เมื่อเร็วนี้ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์
ได้ทำการวิจัยออกมาถึงผลดีและผลเสียของวิตามินอี
ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าตื่นเต้นว่า ผู้สูงอายุที่รับประทานวิตามิน อี
มากกว่าที่กำหนด แทนที่จะดีเหมือนที่บริษัทวิตามินต่าง ๆ โฆษณา
แต่กลับทำให้เกิดอุบัติการณ์การเสียชีวิต สูงกว่า 10% ของคนที่ไม่ได้กิน

แม้ว่าจะมีโฆษณาต่าง ๆ ว่า การรับประทานวิตามิน
อีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จะมีผลดีชลอความแก่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้
การวิจัยย้อนหลังในกลุ่มตัวอย่าง 136,000 คน
โดยคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ยืนยันผลว่า
ไม่ได้ผลเหมือนที่กล่าว
ซ้ำยังทำให้ผู้สูงอายุเหล่านั้นเสียชีวิตมากกว่าปกติถึง 10% ดร.เอดเกอร์
มูลเลอร์ กล่าว

เขากล่าวว่า ในขนาดของวิตามินอี ที่น้อยกว่า 200
มิลลิกรัมต่อวัน มีผลดี โดยส่วนใหญ่ เราจะได้จาก ผักใบเขียว ถั่ว และธัญพืช
แต่หากเรารับประทานเสริมมากจนเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน พบว่า
คนเหล่านั้นจะมีอุบัติการณ์การเสียชีวิตมากขึ้นกว่าปกติ 10%
แม้ว่าจะเป็นตัวเลขไม่มาก และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม
คณะผู้วิจัยเชื่อว่า
อาจจะเกิดจากปริมาณที่มากเกินไปทำให้สารต้านอนุมูลอิสระสังเคราะห์เหล่านี้
มีมากเกินไป

ขณะที่ ศ.น.พ.จรัส สุวรรณเวลา
ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ แสดงความเป็นห่วงเช่นกันว่า
ปัจจุบันบริษัทยาหลายแห่งกอบโกยผลประโยชน์จากประชาชนด้วยการโหมโฆษณาสินค้า
ของตัวเองโดยไม่ให้รายละเอียดกับผู้บริโภค ยกตัวอย่างเช่น วิตามินอี
เชื่อว่าหลายคนไม่ทราบข้อมูลว่า หากใช้ในปริมาณที่กำหนดคือ 50-100
มิลลิกรัมต่อวัน จะสามารถต้านอนุมูลอิสระได้
แต่หากเกินกว่านี้จะเป็นอันตราย บางคนใช้ในปริมาณ 400-500 มิลลิกรัมต่อวัน
จะเป็นอันตรายถึงชีวิต
เพราะมีผลวิจัยชัดเจนว่าอัตราการตายของคนกินวิตามินอีเกิน 100
มิลลิกรัมต่อวันสูงกว่าคนที่ไม่ได้กินหรือกินในปริมาณที่กำหนด

Create Date : 29 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 17:03:06 น.		0 comments
Counter : 343 Pageviews.
Share Tweet