WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 
กลวิธีคลายเครียด

ความ
เครียดทางอารมณ์
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนไม่มากก็น้อย
ความเครียดอาจจะเกิดจากปฏิกิริยาในตัวเราเอง เช่น
ปวดท้องอึขณะที่ขับรถติดในชั่วโมงเร่งด่วน
หรือความเครียดที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น หุ้นตก สูญเสียเงิน
ถูกโกงแชร์ เป็นนายกโดนปฎิวัติ ฯลฯ




ความเครียดขนาดน้อยๆ เป็นเรื่องปกติ ไม่มีปัญหา
แต่อาจจะมีประโยชน์ ที่ทำให้เราพยายามเอาชนะมัน
ทำให้เรามีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย เช่น เครียดเพราะกลัวสอบเอ็นทรานซ์ไม่ได้
จึงทำให้ขยันเรียน แต่ความเครียดถ้ามีขนาดมาก ก็มีผลเสียต่อสุขภาพ เช่น
ความเครียดอาจจะทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง ทำให้เป็นหวัดง่าย เริมกำเริบ
หรือในบางคนอาจจะเกิดโรคจู๋หมดน้ำยา หรือถึงขนาดฆ่าตัวตาย



ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความเครียด
แนะนำหลักการลดความเครียดไว้หลายอย่าง
ขั้นแรกหาสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียด
เขาให้คำนิยามของสาเหตุความเครียดไว้ว่า มันคือ
ภาวะที่บีบคั้น ที่เกินความสามารถของเราที่จะตอบสนองได้



ความสามารถในการตอบสนองต่อความเครียด ขึ้นกับพันธุกรรม บุคลิกภาพ
ประสบการณ์ของชีวิตของเรา เช่น คนบางคนอาจจะเครียด
เมื่อต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวที แต่บางคนชอบมาก เนื่องจากมีพันธุกรรม
หรือบุคลิกของความไม่ขี้อายชอบแสดงออก บางคนเข้าใกล้หมาแล้วเครียดมาก
เนื่องจากมีประสบการณ์โดนหมากัดตอนที่ยังเด็ก


สาเหตุของความเครียดหลายอย่าง มันเห็นได้เข้าใจได้เด่นชัด เช่น
พ่อหรือแม่เสียชีวิต ลูกไม่สบาย แฟนเลิกร้าง กิ๊กเลิกรา หางานทำ ไม่ได้
ถูกไล่ออกจากงาน หาเงินไม่พอใช้ เป็นหนี้พนันบอล ฯลฯ แต่ความเครียดเล็กๆ
น้อยๆ ในชีวิตประจำวันก็ไม่ควรมองข้าม เช่น
ต้องขับรถฝ่าจราจรไปส่งหรือรับลูกที่โรงเรียนทุกวัน
เพื่อนร่วมงานนิสัยไม่ดี คอมฯ มีปัญหาแฮงค์บ่อยทำให้ต้นฉบับหาย
น้ำมันราคาแพง ความเครียด เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ถ้าเป็นอยู่นานๆ
ก็สามารถสร้างความเสียหาย ให้กับชีวิตร่างกายหรือสุขภาพของเราได้มาก
เพราะมันกระตุ้นร่างกายเรา ให้หลั่งฮอร์โมนความเครียดตลอดเวลา
ทำให้เกิดโรคขึ้น เช่น ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
แล้วตามมาด้วยอัมพาตอัมพฤกษ์



กลวิธีคลายเครียดที่ผู้รู้แนะนำไว้
และคุณสามารถเลือกเอาไปใช้ได้มีหลายอย่าง คือ



จดบันทึกประจำวัน























 
จดบันทึกประจำวันสักหนึ่ง
สัปดาห์ ให้สังเกตดูว่าเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใด ที่เราตอบสนองทางกาย ใจ
หรืออารมณ์ในทางลบ และให้จดวันเวลาของเหตุการณ์ไว้ด้วย
เขียนบรรยายเหตุการณ์เอาไว้ย่อๆ เราอยู่ในเหตุการณ์ตรงไหน
มีใครเกี่ยวข้องบ้าง อะไรเป็นสาเหตุของความเครียด
และบรรยายถึงการตอบสนองของเรา ต่อความเครียดนั้นด้วย
อาการทางกายของเราเป็นอย่างไร เช่น หัวใจเต้นแรง ใจสั่น เหงื่อแตก
ความรู้สึกของเราเป็นอย่างไร เราพูดอะไร หรือทำอะไรลงไปบ้าง
เสร็จแล้วให้คะแนนความเครียดของเราจาก 1 ถึง 5 (น้อยไปมาก)
 
จดบันทึกรายการของสิ่งหรือ
สถานการณ์ต่างๆ ที่บีบคั้นเราให้ใช้เวลา
และพลังงานกับมันในหนึ่งสัปดาห์ว่ามีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น
การงานที่เราทำอยู่ งานอาสาสมัคร ขับรถพาลูกไปเรียนพิเศษ
ดูแลพ่อหรือแม่ที่แก่เฒ่า เสร็จแล้วให้คะแนนความมากน้อยของความเครียดที่
เราประสบจาก 1 ถึง 5 เหมือนข้างบน


ี้หลังจากนั้น
เราก็มานั่งพิจารณาสิ่งที่เราจดบันทึกไว้
พิจารณาสิ่งที่เราคิดว่าทำให้เราเครียดมากๆ แล้วเลือกขึ้นมาอย่างหนึ่ง
เพื่อทำการวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคที่ใช้แก้ปัญหาดังนี้



ปรับปรุงทักษะการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทักษะนี้สามารถทำให้คุณเก่ง ในการแยกแยะเป้าหมาย
และให้ความสำคัญก่อนหลังของสิ่งที่เราต้องทำ
ซึ่งจะช่วยลดความเครียดในชีวิตได้ ให้ใช้ทักษะต่างๆ ดังต่อไปนี้ช่วยลด
ความเครียด



























































 
สร้างความคาดหมาย
ที่เป็นไปได้จริง และขีดเส้นตายให้กับงานที่เราจะทำ
และทำการตรวจสอบความก้าวหน้าเป็นประจำ
 
จัดระเบียบบนโต๊ะทำงาน
กำจัดกระดาษที่ไม่มีความสลักสำคัญ โดยการโยนมันทิ้งไป
 
เขียนรายการแม่บทของสิ่งที่เรา
ต้องทำก่อนหลังประจำวันแล้วทำตามนั้น
 
ตลอดทั้งวันที่ทำ
งานหมั่นเช็ครายการ แม่บทที่เราทำไว้
ว่าเราได้ทำเสร็จไปตามลำดับก่อนหลังที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า
 
หัดใช้สมุดนัดที่เขาเรียกว่าแพ
ลนเนอร์ เพื่อจดบันทึกสิ่งที่เราวางแผนจะทำล่วงหน้า เป็นวัน เป็นเดือน
หรือเป็นปี หรือเขียนรายการแม่บทตามที่กล่าวข้างบนนั้น
เป็นรายการที่ต้องทำก่อน-หลังประจำวัน ลงบนแพลนเนอร์ด้วย แล้วทำไปตามนั้น
และทำการประเมินผลประจำวัน จะเกิดผลดี ไม่เกิดความยุ่งยาก สับสน ผิดนัด
ใช้แพลนเนอร์เก็บเบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ของคนสำคัญหรือลูกค้า
เพื่อความสะดวกใน การค้นหาติดต่อ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
ผิดพลาดเสียเวลาน้อยลง มีเวลาทำงาน อย่างอื่นหรือรื่นเริงมากขึ้น
 
สำหรับการทำงาน
หรือโครงการที่มีความสำคัญมาก ให้กันเวลาที่ห้ามใครมารบกวนไว้ต่างหาก
เพื่อการทำงานที่ต่อเนื่องและเป็น ความลับ


หลีก
เลี่ยงความเบื่อหน่ายหมดไฟในการทำงาน





ถ้าคุณมีความรู้สึกหมดไฟ ไม่อยากทำงาน
หรือเครียดมากเป็นเวลานานเป็นสัปดาห์
ความรู้สึกนี้จะมีผลต่อความสัมพันธ์ในทางอาชีพ
และในชีวิตส่วนตัวหรือในการทำมาหากินของคุณได้




ความอัดอั้นตันใจที่มากล้น ความรู้สึกเมินเฉยต่อการงาน
ความหงุดหงิดรำคาญใจเป็นเวลายาวนาน ความขุนเคืองใจ
และมีความโน้มเอียงที่จะโต้เถียงเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้
เป็นตัวชี้บ่งถึงอาการหมดไฟในการทำงาน ซึ่งจำเป็นต้อง
ได้รับการจัดการเยียวยาให้มันดีขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะนำกลยุทธในการต่อสู้ดังนี้





























































 
ดูแลตัวเองให้สุขภาพดี
กินอาหารให้ครบห้าหมู่ กินให้ครบทุกมื้อรวมทั้งอาหารเช้า
กินในขนาดที่พอประมาณ (ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม) นอนให้เพียงพอ
และออกกำลังกายสม่ำเสมอให้พอเหมาะ
สิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของท่านแข็งแรง
สามารถสู้กับความเครียดทางกายและใจได้ดี
 
สร้างสัมพันธไมตรีกับเพื่อนใน
ที่ทำงานและนอกที่ทำงาน หาเพื่อนสนิทที่เราสามารถบ่นเรื่องคับข้องใจ
ปรับทุกข์เรื่องการงานให้ฟังได้ ทำให้มีหนทางในการแก้ปัญหา
ที่ก่อความเครียดของเราได้
หลีกเลี่ยงการคบค้ากับคนที่เรามีความรู้สึกไม่ดี คนไม่จริงใจ
ไม่เป็นกัลยาณมิตร เพราะจะยิ่งจะตอกย้ำความรู้สึกย่ำแย่ให้มากขึ้น
ในมงคลสูตรก็กล่าวไว้ให้คบคนดี หลีกหนีคนพาล มองหากัลยาณมิตร
 
รู้จักลาพักผ่อน ลาพักร้อน
วาเคชั่น บางคนอาจจะลาไปปฏิบัติธรรมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน หรือปลีกวิเวก
สำหรับคนที่ทำได้ มันจะทำให้คลายเครียดลงได้มาก แน่นอน
และสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ลาได้ไม่มาก
ก็อาจจะมีการเบรคพักคลายเครียดชั่วครู่ในเวลาทำงาน ก็จะช่วยได้บ้าง
 
ในบางกรณีจำเป็นต้องฝึกการ
ปฏิเสธ หัด “Say No” กับเพื่อนที่มาชวนไปทำโน่นทำนี้ ที่ทำให้เราเครียด
เช่น เป็นสาวเป็นแส้เที่ยวแร่ไปตามที่อโคจร ไปนั่งตามผับตามบาร์
ดื่มเหล้าสูบยาซึ่งเป็นท่าทีเชิญชวนให้
หนุ่มเหน้าเข้ามาโอภาปราศรัยอยากได้ปลื้ม
 
หัดยับยั้งชั่งใจไม่โต้เถียงกับ
ใครๆ โดยไม่เลือก พยายามใจเย็น มีสติ สัมปชัญญะ
เถียงเฉพาะเรื่องที่มีความสลักสำคัญจริง (ไม่ใช่เรื่องทักษิณออกไป)
แต่ที่ดีที่สุดคือหุบปากไม่เถียงกับใครเลย ทุกครั้งที่เถียงกัน
จะมีการหลั่งของฮอร์โมนความเครียด ความดันเลือดพุ่งขึ้นทุกที
 
ทางออกของความ
เครียดที่ควรหัดมีไว้คือ การอ่านหนังสือที่เราชอบ ทำงานอดิเรกที่เรารัก
ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาที่เราสนุก ทำให้รู้สึกชื่นมื่นเพราะเอนดอร์ฟิน
(สารสร้างสุข) หลั่งออกมา


ถ้าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่มีผลดีต่อ
คุณ ก็จำเป็นต้องหาที่พึ่ง เช่น เข้าหาปรึกษาพระที่เราเคารพนับถือ
เอาธรรมะเข้าข่ม หรือใช้มืออาชีพอย่างนักจิตวิทยา
หรือให้จิตแพทย์ช่วยก็จะดีที่สุด
อย่าลืมว่าความเครียดอาจจะทำให้ถึงตายได้ อย่าปล่อยให้มันเรื้อรังนะครับ



 





Create Date : 27 มิถุนายน 2553
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 23:18:29 น. 0 comments
Counter : 304 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.