|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
การแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์
พอดีว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปชมการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ มาครับ ซึ่งจัดการแสดงขึ้นที่หอประชุมใหญ่ของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยการจัดของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ โดยผมรู้สึกประทับใจกับการแสดงโขนชุดนี้มาก ๆ ผมเลยขออนุญาตมาเล่าให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันนะครับ
ก่อนหน้านี้ผมก็ได้เห็นโฆษณาทางทีวีเกี่ยวกับการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้แล้วผมก็คิดในใจว่าน่าจะลองไปชมโขนดูบ้างสักครั้งหนึ่ง ประกอบกับในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วผมได้ไปทำบุญเวียนเทียนกับครอบครัวของพี่สาวผม พี่สาวผมจึงชวนผมไปชมการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ ซึ่งผมก็กำลังอยากไปอยู่พอดีเลย ผมเลยรีบตอบตกลงไปครับ แล้วผมก็ได้ไปชมมาในรอบ 14.00 น. เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านนี้
ตรงไปยังหอประชุมใหญ่เลยครับ
ที่ผ่านมาผมเองก็เคยได้ชมการแสดงโขนอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากครั้งนัก โดยได้ดูจากการแสดงโขนที่ข้างโรงละครแห่งชาติครั้งหนึ่งในสมัยเด็ก ๆ แล้วในช่วงหลังก็ชมผ่านจอทีวีเป็นหลัก แต่ผมยังไม่เคยได้ไปชมการแสดงโขนแบบสด ๆ ที่เป็นเรื่องเป็นราวแบบครั้งนี้เลย ซึ่งยอมรับว่าการแสดงโขนในยุคปัจจุบันนี้ได้พัฒนาไปอย่างเยอะมาก ๆ ทั้งแสง สี เสียง และองค์ประกอบโดยรวมต่าง ๆ ทำให้การแสดงโขนเป็นการศิลปะการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกแขนงหนึ่งไปแล้วครับ
การแสดงโขนนั้นถือเป็นศิลปะชั้นสูงแขนงหนึ่ง ที่เป็นมรดกของประเทศไทยเราเลยก็เป็นได้ครับ เพราะว่าการแสดงโขนในแต่ละครั้งจำเป็นที่จะต้องมีการร่วมแรงร่วมใจกันของหลายฝ่าย จึงจะสามารถทำการแสดงออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้แสดงโขน ที่จำเป็นจะต้องร่ำเรียนทางด้านการแสดงโขนมาโดยตรง ผ่านการแสดงมาหลายเวทีจนสามารถขึ้นมาแสดงบนเวทีใหญ่ระดับประเทศแบบนี้ได้ รวมทั้งฝ่ายศิลป์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นช่างที่ทำหัวโขนซึ่งถือว่าเป็นงานศิลปะระดับสุดยอดของไทยอีกหนึ่งแขนงเลย ช่างทำเครื่องแต่งกายที่ต้องไปทำการศึกษาการแต่งกายของตัวละครแต่ละตัวเพื่อนำมาออกแบบชุดของตัวละครแต่ละตัวได้ถูกต้อง นักดนตรีไทยที่ต้องมารวมตัวกันเป็นวงมโหรีย่อม ๆ นักร้องเพลงไทยเดิม , นักพากษ์หรือนักขับบทเสภา ที่จะคอยเป็นผู้บรรยายเนื้อเรื่องให้เราทราบในระหว่างที่ชม และที่สำคัญที่สุดที่ผมคิดว่าพัฒนาไปได้อย่างดีมาก ๆ ก็คือ ช่างที่ออกแบบฉากต่าง ๆ ที่เป็นอีกองค์ประกอบที่ทำให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งเมื่อนำทุกฝ่ายที่ผมกล่าวมาแล้วมารวมตัวกันก็จะเกิดการแสดงโขนที่สมบูรณ์ในตัว โดยให้อรรถรสความบันเทิงทางได้อย่างครบถ้วน ไม่แพ้การแสดงประจำชาติของชาติไหน ๆ ในโลกนี้เลยครับ
เข้าไปด้านหน้าภายในหอประชุมใหญ่แล้ว ผมเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกเลยต้องขออนุญาตถ่ายภาพมาให้ชมกันก่อนครับ
ด้านหน้ามีคนรอชมรอบ 14.00 น. เยอะมาก ๆ เลยครับ
สำหรับการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าไปชมสด ๆ ภายในห้องประชุมใหญ่ของศูนย์วัฒนธรรมฯ ซึ่งการแสดงโขนในชุดนี้สามารถสะกดผมให้ตรึงตาตรึงใจอยู่กับเนื้อเรื่องที่แสดงได้ตลอดเกือบ 3 ชั่วโมงเต็ม ๆ เลยครับ (ระหว่างการแสดงมีการพักการแสดงให้ได้ไปทำธุระประมาณ 20 นาทีตอนกลางเรื่องครับ) โดยเนื้อเรื่องย่อ ๆ ของการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้ก็คือ
(ผมจะขอเล่าแบบย่อ ๆ ตามความเข้าใจจากเรื่องรามเกียรติของผมนะครับ)
หลังจากที่ทศกัณฐ์ได้ลักพานางสีดามายังกรุงลงกา ทำให้พระรามต้องจัดทัพตามมาประชิดติดยังกรุงลงกา ดังนั้นทศกัณฐ์จึงสั่งให้หลานชายสองพี่น้อง (นนยวิกและวายุเวก) ไปตามมัยราพณ์ ซึ่งเป็นพญายักษ์ที่ครอบครองนครบาดาลมาช่วยรบ โดยมัยราพณ์ก็อาสาที่จะออกไปสะกดทัพของพระรามและจับตัวพระรามเอง ส่วนฝ่ายของพระรามที่ตั้งทัพประชิดกรุงลงกาอยู่ จู่ ๆ ก็เกิดเหตุเป็นลางร้าย โดยมีลมพัดวนอย่างแรงอยู่ด้านหน้าพลับพลาที่พระรามและพระลักษณ์ประทับอยู่ พระรามเลยสอบถามพิเภกว่าเป็นลางร้ายเช่นใด? พิเภกก็เล่าบอกว่าเป็นลางร้ายเพราะว่าทศกัณฐ์จะให้มัยราพณ์มาจับตัวพระรามลงไปยังเมืองบาดาล (พิเภกนี่เก่งเนอะ รู้ล่วงหน้าได้ไงเนี่ย?) ดังนั้นหนุมานจึงอาสาที่จะเนรมิตกายให้โตใหญ่แล้วเอาปากอมพลับพลาที่ประทับไว้จนกว่าจะถึงยาม 3 พระรามจึงจะพ้นจากเคราะห์ร้ายนี้
เมื่อมัยราพณ์ขึ้นมาจะจับตัวพระรามก็พบว่าฝ่ายพระรามตั้งทัพและเวรยามไว้อย่างแน่หนา มัยราพณ์เลยต้องมอบเข้าไปทำการสะกดทัพของพระราม (ซึ่งจริง ๆ แล้วน่าจะเรียกว่า เป่ายาสลบ มากกว่าครับ) ทำให้ฝ่ายพระรามหลับกันหมดทุกคน แล้วมัยราพณ์ก็จับตัวพระรามลงไปยังเมืองบาดาล ดังนี้หนุมานจึงต้องตามลงไปยังเมืองบาดาลเพื่อไปช่วยพระรามกลับขึ้นมาให้ได้
ซึ่งเรื่องราวหลังจากนี้จนกระทั่งถึงตอนจบจะเป็นอย่างไรต่อ? จะสนุกสนานมากเพียงใด? ผมจะขอทิ้งท้ายไว้ในเพื่อน ๆ ไปตามชมกันเองดีกว่าครับ เพราะว่าถ้าผมเล่าจนจบเรื่องเดี๋ยวมันจะกลายเป็น สปอยล์ ไปเสียก่อนครับ แต่ผมรับประกันและการันตีว่าสนุกและน่าติดตามมาก ๆ เลยครับ
( สปอยล์ เป็น ศัพท์ที่ผมขอยืมมาจากห้องเฉลิมไทย โดยเป็นคำที่ใช้เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ที่ได้ไปชมมาแล้ว ซึ่งมีความหมายประมาณว่า ... มรึงเสือกมาสปอยล์เล่าจนจบเรื่องแล้ว พอตรูรู้ตอนไคลแม็กซ์ของเรื่องแล้วก็ไม่ตื่นเต้น ตรูเลยหมดอารมณ์จะไปดูหนังเรื่องนี้แล้ว)
แต่สำหรับท่านที่อยากจะไปชมการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้ ท่านไม่ต้องกลัวว่าเข้าไปชมแล้วจะไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะว่าที่หน้าโรงก่อนที่ท่านจะเข้าชม ทางผู้จัดเค้าจะมีแผ่นพับที่บรรยายเนื้อเรื่องย่ออย่างละเอียด ว่าในแต่ละฉากนั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยแผ่นพับนี้ทางผู้จัดเค้าแจกให้ฟรีแก่ทุกท่านที่เข้าชมครับ ซึ่งผมแนะนำว่าให้ท่านไปถึงที่หน้าหอประชุมก่อนสักเล็กน้อย แล้วไปรับแผ่นพับนี้มาอ่านเรื่องย่อในแต่ละฉากก่อน จะทำให้ท่านชมการแสดงโขนชุดนี้ได้อย่างรู้เรื่องและมีอรรถรสมาขึ้นอีกครับ แล้วสำหรับท่านที่อยากจะพาเพื่อนชาวต่างชาติเข้าขมก็ไม่ต้องกลัวนะครับ เพราะว่าที่หน้าโรงเค้ามีสูจิบัตรของการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์นี้ขายเล่มละ 150 บาท มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษครับ นอกจากนั้นในระหว่างการแสดงแต่ละฉาก ที่ด้านข้างของเวทีจะมีคำบรรยายภาษาอังกฤษบอกว่าในฉากนี้ใครกำลังทำอะไรอยู่ตลอดทั้งเรื่องเลยครับ
แผ่นพับแบบนี้สามารถขอรับได้ที่ด้านหน้าหอประชุมก่อนเข้าชมการแสดงโขนครับ สามารถขอรับฟรีเอามาอ่านให้พอทราบเนื้อเรื่องกันก่อนได้ครับ
ภายในแผ่นพับจะบรรยายไว้ว่าแต่ละฉากมีเรื่องราวอย่างไร? ตัวละครทำอะไรกันบ้าง? ท่านได้มาแล้วควรจะอ่านก่อนที่จะเข้าไปชมนะครับ ถ้าท่านคิดจะไปอ่านระหว่างการแสดงคงไม่ได้แน่ ๆ เพราะว่าในบริเวณที่นั่งชมของท่านจะปิดไฟมืดเลยครับ
แต่ผมคิดว่า ... ท่านที่ไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องย่อก่อนก็น่าจะพอชมการแสดงโขนชุดนี้ได้ครับ เพราะว่าท่าทางของตัวละครแต่ละตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวพระ ตัวนาง ตัวยักษ์ หรือว่าตัวลิง ก็จะมีท่าทางรำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละท่าทางอยู่แล้วครับ อีกทั้งการแสดงโขนท่านที่ไม่เคยชมเลยอาจจะคิดว่า .... คงจะมีแต่รำทั้งเรื่องแน่ ๆ ... ซึ่งจริง ๆ แล้วท่านคิดผิดครับ เพราะว่าในการแสดงโขนนี้ต้องจากจะมีการรำแล้ว ยังมีการแสดงออกท่าทางที่สอดคล้องกับคำร้องและบทขับเสภาด้วยครับ
ผมขอยกตัวอย่างเช่น ...
ฉากที่หนุมานลงไปยังเมืองบาดาลแล้วไปเจอกับมัจฉานุซึ่งมัยราพณ์ใช้ให้เฝ้าสระบัวอยู่หน้าทางเข้าเมืองบาดาล โดยในตอนแรกนั้นหนุมานไม่รู้จักมัจฉานุมาก่อน ทั้งคู่เลยทำการต่อสู้กันแต่ว่าไม่สามารถทำอะไรกันได้ (ประมาณว่า ... ฝีมือสูสีกันมากจนกินกันไม่ลง) หนุมานจึงคิดสงสัยว่ามัจฉานุเป็นใคร? ทำไมมีรูปกายคล้ายตัวเองแต่ว่ามีหางเป็นปลา? หนุมานจึงได้สอบถามมัจฉานุไปว่าเจ้าเป็นใคร? ซึ่งมัจฉานุก็บอกว่าตัวเองชื่อมัจฉานุ เป็นบุตรของนางสุวรรณมัจฉา มีพ่อชื่อหนุมานเป็นทหารเอกของพระรามที่สามารถหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ เมื่อหนุมานได้ยินดังนั้นก็ได้รู้ว่ามัจฉานุคือลูกของตัวเอง หนุมานจึงได้เนรมิตกายหาวเป็นดาวเป็นเดือนให้ดู แล้วทั้งพ่อและลูกก็ได้รู้จักกัน ซึ่งในการแสดงต่อจากฉากบทสนทนานี้เป็นการแสดงท่าทางล้วน ๆ ที่มีเพียงเพลงดนตรีไทยบรรเลงประกอบ แต่ไม่น่าเชื่อว่าการแสดงของตัวหนุมานและมัจฉานุที่อยู่บนเวทีนั้นได้สะกดผู้ชมทั้งหอประชุมให้คล้อยอารมณ์ตามได้เลย การแสดงท่าทางของพ่อและลูกที่แสดงความรักให้แก่กันนั้น เรียกทั้งเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะได้อย่างประทับใจผู้ชมมาก ๆ เลยครับ
(ก่อนอื่นผมต้องขออภัยทางผู้จัดการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้ด้วยนะครับ เพราะว่าในระหว่างการแสดงทางผู้จัดฯ ขอความกรุณาผู้ชมทุกท่านห้ามไม่ให้ถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาพนิ่งหรือว่าภาพเคลื่อนไหว เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนผู้ชมท่านอื่น ๆ แต่ด้วยความประทับใจของผม ผมเลยอดไม่ได้จึงต้องนำมือถือของผมขึ้นมาบันทึกภาพบางภาพไว้ (ผมถ่ายแบบไม่ใช้แฟลซครับ) ประมาณ 5-6 ภาพ ซึ่งผมหวังว่าการบันทึกภาพของผมคงจะไม่ไปรบกวนการชมของผู้ชมท่านอื่นนะครับ)
ก่อนเริ่มการแสดงมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อน โดยเป็นการบรรเลงด้วยวงปี่พาทย์มโหรีไทยวงใหญ่ 2 วง ซึ่งหาฟังแบบนี้ได้ยากมาก ๆ เลยครับ
จากในภาพด้านบนนี้ จะเห็นได้ว่ามีวงมโหรีปี่พาทย์เครื่องใหญ่อยู่ข้างเวทีทั้ง 2 ข้าง โดยในระหว่างการแสดงจะเป็นการเล่นดนตรีไทยสลับข้างกันไปมาโดยตลอด เพราะว่าการแสดงค่อนข้างยาวเลยต้องมีวงมโหรีปี่พาทย์เครื่องใหญ่ 2 วงไว้เล่นสลับกันครับ
สำหรับนักดนตรีไทยที่ร่วมแสดง มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยที่เห็นผู้ชายจะใช้ชุดสีน้ำเงินเข้ม ส่วนผู้หญิงจะใส่ชุดเขียวครับ สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นนักร้อง แต่ฝั่งขวามือจะมีผู้หญิงที่ตีระนาดอยู่ 2 ท่านครับ
เริ่มการแสดงในฉากแรก เป็นฉากในท้องพระโรงของฝ่ายทศกัณฐ์ โดยทศกัณฑ์ได้ใช้ให้ นนยวิกและวายุเวก ไปตามพญามารมัยราพณ์มาช่วยรบกับทัพของพระราม
จากภาพด้านบนนี้จะเห็นว่าที่ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งของเวที จะมีจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ อยู่ ซึ่งจอทั้งสองนี้จะมีคำบรรยายภาษาอังกฤษขึ้นให้อ่านโดยตลอดที่มีการแสดง ว่าในแต่ละฉากนั้นใครกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งช่วยผู้ชมชาวต่างชาติได้มากเลยครับ
สำหรับคำบรรยายภาษาอังกฤษนี้จะคล้าย ๆ กับ ซับไตเติ้ล ล่ะครับ ... แต่ผมต้องเรียกว่า ไซด์ไตเติ้ล มากกว่าครับ เพราะว่าคำบรรยายมันอยู่ด้านข้างไม่ได้อยู่ด้านล่างเหมือนกับเวลาที่เราชมภาพยนตร์ครับ
ผมขอพูดถึงเรื่องฉากของการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้หน่อยนะครับ ผมคิดว่าเป็นฉากโขนที่อลังการและยิ่งใหญ่มาก ๆ ทางผู้จัดฯ สามารถสร้างฉากได้น่าประทับใจและสมจริงสมจังมาก ๆ เลยครับ ก่อนหน้านี้ในความคิดของผมนั้น ผมคิดว่าฉากในการแสดงโขนก็คงจะเหมือนกับฉากของการแสดงลิเกทั่ว ๆ ไป ที่เป็นฉากภาพวาดเก่า ๆ เป็นภาพป่าเป็นภาพท้องพระโรง ซึ่งพอจะเปลี่ยนฉากแต่ละครั้งก็ทำการรูดม่านเปลี่ยนภาพฉากด้านหลัง
แต่สำหรับการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้ไม่ใช่อย่างที่ผมคิดไว้ครับ เพราะว่าแต่ละฉากนั้นมีการสร้างออกมาได้เหมือนจริงมาก ๆ เลย ฉากของพลับพลาที่ประทับก็มีการสร้างพลับพลาที่ประทับที่สวยงาม มีการเคลื่อนตัวออกมาจากด้านหลังได้ด้วย ฉากที่เป็นประตูเมืองก็เป็นประตูเมืองจริง ๆ มีทหารยามขึ้นไปยืนบนหอคอยประตูเมืองได้ด้วย แล้วตัวประตูเมืองสีแดง ๆ ก็สามารถเปิดได้จริง ๆ ที่ตัวละครสามารถเดินผ่านได้ด้วย ฉากของภูเขาก็เป็นก้อนหินเป็นภูเขาใหญ่ ๆ จริง ๆ สูงท่วมหัวที่ตัวละคร(มัยราพณ์) สามารถขึ้นไปยืนบนยอดเขาได้
รวมทั้งฉากที่ประทับใจผู้ชมมากที่สุดน่าจะเป็นฉากที่หนุมานเนรมิตกายให้ใหญ่แล้วอมพลับพลาที่ประทับของพระรามไว้ หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยเห็นจากภาพวาดที่วัดพระแก้ว แต่สำหรับการแสดงในครั้งนี้มีการสร้างหัวหนุมานใหญ่ยักษ์ที่อมพลับพลาไว้ได้จริง ๆ แล้วหนุมานกายยักษ์นั้นสามารถอ้าปาก อ้าแขน และหลับตาได้ด้วย ซึ่งฉากนี้เรียกเสียงปรบมือได้จากผู้ชมทั้งหอประชุมเหมือนกันครับ
ฉากนี้เป็นฉากที่มัยราพณ์ลอบเข้ามาสะกดทัพของพระราม ซึ่งจะเห็นว่ามีฉากที่เป็นหนุมานเนรมิตกายใหญ่ยักษ์ โดยหนุมานกำลังอมพลับพลาที่ประทับของพระรามไว้ แล้วมีสุครีพและเหล่าทหารลิงกำลังเดินตรวจตราอยู่เต็มไปหมด
ตอนนี้มัยราพณ์สามารถสะกดทัพของพระรามได้แล้ว (เป่ายาสลบเรียบร้อยแล้ว) จะเห็นว่าสุครีพและเหล่าทหารลิงที่เฝ้าอยู่ได้นอนหลับกันหมดรวมทั้งหนุมานด้วย พอหนุมานหลับก็จะเห็นว่าแขนและมือที่เคยโอบปกป้องไว้ตอนนี้ได้เผยออกแล้ว ตาของหนุมานได้หลับลงและปากได้อ้าออกจนมองเห็นพลับพลาที่ประทับของพระรามอยู่ในปากหนุมานได้เลยครับ
แค่ฉากนี้ก็สุดยอดมาก ๆ แล้วครับ เสียงปรบมือจากผู้ชมได้ดังกระหึ่มห้องประชุมเลยครับ
รวมทั้งฉากสุดท้าย ที่เป็นฉากที่เหล่าเทวดาต่าง ๆ มาร่วมแสดงความยินดีแก่พระรามนั้น ผมคิดว่าทางผู้จัดน่าจะแฝงความหมายที่เทิดพระเกียรติแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราไว้ในฉากนี้ด้วย เพราะว่าฉากนี้เป็นสวรรค์ที่มีเหล่าบรรดาเทวดาต่าง ๆ มาปรากฏกายอยู่ในฉาก เป็นฉากที่สวยและงดงามมาก ๆ นอกจากนั้นยังมีเหล่านางฟ้าโรยตัวจากด้านบนมาโปรยดอกไม้เพื่ออวยพรให้ด้วย ภาพบนเวทีในขณะนั้นโดยรวมเป็นสีทองอร่ามสวยงามประทับใจ ฉากนี้สวยมากจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรได้หมดครับ ผมคิดว่าเพื่อน ๆ ที่สนใจน่าจะลองไปชมการการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้ดูสักรอบนะครับ
ฉากสุดท้ายที่เหล่าเทวดาและนางฟ้าต่าง ๆ ออกมาอวยพร เป็นฉากที่สวยงามมาก ๆ สวยเกินกว่าที่กล้องจากโทรศัพท์มือถือของผมจะบันทึกภาพมาให้ชมได้ ผมคิดว่าท่านคงต้องไปชมด้วยตาของท่านเองจะดีกว่าครับ
ตอนนี้การแสดงจบลงแล้วครับ บรรดานักแสดงทั้งหมดก็ออกมายืนเข้าแถวขอบคุณผู้ชมครับ ในตอนนี้เองที่ทำให้ผมได้ทราบว่ามีผู้แสดงในครั้งนี้มากมายขนาดไหน แล้วเท่าที่ผมสังเกตุเห็นมีผู้ที่แสดงเป็นหนุมานมากถึง 3 ท่าน และผู้แสดงเป็นมัยราพณ์ถ้าผมมองไม่ผิดน่าจะมี 2 ท่านครับ
สำหรับผม ... ผมยังคิดเลยว่าอยากจะไปชมการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้อีกสักรอบหนึ่ง เพราะว่าผมอยากจะพาคุณแม่ของผมไปชมการแสดงโขนในชุดนี้ด้วย เพราะผมไปชมมาแล้วผมประทับใจเป็นอย่างมาก พอผมเล่าให้คุณแม่ของผมฟังแล้วท่านก็อยากไปชมเหมือนกันครับ
ตอนนี้การแสดงจบแล้ว ผู้ชมทยอยออกมาจากห้องประชุมแล้ว จะเห็นว่ามีผู้ชมสนใจเข้าชมการแสดงในรอบนี้เยอะมาก ๆ เลยครับ เท่าที่ผมสังเกตุในบริเวณที่ผมนั่งชมอยู่เต็มทุกที่นั่งเลยครับ
แล้วผมก็คิดว่า ถ้าเราเป็นคนไทยก็น่าจะมีสักครั้งที่เข้าได้เสียเงินซื้อบัตรเข้าไปชมการแสดงโขน ที่ถือว่าเป็นศิลปะการแสดงประจำชาติของเราดูนะครับ เราจะได้ไม่เสียดายและเสียชาติเกิดที่ครั้งหนึ่งเราได้เกิดมาในประเทศที่มีศิลปะการแสดงที่สวยงามที่สุด ซึ่งผมเชื่อว่าประเทศอื่น ๆ คงไม่มีแบบเราแน่ ๆ ครับ
อย่างน้อยที่สุด ... ก็ขอแค่ครึ่งหนึ่งของคนที่เข้าไปชมภาพยนตร์เรื่อง ทรานฟอร์มเมอร์ 3 ก็พอครับ พวกเราหนุ่ม ๆ สาว ๆ คนทันสมัยจะปล่อยให้มีแต่คนแก่ คนชราไปดูโขนเพียงอย่างเดียวได้ไงครับ พวกเราต้องร่วมแสดงพลังในการช่วยอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมไทยของเราด้วยนะครับ
(ผมล่ะไม่อยากจะคุยเลยว่า ... ในภาพยนตร์เรื่อง ทรานฟอร์เมอร์ 3 อีตาหุ่นยนต์ออโต้บอท ออพติมัส ไพร์ม พระเอกของเรื่อง มีการแปลงร่าง (ทรานฟอร์ม) เป็นรถยนต์ได้ ... แต่ในการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้ พญามารอย่าง มัยราพณ์ ยักษ์ผู้ครองเมืองบาดาลก็สามารถที่จะทรานฟอร์ม (แปลงร่าง) ได้เหมือนกันนะครับ แต่ว่ามัยราพณ์จะทรานฟอร์ม (แปลงร่าง) เป็นตัวอะไรนั้น? ... ท่านคงต้องเข้าไปชมกันเองครับ ... ก๊าก ๆ ๆ ๆ )
หัวโขนที่วางโชว์ไว้ด้านหน้าครับ มีอยู่เยอะมากหลายหัวโขนเลย แต่ผมสามารถถ่ายภาพมาได้ภาพนี้ภาพเดียวที่พอจะเห็นได้ชัดเจน ในภาพนี้คือหัวของมัจฉานุครับ ตอกแรกผมก็นึกว่าเป็นหัวของหนุมานแต่พอผมเดินเข้าไปอ่านที่ป้ายเค้าเขียนบอกไว้ว่าเป็นหัวโขนของ มัจฉานุ ครับ
ในรอบที่ผมชมผมนั่งชมอยู่ชั้น 2 ซึ่งเป็นบัตรราคา 600 บาท ตอนเลิกแล้วผมเลยเดินลงมาถ่ายภาพที่ชั้นล่างที่เป็นบัตรราคา 1,000 กว่าบาทครับ ผมสังเกตุดูแล้วถ้าได้นั่งชั้นล่างที่ราคาบัตรแพงกว่าน่าจะเห็นชมได้อรรถรสที่ดีกว่านะครับ
ก่อนกลับก็แวะซื้อของที่ระลึกกันก่อนครับ มีทั้งดีวีดีและซีวีดีจากการแสดงโขนในชุดแรก ชุดพรหมาศ (ปี พ.ศ. 2550) และ ชุดนางลอย (ปี พ.ศ. 2552) ขายด้วยครับ รวมทั้งของที่ระลึกต่าง ๆ โปสการ์ด แม็กแน็ปติดตู้เย็น หนังสือ เสื้อยืด ฯลฯ
เสื้อยืดที่ระลึกจากการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ ครับ
หลังจากนั้นนักแสดงได้เดินออกมาให้ผู้ชมได้ถ่ายภาพด้วย จากในภาพจะเห็นว่าผู้ที่แสดงเป็นตัวพระทั้งพระรามและพระลักษณ์นั้น มีทั้งไซส์ใหญ่(ผู้ใหญ่แสดง) และไซส์เล็ก(เด็กแสดง) เพราะไม่อย่างงั้นในฉากที่มัยราพณ์มาสะกดทัพพระรามแล้วมัยราพณ์ต้องแบกพระรามลงไปยังเมืองบาดาล ถ้าเอาไซส์ใหญ่(ผู้ใหญ่แสดง)เป็นพระราม มัยราพณ์คงแบกพระรามขึ้นบ่าพาเดินออกไปจากพลับพลาไม่ไหวแน่ ๆ ครับ
นักแสดงท่านนี้แสดงเป็นตัวยักษ์ครับ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็น มัยราพณ์ นะครับ ทั้งหล่อทั้งสมาร์ทและตัวใหญ่ เลยมีผู้ชมขอถ่ายภาพด้วยมากเลยครับ
(ผมต้องขออนุญาตท่านที่กำลังถ่ายภาพคู่กับนักแสดงด้วยนะครับที่ผมนำภาพมาลงในบล็อกนี้ของผมครับ ขอบพระคุณท่านมาก ๆ เลยครับ)
สำหรับท่านนี้เป็นพี่สาวของผมเองครับ ไปขอถ่ายภาพคู่กับนักแสดงที่เป็นตัวยักษ์ครับ (ถ้าผมไม่พลาดน่าจะเป็น สุครีพ ครับ) จะเห็นได้ว่านักแสดงที่เป็นตัวยักษ์นั้นต้องตัวใหญ่ยักษ์สมชื่อเลยครับ ไม่อย่างนั้นเวลาที่ออกรบกัน ตัวพระหรือตัวลิงคงจะขึ้นขี่หน้าขาตัวยักษ์ไม่ไหวแน่ ๆ ครับ
โดยรวมแล้วผมประทับใจกับการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้เป็นอย่างมากเลยครับ ผมถือว่าเป็นการเสพศิลปะที่เป็นการแสดงอันสูงส่งและงดงาม สมกับการเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของคนไทยอย่างแท้จริงเลยครับ
เพื่อน ๆ อย่าลืมไปชมการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้ แล้วกลับมาเล่าความประทับใจให้ฟังกันบ้างนะครับ การแสดงนี้ยังมีแสดงทุกวัน (เว้นวันจันทร์) ที่หอประชุมใหญ่ของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีการแสดงไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม 2554 เลยครับ
ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาชมบล็อกนี้ของผม ขอให้ท่านมีความสุขมาก ๆ นะครับ
อิอิ
Create Date : 19 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2554 1:34:58 น. |
|
93 comments
|
Counter : 10974 Pageviews. |
|
|
|
โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:1:44:52 น. |
|
|
|
โดย: iamorange วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:5:54:40 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:41:01 น. |
|
|
|
โดย: kobnon วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:14:31 น. |
|
|
|
โดย: หนอนตะไคร้ วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:46:49 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:15:21 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:51:15 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:00:41 น. |
|
|
|
โดย: โสดในซอย วันที่: 20 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:15:23 น. |
|
|
|
โดย: อาบูด วันที่: 20 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:58:39 น. |
|
|
|
โดย: radakorn (radakorn ) วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:40:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:5:57:52 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:00:04 น. |
|
|
|
โดย: VET53 วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:39:36 น. |
|
|
|
โดย: YupavaDee... IP: 223.206.18.251 วันที่: 25 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:51:45 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:53:27 น. |
|
|
|
โดย: Onintra วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:05:41 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:41:39 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:36:55 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 29 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:59:39 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 31 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:49:06 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:8:18:11 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:0:44:07 น. |
|
|
|
โดย: nLatte วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:6:50:34 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:8:28:28 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:10:13:11 น. |
|
|
|
โดย: Tristy วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:12:12:02 น. |
|
|
|
โดย: radakorn วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:11:52:36 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:15:33:32 น. |
|
|
|
โดย: ชายผู้หล่อเหลา...กว่าแย้นิดนึง. (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:19:12:11 น. |
|
|
|
โดย: มิลเม วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:17:31:52 น. |
|
|
|
โดย: Why England วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:1:06:35 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 7 สิงหาคม 2554 เวลา:20:53:19 น. |
|
|
|
โดย: คนขับช้า วันที่: 9 สิงหาคม 2554 เวลา:20:11:40 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 10 สิงหาคม 2554 เวลา:9:24:26 น. |
|
|
|
โดย: คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m ) วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:11:46:11 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:23:23:18 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:8:17:18 น. |
|
|
|
โดย: Dingtech วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:10:47:45 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าการะเกด วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:17:41:56 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:18:45:56 น. |
|
|
|
โดย: น้องผิง วันที่: 13 สิงหาคม 2554 เวลา:15:42:08 น. |
|
|
|
โดย: cengorn วันที่: 14 สิงหาคม 2554 เวลา:13:40:34 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 15 สิงหาคม 2554 เวลา:10:52:25 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:7:03:12 น. |
|
|
|
โดย: tobtab IP: 203.107.236.71 วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:21:26:16 น. |
|
|
|
โดย: โสดในซอย วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:21:37:06 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 19 สิงหาคม 2554 เวลา:14:39:25 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 20 สิงหาคม 2554 เวลา:23:43:55 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 23 สิงหาคม 2554 เวลา:17:44:46 น. |
|
|
|
โดย: Inki วันที่: 23 สิงหาคม 2554 เวลา:19:06:10 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:7:44:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:5:57:36 น. |
|
|
|
โดย: มิลเม วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:13:15:00 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 28 สิงหาคม 2554 เวลา:6:00:11 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 28 สิงหาคม 2554 เวลา:22:27:42 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 29 สิงหาคม 2554 เวลา:13:23:13 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:6:02:09 น. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ IP: 58.9.192.147 วันที่: 4 กันยายน 2554 เวลา:15:18:15 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 กันยายน 2554 เวลา:8:09:57 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 8 กันยายน 2554 เวลา:8:46:11 น. |
|
|
|
โดย: สยาม IP: 115.87.196.252 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:01:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]
|
อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า อาคุงกล่อง เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ
ปัจจุบัน อาคุงกล่อง เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม อาคุงกล่อง จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย
"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"
ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)
akungklong@gmail.com
|
|
|
|
|
|
|
|
อลังการงานสร้างจริง ๆค่ะ
อาคุงกล่อง ไม่ใส่ชุดโขนทำท่าแพลงกิ้งด้วยเหรอคะ