือพี่ก๋าวีนั่งอยู่กับฟี่ paulo ค่ะ (รู้จักฟี่คนเดียวเอง)
แต่กลับจากงานนี้ก็ได้รู้จักพี่ๆ อีกหลายคนเลยค่ะ ^__^

อ่านรับน้องแล้วนึกถึงสมัยเรียน เป็นช่วงที่มันส์ที่สุดแล้วค่ะ
เคยผ่านระบบว้ากมา...พี่กล่องนึกดูนะคะ
วีเรียนครูค่ะ แต่เรียนเป็นครูศิลปะ (ครุศิลป์) เป็นภาควิชาที่รับน้องได้โหดแบบคนเรียนศิลปะ
ไปถามเพื่อนที่เรียนภาควิชาอื่น ของเค้าเด็กๆ ไปเลย
เวลาเข้าห้องว้ากก็จะมีแค่ไฟทาสีแดง แถมรุ่นพี่ก็อยู่ข้างหลังกันหมด
ทำอะไรผิดก็ไม่รู้ว่าผิดตรงไหน ฮะๆ
ตอนโดนว้าก...ไม่มีพี่อารี พี่นางฟ้าอะไร เหมือนโดนไซโคอยู่กลุ่มเดียว

แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ทุกวันนี้นึกถึงก็ยังฮาอยู่

น้องสาววีตอนนี้ก็เรียนอยู่ที่เกษตรค่ะ
แต่ไม่ได้ถามว่าต้องลุยโคลนด้วยหรือเปล่า
เดี๋ยวกลับมาคงต้องถาม
เพิ่งจะทราบเหมือนกันค่ะว่า ตะลัย ย่อมาจาก มหาวิทยาลัย
เพราะตอนไปเที่ยว ม.เกษตร ก็ได้ขึ้นรถตะลัยด้วย
เพิ่งรู้ที่มาที่ไปตอนนี้เอง

ฮะๆๆ


โดย: oanotai วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:16:17:47 น.  

 

คณะอะไร มออะไรน้อ ?



โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:16:18:49 น.  

 
+++555+++


แหม...หน้าตอนเป็นวัยซะรุ่นนี่ก็หล่อเหลาเอาประเทศเหมือนกันนะเนี่ย


ของผมไม่มีครับ..รูปรับปริญญา..
เพราะไม่ได้ไปรับ
ให้เขาส่งไปรษณีย์มาให้ที่บ้าน



ส่วนครั้งที่สอง
ก็แค่เกือบได้รับ
แต่ฟามเข้เกียจมานเข้าสิง
เลยหนีซะดื้อๆ
เกือบได้เป็นบัณฑิตรุ่นน้องพี่ก่องแล้วะเนี่ย...


โดย: นรซ. IP: 203.144.144.164 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:16:35:13 น.  

 
ดูจากสีครุย soc รึเปล่าคะ
เดาว่า KU ไม่เกิน 50

อิอิ


โดย: nanida วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:16:42:23 น.  

 
รูปถ่าย นานจนคาดไม่ถึงเลยละ

ฮูดสามเหลี่ยมที่สวมคอ กุ้นขอบสีม่วง คือ ม.เชียงใหม่จ้า
แถบสีใหญ่สีม่วง คือ คณะทันต จ้า



โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:16:52:02 น.  

 
เห็นคำชวน เลยรีบแวะมาเยี่ยมชม แวะมาทักทาย ...

พิศดูจากภาพแรกจขบ.หน้าใสกิ๊ก

ยังเทียบได้กับปัจจุบันอยู่นะคะ

(เริ่มปล่อยยาหอมยอกันซะล่ะ 55 + )


จากเด็ก มศก. :))



โดย: sierra whiskey charlie วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:17:00:38 น.  

 
สวัสดียามเย็นค่ะ คุณอาคุงกล่อง
โอว..ว้าว..รูปใครคะนั่น ตอนหนุ่มๆหล่อจัง

555 อ่านไปก็ขำไปในมุกที่สอดแทรกไปตลอดเรื่อง
ทั้งเรื่องวันนี้ วันนั้น รึวันไหนของเดือน
กับเรื่องวัวพาควายไปมอมเหล้า เอิ๊กๆ

อ่านแล้วก็หวนนึกถึงวันวานวัยหวานนะคะ
ที่มธ.ก็คงมีรับน้องหลากหลายเหมือนที่เกษตร
แต่ว่ายุ้ยรับแค่สองสามครั้งเอง
อย่างรับน้องกลุ่ม น้องคณะ และน้องมหาลัย
เป็นแบบน่ารักๆ แกล้งกันพอประมาณ
ไม่ได้ไปลุยโคลนแบบอาคุงกล่องอ่ะนะคะ

สงสัยถ้ายุ้ยไปเจออย่างนั้นคงบอกรุ่นพี่ว่าเป็นวันนั้นของเดือน
555 วันเกิดอ่ะค้า จะได้รอดตัวไป

จริงๆชอบคำขวัญอย่างไม่เป็นทางการที่ว่า จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน นะคะ
นอกจากจะเพราะแล้วยังเป็นกุศโลบายเสริมสร้างความสามัคคีอีกด้วย ดีจัง


xoxo ขอบคุณสำหรับคำชมเรื่องภาพจากบล๊อคนะคะ
ยิ้มแก้มปริแล้ว ....

แต่..เป็นฝีมือคุณแฟนน่ะค่ะ ส่วนยุ้ยจะเน้นถ่ายรูปอาหารอย่างเดียว อายจัง คิคิ


โดย: nLatte วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:17:08:42 น.  

 
5555+++
ไม่ต้องปลูกผักหรอกค่ะ ..
ระดับอาคุงลุงกล่องน่ะ ..ต้องปลูกกล้วยนะ
คนอาร๊าย ..ปลูกกล้วยหอม..ให้เป็นกล้วยน้ำว้าได้

แบบนี้ชาวโลกยกย่องแหงๆ เลย


โดย: star_paradise วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:17:11:46 น.  

 
คณะเดียวกัน แต่คนละเมเจอร์แน่นอน
เดาว่าคุณอยู่จิตฯ (เพราะดูจิตๆ)
ส่วน ku เท่าไหร่ ไม่บอกหรอกค่ะ
แต่คุณกล่อง 48 หรือ 49 คะ

หนังสือในบลอกนั้นส่วนใหญ่ยืมจากห้องสมุดค่ะ
ของ a day ที่บ้านก็มีอยู่บ้าง สนใจเล่มไหนคะ
เผื่อจะมีให้ยืม
ส่วนของวินทร์ เราก็มีหลายเล่มเหมือนกันค่ะ


โดย: nanida วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:17:26:46 น.  

 
คำขวัญม.เกษตร เท่ห์จริงอะๆรัยจริง

มีภาพมายืนยันด้วยเท่ห์กิงๆ ..


โดย: ซซ วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:18:39:04 น.  

 
ว้า..เค้าไม่ได้ลุยโคลนอ่ะลุง

รุ่นพี่วัดลิงขบของเค้าแค่ให้นอนคลุกดินเอง เลยไม่มีไรมาให้โม้อ่ะ


โดย: พจมารร้าย วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:19:19:04 น.  

 


กาลเวลาทำให้คนเปลี่ยนไปเนอะ
เพิ่งรู้ว่าคุงกล่อง(เคย)หล่อ อิอิ

พี่ชายเราจบ KU รุ่นไหนไม่เคยถามค่ะ

เราจบ CMU
มีรับน้องขึ้นดอยค่ะ
ไม่ได้ไปร่วม
เพราะเดินแก้บนตั้งแต่สอบติดแล้ว




โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:19:30:09 น.  

 
กำลังจะมาอ่านบล๊อกงานหมื่นตาต่อ.....เจอรูปหลานอาคุงกล่องเข้าไป...อึ้งเลยค่ะ



อ้าว...รูปคุงกล่องสมัยเยาว์วัยนี่นะ


โดย: My_Sanctuary วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:20:31:53 น.  

 
วันนี้หนึ่งตามมาย้อนวันวานด้วยกันแต่เช้าแล้วนะคะ.....

แต่ของหนึ่งยังย้อนไปไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ
แค่สิบกว่าปีเอง (นี่มันก็เลขสองหลักแล้วเนอะ)

ตอนที่เรียนมีแต่รับน้องคณะ กับรับน้องมหาลัยค่ะ
ไม่ได้ไปลุยโคลน แต่ไปลุยน้ำน้ำเค็มแทน
เพราะอยู่ใกล้ทะเลบางแสน
วิธีการที่ฮิตๆ ก็น่าจะเป็น
ให้ผู้ชายไปแปลงร่างเป็นซุปเปอร์แมนในทะเล
แล้วก็ขึ้นมาอวดโฉมให้สาวๆ ดูกัน
ก็เลยรู้หมดว่าใครใส่กางเกงในไซส์ไหน สีไหน...


โดย: chenyuye วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:21:10:50 น.  

 
ไม่ใช่เด็ก KU แต่บ้านอยู่แถว KU (เกี่ยวมั๊ยครับนี่ 5555)

ปกติถ้าพูดถึงเรื่องเก่า นี่แสดงว่า เรา...แก่ รึเปล่าครับ
5555++

ผมก็ว่าหน้าคุณคุ๊นๆ (เห็นตอนงานคุณก๋า) ตอนเด็กๆ ผมไปวิ่งเล่นแถวตึก .. อะไรหว่าจำไม่ได้แล้ว ที่อยู่ตรงข้ามกับสาธิตเกษตรอ่ะครับ ( แล้วผมไปคุ้นกับหน้าคุณได้ไงหว่า ?? เพราะเราไม่น่าจะเคยเจอกัน )


โดย: กลิ่นดอย วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:21:15:52 น.  

 
- หวัดดียามค่ำครับ

- เด็กเกษตรฯ จบมาแล้วผมว่า "แกร่ง" นะครับเนี่ย


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:21:18:33 น.  

 
แล้วจะรู้ว่าวันนั้นของเดือนจริง
หรือหลอกละคะคุณกล่อง

มาอ่านครั้งที่สองค่ะ ครั้งแรกรีบไปข้างนอกยาวโก๊ดๆๆ
แต่อ่านสนุก ไม่สนุกไม่กลับมาอีกหรอก

เม้นท์ไปรอบแล้ว มันเด้ง ลืมก๊อป หมดมุก
พอแค่นี้นะคะ พอหอมปากหอมคอหอมแก้ม


ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


แอมอร

ปล.มีพยานาคในกระเพาะอาหารรึป่าว ถึงได้หุ่นเรียวรูด
มาได้นานขนาดนี้ อิ อิ ล้อเล่น อยากท้วมๆแบบนิชคุณก๋า
เขาบอกว่าต้องมีเมีย ไปถามคุณก๋าดูเองค่ะ5555


โดย: peeamp วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:21:41:46 น.  

 
รูปเก่ากะรูปปัจจุบันหน้าตาไม่เปลี่ยนเลยนะคะคุณกล่อง


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:21:47:22 น.  

 
โอ้โหยยยยยยยยยย

สุดๆครับพี่

สุดติ่งไปเลย

เป็นบุญตาของเป็ดแท้ๆ

โฮ่ๆๆ


ขอเพียงมีซักครุยที่ลุยโคลน ประเทศเราก็มีหวังขึ้นอีกสามขุมครับพี่




โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:21:55:20 น.  

 
รู้สึกอบอุ่นทีได้อยู่ที่นี่

ยิ่งตอนใกล้จะจบนี่นะคะ รู้สึกได้เลยว่าผูกพัน ^^

เกษตรเรานอกจากจะมีคนดีแล้ว ยังอุดมไปด้วยอาหารอีกด้วยจริงมั้ยคะพี่กล่อง


โดย: นู๋แอน IP: 10.0.100.9, 110.164.243.80 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:22:08:12 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ ไม่น่าเชื่อ แต่คงต้องเชื่อ เวลาผ่านไปรวดเร็ว เผลอแป๊บเดียว แก่แบบไม่ทันตั้งตัวเลย พี่กล่องว่าจริงไหม บางที สมัยเรียนก็คิดว่า เมื่อไร จะได้ไปทำงาน แล้วทำงานไปซักพัก ก็คิดอยากสร้างครอบครัว เมื่อสร้างครอบครัว ซักพัก ก็ว่างแผน ว่าจะมีลูก มีลูก ก็คิดว่าลูกจะเป็นเด็กดี หรือป่าว เป็นปัญหาสังคมหรือป่าว ฉลาดกว่าเพื่อนหรือป่าว คิดมากมาย
พี่คิดเหมือนหนูไหมว่า เวลามันแสนรวดเร็ว วงจรชีวิตมนุษย์ก็แค่นี้


โดย: ศรีโบว์ IP: 203.144.144.164 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:22:23:12 น.  

 
เป็น มหาวิทยาลัยที่ น่าอยู่มากค่ะ

มีธรรมชาติที่สวยและก็โรงอาหารติดแอร์ อิอิ


โดย: จันทร์เจ้า IP: 203.144.144.164 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:22:30:30 น.  

 
มาดูคนแก่เล่าความหลัง อิๆ
พอดีเรายังไม่แก่ เลยไม่มีความหลัง555
แหม แต่รูปนั่นก้ดูอินเทรนนะยะ ตี๋ซ๊า


โดย: kai (aitai ) วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:22:46:41 น.  

 
มาร่วมย้อนวัย และร่วมอ่านเรื่องรับน้องที่อ่านแล้วดูว่าน่าสนุกสนานดีนะครับ
และขอบคุณสำหรับ comments ที่เขียนไว้ที่ blog ด้วยนะครับ ส่วนเรื่องรูปเพิ่มเติมไว้ค่อยตามไปชมเพิ่มเติมก็ได้นะครับ แล้วอาจจะมาชวนไปชมภาพสาวข้างบ้านด้วย (ในวันหลังๆ จากนี้ ขอรอวันว่างก่อน)


โดย: ถปรร วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:23:15:48 น.  

 
คำขวัญเท่ห์มากค่ะ "จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน"

หลังบ้านมีทุ่งนา ถึงฤดูดำนา ไปเล่นลุยโคลนสนุกดีนะคะ (เย๊ย คนละเรื่องแล้ว)


โดย: หนูเมเปิล วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:23:18:12 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเที่ยว "บ้านไร่วิมานดิน" ที่ Blog ฟินนะคะ

เห็นรูปคุณกล่องแล้ว โอ้โห! นานมากเลยนะคะนั่น

ไม่รู้จะอายุเท่าไหร่น๊า ?


โดย: เจ้าฟินตัวอ้วน (Finyah ) วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:23:44:35 น.  

 
คุณพี่กล่อง หน้ายังละอ่อนอยู่เลยนะคะ


โดย: lek IP: 125.27.207.220 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:23:48:26 น.  

 
เห็นที่คุณอาคุงกล่องทำลิ้งค์ไปที่บล๊อกพี่สิน (แอบตีสนิททั้งๆ ที่ไม่รู้จัก ) แล้วโตสก็ต้องคลิกตามไปทันทีด้วยความอยากรู้ว่ามหาวิทยาลัยที่ตัวเองจบมามีคำขวัญอะไรบ้างหนอ .. เพราะจำได้ก็แค่ "เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง" แค่นี้เลยล่ะค่ะ

เห็นคำขวัญที่ว่า "จะมีซักกี่ครุยที่ลุยโคลน" แล้วก็อยากรู้ที่มาขึ้นมาทันทีเหมือนกันนะคะ .. แล้วพออ่านถึงที่มาของคำขวัญนี้แล้ว .. มันต่างกับที่เดาไว้เยอะเลยอ่ะค่ะ.. เพราะโตสเดาไปหลังจากจบจากเกษตรศาสตร์แล้ว ไม่ได้คิดถึงการเริ่มต้นเข้ามหาลัย (หรือการรับน้องตะลัย) แต่อย่างไดเลยนะเนี่ย

อ่านถึงสาเหตุที่คุณอาคุงกล่องเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานมากกว่าเพื่อนๆ แล้วก็.....

ปล. ฟอร์เวิร์ดเมลที่บล๊อกโตส โตสก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าเค้ามีแปลฟอร์เวิร์ดเมลอันนี้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษกันแล้วหรือเปล่า.. แต่ที่โตสเอามาลงในบล๊อก โตสเป็นคนแปลมันเป็นอังกฤษกับสเปนเองจ๊ะอาคุงกล่อง


โดย: Chini วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:1:35:16 น.  

 
รูปรับปริญญาเยอะดีนะคะ ของคนอ่อนไหวฯสิ มีไม่เท่าไหร่เอง เฮ้อ

นิยายตอนใหม่มาแล้วค่ะ ตามไปอ่านหน่อยน๊า


โดย: คนอ่อนไหวที่แกล้งใจแข็ง (Tukta21 ) วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:2:18:29 น.  

 
แวะมาอ่าน “ จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน ” ค่ะ ...

โหดเหมือนกันนะคะ "ลุยโคลน" แต่เรียน ม. เกษตรฯ ก็น่าจะลุยโคลนให้ได้ เนอะ... ให้สมกับชื่อมหาวิทยาลัยนะคะ คุณกล่องได้มากี่โคลนล่ะ ฮ่ะฮ่ะ ... เราล่ะเกลียดจังค่ะ เรื่องรับน้อง ... เกลียดตอนยุงกัดแต่ดุกดิกไม่ได้น่ะค่ะ อิอิ ...

ปล. คุณกล่องหน้าตาเหมือนดาราดังคนนึงเลยค่ะ ... เวอร์ไปมั้ย


โดย: Tristy วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:5:23:45 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่อาคุง

โหยยยยยย

พี่ฉวีครับ
ยังมีใครที่หล่อกว่าผมอีกเหรอครับ 55555









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:7:23:56 น.  

 
พี่กล่อง เท่ห๋ ค๊อด


โดย: AnOn007 IP: 192.168.91.114, 203.144.144.165 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:7:40:07 น.  

 
ฟี่นั่งอยู่กะวีแถวหลังพี่น่ะค่ะ
คราวหน้าถ้าได้เจอกันอีก
จะหนีบวี วิ่งไปสวัสดีนะคะ

ปล. รูปแรกเท่สุด ๆ เลยค่ะ


โดย: Paulo วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:8:41:38 น.  

 
เรียบเรียง เล่าเรื่อง ที่มาที่ไปได้ละเอียดดีเชียว

แต่ตอนจบนี่ดิ มีอย่างงี้ด้วยหรือ


โดย: ostojska วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:8:45:09 น.  

 
ชอบมากค่ะ " จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน" ตอนแรกที่เห็นคือที่บล็อคคุณพี่สิน....

เพิ่งรู้นะเนี้ย ว่าคุณกล่องเป็นนิสิต ม.เกษตร

โดยส่วนตัวชอบการรับน้องเป็นที่สุดๆๆๆๆ เพราะทำให้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้เจอกับรุ่นพี่ที่น่ารัก โดยเฉพาะพี่ว๊าก น่ารักเกินพิกัด

ใช่มั๊ยค่ะคุณกล่อง

ปล.เพลินวาน วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 24 นาฬิกา
วันจัน-พฤ 22 นาฬิกา ค่ะ......อันนี้ชัวร์


โดย: บัวอ้วน (บัวบุษบง ) วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:10:12:25 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณกล่อง

โอวรูปตอนมหาลัยแนวมาก เป็นภาพวันวาน คงนานมากเรยค่ะ อิอิ แซวเล่นนะคะ
คำขวัญก็เก๋ “จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน” ที่ ม. เกษตร คาดว่ากิจกรรมคงเยอะมากเลยนะคะ
ของแหม่มไม่มีกิจกรรมใดทำกับมหาลัยเลยค่ะ เรียนอย่างเดียว แต่ตอนมัธยมหน่ะ กิจกรรมทำเพียบเลยค่ะ โดยเฉพาะเล่นกีฬา


โดย: mamminnie วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:11:44:33 น.  

 
มาทักทายค่ะ...

ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลย


โดย: CrystaL_32 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:12:09:27 น.  

 


สวัสดีค่ะพี่อาคุงกล่อง

จิ๊บเองไม่ได้จบเกษตรมานะคะ แต่อ่านแล้วก็ยิ้มออกเลยค่ะ น่ารักดี น้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของจิ๊บก็กำลังเรียนที่เกษตรค่ะ วิศวะ การบิน

จิ๊บว่าเด็กเกษตรนี่เค้ารักกันดีนะคะ แล้วรุ่นพี่รุ่นน้องก็สนิทสนมกันดี

ชอบไปเดินงานเกษตรแฟร์ค่ะ แต่ไม่ได้ไปมาสองปีละ



สวัสดีวันพุธนะคะะ

ปอ ลอ คอนเฟิร์มเลยค่ะว่าเกษตรรับน้องโหดจริงๆและก็หลายวันด้วย

น้องจิ๊บกลับมาหน้าดำเลย

กร๊ากกกกกกกกกกก



โดย: แฟนสาวฮัตโตริคุง วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:13:57:44 น.  

 
โห หล่อจริงเลย


โดย: ริวคิ-mawin-maji-minic วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:14:13:21 น.  

 
มาชื่นชมและภูมิใจด้วยคน..คร๊าบบ..


โดย: ตาติ๊ก...ครับ (สกุลเพชร ) วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:16:14:39 น.  

 


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:17:33:05 น.  

 
ตามมาย้อนอดีตด้วยค่ะ อ่านเรื่อง และดูรูปแล้วมีความรู้สึกว่านานทีเดียว แต่คุงกล่องก็เท่ห์ทีเดียวเชียว


โดย: Air Bunny (Air Bunny ) วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:18:41:15 น.  

 
หวัดดีค่ะอาคุงกล่อง เห็นรูปอาคุงกล่องสมัยยังหนุ่มแล้วต้องร้องว๊าวววววว หล่อมากกกกก (ชมแล้วชมเลย ไม่มีแต่....ต่อเนื่องมาแต่อย่างใดนะ)

อ่านเรื่องคำขวัญแล้วก็เรื่องเล่าชาวเกษตรศาสตร์แล้วก็ยิ้มไปด้วย น่าสนใจมากค่ะบล็อกนี้

ยังไงก็ไม่ไว้ลายเนอะ มีเรื่องวัวพาควายให้งอหายกันเป็นปรกติสไตล์อาคุงกล่อง

สงสัยอย่างเดียว สาวน้อยผมยาวแสนน่ารักคนนั้น เป็นยังไงบ้างแล้วเอ่ย น่ารักจริง ๆ เลยเธอ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:19:36:22 น.  

 
อาคุงกล่องหน้าเด็กนะคะ อ๋อ รูปเก่า..
โอเชเข้าใจแล้วค่ะ

แซวเล่นขำๆ นะคะ

เรื่องรับน้องเนี่ย เดี๋ยวนี้ไม่โหดเท่าเมื่อก่อนนะคะ
ตอนเรารับน้องก็โดนลุยโคลนค่ะ หลังม.มีอะไรที่คล้ายๆ ทุ่งนา
รึใช่ ก็ไม่กล้าจะเอ่ย 555+ พี่เขาอุตส่าไปขุดบ่อ ใส่น้ำ
เล่นอะไรกันไม่รู้ จับป้ายหน้าป้ายตาแต่งตัวเราเรียบร้อยก็ให้เราไปจับเสียมจับจอบขุดดิน (อ้อ..ปราณีน้องสาวๆ ให้อะแมนทำ อิอิ)

แต่ลุยโคลนเนี่ย เสียรองเท้าผ้าใบไปเลยคู่นึง
แบบว่ามานเน่าจนรับไม่ได้น่ะค่ะ ทิ้งไปดีกว่า

แม้คณะเหมือนกัน แต่คนละสถาบัน
คนละเหตุการณ์แน่ๆ แต่ที่รู้สึกก็คือ ประทับใจค่ะ
...

อ้อ...เรื่องของเราเนี่ยเพิ่งผ่านมาไม่กี่ปีนะคะ

อะไรนะคะ อ๋อๆๆ อย่าย้ำ โอๆๆ.. โอเชค่ะ


โดย: ตุ๊กติ๊ก (biotech_girl ) วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:20:13:11 น.  

 
โห.. กว่าจะเข้ามาเมนท์บ้านคุณอาคุงกล่องได้ รอคิวกันยาวจังค่ะ...
เล่าเรื่องวัยเรียนได้น่าอ่านมากค่ะ ... อ่านไปก็ย้อนนึกสมัยก่อนตามไปด้วย ... แต่ไม่ได้อยู่รั้วเขียวอย่างคุณอาคุงกล่องหรอกนะคะ ... รับน้องไม่โหดเท่าแน่ๆ ค่ะ ... ฮ่าๆๆๆ...
สุขสันต์วันพฤหัสบดีนะคะ...



โดย: Devonshire วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:20:21:29 น.  

 
คุณสามีก็เป็นศิษย์เก่าม.เกษตร ค่ะ

เพิ่งรู้คำขวัญ และความหมายของ ม.เกษตร ^_^


โดย: แม่เด็กชายเอื้อ (viji ) วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:21:15:29 น.  

 
จบ ม.เกษตร
สนใจทำงานเกษตรมั่งป่าวคะ


โดย: star_paradise วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:23:35:10 น.  

 
ปีไหนกัน
แต่ ย้อนได้น่ารำลึกดี
ทำให้ตัวเองนึกย้อนกลับไปบ้าง
ถึงตัวเองจะไม่ได้จบเกษตรศาสตร์
แต่ ชีวิตในรั้วมหาลัย มศว. ประสานมิต
ก็สนุกใช่ย่อย


โดย: venus IP: 61.47.31.49 วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:19:18:54 น.  

 
อ้อ..เด้กเกษตรนี่เอง
ถึงว่ามีอะไรกุ๊กกิ๊กน่ารัก...และมีเอกลักษณ์



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:19:40:04 น.  

 
คุงกล่องถ่ายรูปรับปริญญาต้องพ้อยเท้าด้วยรึ
หรือว่าคุงกล่องชอบไม้ป่าเดียวกันเนื่องจากจบเกษตร

ของหวานต้องป.ตรี ม.กรุงเทพ คือ ความรู้คือเงินตรา เอ้ย ความดี อิอิ


โดย: หวาน (Phumpanit ) วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:22:10:59 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะพี่กล่อง ตอนรับปริญญาหน้าตาเป็นไงพี่ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ


โดย: บีบี IP: 125.25.92.184 วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:12:35:51 น.  

 
จำได้ว่าพี่กล่องเคยถามว่าปิงเคยูที่เท่าไหร่
รู้สึกว่าเราจะห่างกัน 9 รุ่นเห็นจะได้ อิอิ


โดย: ปิงปอง IP: 58.136.4.125 วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:20:18:47 น.  

 
สวัสดีจ้าลุงกล่อง ยังสบายดีไหมจ้ามะได้เห็นหน้ากันนานมาเจออีกทียังหล่อไปหมดเหมือนเดิมเลยน่า...อิอิ


โดย: น้ำอิน.... IP: 125.25.117.253 วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:11:23:17 น.  

 
ชอบ ๆๆ คัรบ


โดย: KU59 IP: 202.142.195.80 วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:48:08 น.  

 
ชอบมากครับ
KU 55ครับ


โดย: ประสาน IP: 118.175.178.18 วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:44:34 น.  

 
สอนอยู่ ม.เกษตรค่ะ แฟนจบที่คณะเกษตร เกษตรฯ ก็เลยรู้จักคำว่า จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน แต่ไม่ได้รู้จักลึกซึ้งถึงทีมา

พอได้อ่านถึงที่มาแล้ว จะต้องเก็บเอาไปสอนนิสิตปัจจุบันแน่นอนค่ะ ^^

โหวตให้คุงกล่องด้วยค่าาา


โดย: A Princess วันที่: 3 ธันวาคม 2553 เวลา:9:16:18 น.  

 
พี่คะ หนูขออนุญาต นำเรื่อง "จะมีสักกี่ครุยที่ลุยโคลน" ไปลงนิตยสาร ชื่อว่า สานสื่อ เป็นนิตยสารของภาควิชานิเทศน์ฯ คณะมุษยศาสตร์ ม.เกษตร ได้ไหมคะ


โดย: bowku68 IP: 117.47.240.242 วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:20:36:31 น.  

 
^
^
^

ได้ครับ ด้วยความยินดีครับ เผื่อว่าน้อง ๆ นิสิตเกษตรฯ รุ่นหลัง ๆ จะได้อ่านกันด้วยครับ

อิอิ


โดย: จขบ.ชื่อ .... (อาคุงกล่อง ) วันที่: 21 เมษายน 2554 เวลา:22:37:25 น.  

 
เห็นพู่สีแดงแล้วสะดุดตา เลยทักมาว่าสีเดียวกัน
ตอนผมเรียนนั้นที่คณะมีห้องสุขามากกว่าห้องเรียนซะอีก
ไปงานโฮมทุกปีแต่ไม่ได้ไปคณะเลย
เดือนก่อนหลานชายจบใส่ครุยตัวเดียวกับผมเลย พู่สีเดียวกันด้วยครับ
เก็บไว้เกือบสามสิบปี ยังใหม่อยู่เลย
แวะมาเล่าให้ฟังเพราะสะดุดตาสีพู่อย่างที่บอกครับ

ku 40 soc 15





โดย: soc 15 IP: 101.108.117.33 วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:1:26:38 น.  

 
จะ ชื่นชมแด่สูผู้มุ่งมั่น
มี ใครกันมั่นคงทะนงยิ่ง
สัก กี่คนทนสู้อยู่ได้จริง
กี่ ชายหญิงจะเสียเหงื่อเพื่อมวลชน
ครุย เจ้านี้ที่ยอมไม่หอมหวน
ที่ ว่ายทวนอยุติธรรมสัมฤทธิ์ผล
ลุย เถิดเจ้าเข้าหาประชาชน
โคลน ข้นคนกล้าไม่อาทร


โดย: KU68 IP: 158.108.158.38 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:07:32 น.  

 
แล้วรู้หรือยังล่ะ "วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก"
อยากบอกอะไรก็จะรับรู้ไว้...ว่าฉันก็เป็นเหมือนเธอ..
อยากบอกให้เธอได้รู้ไว้เธออยู่ในใจฉันเสมอไม่เคยลืม
เวลาเจอก็ดีใจถึงแม้ว่าไม่ได้พูดได้คุยกับเธอก็ตาม
แต่อยากให้รู้ว่า "ยังรัก" เสมอ เช่นกัน


โดย: วินัย นักรบนพดล IP: 210.246.186.4 วันที่: 3 พฤษภาคม 2555 เวลา:21:17:41 น.  

 
สิ่งที่ค้างคาใจเมื่อตอนสมัยเรียนก็คที่มาของชื่อ "รถตะลัย" ว่ามาจากคำว่า "มหาวิทยาลัย" ^^ กลับมานั่งอ่านแล้วคิดถึงมหาลัยจัง ขอบคุณที่เขียนย้อนอดีตที่น่าจดจำนะค่ะ:)


โดย: KU66 (Ag-Econ) IP: 58.11.229.177 วันที่: 17 พฤษภาคม 2555 เวลา:11:29:34 น.  

 
คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ นะครับ ผมเป็นตัวละครในเรื่องที่พี่เขียน ผมเป็นรุ่นน้องพี่กล่องรุ่นหนึ่งที่ถูกรับน้องครับ หวังว่าพี่คงสบายดี ตั้งแต่จบมาไม่ได้เจอกันเลย


โดย: ตึ๋ง (หนืด) IP: 212.201.86.199 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2555 เวลา:5:54:15 น.  

 
มาลงชื่ออ่านครับ 555
ตามมาจากกระทู้ในพันทิป
ได้เห็น ได้รู้อะไรหลายๆอย่างจากรุ่นพี่ ขอบคุณสำหรับคำบอกเล่านะครับ
แอบกลัวแต่อ่านไปอ่านมา หายกลัวเลยครับ


โดย: KU73 IP: 125.24.35.27 วันที่: 15 พฤษภาคม 2556 เวลา:22:58:03 น.  

 
ผ่านมาหลายปีมากแล้วจนรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ๆ เลยครับ ผมคงจบมานานเกินไปแล้วแน่ ๆ ครับ ช่วงหลังนี้ก็ไม่ได้เข้าไปในมหาลัยเลย


สมัยที่ผมเรียนมีแค่ ศร. 1 เท่านั้นเองครับ เป็นศูนย์เรียนรวมเป็นอาคารเรียนแห่งเดียวที่มีนิสิตทุกคณะต้องมาเรียนที่นี้ รู้สึกว่า ศร.2 จะสร้างเสร็จในเทอมสุดท้ายที่ผมเรียนพอดีเลย แต่พอผมอ่านเจอว่ามี ศร.4 แล้ว ผมถึงกะ อึ้ง ไปเลยครับ

ห้องสมุดยังคงเหมือนเดิม แอร์เย็นมาก สมัยที่ผมเรียนเปิดแอร์ทุกชั้น ชั้น 3 และ 4 จะเงียบสงบมาก ชั้น 1 เป็นที่อ่านหนังสือพิมพ์และหนังสือทั่วไป ชั้น 2 เป็นหนังสือวิชาการภาษาไทย ส่วนชั้น 3-4 เป็นหนังสือวิชาการภาษาอังกฤษ ชั้น 4 ด้านในสุดจะมี "ห้องศึกษาเดี่ยว" อยู่เกือบ 30 ห้อง (ห้องที่กั้นขึ้นเป็นคอกเล็ก ๆ แบบส่วนตัวมีโต๊ะ 1 ตัวให้เข้าไปนั่งอ่านหนังสือเพียงคนเดียว จะได้มีสมาธิ)

สมัยผมโรงอาหารที่ใหม่สุดก็คือ "บาร์ใหม่" ส่วนบาร์เก่าไม่มี แต่มี "วงกลม" เป็นโรงอาหารเล็ก ๆ ที่มีซุ้มขายอาหารเป็นวงกลม และโต๊ะนั่งรับประทานอาหารก็เป็นวงกลม อยู่ใกล้ ๆ กับประตู 2 ทางออกงามวงศ์วาน

สมัยผมด้านถนนงามวงศ์วานมีแค่ 2 ประตูคือประตู 1 และประตู 2 ล่าสุดเมื่อตอนต้นปีผมไปเดินงานเกษตรแฟร์มาเลยเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีประตู 3 แล้วด้วย ซึ่งจริง ๆ ประตู 3 ปัจจุบันก็คือประตู 2 ในสมัยก่อน แต่มีการเจาะประตูใหม่ระหว่างประตู 1 และประตู 2 เล่นทำเอาคนแก่อย่างผม งง เลยครับ

สมัยผมอนุสาวรีย์บูรพาจารย์มีแค่อนุสาวรีย์ของหลวงสุวรรณวาจกสิกิจเพียงองค์เดียว แต่ท่านอยู่ยืนคนเดียวหลายปีคงเหงา ในปัจจุบันนี้ท่านเลยชวนอีก 2 บูรพาจารย์มายืนเป็นเพื่อนด้วย ปัจุบันนี้เลยกลายเป็นอนุสาวรีย์ 3 บูรพาจารย์ผมไปเห็นแล้วก็ทึ่งเลยต้องยกมือไหว้ถึง 3 รอบเลยครับ (สมัยก่อนไหว้รอบเดียว เพราะมีแค่หลวงสุวรรณฯ ท่านเดียว)

สมัยผมเรียนไม่มีเซเว่นฯ แต่ว่ามีร้านขายข้าวซึ่งขายของชำด้วยอยู่ในบาร์ใหม่ 2 - 3 ร้าน สำหรับขายให้เด็กหอโดยเฉพาะเลย แต่ก็เปิดแค่ไม่เกิน 4 ทุ่มก็ปิดครับ ส่วนร้านขายเหล้ามีอยู่ในมหาลัยถึง 3 ร้าน คือร้านอาหาร "สวนนนทรี" ซึ่งเป็นสวนอาหารแบบเปิดโล่ง (out door) อยู่ตรงประตู 2 (เก่า) ขายเหล้าชุดเล็ก 80 บาท หงส์ทอง 1 แบนน้ำแข็งกระติกและโซดา 2 ขวด (ถ้าเป็นนิสิตสั่งพอนำมาวางเสิร์ฟปุ๊ปขอเก็บตังค์ก่อนเลย เพราะกลัวว่านิสิตจะไม่มีตังค์จ่าย) ส่วนกับแกล้มพวกส้มตำ ถั่วทอด ข้าวเกรียบ ฯลฯ เดินไปซื้อจากโรงอาหารวงกลมที่อยู่ตรงข้ามเอาเข้ามากินในร้านได้ ส่วนอีก 2 แห่งที่ขายเหล้าคือ สมก. และหน้าสถาบันวิจัย ซึ่งเป็นร้านห้องแอร์ ส่วนใหญ่อาจารย์และพวกข้าราชการจะเข้าไปนั่งกิน นิสิตนักศึกษาเลยไม่ค่อยกล้าไปนั่งสักเท่าไหร่ แล้วนอกมหาลัยฝั่งถนนงามวงศ์วานยังมีร้านอาหารใหญ่อยู่ 2 ร้านที่ขายเหล้าด้วยซึ่งก็คือสวนอาหารบัวและสวนอาหารแดรี่ควีนครับ ช่วงที่เกษตรฯ รับปริญญานั้นพี่บัณฑิตส่วนใหญ่จะมาจัดงานเลี้ยงฉลองปริญญากันที่ร้านอาหารทั้ง 2 ร้านนี้

สมัยผมรถติดเหมือนกันแต่ยังติดไม่เยอะเท่าสมัยนี้ เพราะว่าหัวมุมตรงถนนวิภาฯตัดกับพหลฯ นั้นยังเป็นสามแยกที่เรียกว่า "สามแยกเกษตร" ไม่ได้เป็นสี่แยกที่มีอุโมงค์แบบทุกวันนี้ แล้วตรงแยกรัชโยธินนั้นก็เป็นสามแยกรัชดาธรรมดา ตรงนั้นมีร้านข้าวต้มโต้รุ่งที่ขายเหล้าโต้รุ่งด้วย พอหลัง 4 ทุ่มเด็กหอที่ยังไม่หลับจะขี่จักรยานไปนั่งกินเหล้าที่นั้นกันเยอะมาก

สมัยผมตอนรับน้องมีการ "ลุยโคลน" ด้วยนะ แต่รู้สึกว่าในปัจจุบันนี้คงไม่มีแล้ว เพราะว่าในเกษตรที่บางเขนไม่มีแปลงนาทดลองของคณะเกษตรอีกแล้ว

สมัยผม Loving way ซึ่งเป็นถนนระหว่างคณะเกษตรกับหอสมุดมีต้นสนอยู่ 2 ข้างทางขึ้นครึ้มมาก ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลยที่พื้นถนนเส้นนี้จะโดนแดด ถนนเส้นนี้ร่มรื่นและสวยมาก จนมีตำนานว่า ... ถ้ารุ่นพี่คนไหนพารุ่นน้องที่ชอบซ้อนท้ายรถจักรยานแล้วขี่ผ่านถนนเส้นนี้ได้แล้ว ทั้งคู่จะได้เป็นแฟนกัน ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงตลอดเวลา 4 ปีที่ผมเรียนอยู่ มีอยู่หลายคู่มากที่เริ่มต้นความรักจากการได้ซ้อนท้ายรถจักรยานบนถนนเส้นนี้ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ยังคงรักกันได้แต่งงานมีลูกจนเกือบได้กลับเข้ามาเรียนที่เกษตรฯ แล้วหลายคู่เลยครับ แต่ละคู่ที่ผมทราบต่างก็มีความรักที่สวยงามอันน่าประทับใจ จึงเป็นที่มาของชื่อ Loving way ที่เป็นตำนานแห่งความรักมาตั้งแต่ในสมัยก่อนผมอีกครับ แต่ปัจจุบันรู้สึกว่าถนนเส้นนี้จะมีการตัดต้นสนออกและมีตั้งชื่อใหม่ให้อย่างเป็นทางการแล้วด้วย


ปีสุดท้ายที่ผมเรียนเริ่มมีการทดลองเอารถตะลัยมาวิ่งรับนักศึกษา โดยให้นักศึกษาหยอดเหรียญคนละ 1 บาท ปีแรกที่วิ่งนั้นมีสายเดียววิ่งวนจากประตูหน้าถนนพหลฯ (หน้าหอประชุม) ผ่านประตู 1 ถนนงามวงศ์วาน แล้วเลี้ยวขวาตรงคณะคหกรรมศาสตร์ (เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่ป่ะ?) วิ่งไปคณะวิทย์ คณะวิศวะ ผ่านสามแยกปาก ... ที่อยู่หน้าคณะวิศวะ ตรงไปผ่าน ศร.1 ผ่านคณะเกษตร คณะประมง คณะสังคม แล้วเลี้ยวซ้ายไปอาคารจักรฯ (ใครเรียน อก. ต้องรีบลงที่สามแยกนี้) ผ่านสาธิตเกษตรแล้วเลี้ยวซ้ายผ่านสระจุฬาภรณ์ ผ่านบาร์ใหม่ ผ่านหอชาย (ตึก 14 และ 15) ตรงผ่านสนามอินทรีย์ฯ วิ่งไปจนถึงประตู 2 (ในสมัยนั้น) แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านวงกลม ผ่านคณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ (สมัยนั้นยังไม่แยกออกจากกัน) ตรงไปประตู 1 แล้ววิ่งกลับไปที่ประตูหน้าอีกครั้ง

สมัยผมเกือบทุกคนต้องมีรถจักรยานเอาไว้ขี่ไปเรียน โดยเฉพาะนิสิตชายใครไม่มีรถจักรยานไม่ได้ เพราะว่าต้องเอาไว้บริการให้นิสิตหญิงที่เป็นเพื่อนหรือว่ารุ่นน้องซ้อนท้ายเพื่อไปเรียนที่คณะและ ศร.1 โดยมีสำนวนว่า "ผู้ชายต้องเป็นสุภาพบุรุษเสมอ" นิสิตเกษตรผู้ชายเลยไม่สามารถซ้อนท้ายรถจักรยานที่นิสิตหญิงเป็นผู้ขี่ได้ ถ้ามีคนอื่นเห็นว่านิสิตชายซ้อนท้ายนิสิตหญิง นิสิตชายคนนั้นก็จะโดนรุ่นพี่ถีบตกรถจักรยานแน่ ๆ ครับ (ซึ่งในจุดนี้ผมคิดว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจมาก ๆ เลยครับ)

มีจุดที่ให้จอดรถจักรยานใหญ่ ๆ อยู่ที่ประตูหน้า (ถนนพหลฯ) ประตู 1 และ 2 (ถนนงามวงศ์วาน) ดังนั้นบางคนพอเรียนจบแล้วแต่ก็ยังจอดจักรยานล็อคทิ้งไว้เป็นปี ๆ ให้เก่าจนสนิทขึ้น เลยมีการไปเคาะจักรยานเหล่านั้นเอามาทำอะหลั่ย ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่ามีการนำซากจักรยานเอาไปทิ้งลงในสระน้ำหน้าหอประชุมก็เป็นได้ ศัพท์คำว่า "เคาะ" นั้นเป็นคำเฉพาะที่ใช้กันในช่วงเวลานั้น ซึ่งการเคาะจักรยานก็คือการขโมยจักรยานนั้นเองครับ แต่จะเป็นการขโมยจักรยานเก่าที่คาดว่าไม่มีเจ้าของแล้วครับ แล้วส่วนใหญ่ผู้เคาะจะนำเอาแฮนด์ เอาตะเกืยบ เอาลูกล้อ หรือส่วนต่าง ๆ ที่ยังใช้ได้เอามาประกอบเพื่อเป็นจักรยานคันใหม่เพื่อเอาไว้ใช้ต่อครับ (ตรงนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า "รีไซเคิล" ในปัจจุบันนี้ครับ)

แซมสเต็กผมไม่เคยกิน แต่สมัยผมมีร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ในตลาดอมรพันธ์ สามแยกเกษตร มีร้านหนึ่งที่เป็นต้นตำรับของเมนู "แกงส้มชะอมทอดไข่" และเมนู "ไข่ระเบิด" ครับ ในสมัยนั้นมีที่ร้านนั้นร้านเดียวครับที่มีขาย ขอบอกว่า อร่อยมาก ๆ เลยครับ ... บ่องตง เลยครับ อร่อยฝุด ๆ จุงเบยอ่ะ แต่พอร่ำลือถึงความอร่อยกันเยอะ ร้านต่าง ๆ เลยทำทั้งสองเมนูนี้เลียนแบบกันเยอะเลย จนกระทั่งมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

และสุดท้ายที่ผมจะเล่าให้ฟังก็คือ ในสมัยผมลงทะเบียนเรียนได้เทอมหนึ่งไม่เกิน 22 หน่วยกิต ยกเว้นเทอมสุดท้ายที่ขอจบ ท่านสามารถลงทะเบียนเรียนมากกว่า 22 หน่อยกิตได้ ผมขอเงินแม่มา 800 บาทก็ลงทะเบียนเรียนได้แล้ว 1 เทอมครับ (หน่วยกิตละ 30 บาท ค่าห้องสมุด 50 บาท) ส่วนตำนานเรื่องเต่านั้น ถ้าใครเจอเต่าจะได้ A ครับ ผมและเพื่อนเคยเจอเต่าตัวหนึ่งเจอที่หน้าโรงอาหารวงกลม เต่าตัวนี้ใหญ่มาก ขนาดต้องให้เพื่อน 2 คนอุ้มมาวางบนแขนทั้ง 2 ข้างของเราถึงจะอุ้มเต่าตัวนั้นขึ้นมาได้ ผมและเพื่อนทั้ง 3 คนผลัดกันเดินอุ้มเต่าคนละ 10 เมตร พวกผมช่วยกันอุ้มเอาเต่าไปปล่อยลงน้ำที่สระขจี (งง อ่ะจิว่า สระขจีอยู่ตรงไหน ... อิอิ) หลังจากนั้นผมและเพื่อนได้ A ในวิชาที่โหดที่สุดของคณะทั้ง 3 คนเลยครับ

ผมขออวยพรให้นิสิตเกษตรฯ ทุกท่าน (รวมทั้งน้องใหม่ที่กำลังจะเป็นเฟรซซี่ในปีนี้ด้วย) มีความสุขและประสบความสำเร็จในอาชีพการงานในภายภาคหน้านะครับ

เขาว่ากันว่า ...

"ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณ คือช่วงเวลาที่คุณเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย"

ดังนั้นคุณควรเก็บเกี่ยวความรู้และความสุขในช่วงเวลานี้ไว้ให้ได้อย่างเต็มเปี่ยมนะครับ คุณจะได้มีความทรงจำที่ประทับใจเอาไว้เล่าให้ลูกหลานท่านฟังได้ไงครับ

ขอบคุณครับ

อิอิ




โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 16 พฤษภาคม 2556 เวลา:15:21:12 น.  

 
สมัยที่ผมเรียนด้านหน้าคณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจยังไม่มีอาคารจอดรถเหมือนทุกวันนี้ ตรงบริเวณนั้นเป็นสนามบาส 3-4 สนามติดกัน ตอนเย็น ๆ มีการแบ่งข้างเล่นบอลรูหนูด้วย แล้วบริเวณที่ติดกับกำแพงรั้วจะเป็นคูน้ำมีดอกบัว แล้วก็มีซุ้มต่าง ๆ ของนิสิตคณะนี้เรียงรายอยู่

เอาเรื่องในคณะสังคมฯ บ้าง

เพิ่งจะทราบนะครับว่าท่านอาจารย์โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ มีลูกเป็นดาราด้วย ผมจำได้ว่าตอนที่ผมเรียนนั้นท่านอาจารย์โกวิท ยังเป็นอาจารย์หนุ่มรูปหล่ออยู่เลยอ่ะ

ผมเรียนรัฐศาสตร์แต่ไม่เคยต้องคัดรัฐธรรมนูญ เพราะว่าตอนนั้นอยากได้นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งมากกว่า ในสมัยก่อนที่ภาควิชารัฐศาสตร์มีอาจารย์ประจำอยู่ไม่มากนัก ดังนั้นวิชาต่าง ๆ จึงต้องมี "อาจารย์พิเศษ จากข้างนอก" มาช่วยสอนอยู่หลายตัว โดยวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญนี้ผมเรียนกับท่านอาจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม ท่านอาจารย์เล่าให้ฟังถึงการร่างรัฐธรรมนูญฉบับต่าง ๆ ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 13 อย่างสนุกสนาน รวมทั้งเล่าเกร็ดต่าง ๆ เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญด้วย เป็นวิชาที่เรียนอย่างสนุกสนานมากเลยครับ

ผมโชคดีมากที่ได้มีโอกาสได้เรียนวิชา การปกครองฝรั่งเศส กับอาจารย์พิเศษที่มีชื่อว่า อ.เอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ ตอนนั้นท่านอาจารย์ยังเป็นด๊อกเตอร์หนุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งจบมาจากประเทศฝรั่งเศสครับ ปัจจุบันท่านอาจารย์เอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เป็น ผอ. อสมท. (ช่อง 9 ) แล้วครับ นอกจากนั้นผมยังทันได้เรียนกับ อ.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ด้วยครับ อาจารย์สอนไปสูบบุหรี่ไปตลอดเลยด้วย

สมัยผมเรียนที่คณะสังคมศาสตร์มีอยู่ตึกเดียว โดยมีการสร้างอาคารที่ 2 ขึ้นมาในภายหลัง(สร้างเสร็จตอนผมอยู่ปีสุดท้ายพอดี) ตรง
บริเวณที่เป็นอาคาร 2 นั้นในสมัยผมเป็นสนามฟุตบอลพื้นหญ้าเล็ก ๆ โดยสโมสรนิสิตฯ ได้จัดการแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์ SOC CUP ขึ้นเป็นประจำทุกเทอม โดยนิสิตรวมตัวกันเองทีมละ 5 คน จะเป็นปีไหนก็ได้ แล้วแบ่งสายแข่งกันทุกเย็นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) ทัวร์นาเม้นท์หนึ่งมีทีมสมัครแข่งกว่า 20 ทีม เรียกว่าแข่งกันจนเกือบจะทั้งเทอมเลยกว่าจะได้แชมป์ แต่พอมีการสร้างอาคาร 2 ก็เลิกไปโดยปริยาย เพราะว่าไม่มีสนามจะให้เล่นกัน

ชั้นบนสุดของตึก 1 จะเป็นดาดฟ้า ในสมัยผมปิดตลอดไม่ให้นิสิตขึ้นไป แต่ในหนึ่งปีทางสโมสรนิสิตฯ จะทำการขอคณะให้เปิดใช้ 1 ครั้ง ซึ่งก็คือในค่ำของวันที่ประชุมเชียร์วันท้าย ๆ ซึ่งบรรยากาศการประชุมเชียร์บนดาดฟ้านั้นจะขลังมากเป็นพิเศษ (เปิดไฟน้อย ใช้แสงสว่างจากแสงจันทร์เท่านั้น) เรียกว่าที่ผ่านมาใครที่ใจแข็งยังไม่เคยร้องไห้ในการประชุมเชียร์เลยสักครั้ง พอถึงการประชุมเชียร์บนดาดฟ้านี้จะได้ร้องไห้อย่างซึ้งแน่ ๆ ครับ แต่เท่าที่ทราบช่วงหลังทางคณะก็ไม่อนุญาตให้มีการประชุมเชียร์บนดาดฟ้าแล้ว เพราะเค้ากลัวอันตรายเกิดขึ้นกับนิสิตครับ

ส่วนเรื่องตำนาน Loving way นั้น ผมคิดว่ามันหมดความขลังไปตั้งแต่นิสิตเกษตรเลิกขี้จักรยานแล้วมั๊งครับ ในสมัยก่อนนิสิตชายจะต้องขี่จักรยานรับเพื่อนผู้หญิงหรือรับรุ่นน้องผู้หญิงเพื่อไปเรียน ไปส่งที่ ศร.1 หรือ ไปส่งกลับบ้านที่หน้าประตูมหาลัย เป็นการสร้างนิสัยความเป็นสุภาพบุรุษในการเทคแคร์ช่วยเหลือสุภาพสตรีมากกว่าครับ ซึ่งพอมีการแทร์แคร์พาซ้อนจักรยานไปรับไปส่งเรื่อย ๆ รุ่นพี่ผู้ชายก็พยายามจะขี่จักรยานพาน้องเข้าถนน Loving way ให้ได้มากกว่าครับ (ผมยังเคยเลยครับ แต่ว่าบุ๋ยนะ) ซึ่งหลาย ๆ คู่ก็เลยมีความผูกพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นจากในประเด็นนี้มากกว่าครับ

อิอิ



โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 18 พฤษภาคม 2556 เวลา:23:43:01 น.  

 


ระบบsotus ของม.เกษตรฯเหนียวแน่นมากครับ


โดย: KU67 IP: 37.228.104.189 วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:3:39:40 น.  

 
รับน้องใหม่ของ KU สร้างประสบการณ์ร่วมกันที่น่าจดจำ
สมาชิกครอบครัวของผมคนหนึ่งเรียนเศรษฐศาสตร์ KU จะจบปีนี้แล้วครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 3 สิงหาคม 2556 เวลา:8:12:39 น.  

 
ขอบคุณมากครับ อบอุ่นมากที่ได้อ่าน แต่รุ่นผมku67รับไม่เยอะเท่าพี่ครับแค่ 7-8มั้ง อิอิ


โดย: ต้น IP: 114.109.222.55 วันที่: 17 มีนาคม 2557 เวลา:13:49:05 น.  

 
โอ้ว บล็อกปี53 เลย ดีเน้อะ กดไลค์&แชร์ก็ไปโผล่ฟีดบนเฟสให้มันเฟรซซี่ได้อีก ไว้ทำมั่งก่า 5555

เพิ่งรู้ว่า ม.เกษตร เป็นโค-ต-ร พ่อ โค-ต-ร แม่ ของประเพณีการรับน้อง โอ่ว

ว่าแต่ว่าภาพความหลังน่าปลื้มเน้อะ ดูดิ สาวที่ยืนถ่ายด้วยแต่ละคนจิ้มล้ิมน่าร๊ากกกทั้งน้านเลยอ่ะป๋ากล่อง \\^O^/


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา IP: 110.168.233.72 วันที่: 6 เมษายน 2557 เวลา:12:57:34 น.  

 
ตามมาจาก pantip
ผมอยู่ในส่วนของสนามบาส เศรษ กะบริหารตามที่คุณกล่องว่า (ก่อนที่จะเป็นตึกในปัจจุบัน)
และเป็นส่วนหนึ่งของการประท้วงไม่ยอมย้าย
ออกจาดินแดนแถมนั้น เมื่อก่อนเป็นMajor เด็กแถว
นั้นจะเรียกซุ้มว่า Major แบ่งเป็น เมจอร์ เมเจอร์ไป
ไม่ว่าจะเป็น เศรษเกษตร บัญชี การเงิน เศรษสหกรณ์
และทำสำเร็จด้วย จนกระทั่งจบมาได้ 1 ปี
ตึกริมถนนงาม แห่งแรกก็ถูกสร้างขึ้น โดยที่รุ่นน้องๆไม่สามารถขวางกระแส การขยายมหาวิทยาลัยได้
ผมเป็นอีกหนึ่งคนที่ลุยโคลนครบทั้ง 4 ปี


โดย: KuMan IP: 202.122.130.32 วันที่: 27 มิถุนายน 2557 เวลา:14:52:38 น.  

 
ลุยโคลนมาหลายปี
วท.บ.(เกษตรศาสตร์) 4 ปี 1 ซัมเมอร์
วท.ม. (พฤกษศาสตร์) 5 ปี 1 ซัมเมอร์
ปร.ด. (พฤกษศาสตร์) 8 ปี 1 ซัมเมอร์
จบซะที จะเข้ารับพระราชทานปริญญาเอกวันที่ 1 ต.ค. 2557


โดย: วินัย สมประสงค์ IP: 123.242.135.137 วันที่: 31 สิงหาคม 2557 เวลา:9:15:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อาคุงกล่อง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]




อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า “อาคุงกล่อง” เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ

ปัจจุบัน “อาคุงกล่อง” เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม “อาคุงกล่อง” จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย



"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"

ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)

akungklong@gmail.com
Friends' blogs
[Add อาคุงกล่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.