WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 

ขจัดขี้ฟันให้ถูกวิธี
























มีสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำความสะอาดในช่องปากที่คุณอาจมองข้ามไปหลายๆ
อย่าง ส่วนใหญ่แล้วการขจัดคราบอาหารในช่องปาก
เราะจะเข้าใจว่าแค่แปรงฟันก็พอ โดยข้อเท็จจริงแล้ว
ฟันและเหงือกเป็นอวัยวะที่กักเก็บเศษอาหารที่ต้องมีอุปกรณ์และวิธีการทำความ
สะอาดอย่างที่พิถีพิถันพอสมควรเลยครับ
มาดูกันว่าอะไรควรหรือไม่ควรปฏิบัติกันเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีตลอดไป



Do's













































































 
เลือกแปรงที่
ขนนิ่มไม่แข็งเกินไป
 

แปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
 

แปรงให้ถูกวิธี ฟันบนปัดลงล่าง ฟันล่างปัดขึ้นบน แปรงทุกด้านของฟัน
ด้านบดเคี้ยว ด้านนอก ด้านใน
 
ใช้ไหมขัดฟัน
ขจัดเศษอาหาร ตามซอกฟันและใต้เหงือก
 
การใช้
Dental floss (ไหมขัดฟัน) ให้ใช้ทุกครั้งหลังจากการรับประทานอาหาร ทำทุกซี่
 
ท่านที่มีฟัน
ห่างมาก ใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น
อาจจะต้องใช้แปรงซอกฟันทำความสะอาดด้านข้างของฟัน และใต้ฐานฟันปลอม
 
ใช้ยาสีฟัน
ที่มีส่วนผสมฟลูออไรด์ (fluoride)
 
อมน้ำยาบ้วน
ปากหลังการแปรงฟันทุกครั้ง


การขจัดคราบอาหาร (ขี้ฟัน)
ออกให้หมดเกลี้ยงจะช่วยลดฟันผุ และเหงือกอักเสบได้อย่างตรงจุดที่สุด
รู้อย่างนี้ก็อย่าปล่อยให้คราบอาหารค้างอยู่ในปากนานๆ
ต้องพิถีพิถันขจัดออกเสีย สุขภาพเหงือกและฟันจะดีตลอดไป



Don'ts



มีอะไรบ้างที่ต้องระมัดระวัง
เพราะถ้าทำผิดเข้าใจไม่ถูกต้อง แทนที่จะขจัดคราบอาหารได้เกลี้ยง
กลับมีผลข้างเคียงต่อเหงือกและฟันอีก


















































 
ไม่ใช้แปรงขน
แข็งมาก (เพราะจะทำให้ฟันสึกได้ง่าย)
 
เลือกแปรง
ด้ามตรงไม่โค้งงอ เพราะแปรงเหล่านี้จะแปรงทำความสะอาดได้ดีเฉพาะบางตำแหน่ง
 
อย่าแปรงฟัน
แบบตามใจฉันที่ถนัด คือ แปรงขึ้นลงแรงๆ วิธีแบบนี้จะทำให้เหงือกร่นง่าย
เพราะหลักการที่ถูกต้อง ฟันบนให้ปัดลงล่าง ฟันล่างให้ปัดขึ้นบน
แต่ถ้าแปรงขึ้นลงเร็วๆ ฟันบนจะถูกแปรงกระแทกเหงือกให้ขึ้นไป
ฟันล่างก็ถูกแปรงกระแทกให้เหงือกถอยลงล่าง จนเกิดอาการเหงือกร่น
เป็นสิ่งที่แก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมยาก และทำให้มีอาการเสียวฟัน
เวลาแปรงด้านข้างก็จะถูเข้าออกแรงๆ เหมือนเลื่อยแบบนี้
ก็ทำให้คอฟันสึกเหมือนการโค่นต้นไม้ รอยสึกจะทำให้มีอาการเสียวฟัน
ถ้าสึกเข้าไปลึกมาก อาจต้องรักษารากฟัน
 
อย่าใช้ไม้
จิ้มฟันทำความสะอาดด้านซอกฟัน เพราะไม้จิ้มฟันมีผลต่อเหงือก
ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันมากขึ้น ให้ใช้ dental floss แทน
 
น้ำยาบ้วนปาก
ช่วยทำความสะอาดช่องปาก โดยการลดจำนวนแบคทีเรียชั่วขณะ ดังนั้น
ยังต้องแปรงฟันให้สะอาดด้วย

 
     




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:26:02 น.
Counter : 322 Pageviews.  

ฟันเหลือแต่ตอ (รากฟัน)

//www.yourhealthyguide.com/article/images_article/root-tooth.gif















ลักษณะการเสื่อมสภาพของตัวฟันนั้น มีทั้งเกิดจากการใช้งาน
เคี้ยวอาหาร หรือเกิดจากโรคที่คุกคามต่อตัวฟันโดยตรง ฟันผุ
ดูเหมือนว่าจะเป็นโรคยอดฮิตที่เราคุ้นเคยกันดี
เกิดได้ตั้งแต่วัยทารกจนชราภาพ
หากเราปล่อยปละละเลยไม่หมั่นดูแลรักษาทำความสะอาดฟันให้ดี



การเกิดฟันผุมีหลายระดับ ผุเป็นรูเล็กๆ
เห็นเป็นจุดดำๆ อาจจะด้านเดียว หรือหลายด้าน ผุตื้นๆ แต่เปลือกฟัน
หรือเนื้อฟันผุลึกจนถึงโพรงประสาทฟัน
แต่ก็ยังเห็นรูปฟันอยู่แต่บางท่านมีประสบการณ์กับฟันผุมาอย่างโชกโชน
ปล่อยให้เป็นรูจนเหลือแต่รากผ่านการเสียวฟัน
เผชิญกับการปวดฟันมาหลายรอบคือพอทนได้ก็ทนกันไป แต่จริงๆ
แล้วฟันผุนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
หากเราไม่อุดไว้ก็จะสึกกร่อนจนเหลือแต่ตอหรือรากฟัน
จริงอยู่การทิ้งไว้อาจอยู่ได้โดยไม่มีอาการอะไรเป็นเวลานานๆ
แต่ทราบหรือไม่ว่า กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย
ทั้งในช่องปากและส่งผลไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ ด้วย



เรามาลองดูรายละเอียดกัน



ขอบคมจากฟันเหลือแต่รากนั้นอันตรายมากเวลาเราพูดคุยหรือเวลาเคี้ยวอาหาร
ลิ้นจะขยับอยู่ตลอดเวลา ขอบคมของฟันจะบาดลิ้นทำให้เป็นแผล
การที่อวัยวะในช่องปากถูกกระทบเสียดสีจนเป็นแผลเป็นประจำ
ทางการแพทย์ถือเป็นลักษณะที่ไม่น่าไว้วางใจ
เพราะอาจเป็นสาเหตุชักนำให้เกิดมะเร็งในช่องปากได้























 

เราจะเคี้ยวอาหารให้ขาดได้ดั่งใจต้องมีระบบบดเคี้ยวที่ดี
การที่มีรากฟันไม่มีตัวฟันก็เหมือนไม่มีฟัน
มีช่องว่างทำให้ฟันสบเข้าหากับคู่สบก็จะย้อยตัวลงต่ำยื่นยาวลงมา
ยอดฟันจะสบกันไม่ลงตัว แน่นอนจะเคี้ยวอาหารให้อร่อยย่อมเป็นไปไม่ได้
 
ข้อนี้สำคัญ
มาก คนที่มีหน้าบวมบนใบหน้าถึงขนาดคางบวมคางโย้ มักมีสาเหตุมาจากฟันผุ
และจำนวนมากที่ใจเย็นปล่อยให้ฟันเหลือแต่ราก
ทิ้งไว้ในช่องปากหลายปีไม่รักษา
ตรงนี้ก็เหมือนประตูเปิดเป็นทางผ่านของเชื้อแบคทีเรียไปสู่ส่วนอื่นๆ
ของร่างกาย


เมื่อมีอาการบวมบริเวณใบหน้า
จึงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ล้อเล่น จะต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วน
บางรายต้องนอนโรงพยาบาลระบายหนอง และถอนฟันนั้นให้เร็วที่สุด
การกระจายของเชื้อโรคบริเวณใบหน้านั้นจะไปเร็ว และมักมีผลต่อทางเดินหายใจ
ซึ่งจะเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายถึงชีวิตได้



รีบไปให้ทันตแพทย์ดูแลให้ดีกว่าครับ
และคุณเองก็ต้องรักษาอนามัยฟันของตัวเองให้ดีที่สุดด้วย

โดยเฉพาะคนที่ฟันเหลือแต่ตอ แปรงฟันอาจจะไม่สะอาดพอ
ต้องใช้ไหมขัดฟันและอมน้ำยาบ้วนปากด้วยจะช่วยได้มาก



จะเห็นได้ว่าการทิ้งฟันให้เหลือแต่รากฟันนั้นมีแต่ความเสี่ยง
จริงอยู่วันนี้อาจจะยังไม่เป็นอะไร หรือปล่อยมานานแล้วยังไม่เป็นอะไร
แต่อย่าไปล้อเล่นเลยครับ
เพราะถ้าเป็นอะไรไปแล้วรากฟันซี่เดียวนี่ละมีผลที่จะทำให้คุณพูดว่า “
ไม่น่าเลย ”


 
     






 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:24:34 น.
Counter : 436 Pageviews.  

คราบหินปูน








































































































































































































































ถาม : ถาม.คราบฟันหรือหินปูนเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตอบ : หินปูนหรือหินน้ำลาย คือ
แผ่นคราบจุลินทรีย์ที่แข็งตัว เนื่องจากมีธาตุแคลเซียม
จากน้ำลายเข้าไปตกตะกอน แผ่นคราบจุลินทรีย์ หรือ Bacterial plaque คือ
คราบสีขาวขุ่นนิ่ม ที่ประกอบด้วยเชื้อโรค ติดอยู่บนตัวฟัน
แม้ว่าจะบ้วนน้ำ ก็ไม่สามารถหลุดออกได้ ขบวนการเกิดคราบจุลินทรีย์
เริ่มต้นหลังจากที่แปรงฟัน แล้วเพียง 2-3 นาที โดยจะมีเมือกใสของน้ำลาย
มาเกาะที่ตัวฟัน จากนั้นเชื้อโรคที่มีอยู่มากในปาก จะมาเกาะทับถมกันมากๆ
เข้าเกิดเป็นคราบจุลินทรีย์ คราบจุลินทรีย์นี้เอง เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด
โรคฟันผุและโรคปริทันต์ เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป คราบจุลินทรีย์นี้
จะใช้น้ำตาลจากอาหาร สร้างกรดและสารพิษ โดยกรดจะทำลายเคลือบฟัน
ทำให้ฟันผุ สารพิษจะทำให้เหงือกอักเสบ ทำให้เกิดโรคปริทันต์
ถ้าไม่กำจัดคราบจุลินทรีย์ โดยการทำความสะอาดฟัน และเหงือกอย่างดีทุกวัน
คราบนี้จะเพิ่มมากขึ้น และทำอันตรายต่อฟันและเหงือก
มักพบคราบจุลินทรีย์มาก โดยเฉพาะที่คอฟัน บริเวณขอบเหงือกและซอกฟัน
สามารถใช้สีย้อม ให้เห็นคราบได้ชัดเจน แต่ในรายที่คราบหนามากๆ
สามารถเห็นและรู้สึกได้ เมื่อใช้ลิ้นสัมผัสไปตามฟัน
     
ถาม : ความ
สำคัญและความจำเป็นในการขูดหินปูน
ตอบ : บนพื้นผิวหินน้ำลาย
จะมีคราบจุลินทรีย์ปกคลุม หินน้ำลายที่โผล่พ้นขอบเหงือก จะมองเห็นได้
แต่ส่วนที่อยู่ใต้เหงือก จะมองไม่เห็น หินปูนหรือคราบจุลินทรีย์
ที่ยึดติดอยู่บนหินปูนใต้เหงือก ไม่สามารถกำจัดออกได้
โดยวิธีการทำความสะอาดฟันด้วยตัวเอง ต้องอาศัยทันตแพทย์ ช่วยกำจัดหินปูนให้
ทันตแพทย์จะขูดหินปูนออก ทั้งเหนือเหงือกและใต้เหงือก
จากนั้นทำรากฟันให้เรียบ (root planning) ปราศจากสารพิษใดๆ
เพื่อให้เหงือกยึดแน่น รอบตัวฟันเหมือนเดิม



การขูดหินปูนให้หมดจริงๆ อาจต้องใช้เวลาพอควร อาจต้องนัดครั้งละ
30-45 นาที เป็นเวลา 2-4 ครั้ง หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับ
ความมากน้อยของหินปูน ความลึกของร่องลึกปริทันต์
ความแข็งของหินปูนเป็นต้น




หลังจากนั้นประมาณ 4-6 อาทิตย์ ทันตแพทย์จะประเมินผลดูว่า
ผู้ป่วยหายจากโรคปริทันต์หรือไม่ โดยดูลักษณะเหงือกว่า
กลับสู่สภาพเดิมหรือยัง มีเลือดออกเวลาแปรงฟัน
และเมื่อใช้เครื่องมือวัดร่องลึกปริทันต์ ว่าตื้นขึ้น
หรือเข้าสู่ภาวะปกติหรือไม่ ถ้ายังมีความลึกของ ร่องลึกปริทันต์อยู่
ทันตแพทย์จะพิจารณาว่า ควรจะทำการผ่าตัดหรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นกับ
การร่วมมือของผู้ป่วย ในการทำความสะอาดด้วย
แม้ว่าเหงือกจะกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ถ้าผู้ป่วยละเลย
ไม่ทำความสะอาด อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ
ก็สามารถที่จะกลับมาเป็นโรคปริทันต์ได้อีก
     
ถาม : ควร
เริ่มขูดหินปูนตั้งแต่วัยใด
ตอบ : สามารถขูดหินปูนได้ทุกวัย
แม้กระทั่งในวัยเด็กที่มีฟันน้ำนมขึ้นแล้วไปจนกระทั่งผู้สูงอายุ
     
ถาม : ระยะ
ความถี่ห่างของการขูดหินปูนที่เหมาะสม
ตอบ : ในระยะแรกๆ หลังการขูดหินปูน
ควรกลับมาให้ทันตแพทย์ ตรวจและทำความสะอาด ภายใน 2-3 เดือน จากนั้น
ถ้าผู้ป่วยสามารถทำความสะอาดได้ดี ไม่มีเหงือกอักเสบ
หรือไม่มีร่องลึกปริทันต์ ทันตแพทย์จะนัดผู้ป่วย มาตรวจและขูดหินปูน
ภายใน 5-6 เดือน โดยทุกครั้ง จะดูความร่วมมือของผู้ป่วย และอาจทบทวน
วิธีการทำความสะอาด ฟันและเหงือกด้วย
     
ถาม : การขูดหินปูนบ่อยๆ
จะมีผลกระทบต่อฟันหรือไม่
ตอบ : ในบางครั้ง
จะทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้บ้าง ภายหลังการขูดหินปูน
และอาจมีการเจ็บเหงือกบ้างบางครั้ง แต่การดูแลรักษาความสะอาดที่ถูกต้อง
จะทำให้อาการดังกล่าวหายไป
     
ถาม : ถ้าไม่ขูดหินปูนจะเกิดผลเสีย
อย่างไร
ตอบ : จะทำให้เกิดโรคปริทันต์
โดยท่านอาจมีอาการดังนี้






































































 
1.
เลือดออกขณะแปรงฟัน
 


2.

เหงือกบวมแดง
 
3.
มีกลิ่นปาก
 
4.
เหงือกร่น
 
5.
มีหนองออกจากร่องเหงือก
 
6.
ฟันโยก
 
7.
ฟันเคลื่อนออกจากกัน
     
ถาม : ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกกับ
เลือดหยุดยาก สามารถขูดหินปูนได้หรือไม่
ตอบ : ผู้ป่วยที่มีเลือดหยุดยาก
ควรจะมีการปรึกษาแพทย์ เพื่อแพทย์จะได้ปรึกษา
และวางแผนการรักษาร่วมกับทันตแพทย์ โดยอาจจะต้องหยุดยา
ที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า หรือในกรณีที่มีเลือด
ที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด อาจต้องให้เลือด
หรือสารทดแทนก่อนขูดหินปูน เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อน
หรือเลือดไหลไม่หยุด
     
ถาม : การป้องกันในการเกิดคราบหินปูน
ตอบ : ประกอบด้วยการทำความสะอาดฟัน
นั้นคือ การแปรงฟันให้ถูกวิธี
การทำความสะอาดซอกฟัน รวมทั้งการนวดเหงือก ซึ่งมีหลายวิธี
เช่นการใช้เส้นใยขัดฟัน (flossing) ปุ่มนวดเหงือก (rubber tip)
แปรงระหว่างซอกฟัน (proxmal brush) ผ้าก็อซ (gauze strip)
ไม้กระตุ้นเหงือก การที่จะเลือกใช้อุปกรณ์ตัวใด ขึ้นอยู่กับการพิจารณา
และคำแนะนำของทันตแพทย์
     
ถาม : ข้อแนะนำท้ายรายการ
ตอบ : ท่านสามารถป้องกันโรคฟันผุ
และโรคปริทันต์ ได้โดยการกำจัดคราบจุลินทรีย์ ในช่องปากของท่าน โดยการ





































 
1.
แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน
การแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ เป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ถ้าไม่สามารถกระทำได้
ให้บ้วนน้ำแรงๆ 2-3 ครั้ง หลังอาหาร
 


2.

ทำความสะอาดซอกฟัน อย่างน้อยวันละ 1
ครั้ง
 
3.
หลีกเลี่ยงอาหารหวานๆ โดยเฉพาะระหว่างมื้อ
 
4.
พบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
เพื่อตรวจสภาพเหงือกและฟัน เพื่อทำความสะอาดฟัน บริเวณที่เหลือ
จากการทำความสะอาด และรับการรักษาระยะเริ่มแรก
ก่อนที่ท่านจะต้องสูญเสียฟันของท่าน เนื่องจากโรคฟันผุและปริทันต์




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:21:05 น.
Counter : 269 Pageviews.  

เสียวฟัน

//www.yourhealthyguide.com/article/images_article/sensitive-tooth.gif















ถ้าหากคุณรับประทานไอศกรีม
หรือจิบกาแฟแล้วมีอาการเสียวแปลบที่ตัวฟัน นี่เป็นสัญญาณเตือนแล้วว่า
ฟันของคุณต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน
ปกติแล้วโครงสร้างของฟันที่มีสุขภาพดีนั้น ตัวฟันจะมีเปลือกฟัน (Enamel)
ซึ่งเป็นส่วนที่แข็งที่สุดของร่างกายหุ้มอยู่
และรากฟันเองก็มีส่วนที่เป็นเปลือกรากฟัน (Cementum) หุ้มอยู่
ส่วนที่เป็นเนื้อฟัน (Dentine) จะประกอบไปด้วยท่อเล็กๆ หลายๆ ท่อ
หากท่อเหล่านี้ไม่มีอะไรมาหุ้มจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็สามารถทำให้ความร้อน
ความเย็น กรดจากอาหาร สามารถส่งต่อผ่านท่อนี้ไปที่ประสาทฟัน
ทำให้เราสะดุ้งทุกทีไปเวลารับประทานอาหารต่างๆ



ถามว่าอาการเสียวฟัน อันตรายมากไหม ? จริงๆ
แล้วมันคือสัญญาณเตือนคุณว่าถ้าไม่รีบแก้ไขก็จะมีเรื่องต่อเนื่องที่ทำ
อันตราย

กับฟันมากขึ้น อีกอย่างก็จะทำให้คุณหมดความสุขในการรับประทานอาหาร
ทุกครั้งที่จะเอาอะไรใส่ปากก็ขยาดทุกที



อะไรบ้างที่ควร
หรือไม่ควรในการป้องกันการอาการเสียวฟัน



DO'S









































 

การทำความสะอาดฟัน ควรเลือกแปรงที่ขนแปรงนิ่มไม่แข็งเกินไป
เพราะทำให้คอฟันสึกง่าย
 
แปรงให้ถูก
วิธี แปรงผิดวิธีทำให้เหงือกร่น คอฟันสึก รากฟันโผล่ ทำให้เสียวฟันมาก
 
พบทันตแพทย์
ตรวจฟันทุก 6 เดือน หากมีฟันผุอุดเสีย
มีโรคเหงือกอักเสบก็จัดการเลย
อย่าปล่อยให้กระดูกถูกทำลายมีช่องว่างระหว่างเหงือกกับฟัน
ซึ่งทั้งฟันผุและโรคเหงือกเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการเสียวฟันมาก
 
หากมีฟันสึก
จากการบดเคี้ยวก็ควรให้ทันตแพทย์ครอบฟันด้วย


DON'TS









































 

อย่าใช้ฟันผิดประเภท จริงอยู่ธรรมชาติของฟันเป็นอวัยวะที่แข็ง
แต่มีข้อจำกัดถ้าใช้อย่างไม่ทะนุถนอม หากฟันแตก หัก ฟันร้าว
ก็ทำให้เกิดอาการเสียวฟันมาก
 
การแปรงฟัน
เน้นแปรงถูกวิธี แต่ไม่ใช่แปรงแรงๆ แล้วฟันจะสะอาด
ไม่ต้องแรงแต่แปรงถูกวิธี
 

หากนอนกัดฟัน มีฟันสึกมากต้องแก้ไขหรือใส่เครื่องมือป้องกัน
 
อย่าผัดวัน
ประกันพรุ่ง หากมีสัญญาณอาการต่างๆ ที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับฟันเตือน
ให้รีบพบทันตแพทย์ หรือพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันทุก 6 เดือน


ต้องหมั่นดูแลสุขภาพฟันเป็นสำคัญ
แปรงฟันอย่างถูกวิธี
และอมน้ำยาบ้วนปากช่วยกำจัดแบคทีเรียในส่วนที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง
ขอให้คุณทุกคนมีความสุขกับการรับประทานอาหารอร่อยๆ นะครับ
อย่าทนทุกข์ทรมานกับอาการเสียวฟันอยู่เลย


 
     




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:16:29 น.
Counter : 373 Pageviews.  

เมื่อมีฟันผุ





เราส่วน
มากจะรู้ตัวว่ามีฟันผุก็เมื่อมีอาการแสดงออกมาอย่างชัดเจน เช่น เสียวฟัน
ปวดฟัน ทำให้รู้สึกทุกข์ทรมาน อาการเหล่านี้
จะเป็นเครื่องเตือนว่าคุณมีอะไรผิดสังเกตบนตัวฟัน
จึงเริ่มคิดถึงการไปพบทันตแพทย์ ส่วนใหญ่สาเหตุจะมาจากฟันผุ
ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการทำความสะอาดสุขภาพช่องปากไม่ดีเพียงพอ จึงอาจทำให้มี
เศษอาหารหลงเหลืออยู่ในช่องปาก
ประกอบกับแบคทีเรียย่อยเศษอาหารเหล่านั้นเป็นกรดมาทำลายฟัน



DON'Ts



ถ้าคุณมีนิสัยเหล่านี้ จะทำให้ฟันผุง่าย









































 

1.
กินไม่เลือก
อาหารที่ทำให้ฟันผุง่ายคือพวกแป้ง น้ำตาล อาหารเหล่านี้คนส่วนใหญ่ชอบ
เพราะอร่อยหากไม่ระมัดระวัง   นอกจากจะทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้นแล้ว
ฟันยังเสียง่ายด้วย การเลือกรับประทานผัก ผลไม้ ฟันก็จะเสียหายน้อยกว่า
 


2.

กินไม่หยุด
คนที่ชอบรับประทานอาหารระหว่างมื้อหรือกินจุบจิบ โอกาสฟันผุก็จะมากขึ้น  
หรือคนที่ชอบดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่า
ก็อันตรายต่อฟันมากเช่นกัน
 

3.
กินไม่ดูแล
ถ้าจะลดฟันผุต้องลดอาหารที่ค้างหรือติดตามตัวฟัน ดังนั้น
ถ้ารับประทานแล้วไม่แปรงฟันและอมน้ำยาบ้วนปาก แน่นอนฟันย่อมผุเร็วขึ้น
 

4.
ไม่พบทันตแพทย์ตรวจฟันเลย
เพราะคิดว่าไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ไม่รู้สึกปวด เจ็บ
แต่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่าฟันผุเริ่มแรกนั้นมักไม่มีอาการ
ดังนั้นหากตรวจพบฟันผุแต่เริ่มแรก แล้วรีบรักษา เช่น
อุดเสียฟันก็จะเสียหายน้อยลง


DO's



วิธีป้องกันฟันผุ









































 

1.
รีบพบทันตแพทย์เมื่อมีฟัน
ผ ุ โดยสังเกตเห็นเอง หรือเริ่มมีอาการ
 


2.

ปรับนิสัยป้องกันฟันผ ุ
เพื่อรักษาฟันให้รับใช้เราได้นานๆ ดังนี้
   





























 
ใช้ไหม
ขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน คู่ไปกับการแปรงฟัน
และอมน้ำยาบ้วนปากหลังอาหารทุกมื้อ
 
หลีก
เลี่ยงอาหารหวาน แป้ง น้ำอัดลม ของเหนียวๆ ที่เคี้ยวแล้วติดฟันติดฟัน
 
ใช้
ฟลูโอไรด์ป้องกันฟันผุ ภายใต้การดูแลของทันแพทย์
 

3.
ควรตรวจฟันทุก 6 เดือน
เพราะเราใช้ฟันอยู่ทุกวัน ย่อมต้องสึกหรอไปตามสภาพ
แม้ไม่ปวดก็ควรตรวจฟันทุก 6 เดือน หากพบสิ่งผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ
รีบแก้ไขดีกว่าปล่อยให้ฟันเสียหายมาก ค่าใช้จ่ายจะมากตาม
หรือปล่อยให้ฟันเสียจนไม่มีฟันเคี้ยวอาหารอร่อยๆ หรือเคี้ยวได้ไม่ละเอียด
ก็ย่อมมีผลต่อสุขภาพด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ระบบการย่อยอาหาร ปากมีกลิ่น
เป็นต้น


ดังนั้นอย่าปล่อยให้มีฟันผุอยู่ในปากเลย ...
ฟันดี สุขภาพดี ยิ้มอย่างมั่นใจ ไร้กลิ่นปากดีกว่าเป็น ไหนๆ





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:11:56 น.
Counter : 347 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.