WishRich
Group Blog
 
All Blogs
 

ฟันน่ารู้

เป็นเรื่องที่น่าคิดอยู่เหมือน
กันว่า ฟันนั้น
เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตคนเราหรือไม่ สำหรับมนุษย์นั้น
ฟันมิใช่เพียงแต่เป็น เครื่องบดเคี้ยวอย่างเดียว
ฟันยังช่วยเป็นส่วนประกอบ ของความสวยงามบนใบหน้า รวมทั้ง
ใช้ช่วยในการออกเสียงสำเนียงต่างๆ ในการพูดจาด้วย ฉะนั้น
ฟันจึงเป็นอวัยวะที่จำเป็น ที่ควรจะได้รับการดูแล
และระวังรักษาให้เป็นพิเศษ


มนุษย์เรามีฟันด้วยกันทั้งหมด 2 ชุด
ฟันชุดแรกเรียกว่าฟันน้ำนมมีอยู่ 20 ซี่ ซึ่งจะเริ่มเห็นในช่องปาก
เมื่อเด็กเกิดแล้วประมาณ 6 เดือน และจะครบ 20 ซี่
เมื่อเด็กอายุประมาณสองขวบครึ่ง โดยอยู่ที่ขากรรไกรบน 10 ซี่
และขากรรไกรล่าง 10 ซี่ เด็กจะใช้ฟันน้ำนมเต็มที่ ประมาณ 3 ถึง 6 ขวบ
จากนั้นฟันแท้จะทยอยกันขึ้นมา แทนที่ฟันน้ำนม โดยธรรมชาติ ฟันน้ำนมจะค่อยๆ
โยกและหลุดไปเอง ฟันแท้ซี่แรก จะเป็นฟันกรามใหญ่ ขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6
ขวบ จนถึงอายุประมาณ 12 ปี เด็กควรมีฟันแท้อยู่ในปาก ประมาณ 28 ซี่
ส่วนอีก 4 ซี่ที่เหลือ เป็นฟันกรามซี่สุดท้าย จะขึ้นระหว่างอายุประมาณ
18-25 ปี การขึ้นของฟันซี่นี้ อาจเร็วหรือช้า ยากง่ายต่างๆ กัน
เมื่อขึ้นมาครบในขากรรไกร ทั้งบนและล่าง ซ้ายและขวาแล้ว จะทำให้เรามีฟันครบ
32 ซี่



เราสูญเสียฟันไปได้อย่างไร



โรคใหญ่ๆ สองโรคที่เป็นเหตุ
ให้เราต้องสูญเสียฟันของเราไปคือ โรคฟันผุ
และโรคเหงือก หรือโรครำมะนาด
คนส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับโรคฟันผุ
และคิดว่าเป็นสาเหตุเดียว ที่ทำให้เราต้องสูญเสียฟัน แต่โรคเหงือกนั้น
เป็นโรคของเนื้อเยื่อรอบๆ ฟันและอวัยวะที่รองรับฟัน ซึ่งอาการของโรค
จะค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ
ซึ่งมักจะไม่ค่อยก่อให้เกิดความเจ็บปวดเท่าใดนัก ในระยะเริ่มแรก
แต่จะมีอาการมากขึ้น เมื่อเป็นมากแล้ว



มีคนจำนวนไม่น้อยเชื่อกันว่า
ฟันผุมีสาเหตุจากตัวแมง เข้ามาเจาะไชกินฟันทำให้เป็นโพรง แต่ที่จริงแล้ว ฟันผุ จะเกิดจากแผ่นคราบของเชื้อโรค
สะสมอยู่บนผิวเคลือบฟัน ซึ่งมองดูด้วยตาเปล่าไม่เห็น แผ่นคราบนี้
จะทำให้อาหารจำพวกแป้ง และน้ำตาลที่รับประทานเข้าไปกลายเป็นกรด
ซึ่งจะทำลายผิวฟัน นานๆ เข้าฟันจะเป็นรูลึกขึ้นทุกที
ถ้าไม่ได้รับการบำบัดจากทันตแพทย์ จะทำให้ฟันผุนั้นลุกลามจนถึงโพรงประสาท
เกิดการปวดฟันอย่างรุนแรง ซึ่งระยะนี้เป็นระยะที่คนส่วนมากจะนึกถึงหมอฟัน
แต่บางคนมีความสามารถทนต่อการเจ็บปวดได้สูง
ยอมทนเจ็บโดยไม่ได้รับการบำบัดใดๆ เลย จนโพรงประสาทฟัน
มีอาการอักเสบเน่าเปื่อย เชื้อโรคต่างๆ ก็สามารถเข้าไปภายใน
จะทำให้เกิดหนองขึ้นภายในฟัน และรุกลามไปจนถึงปลายราก
ฟันที่มีการผุพังเช่นนี้ เมื่อมาหาหมอฟันแล้ว น่าเสียดายที่ว่าส่วนใหญ่
จะต้องถูกถอนเสีย



ส่วนโรคเหงือกหรือโรครำมะ
นาดนั้น
จะมีอาการเริ่มแรก ซึ่งเราจะสังเกตได้คือ
จะมีเลือดออกจากเหงือกง่ายกว่าปกติ เหงือกจะมีสีแดงจัดและบวมเป่ง
เหงือกปกติจะมีสีชมพูและแน่นแข็ง แต่เหงืออักเสบ จะบวมไม่แนบสนิทกับตัวฟัน
จะมีเลือดออกทุกครั้งที่แปรงฟัน หรือกัดอาหาร ถ้าไม่ได้รับการรักษา
จะทำให้เหงือกเป็นหนอง ฟันโยกมากกว่าปกติ และไม่สะดวกในการเคี้ยวอาหาร



ข้อปฏิบัติเพื่อทันตสุขภาพ









































 
1.
แปรงฟันให้ถูกวิธีทันที
ภายหลังกินอาหารทุกมื้อ ก่อนนอนและตื่นนอน การแปรงฟันทำให้ฟันสะอาด
ป้องกันฟันผุ และเหงือกแข็งแรงสมบูรณ์
 


2.

กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่าง
กาย อาหารที่ช่วยทำความสะอาดฟัน และเหงือขณะเคี้ยวอาหาร เช่น เนื้อสัตว์
นม ผัก และผลไม้ ควรหลีกเลี่ยงการกินขนมหวาน เช่น ลูกกวาด ท้อฟฟี่ ลูกอม
น้ำอัดลม เป็นต้น
 
3.
เพิ่มความแข็งแรงให้ฟับฟันโดย
ใช้ฟลูออไรด์ โดยการรับประทานยาฟลูออไรด์ในสภาพยาเม็ด หรือยาน้ำ
อาหารประเภทชา หรือเคลือบผิวฟัน ด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ผสมอยู่
 
4.
บำรุงสุขภาพให้สมบูรณ์อยู่เสมอ
เพื่อต้านทานโรค


แปรงสีฟัน



แปรงสีฟันที่ดีควรมีลักษณะดังนี้









































 
1.
ด้านตรงไม่โค้งงอ
 


2.

ขนแปรงหน้าตัดเรียบสม่ำเสมอกัน
 
3.
ขนแปรงมีสองหรือสามแถว
ไม่แข็งมากเกินไป
 
4.
ขนาดของแปรงควรเหมาะกับปาก
และเด็กควรเล็กกว่าของผู้ใหญ่


วิธีแปรงฟันให้ถูกวิธี



ควรจับแปรงให้ถูกต้อง สอดเข้าไปในปาก
ให้ขนแปรงเอียงประมาณ 45 องศา จดที่คอฟัน และขอบเหงือก ฟันบนให้ปัดลง
ฟันล่างให้ปัดขึ้น ทั้งด้านนอกและด้านใน ด้านบดเคี้ยวให้ถูเข้าออกไปมา



ยาสีฟัน



ยาสีฟันที่ดีควรมีลักษณะดังนี้









































 
1.
มีฟอง สี กลิ่น รส
เป็นที่พอใจของผู้ใช้
 


2.

มีฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุ
 
3.
ไม่มีเนื้อหยาบหรือเป็นผง
เพราะทำให้ฟันสึกเร็ว
 
4.
ไม่มีพิษ
หรือก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต


ควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์ครั้งแรกเมื่อ
ไหร่



ผู้ปกครองส่วนมาก มักจะไม่ค่อยเห็นความสำคัญ
ในการพาบุตรหลานของตน ไปหาทันตแพทย์ จะพาไปก็ต่อ เมื่อเด็กปวดฟัน
อันที่จริงผู้ปกครอง ควรพาเด็กไปหาทันตแพทย์ครั้งแรก
เมื่อเด็กมีฟันน้ำนมขึ้นครบแล้ว 20 ซี่
































 
1.
ทันตแพทย์จะได้ตรวจฟัน
และช่องปากของเด็กว่า มีความผิดปกติหรือไม่ จะได้ทำการแก้ไขเสียแต่แรก
 


2.

เด็กจะได้มีความคุ้นเคยกับ
ทันตแพทย์ ไม่กลัวเวลามาหา เพราะการรักษาในระยะแรกของโรค
ทำได้โดยเด็กไม่ค่อยเจ็บ จะได้ไม่มีอคติต่อหมอ
 
3.
ทันตแพทย์จะได้นำความรู้
ในการระวังรักษา การแปรงฟัน อาหาร การใช้ยาฟลูออไรด์ของเด็ก


ในกรณีที่เด็กฟันผุ
มีอาการปวดเสียวหรือเกิดอุบัติเหตุล้มกระแทก ควรรีบพาไปหาทันตแพทย์ทันที





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:10:14 น.
Counter : 344 Pageviews.  

การดูแลรักษา สุขภาพฟัน และเหงือก

ปัจจุบัน คนไทยมีอัตราการเกิดโรคฟันผุ
และโรคเหงือกอักเสบสูงมาก ทำให้สูญเสียฟันไปก่อนเวลาอันควร
ทั้งที่ควรอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต สาเหตุที่สำคัญของโรคทั้งสอง คือ แผ่นคราบจุลินทรีย์



แผ่นคราบจุลินทรีย์
เกิดจากจุลินทรีย์ในช่องปาก ทำปฏิกริยากับเศษอาหาร และสารประกอบในน้ำลาย
รวมกันเป็นแผ่นคราบเหนียว ติดแน่นบนผิวฟัน
จะเห็นเป็นคราบเมือกหรือรูฟันผุ แผ่นคราบนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ส่วนประกอบสำคัญของแผ่นคราบนี้ คือ เชื้อจุลินทรีย์นานาชนิด
ซึ่งสามารถเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นกรด ทำลายผิวฟันเป็นรู ทำให้เกิดฟันผุ
และผลิตสารพิษทำลายเหงือก ทำให้เหงือกอักเสบ และรวมกับสารแคลเซียมในน้ำลาย
ตกตะกอนบนแผ่นคราบจุลินทรีย์ ก่อให้เกิดหินน้ำลาย หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ
หินปูน หินน้ำลายนี้ จะเกาะบริเวณคอฟัน
และผิวรากฟัน ซึ่งมีหลายสี ตั้งแต่สีขาวขุ่นคล้ายสีฟัน สีน้ำตาล
หรือสีดำ และมีผิวขรุขระ ทำให้เหงือกอักเสบ
และมีการทำลายกระดูกรอบรากฟัน เกิดโรคปริทัศต์ขึ้น
ถ้าปล่อยให้โรครุกลามต่อไป มีการทำลายกระดูก รอบรากฟันมากขึ้น
จะทำให้ฟันโยก และหลุดไป

ฟันและเหงือก จะถูกทำลายมากน้อย
รวดเร็วเพียงใด ขึ้นอยู่กับ การดูแลสุขภาพช่องปากของแต่ละคน
เนื่องจากแผ่นคราบจุลินทรีย์ เป็นสาเหตุสำคัญของฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบ
ดังนั้น การกำจัดหรือการควบคุม ไม่ให้เกิดแผ่นคราบจุลินทรีย์
จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการป้องกันการเกิดโรคทั้งสอง
ด้วยตัวเราเอง วิธีที่เหมาะสมที่สุด คือ การแปรงฟันให้ถูกวิธี
หลังทานอาหารทุกมื้อ หรืออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน
ร่วมกับการใช้เส้นใยขัดฟัน (Dental floss) ทำความสะอาดซอกฟัน
การดูแลรักษาสุขภาพฟันและเหงือก ในแต่ละช่วงวัยมีความแตกต่างกันบ้าง หลักง่ายๆ ที่ควรปฏิบัติ
สำหรับคนในช่วงวัยต่างๆ มีดังนี้
























  แรกเกิดถึง 6 ปี
  ช่วงอายุ 6 - 12 ปี และเมื่อฟันแท้ขึ้นครบ


การทำความสะอาดซอกฟันด้วยเส้นใย
ขัดฟัน


เนื่องจากการแปรงฟัน ไม่สามารถทำความสะอาด
ทางด้านข้างของฟันได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น จึงต้องใช้เส้นใยขัดฟัน
ในการทำความสะอาดซอกฟัน โดยทำก่อนการแปรงฟัน
มีวิธีการทำความสะอาดดังนี้

ใช้เส้นใยขัดฟันยาวประมาณ 1 ฟุต
พันเส้นใยที่นิ้วกลางของมือทั้งสอง ให้เหลือความยาว ระหว่างนิ้วกลางทั้งสอง
ประมาณ 4-5 นิ้ว ในฟันบนให้ใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้
ส่วนฟันล่างให้ใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้าง ช่วยบังคับทิศทาง
ที่จะทำความสะอาดซอกฟัน ค่อยๆ เคลื่อนเส้นใยผ่านซอกฟัน
ห้ามกดเส้นใยผ่านซอกฟันลงไปแรงๆ เพราะจะผ่านลงไปบาดเหงือกได้
เมื่อเส้นใยผ่านลงไปอยู่ในซอกฟันแล้ว ให้เส้นใยโอบฟันครึ่งซี่แนบกับคอฟัน
และลงไปในซอก ระหว่างฟันกับเหงือก โดยไม่บาดเหงือกและไม่รู้สึกเจ็บ
แล้วขยับขึ้นลง จากแนวเหงือกขึ้นหรือลง ไปด้านบดเคี้ยวประมาณ 4-5 ครั้ง
โดยทำเช่นนี้ ทั้งฟันที่อยู่ด้านหน้า และฟันที่อยู่ด้านหลัง
ของซอกฟันเดียวกันในฟันหลัง และทำฟันที่อยู่ด้านซ้าย
และฟันที่อยู่ด้านขวา ของซอกฟันเดียวกันในฟันหน้า
ทำเช่นนี้ให้ครบทุกซอกฟัน รวมทั้งด้านในสุดของฟันซี่สุดท้ายด้วย


ผู้ที่มีเหงือกร่นและ
รากฟันโผล่


ผู้ที่เป็นโรคปริทัศน์มาก จนมีฟันโยก
และเหงือกอักเสบเป็นหนอง มีอาการปวด
ถ้าผู้ป่วยต้องการเก็บฟันของตัวเองไว้ ต้องทำการรักษาโรคเหงือก
โดยการผ่าตัดเหงือก และกรอแต่งกระดูก ที่อยู่รอบรากฟัน ที่มีการละลายตัว
ทำให้รูปร่างผิดไปจากที่ควรเป็น ให้มีรูปร่างถูกต้อง วิธีการนี้
จะทำให้กระดูกละลายเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย หรือวิธีที่ 2
ถ้าต้องการให้มีกระดูก รอบรากฟันมากขึ้น ก็ทำการปลูกกระดูก โดยใส่สารกระดูก
ลงไปทดแทนกระดูกที่ละลายไป เมื่อผ่าตัดเสร็จ
จะเกิดช่องระหว่างฟันแต่ละซี่ โดยเฉพาะวิธีแรก ที่มีการกรอแต่งกระดูก
ส่วนวิธีการเติมสารกระดูก มักจะไม่มีช่องระหว่างฟัน แต่อาจจะเกิดช่อง
ระหว่างฟันแต่ละซี่ได้บ้างในบางครั้ง ดังนั้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการจะเก็บฟันไว้
อยู่ที่การทำความสะอาดฟัน และเหงือกของผู้ป่วยเอง
โดยการแปรงฟันที่ถูกวิธี ใช้เส้นใยขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน
และต้องใช้แปรงซอกฟันโดยเฉพาะ ทำความสะอาดซอกฟันร่วมด้วย
ซึ่งต้องใช้แปรงซอกฟัน สอดเข้าไปแปรงทุกซอกฟันที่เกิดขึ้น




มีผู้ป่วยได้เล่าให้ฟังว่า เคยผ่าตัดเหงือกและตกแต่งกระดูก
ทำให้เหงือกร่น มีช่องระหว่างฟันเกิดขึ้น ในครั้งแรก
ไม่ได้สนใจการทำความสะอาดซอกฟัน และการแปรงฟันที่ถูกวิธี
ทำให้การรักษาไม่ได้ผล ฟันโยกมากขึ้น และเหงือกอักเสบมากขึ้น
แต่อยากเก็บฟันไว้ จึงยอมผ่าตัดซ้ำ และยอมทำความสะอาดซอกฟัน
และแปรงฟันให้ถูกวิธี ตามที่หมอแนะนำ เขาบอกว่าต้องใช้เวลาทำนานถึง 1 ชม.
ในการทำความสะอาด ให้หมดทั้งปากในแต่ละครั้ง จนหลายเดือนต่อมา
ทำชำนาญขึ้น ทำให้ลดเวลาลงเหลือ 40 นาทีต่อครั้ง แต่ผลที่ได้ก็คุ้ม
เพราะฟันที่เคยโยกน้อยๆ ปัจจุบันแน่นไม่โยกแล้ว
ฟันที่เคยโยกมากก็โยกเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ทำความสะอาดให้ดี
เพียงไม่กี่วัน ฟันก็จะมีอาการโยกมากขึ้นทันที และเริ่มเจ็บเหงือก
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การแปรงฟันที่ถูกวิธี และการทำความสะอาดซอกฟัน
ด้วยเส้นใยขัดฟัน และแปรงซอกฟัน มีความสำคัญต่อการเก็บรักษาฟัน
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์



 





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:07:49 น.
Counter : 317 Pageviews.  

สร้างเกราะป้องกันโรค

//www.healthcorners.com/2007/article/large/large_1277250603.jpg
 โอกาสในการติดเชื้อหวัดหรือไข้หวัดนั้น
เกิดได้อย่างง่ายดาย หากผู้ที่ป่วยหรือมีเชื้อหวัด ไข้หวัดอยู่ในตัว
ไอจามออกมาโดยไม่ปิดปากหรือจมูก แล้วผู้ที่ร่างกายอ่อนแออยู่ใกล้ ๆ
ในระยะไม่เกิน 2 เมตร
เชื้อไวรัสก็จะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกที่หายใจสูดอากาศที่ปนเชื้อเข้าไป
หลังเชื้อฟักตัวในร่างกายราว 2-3 วัน อาการหวัดหรือไข้ก็จะเกิดขึ้น



พญ.พรรุ้ง พฤทธิพงศ์สิทธิ์ กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
แนะนำวิธีป้องกันการติดเชื้อและยับยั้งการแพร่เชื้อ
เพียงปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอจาม แต่ไม่แนะนำให้ใช้มือปิด
เพราะมืออาจไม่สะอาดเพียงพอ อีกทั้งหลังจากนำมาปิดปากและจมูกแล้ว
เรายังใช้มือไปหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ ก็ยังถือเป็นการแพร่เชื้อโรค



สำหรับวิธีการปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอจามนั้น
ควรยกแขนแล้วใช้แขนเสื้อเป็นส่วนกำบัง
หากมีกระดาษชำระหรือทิชชูก็สามารถนำมาใช้ปิดได้
แต่เมื่อใช้งานแล้วควรทิ้งลงถังขยะทันที
ที่สำคัญไม่ว่าจะใช้อะไรเป็นเครื่องป้องกันเมื่อไอจาม
ก็อย่าลืมล้างมือด้วยการฟอกสบู่ให้สะอาดด้วย
และยังสามารถใส่หน้ากากอนามัยในช่วงที่ป่วย



วิธีลดโอกาสป่วยด้วยโรคฮิตยังรวมถึงการหมั่นล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ
โดยใช้ไซริงค์หรือดรอปเปอร์ ดูดน้ำเกลือบริสุทธิ์จากโซเดียม คลอไรด์
ที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เพราะมีความเข้มข้นเท่ากับเลือด แล้วค่อย
ๆ ฉีดหรือหยดลงไปในโพรงจมูกด้านหนึ่ง
น้ำเกลือจะไหลย้อนออกมาทางจมูกอีกด้านหนึ่งหรือไหลออกทางปาก
จากนั้นให้สั่งน้ำมูกหรือบ้วนน้ำเกลือที่ไหลทิ้งไป
ถือเป็นการทำความสะอาดโพรงไซนัส ป้องกันการอักเสบ



อย่างไรก็ตาม การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสามารถปฏิบัติได้ทุกช่วงวัย
โดยไม่ต้องรอให้ป่วยด้วยโรคหวัดหรือมีน้ำมูกแล้วจึงล้าง.




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 9:09:09 น.
Counter : 537 Pageviews.  

อาหารสำหรับคนอยากผอม

//www.healthcorners.com/2007/article/large/large_1277173332.jpg
การลดน้ำหนักต้องอาศัยทั้งการออกกำลังกาย และการทานอาหาร ซึ่งอาหาร 5
อย่างนี้จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ และลดความอยากทาน
ช่วยให้คุณผอมลงได้แน่นอนค่ะ



พริก



มีการวิจัยออกมาแล้วว่า สารแคปไซซิน (Capsaicin)
ในพริกช่วยลดการอยากอาหารได้



ถั่วเปลือกแข็ง



ถึงแม้ว่าการกินถั่วบางชนิดจะมีแคลอรี่สูง
แต่การกินถั่วเปลือกแข็ง จะช่วยกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญดีขึ้นอีกร้อยละ 11
และลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย



เต้าหู้



มีการศึกษาพบว่าการกินเต้าหู้ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนกินอาหาร
ช่วยลดความอยากอาหารได้ร้อยละ 42



น้ำส้มสายชูวินิการ์



หากกินน้ำส้มสายชูวินิการ์พร้อมมื้ออาหาร
กรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง จึงอิ่มนานขึ้น




ลูกแพร์



นอกจากจะมีไฟเบอร์สูงแล้ว ผลการวิจัยในบราซิลยังพบว่า
ผู้หญิงที่กินลูกแพร์ขนาดเล็กหลังมื้ออาหาร เป็นเวลา 2 เดือน
มีน้ำหนักลดลงถึงครึ่งกิโลกรัมอีกด้วย






 

Create Date : 27 มิถุนายน 2553    
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 9:06:54 น.
Counter : 337 Pageviews.  

11 นาฬิกา” ได้เวลาพักดื่มกาแฟ



























เวลา
พักดื่มกาแฟที่สมบูรณ์แบบที่สุดคือ 11 นาฬิกา
และต้องอยู่ในห้องที่มีแสงสว่างและแวดล้อมไปด้วยเพื่อนรู้ใจ
ท่ามกลางเสียงดนตรีคลอเบาๆ


   //www.healthcorners.com/2007/coffee_web/pic/coffee_2010-03-16-134358.jpg 


  เดลิเมล์ – ทีมผู้เชี่ยวชาญได้ข้อสรุปสูตรที่พิสูจน์ว่า
11 นาฬิกาเป็นเวลาดีที่สุดสำหรับการพักดื่มกาแฟ


       

       งานวิจัยนี้ยังแสดงให้เห็นว่า อเมริกาโนรสละมุนไม่เพียงพออีกต่อไป
แต่ยังต้องมีแสง เสียงเพลง กลิ่นหอม และเพื่อนรู้ใจร่วมด้วย

       

       ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ สเปนซ์ จากแผนกจิตวิทยาการทดลอง
มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อังกฤษ เป็นแกนนำการวิจัยที่ได้เป็นสูตรนี้ออกมา

       

       ส่วนผสมของสูตรนี้ประกอบด้วยรสชาติที่เป็นเลิศ (F)
กับสภาพแวดล้อมสมบูรณ์แบบ (E) ภาชนะบรรจุ (P) เพื่อนร่วมดื่ม (C)
และเวลาในการดื่ม (T) เพื่อสร้างช่วงเวลาจิบกาแฟที่น่าอภิรมย์ที่สุด

       

       สูตรของศาสตราจารย์สเปนซ์คือ M = 0.5 x F + 0.5 x E + 0.3 x P +
0.15 x C + 0.05 x T

       

       จากสูตรนี้ ทีมนักวิจัยพบว่า 11
นาฬิกาคือเวลาเหมาะสมที่สุดในการดื่มกาแฟ และต้องดื่มในห้องที่มีแสงสว่าง
โดยมีเพื่อนร่วมดื่มด้วย รวมถึงมีเสียงแมเรียนน์ เฟธฟูลล์ คลอเบาๆ
เป็นแบคกราวด์ประกอบ

       

       สูตรของศาสตราจารย์สเปนซ์ที่ตีพิมพ์อยู่ในรายงานฉบับใหม่ชื่อว่า
‘เชนจิ้ง เทสต์’ ตอกย้ำว่า
ขณะนี้นักวิจัยสามารถเข้าใจแล้วว่าอิทธิพลของสภาพแวดล้อมภายนอกมีผลต่อการตี
ความของสมองต่อรสชาติ และการเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่มอย่างไร

       

       “สูตรนี้อธิบายวิธีสร้างช่วงเวลาดื่มกาแฟที่ลงตัวที่สุดไม่ว่าจะเป็น
ที่บ้านหรือที่ทำงาน
เรารู้ว่าบางครั้งต่อมรับรสเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรารับรู้รสชาติ

       

       “แต่ตอนนี้เรายังสามารถบอกได้ถึงเงื่อนไขของการรับความรู้สึกที่แท้
จริงในการเพลิดเพลินกับกาแฟ อาหารหรือเครื่องดื่ม”

       

       เควิน โกลด์ นักพยากรณ์อนาคตอาหาร
กล่าวถึงรายงานการวิจัยของศาสตราจารย์สเปนซ์ว่า
พิสูจน์ว่าความรู้สึกทั้งหมดสำคัญต่อการเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่ม
โดยที่กลิ่นเป็นองค์ประกอบสำคัญอันหนึ่ง

       

       ช่วงเวลาดีที่สุดในการดื่มกาแฟ

       

       เวลา: 11 นาฬิกา
เมื่อเพดานปากสามารถรับรู้รสชาติได้มากที่สุด

       

       เพลง: จากพุชชินีถึงแมเรียนน์
เฟธฟูลล์ ดนตรีแบคกราวด์ที่เลิศที่สุดคือโอเปราจากอิตาลี
หรือนักร้องเสียบแหบทุ้ม

       

       แสง:
ห้องที่สว่างกระจ่างตาหรือโต๊ะกาแฟกลางแจ้ง

       

       กลิ่น: หอมหวนชื่นใจ
เพราะรสชาติอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 80% รับรู้ได้ด้วยจมูก ไม่ใช่ลิ้น

       

       เพื่อนร่วมดื่ม: อย่าดื่มกาแฟคนเดียว
การคาดหวังว่าจะได้พบเพื่อนยิ่งทำให้คุณรื่นรมณ์ ขณะเดียวกัน
ความรู้สึกจากเครื่องดื่มอุ่นๆ
ทำให้สมองของคุณเห็นคนรอบข้างน่ามองกว่าที่เคยเป็นมา



  




 

Create Date : 26 มิถุนายน 2553    
Last Update : 26 มิถุนายน 2553 18:19:30 น.
Counter : 348 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

WishRich
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานครับ
Friends' blogs
[Add WishRich's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.