Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
แลไปข้างหน้า

15 มกราคม 2558


 





แลไปข้างหน้า : มองหาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

พอดีว่าช่วงนี้ผมกำลังตามอ่านหนังสือวรรณกรรมเก่า ๆ พอได้อ่านแล้วก็อยากจะเขียนถึงหนังสือเล่มที่ผมอ่าน โดยผมขอเขียนในลักษณะการรีวิวแนะนำหนังสือที่ไม่ใช่บทวิจารณ์วรรณกรรม ซึ่งผมจะเขียนตามความรู้สึกของผมหลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้น ๆ ครับ

ในวันนี้ผมขอพูดถึงหนังสือชื่อ “แลไปข้างหน้า” ที่เขียนโดยศรีบูรพา หรือกุหลาบ สายประดิษฐ์ โดยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือดี 1 ใน 100 ชื่อเรื่องที่คนไทยควรอ่าน ซึ่งศรีบูรพาได้เขียนไว้ประมาณ 60 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2495-2500) แต่ผมเพิ่งจะได้มาอ่านเมื่อ พ.ศ. 2558 นี้เองครับ

สำหรับ “แลไปข้างหน้า” เล่มที่ผมอ่านนี้น่าจะเป็นเล่มที่พิมพ์ขึ้นล่าสุดในวาระครบ 100 ปี ชาตกาลของศรีบูรพา จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า 2545 เป็นหนังสือในโครงการอนุรักษ์วรรณกรรมเก่าและหายาก ซึ่งหนังสือเรื่องแลไปข้างหน้านี้เป็นเล่มที่รวมทั้งภาคปฐมวัยและภาคมัชฌิมวัยเอาไว้ด้วยกัน ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงถูกแบ่งเป็นสองส่วนแยกไว้ในผู้อ่านได้ทราบอย่างชัดเจน

ในตอนแรกที่ผมได้อ่านหนังสือเรื่อง “แลไปข้างหน้า” นี้ ผมยอมรับว่าผมเกือบจะอ่านไม่ผ่านบทแรกแล้ว ผมต้องทนฝืดตั้งใจอ่านในบทแรกถึง 3 รอบ กว่าจะอ่านบทแรกผ่านไปได้ด้วยความมึน เพราะว่าบทแรกเป็นบทบรรยายทั้งบท โดยมีตัวละครชื่อครูโผล่ขึ้นมาลอย ๆ บทบรรยายอันยืดยาวที่เป็นเหมือนบทพรรณนาของตัวละครที่ชื่อครูนั้นอ่านแล้วก็รู้สึกน่าเบื่อ เนื่องจากผู้อ่าน(ผม)ไม่สามารถประติดประต่อเรื่องราวได้ การที่ตัวละครครูได้คิดพรรณนานึกถึงแต่เรื่องของกาลเวลาซึ่งนำพาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น ผมอ่านแล้วยังไม่รู้สึกว่าจะโยงเข้าเรื่องได้สักเท่าไหร่เลย แต่พอขึ้นบทที่ 2 มีตัวละครเอกชื่อ จันทา โนนดินแดง โผล่ขึ้นมาก็ทำให้อ่านได้ไหลลื่นขึ้น เพราะผู้อ่านเริ่มจับตัวละครได้ และเริ่มอ่านเพื่อติดตามเรื่องราวของตัวละครได้ตามลำดับ

หนังสือเรื่อง “แลไปข้างหน้า” อาจจะไม่ใช่นวนิยายที่อ่านสนุกเหมือนนวนิยายพาฝันทั่วไป เนื่องจากเนื้อเรื่องเต็มไปด้วยบทบรรยายมากถึง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ โดยมีบทสนทนาหรือบทพูดของตัวละครแค่ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เรื่องราวที่ได้อ่านมีความอืดและรู้สึกว่าเรื่องดำเนินเรื่องไปอย่างช้า อีกทั้งเนื้อเรื่องค่อนข้างหนักไปทางของสภาพสังคมในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องราวที่สนุกและไม่ค่อยมีความบันเทิงสักเท่าไหร่นัก ผมคิดว่าสำหรับนักอ่านมือสมัครเล่นหรือเยาวชนอ่านแล้วอาจจะน่าเบื่อเกินกว่าที่จะทนอ่านจนจบเล่มได้ แต่ถ้าเป็นการอ่านเพื่อเอาเรื่องราวและรายละเอียดเพื่อหาความหมายที่ซ้อนไว้ในเนื้อเรื่องแล้ว ผมถือได้ว่าเป็นหนังสือนวนิยายที่เล่าเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์การเมืองที่ให้อรรถรสได้ดีเป็นอย่างมาก

สำหรับภาษาที่ใช้ในเรื่องนี้ ผมคิดว่าศรีบูรพาใช้ภาษาได้สวยมาก เป็นภาษาง่าย ๆ ที่เข้าใจได้ แต่ถูกเรียงร้อยด้วยความที่ค่อนข้างจะเป็นแบบแผนหรือรูปแบบเป็นทางการนิด ๆ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายของเรื่องได้อย่างลื่นไหล เรื่องราวของตัวละครที่เกิดขึ้นในเรื่องเป็นเรื่องราวในช่วงตั้งแต่ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึง พ.ศ. 2500 ก่อนหน้าที่ผมจะได้มาอ่านเรื่องนี้ผมได้เคยอ่านประวัติชีวิตของศรีบูรพามาก่อน พอผมได้มาอ่านเรื่องนี้จึงคิดว่าเรื่องราวของตัวละครในเรื่องค่อนข้างที่จะสอดคล้องชีวิตจริงของศรีบูรพาเป็นอย่างมาก แต่อาจจะไม่ใช่เป็นหนังสือที่อิงชีวประวัติของศรีบูรพาโดยตรงทั้งหมด

ศรีบูรพานำเรื่องราวบางช่วงบางตอนของชีวิตตัวเองมากระจายใส่ผ่าน 3 ตัวละครหลักของเรื่อง อันได้แก่ จันทา โนนดินแดง , นิทัศน์ และเซ้ง โดยผมอ่านแล้วมีความรู้สึกว่าศรีบูรพากำลังต้องการบอกหรือสื่อเรื่องราวผ่านละครทั้ง 3 ตัวนี้ โดยเน้นหลักที่เรื่องของการแสวงหาหรือค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ประชาธิปไตย” มากกว่า

ในส่วนแรกที่เป็นภาคปฐมวัย ศรีบูรพาอธิบายให้ผู้อ่านเห็นถึงความแตกต่างของชนชั้นในสังคม อันเนื่องมาจากความแตกต่างทางสังคมนี้เองที่ทำให้คนในสังคมมีโอกาสไม่เท่าเทียมกัน เกิดความรู้สึกเหลื่อมล้ำขึ้นระหว่างคนในสังคม โดยศรีบูรพาเน้นถึงเรื่องความแตกต่างนี้ซึ่งเป็นสาเหตุที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475

ส่วนในภาคมัชฌิมวัย ศรีพูรพาได้เล่าเรื่องเรื่องราวในสังคมไทยในช่วงเวลาหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ศรีบูรพาพยายามพูดถึงความหมายที่แท้จริงของประชาธิปไตย และการพูดถึงรูปแบบของประชาธิปไตยที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยด้วย โดยในภาคนี้ตัวละครหลักทั้ง 3 ตัวโตขึ้นสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว เรื่องราวจึงเข้มข้นและค่อนข้างจะหนักขึ้นกว่าภาคแรกมาก

โดยรวมแล้วถ้าถามผมว่าทำไมหนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือดี 1 ใน 100 ชื่อเรื่องที่คนไทยควรอ่าน? ผมก็ขอตอบว่า หนังสือเรื่อง “แลไปข้างหน้า” เล่มนี้เป็นเรื่องราวที่บันทึกสภาพสังคมและความเป็นไปของประเทศไทยในช่วงก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ซึ่งคนไทยควรจะได้อ่านเพื่อให้รู้ถึงที่มาและที่ไปของเหตุการณ์สำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบ้านเมือง เนื้อเรื่องที่พูดถึงการแสวงหาประชาธิปไตย แสวงหาความหมายหรือรูปแบบของประชาธิปไตยที่เหมาะสมสำหรับบ้านเรา ผู้ที่เป็นนักศึกษา ผู้ที่เป็นข้าราชการและนักการเมืองต่าง ๆ ควรจะอ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อให้รู้ว่าทำไมประเทศไทยของเรายังคงต้องแสวงหาประชาธิปไตยที่เหมาะสมไปเรื่อยๆ ด้วยการล้มล้างรัฐธรรมนูญเก่าและสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมาตลอด 70 ปีที่ผ่านมา

ตราบใดก็ตามที่คนในประเทศยังขาดสำนึกของความเป็นประชาธิปไตยที่จะต้องละผลประโยชน์ส่วนตนและนำพาไปซึ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติแล้ว พวกเราก็คงจะต้องแสวงหาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไปตลอดกาล แต่เมื่อไหร่ที่คนในประเทศไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่พวกพ้อง ไม่เห็นแก่ประโยชน์อันได้มาจากการกระทำความผิด การทุจริตคอรัปชั่นในทางการเมืองก็คงจะไม่เกิดขึ้น แล้วก็คงจะไม่มีใครหน้าไหนมาหาข้ออ้างเพื่อโค่นล้มรัฐธรรมนูญลงได้อีก เมื่อนั้นพวกเราคงมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เอาไว้อวดชาวโลกได้อย่างแน่นอน

น่าเสียดายที่ศรีบูรพาเขียนเรื่องนี้ไว้ไม่จบสมบูรณ์ โดยขาดภาคปัจฉิมวัยที่น่าจะเป็นตอนจบของเรื่องซึ่งจะทำให้นวนิยายเรื่อง “แลไปข้างหน้า” นี้คงมีความสมบูรณ์ในเชิงวรรณกรรมมากขึ้น แต่สำหรับตัวผมคิดว่า การที่ศรีบูรพาไม่ได้เขียนตอนจบเอาไว้ในภาคปัจฉิมวัยก็คงเป็นการดีสำหรับผู้อ่าน ผู้อ่านควรต้องอ่านแล้วแลตามไปข้างหน้าเพื่อค้นหาตอนจบของเรื่องเอาเอง เพราะว่าทั้ง 2 ภาคนี้ต่างก็ได้ให้รายละเอียดและชี้ทางให้มากเพียงพอแล้ว เราในฐานะผู้อ่านก็ควรจะต้องเดินตามหาจุดหมายตอนจบของเรื่องด้วยตัวเอง เพราะว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเรานั้นคือประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบตามความต้องการของพวกเรานั้นเอง






Create Date : 15 มกราคม 2558
Last Update : 15 มกราคม 2558 0:36:57 น. 17 comments
Counter : 1574 Pageviews.

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
aphsara Technology Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

อ่านเพียงย่อแรก ง่วงจริงๆมากๆไว้ตื่นแล้วมาอ่านต่อค่ะ


โดย: Opey วันที่: 15 มกราคม 2558 เวลา:10:10:16 น.  

 
อ่านจากรีวิวแล้ว ดูจะไม่ใช่แนวเราค่ะ


โดย: Sab Zab' วันที่: 15 มกราคม 2558 เวลา:12:46:20 น.  

 
อ่านแล้วก็โหวตสาขา หนังสือให้เลยคร้า

หนังสือเก่า มีคุณค่าน่าอ่าน
ผู้เขียนเขียนแบบให้เราติดตามอ่านต่อ ตามชื่อหนังสือเลยนะค่ะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 15 มกราคม 2558 เวลา:23:01:42 น.  

 
สวัสดีครับพี่อาคุง

โหวต Book blog ให้ครับพี่

ไม่ค่อยได้เห็นบล็อกรีวิวหนังสือเลยในช่วงนี้
หนังสือเล่มนี้ไม่เคยอ่านครับพี่
อาจเพราะผมไม่ทันยุคของท่านครับ

หนังสือเก่าที่ผมอ่านจึงมีเพียง สามเกลอ
พล นิกร กิมหงวน ของ ป.อินทรปาลิตเท่านั้นเองครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 มกราคม 2558 เวลา:6:55:06 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ขอบคุณที่วิเคราะห์ให้อ่านด้วยนะคะคุณกล่อง เป็นหนังสือที่น่าอ่านมากๆค่ะ

แล้วก็ขอบคุณที่แวะไปชมรีวิวโรงแรมด้วยกันและโหวตให้เราด้วยค่ะ


โดย: LoveParadise วันที่: 16 มกราคม 2558 เวลา:14:01:07 น.  

 


ถ้าเป็นผมแดดเปรี้ยงๆ ผมไม่กล้าออกแดดเลยครับ
กลัวดำ 5555


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 มกราคม 2558 เวลา:16:14:58 น.  

 
หนังสือเก่ามีคุณค่านะคะ ผู้เขียนยุคนั้นก็ใช้ภาษาสวยงาม ไมเหมือนของสมัยนี้บางเล่มอ่านแล้วเสียดายเงิน
เรื่องนี้อ่านแล้วน่าจะได้ความรู้ด้วย เคยอ่านนวนิยายบางเรื่องอ้างอิงประวัติศาสตร์ แต่อ่านสนุกก็เยอะค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 16 มกราคม 2558 เวลา:17:36:24 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณอากล่อง

ขอบคุณนะคะที่แวะไปบล็อกค่ะ

ขอบคุณประโยคดีๆนะคะ

"กาลเวลาทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลง
แต่หัวใจกลับเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการโดนกระทำ "

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือความปรารถนาดีต่อกันค่ะ
เพราะเราต่างเข้าใจกันและกันมากกว่าค่ะ
จากเพื่อนเป็นแฟน จากแฟนก็เป็นเพื่อนน่ะค่ะ


คุณอากล่องมีความสุข ฝันดีนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 16 มกราคม 2558 เวลา:19:27:57 น.  

 
ขอบคุณครับคุณกล่องที่แวะมาทักทายกัน
"แลไปข้างหน้า" ในยุคของผมเป็นหนังสืออ่านของพวกหัวก้าวหน้า
อ่านรีวิวของคุณกล่องแล้ว ทำให้เข้าใจได้ว่าความทรงจำต่างๆที่ได้จากการอ่านของตัวเองนั้น มันเลือนลางไปตามกาลเวลา หรือะไรที่ไม่ได้ใช้ก็จะสูญหายไป แต่ถ้าเป็นความทรงจำในวัยเด็กเล็กมากๆกลับจำได้ดีครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 16 มกราคม 2558 เวลา:23:00:20 น.  

 
สุขสันต์วันหยุดจ้ะ


โดย: Opey วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:9:07:45 น.  

 
แวะมาขอบคุณค่ะคุณอากล่อง

แว้บกันไปมาเนาะๆ

สุขสันต์วันหยุดค่ะ


โดย: tanjira วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:13:47:13 น.  

 
คิดดี ทำดี ย่อมเกิดผลดีกับตัวเอง
ผมก็เชื่ออย่างนั้นครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:15:43:18 น.  

 
น่าแปลกใจเลยค่ะที่เป็นหนังสือดี ที่คนไทยควรอ่าน
แต่กลับเขียนไม่จบสมบูรณ์
ด้วยเนื้อเรื่องก็เหมาะที่จะทิ้งไว้เพียงนั้นนะคะ
ให้คนอ่านสรุปเองและมองต่อไป..



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:17:36:49 น.  

 
งานเขียนของท่าน ผมยังไม่เคยอ่าน แต่เห็น
เค้าโครงเรื่องหลายเรื่องที่ เล่าสูกันต่อ ๆ มา
เขาว่า ยอดเยี่ยม

ถ้าคุณกล่องชอบงานเขียน แบบบทสนทนา น่า
จะลองหาอ่านงานเขียน ประชา พูนพิพัฒน์ที่
เป็นนายตำรวจ เขียนได้เยี่ยม ผมยังติดใจ ชื่อ
นามสกุลอาจจะเขียนผิดนะครับ..

เมื่อก่อนเป็นนักเขียน บันทัดละ 7 บาทแพงมาก
ในสมัยนั้นครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:18:12:46 น.  

 
สำนวนท่านอาจจะไม่ค่อยคุ้น แต่งานท่านละเมียดมากนะคะ

โหวตให้ค่ะคุณอาคุงกล่อง


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:20:12:22 น.  

 
สวัสดีค่ะตุณกล่อง เมื่อก่อนสมัยเรีบนชอบอ่านหนังสือมากเลยค่ะเข้าห้องสมุดแทบทุกวันและยืมหนังสือห้องสมุดบ่อยมากแต่ส่วนใหญ่อ่านนิยายค่ะ อิอิ

เรื่องของ ศรีบูรพา หรือกุหลาบสายประดิษฐฺ์ ก็เคยอ่านบ้างแล้วค่ะท่านเขียนได้ดีมากๆ

หลับฝันดีค่ะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:22:33:01 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
โหวตให้ทิดกล่องค๊าบ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog




โดย: หอมกร วันที่: 20 มกราคม 2558 เวลา:22:39:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อาคุงกล่อง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]




อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า “อาคุงกล่อง” เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ

ปัจจุบัน “อาคุงกล่อง” เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม “อาคุงกล่อง” จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย



"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"

ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)

akungklong@gmail.com
Friends' blogs
[Add อาคุงกล่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.