สมุนไพร-กุยช่าย
กุยช่าย สมุนไพร ช่อดอกกุยช่ายลักษณะแบบซี่ร่ม ก้านช่อดอกกลมตัน ยาว 40-45 ซม. โดยปรกติจะยาวกว่าใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Allium schoenoprasum L.
ชื่อสามัญ : Chives
ชื่อวงศ์ : Alliaceae
ชื่อสมุนไพรอื่น ๆ : กุยช่าย (ภาคกลาง) กุยช่ายดอก ผักไม้กวาด ภาคอีสานเรียกว่า ผักแป้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ต้น : สมุนไพรกุยช่ายเป็น ไม้ล้มลุก สูง 30-45 ซม. มีเหง้าเล็กอยู่ใต้ดิน ส่วนเหนือดินเจริญเป็นกอแน่น
ใบ : ใบเรียวยาวแบนมีกลิ่น ฉุนรูปขอบขนาน ยาว 30 – 40 ซม. โคนใบเป็นกาบบางซ้อนกัน
ดอก : ช่อดอกของกุยช่ายมี ลักษณะแบบซี่ร่ม ก้านช่อดอกกลมตัน ยาว 40-45 ซม. โดยปรกติจะยาวกว่าใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม ออกในระดับเดียวกันที่ปลายก้านช่อดอก ก้านดอกยาวเท่ากัน มีใบประดับหุ้มช่อดอก เมื่อดอกเจริญขึ้นจะแตกออกเป็นริ้วสีขาว กลีบดอก 6 กลีบ สีขาว ยาวประมาณ 5 มม. โคนติดกัน ปลายแยก กลางกลีบดอกด้านนอกมีสันหรือเส้นสีเขียวอ่อนจากโคนกลีบไปหาปลาย ดอกบานกว้างประมาณ 1 ซม. เกสรเพศผู้ 6 อัน อยู่ตรงข้ามกับกลีบดอก เกสรเพศเมีย 1 อัน รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ
ผล : ผลกลม กว้างยาวประมาณ 4 มม. ภายในมี 3 ช่อง มีผนังกั้นตื้นๆ เมื่อแก่แตกตามตะเข็บ มีเมล็ดช่องละ 1-2 เมล็ด เมล็ดสีน้ำตาล แบน ขรุขระ
สมุนไพรกุยช่ายตามท้องตลาดมีขายกันอยู่ 3 อย่าง ถึงแม้ว่าจะมีหน้าตาแตกต่างกัน แต่ก็คือ กุยช่ายพันธุ์เดียวกันทั้งหมด เพียงแต่ผ่านกระบวนการปลูกที่แตกต่างกัน หรือตัดเอาคนละส่วนกันมาขาย
- ประเภทแรก คือ กุยช่ายเขียว
สักษณะคล้ายต้นหอมคือ ต้นเป็นสีเขียวใบตรง ยาวเรียว โคนสีอ่อน พบได้ในไส้ขนมกุยช่าย ผักแนมก๋วยเตี๋ยวผัดไทยและบะหมี่กะทิ
- ประเภทที่สอง คือกุยช่ายขาว
รูปร่างหน้าตาเหมือนประเภทแรกทุกประการ เพียงแต่มีสีจางกว่า เป็นเขียวเกือบขาว เพราะคนปลูกเขาเอากะละมังหรือวัตถุทึบแสงอื่น ๆ ไปครอบเสียตั้วแต่ต้นยังเล็ก ถ้าไม่ทำอย่างนั้นกุยช่ายก็จะไม่ขาว
- ประเภทสุดท้ายก็คือดอกกุยช่าย
ก้านดอกสีเขียวแก่กลม ตรงส่วนปลายเป็นตุ่มดอกเล็ก ๆ สีขาวอมเขียวอ่อน ดอกกุยช่ายงอกออกมาจากต้นกุยช่ายนี่เอง
การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด แบ่งเหง้า
ส่วนที่ใช้ : เมล็ด ต้น และใบสด
สารสำคัญ :
- ลำต้นของสมุนไพรกุยช่ายมีสารไดโอดีน?ซึ่ง?เป็นสาร?ที่ยับยั้ง
การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
- เหง้า?และใบมีสารประกอบ?ที่มีกำมะถันกลัยโคไซด์?และสารรสขม
- ส่วนเมล็ดมีซาโปนิน?และอัลคาลอยด์?เป็นสารหลัก
- นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอาหาร?ที่สำคัญ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก
คาร์โบไฮเดรต เบต้า-แคโรทีนวิตามินบี ?และวิตามินซี
กุยช่าย สมุนไพร ลำต้นของสมุนไพรกุยช่ายมีสารไดโอดีน?ซึ่ง?เป็นสาร?ที่ยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อแบคทีเรีย
สรรพคุณของสมุนไพร :
- แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม บิด ปวดแน่นหน้าอก ไอ?เป็นเลือด
อาเจียน?เป็นเลือด ปัสสาวะ?เป็นเลือด ริดสีดวงทวาร ?โดย?ใช้ใบสดตำให้ละเอียดคั้น?เอา?แต่น้ำรับประทาน หรือนำ?ไปผัดรับประทาน?เป็นผัก
- แก้อาการฟกชำดำเขียว กล้ามเนื้อบวมเจ็บปวด โรคกลาก แผลจากหกล้ม
หรือมีหนองเรื้อรัง ?โดย?ใช้เหง้าสดหรือใบสดตำให้ละเอียดพอกบริเวณ?ที่?เป็น
- ช่วยบำรุงตับไต แก้อาการปวดเอว ตกขาว ตกเลือด ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
ปัสสาวะรด?ที่นอน ?โดย?ใช้เมล็ดแห้งต้มรับประทานหรืออาจ?จะทำ?เป็นยาเม็ดหรือยาผงรับประทาน
- รักษาโรคหูน้ำหนวก ?โดย?ใช้น้ำ?ที่คั้น?ได้จากใบสดทาในรูหู
- แก้อาการมดลูกหย่อน ?โดย?ใช้ใบสดต้ม ?เอา?แต่น้ำล้างประคบ?ที่หัวหน่าว
- เมล็ด?ใช้?เป็นยาขับพยาธิเส้นด้าย?และ?เป็นยาขับประจำเดือน
?โดยรับประทานเมล็ดผสม?กับเหล้าขาว
- แก้นิ่ว?และหนองใน ?โดย?ใช้ต้น?และใบสดตำให้ละเอียด ดื่ม?แต่น้ำ
คุณค่าทางอาหาร :
กุยช่ายเขียว มีแร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งทำงานสัมพันธ์กันในการสร้างกระดูกให้แข็งแรง มีอยู่ในใบกุยช่ายเขียวมากกว่ากุยช่ายขาวหลายเท่าตัว อีกทั้งยังมีธาตุเหล็กและวิตามินบี และวิตามินซีสูงกว่าด้วย
กุยช่ายขาว มีสารให้พลังงานต่ำ เหมาะแล้วที่เอามาผัดรวมกับของมัน ๆ เช่น หมูกรอบ
ดอกกุยช่ายนั้น มีฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี 1 และเบต้า-แคโรทีน สูงกว่าใบกุยช่าย และ็ให้คาร์โบไฮเดรตสูงกว่ากุยช่ายขาวเกือบเท่าตัวด้วย
สมุนไพรกุยช่ายทั้งต้นและ ดอกให้กากใยอาหาร ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างสมดุมแก่ระบบย่อยอาหาร ช่วยให้ถ่ายคล่องท้องไม่ผูก อีกทั้งยังช่วยดักจับสารพิษ และของที่ร่างกายไม่พึงประสงค์ ซึ่งตกค้างในลำไส้ออกมาทิ้งเสียโดยเร็ว ทำให้สุขภาพแข็งแรง ผิวพรรณผุดผ่อง และลดโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างมาก
Create Date : 03 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2553 11:07:41 น. |
|
0 comments
|
Counter : 340 Pageviews. |
|
|