เวลา
6 กุมภาพันธ์ 2558
หนังสือเล่มที่ผมอ่านในวันนี้ถือว่าเป็นงานเขียนชั้นครูอีกเล่มหนึ่ง เพราะว่าผู้แต่งนวนิยายเรื่อง เวลา นี้คือ อ.ชาติ กอบจิตติ ซึ่งถือว่าเป็นคุณครูอีกหนึ่งท่านที่สอนวิชาการประพันธ์ให้แก่ผม ผมเคยไปฟังงานเสวนาการเขียนที่ อ.ชาติ กอบจิตติ เคยสอนครั้งหนึ่งครับ
สำหรับหนังสือเรื่อง เวลา นี้เป็นหนังสือที่มีรางวัลการันตรีอยู่ด้วย 2 รางวัล คือรางวัลอันยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับงานเขียนซึ่งก็คือรางวัลวรรณกรรมยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรท์) ประจำปี 2537 และรางวัลนวนิยายดีเด่นแห่งชาติ ปี 2537 ดังนั้นจึงสามารถยืนยันได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีควรค่าสำหรับการอ่านแน่ ๆ
แต่นวนิยายเล่มนี้อ่านยากครับ เพราะว่าไม่ใช่นวนิยายรักแนวพาฝันทั่วไปที่กำลังนิยมกัน นวนิยายเรื่องนี้ออกในแนวสะท้อนสังคมหรือแนวแสดงข้อคิดและปัญหา เนื่องจากประเด็นหลักในเรื่องพูดถึงคนชราที่ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวในบ้านพักคนชรา ซึ่งอ่านแล้วจะออกแนวโศกนาฏกรรมนิด ๆ มีน้ำตาซึมได้บ้างแน่ ๆ ซึ่งน่าจะเป็นวัตถุประสงค์หลักที่ผู้เขียนต้องการให้เกิดความสะเทือนอารมณ์แก่ผู้อ่าน จึงจะทำให้ผู้อ่านเก็บเอาประเด็นในเรื่องไปคิดต่อยอดอีกได้ ถือว่าเป็นนวนิยายน้ำดีที่ดูเหมือนจะสวนทางกับตลาดนวนิยายบ้านเราเป็นอย่างมาก
ส่วนสาเหตุอีกประการที่ผมบอกว่านวนิยายเรื่องนี้อ่านยากก็เพราะว่า นวนิยายเรื่องนี้มีวิธีการนำเสนอหรือการดำเนินเรื่องซึ่งแตกต่างจากนวนิยายเป็นอย่างมาก โดยมีการใช้บทละครและบทภาพยนตร์มาดำเนินเรื่องควบคู่ไปกับบทบรรยายตามหลักนวนิยายทั่วไป อีกทั้งมุมมองในการนำเสนอ (Point of View) มีการเล่าสลับไปมา ดังนั้นในช่วงแรกถ้าอ่านแบบไม่ตั้งใจก็อาจจะตามเรื่องไม่ทัน ซึ่งอาจจะไม่เข้าใจเนื้อเรื่องผู้เขียนต้องการจะสื่อได้ แต่ถ้าท่านได้อ่านผ่านมาสักช่วงหนึ่งแล้วจะรู้สึกว่าวิธีการนำเสนอแบบนี้ก็ค่อนข้างแปลกและน่าสนใจดีเหมือนกัน ทำให้อ่านแล้วได้เห็นเนื้อเรื่องและตัวละครในหลายมุมมองมากขึ้น นวนิยายเรื่องนี้เริ่มต้นจากตัวเอกของเรื่องที่ใช้คำว่า ผม ได้เข้าไปชมละครเวทีเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องราวของบ้านพักคนชราแห่งหนึ่ง เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นและจนลงภายใน 1 วัน โดยมีนาฬิกาในเรื่องเป็นตัวบอกเวลาไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่คนชราตื่นนอน , ทำกิจวัตรประจำวันอะไรบ้าง , มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิง 2 คนและเจ้าหน้าที่ชายหนึ่งคนคอยช่วยเหลือและดูแลคนชราทั้งหมด , เล่าถึงตัวละครที่เป็นคนชราซึ่งมีอยู่หลายคนในเรือนพยาบาล , การกินอาหารเช้า กลางวัน และเย็น , การที่มีเด็กเข้ามาขายของและคนตาบอดมาขายล็อตเตอรี่ , มีกลุ่มครอบครัวมาทำบุญเลี้ยงอาหารกลางวัน ฯลฯ
โดยเหตุการณ์ในละครเวทีนั้นเกิดขึ้นภายในเรือนพยาบาลห้องนั้นทั้งหมด ซึ่งถือว่ามีเพียงฉากเดียวดังนั้นจึงมีการนำบทละครที่เป็นบทสนทนาระหว่างตัวละครเข้ามาใช้ด้วย ทำให้เห็นตัวตนของตัวละครผ่านบทสนทนาได้มากขึ้น ส่วนการนำบทภาพยนตร์เข้ามาใช้เพื่อเจาะประเด็นในการนำเสนอเพราะว่าในเรื่องมีตัวละครหลายตัว ดังนั้นการใช้มุมมองแบบมุมกล้องจึงทำให้เห็นพฤติกรรมของตัวละครได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย (สาเหตุที่มีการนำบทภาพยนตร์เข้ามาใช้เพราะว่าตัวละครผมที่เล่าเรื่องมีอาชีพเป็นคนสร้างภาพยนตร์) นอกจากนั้นยังมีการบรรยายเรื่องราวของตัวละครที่เด่น ๆ ทีละตัวโดย (ใช้มุมมอง POV. ของพระเจ้า) ซึ่งผู้เขียนมีการผูกเรื่องและโยงเรื่องราวเอาไว้ด้วยกันได้ทั้งหมด
มีการใช้บทละครและบทภาพยนตร์เข้ามาประกอบเนื้อเรื่องด้วย
ผมอ่านนวนิยายเรื่องนี้แล้วก็สะเทือนใจอยู่หลายตอนเหมือนกัน เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาสังคมที่มักจะถูกละเลยเสมอ ซึ่งก็คือเรื่องของการทอดทิ้งคนชรานั้นเอง โดยผมขอยกตัวอย่างจากเนื้อเรื่องในนวนิยายนี้มาให้ดูสักตอนหนึ่งดังนี้ ...
ที่นี่แหละที่เขาให้ผมมาส่ง คนขับรถแท็กซี่บอกกับนางเมื่อเห็นนางไม่ยอมลงจากรถ ยายลงไปเถอะ ไม่ผิดที่หรอก เขาบอกให้ผมมาส่งยายที่นี่ (มาส่งที่บ้านพักคนชรา) นี่ไม่ใช่บ้านยาย ไปส่งยายที่บ้านทีเถอะ นางอ้อนวอนเขา ผมจะไปรู้ได้ไงว่าบ้านยายอยู่ที่ไหน เขาบอกให้ผมมาส่งยายที่นี่ เขาบอกยายอยู่ที่นี่ผมก็มาส่ง แล้วจะเอายังไงอีกล่ะ ก็ลูกยายบอกให้ยายกลับมาบ้านก่อน แล้วนี่มันไม่ใช่บ้านยายนี่ นางเล่าความจริง ผมไม่รู้ยาย เขาว่าจ้างให้ผมมาส่งที่นี่ ผมก็มา ไปส่งยายที่บ้านทีเถอะ ยายอยากกลับบ้าน นางร้องขอเขาทั้งที่ตัวเองไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว คนขับแท็กซี่มองนาง เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับหญิงชราผู้นี้ แต่สงสัยว่าทำไมคนที่ว่าจ้างเขาให้มาส่งนั้นจึงใจไม้ไส้ระกำกับนาง
สำหรับตัวผมอ่านนวนิยายเรื่อง เวลา เล่มนี้แล้วนอกจากจะได้ประโยชน์ที่เอาไปใช้ในการพัฒนางานเขียนของตัวผมเองแล้ว ผมยังได้แง่คิดที่ดี ๆ จากการอ่านนวนิยายเรื่องนี้อีกเยอะเลย อย่างน้อยที่สุดพอผมอ่านนวนิยายเล่มนี้จบลงผมก็คิดถึงคุณพ่อคุณแม่และญาติผู้ใหญ่ของผมขึ้นมาในทันที
ถ้าถามผมว่า ... เมื่อได้อ่านนวนิยายเล่มนี้จบลงแล้ว เวลา สำหรับผมคืออะไร?
ผมก็ต้องขอตอบว่า ... มันคือเวลาในหนึ่งช่วงชีวิตของแต่ละคน เราไม่ควรทอดทิ้งหรือทำลายเวลาที่เหลือของคนอื่น ในทางกลับกันเราควรจะเกื้อกูลและสนับสนุนในเขาเหล่านั้นใช้เวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตอย่างควรค่ามากที่สุด และเราควรจะทำให้เขามีความสุขมากที่สุดด้วยครับ
นวนิยายเรื่อง เวลา เล่มที่ผมอ่านนี้ เป็นฉบับพิมพ์ปกแข็ง จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์หอน (คาดว่าเป็นสำนักพิมพ์ของ อ.ชาติ กอบจิตติ) จัดพิมพ์ในปี 2547 ความยาว 240 หน้าราคาปกแข็ง 200 บาท สำหรับท่านที่อยากจะอ่านเล่มนี้สามารถหาซื้อตามร้านหนังสือทั่วไปได้ครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวแนะนำหนังสือเล่มนี้ ขอให้ท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ
Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2558 |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2558 19:16:25 น. |
|
56 comments
|
Counter : 4391 Pageviews. |
|
|