WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 

รู้จักและรักษา แผลในปาก

รู้จักและรักษา แผลในปาก





          การ ได้ลิ้มรสชาติอาหารอร่อยๆ เต็มปากเต็มคำ
นับเป็นความสุขอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ สุขภาพปากและฟันที่ดี
ไม่เพียงแต่จะสร้างความสุขทางใจจากการได้รับประทานอาหารอร่อยได้ทุกประเภท
แต่ยังเป็นหนทางสำคัญต่อการสร้างสุขภาพทางกายให้สมบูรณ์แข็งแรงได้อีกด้วย





          ดังนั้น การปล่อยปะละเลยสุขภาพในช่องปากจนทำให้เกิดเป็น
"แผลในปาก" นอกจากจะทำให้เกิดอาการเจ็บแล้ว
ยังรบกวนความสามารถในการรับประทานอาหาร การกลืน
หรือแม้กระทั่งการพูดไปอย่างน่าเสียดาย...





          แผล ในความหมายทางการแพทย์คือ
มีการหลุดลอกไปของเนื้อเยื่อผิวหนังชั้นบนที่มีปลายประสาทและหลอดเลือดขนาด
เล็กอยู่ ทำให้เกิดความเจ็บปวดและมีเลือดออก สำหรับแผลในช่องปากนั้น
ส่วนใหญ่เรามักจะจำกันไม่ได้ว่าเกิดแผลในปากขึ้นได้อย่างไร
แต่ถ้าเราทราบสาเหตุ ก็จะสามารถรักษาและป้องกันการเกิดเป็นซ้ำได้
แผลในปากมีหลายลักษณะ ขึ้นกับอาการและสาเหตุ อาทิ





          แผลที่เป็นแล้วหายได้เอง ภายใน 1-2 สัปดาห์ และมักกลับเป็นซ้ำอีก
คือ แผลร้อนในขนาดเล็ก (Minor Aphthous ulcer) ซึ่งเป็นกันมาก ทั้งหญิงชาย
เด็กและผู้ใหญ่เป็น แผลที่ไม่มีความอันตรายในระยะยาว
แผลมักเกิดตามข้างกระพุ้งแก้ม ใต้ลิ้น ริมฝีปากด้านใน
การทายาจำพวกสเตียรอยด์เฉพาะที่วันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
ควรหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนแผลบริเวณนั้น เช่น
สลับไปเคี้ยวอาหารอีกข้างหนึ่งจะทำให้ลดโอกาสการเกิดเป็นแผลเรื้อรังขนาด
ใหญ่ขึ้นได้





          การเป็นแผลร้อนในซ้ำบ่อย ๆ
อาจเกิดจากการขาดสารอาหารจำพวกวิตามินบีและกรดโฟลิก
การรับประทานวิตามินเสริมเหล่านี้จะช่วยลดการเกิดแผลได้





          อาจเกิดจากการแพ้ยาหรือสารบางอย่าง หรือการติดเชื้อโรค เช่น
ไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย หรืออาจเป็นอาการแสดงของโรคระบบผิวหนัง
โรคระบบทางเดินอาหาร ระบบเลือด รวมถึงการเป็นโรคมะเร็งในช่องปากด้วย





          เมื่อใดที่เกิดแผลในปาก ลองถามคำถามเหล่านี้กับตนเอง
อาจพบสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลในปากได้






  •            ท่านเป็นแผลในปากบ่อยหรือไม่ เป็นนานเพียงใด
    ทำอย่างไรจึงหาย



  •           
    เป็นไปได้หรือไม่ว่าช่วงก่อนที่เกิดเป็นแผลท่านได้รับความกระทบกระเทือนใด ๆ
    ในปาก เช่น แปรงฟันผิดจังหวะไปกระแทกโดนเนื้อเยื่อหรือเหงือก
    การกัดแก้มหรือกัดลิ้นระหว่างเคี้ยวอาหาร การใส่เครื่องมือจัดฟัน ฟันปลอม
    ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านี้



  •            การรับประทานอาหารร้อนจัด ๆ ทำให้พุพอง
    การใช้สารบางอย่าง เช่น น้ำยาบ้วนปาก หรือสมุนไพรแล้วเกิดการระคายเคือง
    อาจทำให้เกิดแผลในปากได้ ลองหลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ดู
    แล้วสังเกตว่าแผลหายภายในกี่วันและกลับเป็นซ้ำเมื่อทำสิ่งเหล่านี้อีกหรือ
    ไม่



  •            แผลนี้เกิดร่วมกับการมีไข้หรือไม่
    แผลอาจเกิดจากการติดเชื้อ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส
    ควรไปพบแพทย์ถ้ามีไข้ร่วมกับการเป็นแผลในช่องปาก



  •            ตรวจร่างกายอย่างละเอียดครั้งสุดท้ายเมื่อใด
    มีโรคประจำตัวหรือไม่ หากมีการรับประทานยาใหม่ๆ
    เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจแพ้ยานั้น



  •            มีแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย หรือมีโรคทางระบบทางเดินอาหารใด
    ๆหรือไม่



  •            เคยมีประวัติความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งหรือไม่ เช่น
    มีใครในครอบครัวเป็นมะเร็ง เคยสูบบุหรี่หรือดื่มสุราจัดหรือไม่





          สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ หากเป็นแผลในปากแล้ว
ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เจ็บหรือไม่ แต่เป็น นานเกิน 2 สัปดาห์ ไม่ควรนิ่งนอนใจ
ควรไปรับการตรวจแผลกับทันตแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อรับการวินิจฉัยแผลที่ถูกต้อง นอกจากจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมแล้ว
ท่านจะได้เรียนรู้วิธีป้องกันการเกิดแผลในภายหน้า
เพื่อป้องกันการลุกลามของโรคทางระบบ
รวมทั้งโรคมะเร็งในช่องปากได้อย่างทันท่วงที





 

Create Date : 28 มิถุนายน 2553    
Last Update : 28 มิถุนายน 2553 10:44:10 น.
Counter : 354 Pageviews.  

กิน อาหาร อย่างไร ชะลอวัย 40+

//www.hongsin.net/article/article00/kinarhan40/kinarhan40a.jpg

ตอนเป็น
วัยรุ่น จะกินจะดื่มอะไรที ก็ไม่ต้องพิถีพิถัน จะอดนอนซัก 2 คืน อดข้าวเช้า
ข้าวกลางวันบ้างก็ไม่เห็นร่างกายจะผิดปกติ
หรือแสดงอาการอะไร

แต่พอเริ่มก้าวเข้าสู่เลข 3 เท่านั้นแหละ
ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งดั่งหินผา ก็เริ่มจะรับไม่ไหว ผิวพรรณที่เคยสดใส
เปล่งปลั่งก็เริ่มจะเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา





จนเมื่อก้าวเข้าสู่หลัก 4
ความเสื่อมของร่างกายยิ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัด
นอกจากจะเป็นแหล่งรวมของสารพัดโรคแล้ว
สิ่งหนึ่งที่บรรดาสาวๆส่วนใหญ่ทนไม่ได้คือ
ความสาวที่บอกลาเราไปแบบติดสปีดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ความแก่และสังขารของมนุษย์
จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราจะทำอย่างไรเพื่อรู้เท่าทัน
และเตรียมรับมือกับความแก่ตั้งแต่เนิ่นๆ
วันนี้เรามีเทคนิคดีๆเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกวิธี
เพื่อชะลอความสาวให้อยู่กับเราไปนานๆ จาก พญ. อัจจิมา สุวรรณจินดา
ผู้อำนวยการสถาบัน Medisci แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และอายุรวัฒน์
มาฝาก
ร่างกายก็เหมือนกับรถยนต์


ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นำไปสู่ความเสื่อมของร่างกาย??


คุณหมอยกตัวอย่างชนเผ่าฮันซ่า ในประเทศปากีสถาน
ซึ่งเป็นชนเผ่าที่ได้ชื่อว่ามีอายุยืนที่สุดในโลก
(คนเราสามารถมีอายุขัยได้ยืนยาวถึง 120 ปี) ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า
ประชากรในวัย 60-80 ปีของชนเผ่านี้ไม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
ขณะที่ในคนปกติมักป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ชนเผ่านี้มีอายุยืน
น่าจะมาจากการดำรงชีวิตด้วยวิถีแบบดั้งเดิม
คือ การล่าสัตว์ จับปลา และเก็บผลไม้ มาเป็นอาหาร
รวมทั้งการดื่มน้ำแร่เป็นประจำอีกด้วย



ไขความลับกิน...ต้านโรค กิน...อย่างสมดุล


ในปัจจุบันผู้บริโภคอาจได้รับข้อมูลหรือสูตรการกินอาหารเป็นพันๆ
สูตรทั้งง่ายบ้างยากบ้าง เพื่อให้เรามีสุขภาพแข็งแรง
มีร่างกายที่สมส่วน แต่สำหรับ พญ.
อัจจิมาเธอกลับมีสูตรสำเร็จสำหรับการรับประทานอาหารอย่างถูกวิธี
เพียงสั้นๆง่ายๆว่า "กินอย่างสมดุล"




คุณหมอบอกว่า บางคนอยากผอมก็อดอาหาร ออกกำลังกายอย่างหักโหม
ซึ่งการทำเช่นนั้นเป็นการทำร้ายร่างกาย
เพราะการมีร่างกายที่สมส่วน คือการกินอย่างสมดุล ไม่มากไปหรือน้อยไป
แต่ต้องเพียงพอกับความต้องการของร่างกายที่จะใช้
ในการสร้างพลังงานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
โดยหลักการรับประทานอาหารของคุณหมอคือ กินอาหารให้ครบทุกมื้อ
(สำหรับคุณหมอประกอบด้วย 5 มื้อด้วยกัน คือ มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น
และของว่างระหว่างมื้อเช้าและมื้อเที่ยง) โดยเฉพาะมื้อเช้า
ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่คุณหมอกลับให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
เพราะในช่วงที่เราหลับเป็นเวลา 8-10 ชั่วโมง ร่างกายของเราจะ
ขาดสารอาหาร ดังนั้นพอตื่นเช้าขึ้นมา
ร่างกายจึงต้องการกลูโคสเข้าไปเลี้ยงสมอง?
รวมทั้งสารอาหารประเภทโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต
เพื่อผลิตสารไปกระตุ้นให้สมองสร้างสืบประสาทเพื่อทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอด
ทั้งวัน



คุณหมอยังบอกอีกว่า นอกจากจะกินอาหารให้ครบทุกมื้อแล้ว
ยังต้องครบทุกหมู่ด้วย และ ถ้าจะให้ดีควรกินอาหารที่เป็นวัตถุดิบ
คือไม่ผ่านการดัดแปลงหรือแปรรูปมากนัก
ไม่ว่าจะเป็นการปรุงโดยใช้ความร้อนสูงๆ
หรือการปรุงแต่งรสชาติให้มีรสจัดเกินไป
เพราะจะเป็นการทำลายระบบย่อยและระบบดูดซึมของร่างกาย
ซึ่งปัจจุบันเราจะพบว่ามีผู้ป่วยโรค "ไส้รั่ว" มากขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่
ก้อนอาหารที่รับประทานเข้าไปหลุดไปยังส่วนต่างๆ
ดยไม่ผ่านกระบวนการย่อยและดูดซึมโดยลำไส้ ให้เป็นโมเลกุลเล็กๆ
หรือภาวะกรดไหลย้อน
เกิดผื่นแดงหรือแพ้อาหารที่กินเป็นประจำ




นอกจากนี้ ยังควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย
อย่ากินอะไรซ้ำซากเป็นประจำทุกมื้อ เพราะหากกินซ้ำซากจะเกิดภาวะ?
ภูมิแพ้อาหาร? มีลักษณะคล้ายอาการดื้อยา
และร่างกายก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน



ผิวพรรณที่สดใส คือหน้าต่างของร่างกาย


โบราณว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แต่ พญ. อัจจิมา
กลับมองว่าผิวพรรณก็เป็นหน้าต่างของร่างกายเราเหมือนกัน
เพราะแน่นอนว่าลักษณะภายนอกที่จะบ่งชี้ว่าคุณมีสุขภาพดีหรือไม่
ก็เริ่มจากการสังเกตผิวพรรณก่อน ยิ่งคุณมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง
สดใสเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นตัวการันตีว่าคุณมีสุขภาพดีเท่านั้น


คุณหมอบอกว่า
คนที่มีสุขภาพดีนอกจากจะรับประทานอาหารที่ดีเข้าไปแล้วยังต้องมีการ detox
หรือกำจัดสารพิษออกจากร่าง
กายด้วย ซึ่งการ detox ที่เกิดขึ้นเป็นปกติของคนเราอยู่แล้ว คือ
การขับถ่ายในรูปของอุจจาระ และการขับเหงื่อจากการทำกิจกรรม
หรือออกกำลังกาย





โดย
3 ไม้ตายของกินอาหารเพื่อสุขภาพละเพื่อชะลอความแก่ของคุณหมอ คือ? 1.
รับสิ่งดีๆเข้าไปในร่างกาย 2.ขับสิ่งไม่ดีออกไปจากร่างกาย
3. ทำให้ร่างกายอยู่ในระดับสมดุล




รู้เคล็บลับดีๆสำหรับการกินอาหารชะลอความแก่แล้ว
สาวๆที่ไม่อยากแก่ก่อนวัย แซงโค้งเพื่อนๆในกลุ่มหล่ะก็
ต้องอย่าลืมนำไปปฏิบัติกัน เพราะถ้าไม่หันมาสนใจดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้
ผิวพรรณและหน้าตาที่เคยสดใสจะบอกลาคุณไปแบบไม่รู้ตัว











 

Create Date : 28 มิถุนายน 2553    
Last Update : 28 มิถุนายน 2553 0:17:55 น.
Counter : 334 Pageviews.  

น้ำพริกกับ ผักเคียง

น้ำพริกกับ ผักเคียง //www.numpik.com/wp-content/uploads/2009/04/numpik09-150x150.jpg
น้ำพริกกับผักเคียง ช่วยเลี่ยงได้หลายโรค

พูดถึง “น้ำพริก” คนไทยต้องรู้จักเป็นอย่างดี
แม้ว่าแต่ละภาคอาจจะเรียกชื่อแตกต่างกันไปบ้าง เช่น ภาคใต้เรียก “น้ำชุบ”
ภาคอีสาน มี “ป่น” “แจ่ว” แต่ ไม่ว่าจะเรียกชื่อต่างกันแค่ ไหน
ส่วนประกอบหลักๆ ของน้ำพริกมีคล้ายคลึงกัน
แถมยังต้องกินกับผักเครื่องเคียงหลากหลายชนิด
ที่มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการและป้องกันโรคภัยต่างๆ ได้ด้วย


สมุนไพรที่อยู่ในถ้วยน้ำพริกนั้น ประกอบด้วย พริก กระเทียม และหอมแดง
ซึ่งแต่ละอย่างก็มีสรรพคุณป้องกันได้หลายแบบ
เอกสารเผยแพร่ของศูนย์ประสานงาน การแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลสมุนไพรแต่ละตัวไว้ว่า


พริก มีรสชาติเผ็ดร้อน ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้เจริญอาหาร
ขับลม แก้หวัด แก้ภูมิแพ้ งานวิจัยพบว่าในพริกมีสารแคปไซซิน
ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
รวมทั้งฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง


กระเทียม มีสาร “อัลลิซิน” กลิ่นฉุน มีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิต
ช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มหรืออุดตันตามผนังหลอดเลือด
ลดการเกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด


หอมแดง มีสาร “เคอร์ซิทิน” ช่วยทำความสะอาดเส้นเลือด ป้องกัน
ไม่ให้หลอดเลือดอุดตัน


นอกจากนี้ สมุนไพรที่เป็น เครื่องเคียงกินกับน้ำพริก เช่น สายบัว บัวบก
ผักกะเฉด ผักกูด ผักหนาม ยังมีสารประกอบที่ฝรั่งเรียกว่า “ไฟโตเคมีคอลล์”
มีฤทธิ์ในการป้องกันโรคร้ายต่างๆ เช่น คลอโรฟิลล์ ฟลาโวนอยด์ แคโรทีนอยด์
เมื่ออยู่ในผักจะออกฤทธิ์ช่วยกันเสริมสร้างร่างกายให้ แข็งแรง
เพิ่มภูมิคุ้มกันและต่อต้านอนุมูลอิสระ


ในผักยังมีเส้นใยอาหาร หรือที่เรียกว่าไฟเบอร์นั้น ก็ยังมีประโยชน์อีก
นั่นคือเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำจะช่วยคุมระดับไขมันและระดับน้ำตาลในเลือด
ส่วนเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำจะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
ลดโอกาสเสี่ยงการเป็นริดสีดวงทวาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่


ทั้งหมดที่ว่ามาแสดงว่าสมุนไพรในหนึ่งถ้วยน้ำพริกนั้นมีประโยชน์ต่อ
สุขภาพเหลือหลาย นอกจากความแซบอันเป็นที่รู้กันโดยทั่วไป
แล้วอย่างนี้จะทิ้งน้ำพริกไปหาอาหารฝรั่งกันได้ลงคอเชียวหรือ.







 

Create Date : 28 มิถุนายน 2553    
Last Update : 28 มิถุนายน 2553 0:02:17 น.
Counter : 465 Pageviews.  

อาหาร ไทยป้องกันไข้หวัด

//www.dailynews.co.th/content/images/0907/27/page4/4.jpg
เพิ่มภูมิคุ้มกันหวัดร้าย ค้นคุณค่าสมุนไพร…อาหารไทย

ยังคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดสำหรับสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่
ยังไม่ยุติการแพร่ระบาด!!

ขณะที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขอนามัยรับผิดชอบต่อตนเองและคนรอบ
ข้างอย่างเคร่งครัด ทั้งในขณะที่ป่วยด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย
หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ
หรือแม้แต่การสร้างสุขนิสัยล้างมือบ่อยครั้ง ฯลฯ
เหล่านี้ล้วนแต่มีส่วนช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อหวัดร้ายทั้งสิ้น


นอกเหนือจากการรณรงค์เน้นย้ำดังกล่าว
ที่ผ่านมายังมีความเคลื่อนไหวการแนะนำให้เลือก
รับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์อุดมด้วยวิตามิน
พืชผักสมุนไพรใกล้ตัวภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ซึ่งนอกจากจะมีผลดีต่อสุขภาพ
ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหลีกไกลจากการเจ็บป่วยได้อีกด้วย


การรู้หลักนำมาใช้ สิ่งนี้นั้นมีข้อควรรู้และแม้จะเป็นสิ่งที่ทราบกัน
มีการกล่าวถึงบ่อยครั้ง
แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีการเตือนระวังถึงการใช้อย่างถูกวิธี !!


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัด
การใช้สมุนไพรตำรับยาที่ช่วยสร้างภูมิต้านทาน ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน
บรรเทา อาการ ภญ.ดร.อัญชลี จูฑะพุทธิ รองผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์ไทย
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขให้ความรู้ว่า
การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่
สายพันธุ์ใหม่ในความต่อเนื่องได้ร่วมกันหาแนวทางการนำคุณค่าคุณประโยชน์ดัง
กล่าวดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายสามารถป้องกันการ
ติดเชื้อ
บรรเทาอาการของโรคและนอกจากการป้องกันดูแลตนเองที่ผ่านมาได้ส่งเสริมสุขภาพ
รับประทานสมุนไพรในรูปของอาหาร เครื่องดื่ม


ในผัก ผลไม้ ผักพื้นบ้าน
ที่คุ้นเคยซึ่งมีวิตามินซีสูงรวมอยู่ด้วยนั้นมีอยู่ไม่น้อย อย่างเช่นใน
ยอดมะยม ดอกขี้เหล็ก ยอดสะเดา มะระขี้นก พริกหวานรวมทั้งพริกชนิดต่าง ๆ
แล้วก็ยังมี แครอท มะขามป้อม ฝรั่ง ส้ม มะม่วง มะละกอ
รวมทั้งผักสีเขียวเข้ม อย่าง คะน้า บรอกโคลี ผักโขม ฯลฯ
ซึ่งต่างช่วยบำรุงสุขภาพเสริมสร้างสุขภาพ


นอกจากนี้ในผัก ผลไม้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีความสำคัญ
สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากที่มีรายงาน
มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสไข้หวัด อย่าง พลูคาวหรือคาวตองหรือพลูแก
สามารถนำมาทานสดหรือทาน กับน้ำพริก ขณะที่ กระเทียม ขิง กะเพรา ตะไคร้
สมุนไพรที่มีอยู่ ในอาหารหลากหลายเมนู ทั้งแกงเลียง ผัดกะเพรา ต้มยำ
แกงส้มผักรวม น้ำพริก ผักต่าง ๆ เมี่ยงคำ ฯลฯ
เหล่านี้เป็นอาหารที่สมุนไพรช่วยป้องกันการเจ็บป่วย


แต่ถ้าเริ่มเป็นหวัดมีอาการไข้ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ มีเสมหะดังที่ทราบ
ฟ้าทลายโจร
ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาตินั้นมีสรรพคุณบรรเทาอาการของโรคหวัด
รักษาอาการไข้เจ็บคอและรักษาอาการท้องเสียไม่ติดเชื้อ


“การใช้สมุนไพรชนิดนี้ควรใช้เมื่อมีอาการและไม่ควรใช้เกิน 7 วัน
เพราะอาจทำให้มีอาการมือเท้าชา
อ่อนแรงในผู้ป่วยบางรายโดยเฉพาะผู้สูงอายุและด้วยที่เป็นพืชสมุนไพรซึ่งอาจ
มีปลูกไว้ตามบ้านเรือนสามารถนำมาใช้ในรูปของยาต้มโดยใช้ส่วนเหนือดินสับเป็น
ท่อน ๆ หรือใช้ ใบสดล้างให้สะอาดแล้วนำมาต้ม ประมาณหนึ่งกำมือนำน้ำมาดื่ม
อีกทั้งยังมีงานวิจัยกล่าวถึงส่วนดอกซึ่งมีสารสำคัญอยู่มาก


แต่อย่างไรก็ตามมีข้อควรระวังซึ่งในผู้ป่วยบางราย
ฟ้าทลายโจรอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้บ้าง โดยมีอาการระบายท้อง
วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ฯลฯ ซึ่งหากมีอาการควรหยุด
ใช้ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานและ หากอาการป่วยรุนแรงไม่หายควรพบแพทย์”


ขณะที่ผักผลไม้หลายชนิดมีคุณประโยชน์มีสรรพคุณทางยา
ในมิติของอาหารอีกหลากหลายเมนูมีความหมายต่อการเสริมภูมิคุ้มกัน
ผศ.ดร.ชนิพรรณ บุตรยี่ อาจารย์ประจำฝ่ายพิษวิทยาทางอาหาร สถาบันโภชนาการ
มหาวิทยาลัยมหิดลให้ความรู้ว่า ไข้หวัดใหญ่
สายพันธุ์ใหม่ที่มีการแพร่ระบาดสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส
การที่ไวรัสมาทำอันตรายเราส่วนหนึ่งเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันเราอ่อนแอลงซึ่ง
เมื่อมีสารแปลกปลอมเข้ามาไม่ว่าจะเป็นอนุมูลอิสระ
แบคทีเรียผ่านเข้ามาในร่างกาย
เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค ดังนั้นถ้าภูมิ
คุ้มกันอ่อนแอเซลล์เม็ดเลือดขาวมีศักยภาพต่ำลงหรือน้อยลงก็มีโอกาสเกิดการ
เจ็บป่วยได้ง่าย


อาหารที่เลือกรับประทานจึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทำให้มี
ศักยภาพทำงานได้อย่างเต็มที่และอาหารเหล่านี้มีอยู่ใน พืชผักสมุนไพร
ที่ใกล้ชิดคุ้นเคย แต่อาจมองข้ามกันไป


“อาหารที่ช่วยเสริมภูมิ
คุ้มกันป้องกันการติดเชื้อไวรัสทั่วไปที่มีการศึกษาวิจัย
ในส่วนของอาหารสมุนไพรจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นองค์ประกอบอยู่ในอาหาร
ไทยอยู่มากซึ่งก็จะมี กระเทียม หอมแดง ขิง ขมิ้นชัน กะเพรา สะเดา พริกไทย
ฯลฯ”


ถ้าแยกเป็นชนิดอย่าง กระเทียม
จะเห็นได้ว่ามีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพเซลล์ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการทานกระเทียม
สกัดหรือว่ากระเทียมสับ ตำปรุงอยู่ในอาหารหลากหลาย
เมนูก็จะไปช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวทำลายสิ่งแปลกปลอม เช่น ไวรัส
แบคทีเรีย


ขิง
พืชอาหารอีกชนิดที่รู้จักกันดีอีกทั้งยังมีการศึกษาวิจัยได้รับการตีพิมพ์ใน
เอกสารวิชาการต่างประเทศซึ่งสารสำคัญในพืชชนิดนี้มีผลยับยั้งหยุดการเจริญ
ของเชื้อไวรัส โดยในตำรายาจีนมีการพูดถึงนำมาใช้ยาวนาน
ผักอีกชนิดที่รับประทานกันอยู่บ่อยครั้งโดยที่สามารถช่วยป้องกันเสริมภูมิ
คุ้มกันไม่ให้เป็นหวัดได้ง่าย อย่างผักใบ ประเภท กะเพรา สะเดา
ก็พบว่ามีสารช่วยต่อต้านไวรัส นอกจากนี้ ยังมี โหระพา
รักษาอาการไข้ที่มีสาเหตุจากหวัดและไข้หวัดใหญ่ ตามตำรายาแผนโบราณ
พริกไทยซึ่งไม่เพียงเพิ่มรสชาติอาหารแต่ยังมีคุณประโยชน์
มีส่วนช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ฯลฯ
ซึ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของพืชผัก
ภูมิปัญญาไทยที่ปรากฏในอาหารที่รับประทานกันและ
ในการรับประทานเมื่ออยู่ในรูปของอาหารนั้นมีความปลอดภัยต่อการบริโภค


“การบริโภคอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไปแน่นอนว่าย่อมไม่เกิดผลดีก่อเกิด
โทษต่อร่างกายได้ สารบางอย่างถ้าสกัดเป็นตัวเดี่ยว
หากทานในปริมาณมากก็อาจทำหน้าที่เหมือนอนุมูลอิสระก็จะไปทำลายเซลล์ทำให้
ร่างกายเราอ่อนแอลง
การทานอาหารที่มีความหลากหลายประกอบด้วยพืชผักหลายชนิดสารสำคัญจะออกฤทธิ์
ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน”


การรับประทานอาหารไม่ซ้ำในประเภทใดประเภทหนึ่งจึงมีส่วนสำคัญต่อการช่วย
ดูแลสุขภาพ
อีกทั้งในพืชสมุนไพรหลักที่กล่าวมามีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับ
ร่างกายได้ การเลือกนำมาบริโภคสามารถทำได้มากมายทั้งในประเภท แกงเผ็ด
ต้มโคล้ง ต้มยำ ผัด กระทั่งในอาหารประเภทน้ำพริกซึ่งมีผักอยู่หลากชนิด ฯลฯ
สำรับอาหารไทยจึงเป็นอาหารที่มีคุณค่าช่วยป้องกัน
โรคหลีกไกลความเจ็บป่วยได้


“อาหารไทยโดยมากจะมี ขมิ้น หอม กระเทียม ฯลฯ
เป็นองค์ประกอบหลักเป็นเครื่องแกงต่าง ๆ
อย่างถ้าเป็นผักใบอย่างกะเพราที่นำมารับประทานก็ใช่ว่าจะทานเดี่ยว
มีพืชผักชนิดอื่นร่วมอยู่ด้วยทั้งพริก
กระเทียมซึ่งต่างก็มีสารสำคัญมีความหลากหลายในมื้ออาหารและ
นอกจากรับประทานในรูปของอาหารผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินยังนำมาทำเป็น
เครื่องดื่มก็เป็นอีกส่วนที่ช่วยป้องกันเสริมสร้างสุขภาพ
โดยทั่วไปเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ทราบกันแต่ก็มักมองข้าม
แต่ในคุณค่าคุณประโยชน์ของพืชผักอาหารใกล้ตัวเหล่านี้ที่มีความหมายต่อ
สุขภาพตะวันตกนั้นให้ความสนใจในสิ่งนี้เพิ่มขึ้น”


การทานอาหารที่อุดมด้วยผักหลากหลายชนิด
อาจารย์ท่านเดิมยังให้มุมมองอีกว่า
ผักหลายชนิดมีสารสำคัญในการต้านอนุมูลอิสระ
การทานผักที่หลากหลายมีส่วนช่วยป้องกันเสริมสร้างสุขภาพทำให้ระบบร่างกายดี
ขึ้น โรคหัวใจ ความดัน หรือโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน ฯลฯ ก็จะไม่ถามหา
ส่วนความเป็นห่วงที่อยากฝากเตือนให้เพิ่มความระมัดระวัง
การรับประทานอาหารร่วมกันควรใช้ช้อนกลางเพื่อหลีกเลี่ยงการติดต่อการแพร่
ระบาด


ขณะที่อาหารเป็นยาในความหมายดังกล่าวจึงเป็นการป้องกัน
ไม่ได้หมายถึงการรักษา
การรับประทานอาหารหลากหลายมีประโยชน์ครบคุณค่าเหมาะสมกับความต้องการของร่าง
กาย ออกกำลังกายพักผ่อนอย่างเพียงพอ
อีกทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมส่งผลเสียต่อสุขภาพ
รับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวมทั้งหมดนี้ไม่เพียงสร้างเสริมให้ร่างกายแข็งแรง


แต่ยังเป็นอีกทางหนึ่งในการดูแลสุขภาพป้องกันเตรียมพร้อมไกลห่างจากความ
เจ็บป่วยการแพร่ระบาดของหวัดร้ายเวลานี้อีกด้วย.







 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 23:57:09 น.
Counter : 332 Pageviews.  

เล็บเหลือง มีวิธีแก้ง่ายๆด้วย.

//www.handbtoday.com/images/1185097274/SN023_L.jpg
ครที่เจออาการเล็บเหลืองตอนนี้คงต้องรู้สึกอับอายจนไม่กล้าเจอหน้าใครต่อ
ใคร เพราะอาการเล็บเหลืองนั้นเกิดจากสาเหตุหลายประการ
สุดท้ายก็ต้องหัน
ไปพึ่งการทาเล็บ เพนท์เล็บ ตกแต่งเล็บไปโน่น
เพื่อช่วยในการปกปิดเล็บเหลืองที่น่ารังเกียจไม่ให้ใครเห็น

ดังนั้นหากสาวๆคนใดที่เจออาการเล็บเหลืองก็อย่าเพิ่งตกใจไป
เรามีวิธีการแก้เล็บเหลืองแบบง่าย
เพื่อช่วยให้เล็บที่เหลืองน่ารังเกียจนั้นหาย
ไปและมีความเงางามกลับคืน
มาด้วยวิธีง่ายดังนี้ 
 
1.ใช้น้ำมันมะกอก
ที่อยู่ในห้องครัวของคุณนั่นแหละมาขัดถูเล็บเป็นประจำ
น้ำมันคุณภาพดีอย่างน้ำมันมะกอก จะช่วยขัดเล็บ และเก็บ
ความชุ่มชื้นของ
เล็บและชั้นเล็บด้านนอกเอาไว้ ให้ชุ่มชื้นและเงางามอยู่ตลอดเวลา 
ดังนั้นหากเล็บคุณเหลืองเพราะอาการที่เล็บอ่อนแอขาด
การบำรุง
ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะแก้ด้วยน้ำมันมะกอกที่ว่านี้
 
2.ใช้น้ำมะนาวฟอกสีเล็บ
การใช้น้ำมะนาวมาฟอกสีเล็บนั้นมีการใช้มานานตั้งแต่โบราณก็ว่าได้
เพราะฤทธิ์กรดของมะนาวจะช่วยใน
การขัดฟอกสีเล็บให้ขาวสะอาดอยู่เสมอ
โดยการผ่ามะนาวเป็นครึ่งซีก
เอามะนาวครึ่งซีกนั้นมาหมุนวนที่เล็บชั่วครู่จนขาวดีก็เช็ดเล้บให้แห้ง
แล้ว
ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกที
เท่านี้เล็บก็ขาวสะอาดไม่เหลืองเขรอะจนน่าเกลียดอีกต่อไปแล้วล่ะ
 
3.อีกทางเลือกหนึ่ง คือ การใช้ ไฮโดรเจน
เปอร์ออกไซด์ มาช่วยฟอกสีเล็บที่เหลืองให้ออกไป
แต่ระวังเรื่องความแห้งหยาบกร้านของผิว
เล็บด้วย อย่าแช่ไฮโดรเจน
เปอร์ออกไซด์ไว้นานเกินไป รีบล้างออกทันที ที่เล็บขาวขึ้นมา







 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 23:51:56 น.
Counter : 399 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.