Group Blog
All Blog
|
### ยำมะระขี้นก ###
......... เครื่องปรุง ..... มะระขี้นก หมูสับ พริกขี้หนูซอย มะนาว ขิงซอย มะม่วงเปรี้ยวซอย แครอทซอย หัวหอมซอย ใบสะระแหน่ ผักชีฝรั่งซอย กุ้งแห้งป่น น้ำปลา น้ำตาลทราย ..... มะระขี้นกผ่าครึ่งตามยาวและควักใส้ทิ้ง จากนั้นนำไปลวกในน้ำเดือดสักห้านาที แค่สลดไม่ต้องรอจนสุก ตักขึ้นแช่น้ำเย็น แล้วนำขึ้นไปซอย หมูเนื้อแดงสับนำไปรวนให้สุก แล้วใส่ลงไปในมะระขี้นกซอย ใส่หอมซอย พริกขี้หนูซอย น้ำปลานิด น้ำตาลครึ่งช้อนชา ใส่ขิงซอย แครอทซอย มะม่วงซอย คลุกเคล้่าให้เข้ากัน บีบมะนาวใส่ ซอยผักชีฝรั่งใส่ เติมกุ้งแห้งป่นลงไป คลุกเคล้าอีกทีให้เข้ากันและชิมรส จะได้รสชาติยำที่จัดจ้าน ผสมผสานกับความขมนิดๆจากมะระขี้นก ตักใส่จานโรยหน้าด้วยกุ้งแห้งป่นอีกนิด และใบสะระแหน่ เสร็จแล้วจ้ายำมะระขี้นกแสนอร่อย ได้คุณค่าทางสมุนไพร รับรองกินแล้วไม่อ้วน และไม่ต้องกลัวขม เนื่องจากเราได้ขจัดความขมออกไปมากแล้ว จะเหลือเพียงนิดหน่อยพอได้รู้ว่า เรากำลังกินมะระขี้นกอยู่แค่นั้นแหละจ้า ลองทำกินกันนะจ๊ะ ไม่ยากเลยสักนิด ### มะระขี้นกทรงเครื่อง ###
............... เครื่องปรุง..... มะระขี้นก หมูสับ พริกไทย กระเทียม รากผักชี ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ซอสหอยนางรม แครอท ต้นหอม ผักชี พริกชี้ฟ้าแดง มะระขี้นกผ่าตามยาวตลอด ควักใส้ออกให้หมด หมูเนื้อแดงสับละเอียด ขณะสับให้เติมน้ำสะอาดลงไปนิดหน่อย เพื่อช่วยให้หมูนุ่ม ทุบกระเทียม รากผักชีนำลงไปสับร่วมกับหมู เสร็จแล้วนำหมูมาผสมเครื่องปรุงใส่ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น น้ำตาลทรายสักครึ่งช้อนชา ซอสหอยนางรมสักหนึ่งช้อนโต๊ะ ซอยต้นหอมและผักชีใส่หน่อย แครอทซอยละเอียดตามยาวสักนิด คลุกเคล้าให้เข้ากันกับหมูสับ สำหรับมะระขี้นกนั้นถ้ากลัวจะขมมาก ก็แนะนำให้ต้มในน้ำเดือดพล่านสักสามนาที เพื่อลดความขม แล้วนำมาวางเรียงในจาน ใส่เนื้อหมูที่คลุกเคล้าไว้แล้วลงไปจนเต็ม โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงซอย แล้วนำไปนึ่งจนหมูสุกประมาณสิบห้านาที เสร็จแล้วยกขึ้นโรยหน้าด้วยผักชี หากต้องการเพิ่มรสชาติความหอม ก็เติมกระเทียมเจียวลงไปเล็กน้อย (ไม่เติมก็ได้ไม่ว่ากัน) แค่นี้ก็เสร็จแล้ว อร่อยและได้คุณค่าทางสมุนไพรจากมะระขี้นก เขาว่าต้านมะเร็ง และเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานเชียวนะจ๊ะ แต่สำหรับเรานั้นอร่อยก็พอแล้วจ้า ### แกงหยวกกล้วยใส่หมูสามชั้น ###
แกงหยวกกล้วยใส่หมูสามชั้น ..................
หยวกกล้วยนั้นเรารู้จักมานานแล้ว ตั้งแต่เด็กเราเห็นเขาเอามาหั่นแล้วผสมรำข้าว ใช้เลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด แต่ไม่รู้หรอกว่าคนก็กินได้ จนกระทั่งเรียนจบออกไปรับราชการที่ต่างบ้านต่างเมือง เราจึงไปเห็นชาวบ้านเขาเอาหยวกกล้วยมาทำกับข้าว ใส่แกงต่างๆ ลองชิมดูก็อร่อยนะ ภูมิปัญญาชาวบ้านนี่แน่นอนอยู่แล้ว สำหรับหยวกกล้วยเลี้ยงหมูใช้ได้ทั้งต้น แต่คนนั้นใช้เฉพาะแกนกลางในสุด ใช้ต้นกล้วยที่ยังไม่ออกเครือ ตรงส่วนปลายที่ยังอ่อนอยู่นำมาแกง เรียกว่าเลือกเอาแต่ของดีๆอ่อนนุ่มกินนั่นแหละ ในตลาดสดเมืองเจริญไม่ค่อยมีขาย แต่ถ้าเป็นตลาดพื้นบ้านทางต่างจังหวัดไกลๆ เขามักจะไม่ค่อยขายกันแต่จะแจกแบ่งกันซะมากกว่า เพราะต่างคนต่างมี ก็นำมาแบ่งๆกันกิน แต่เมืองเจริญนั้นอย่าหวังคำว่าแบ่ง เพราะยิ่งเจริญยิ่งห่างไกลคำว่าให้ ต่างคนต่างแก่งแย่งกันเพื่อได้เงินมาทั้งนั้น หาน้ำใจแบบคนบ้านนอกไม่เจอแล้ว เมื่อวานมีแม่ค้านำหยวกกล้วยมาขาย เขาตัดแบ่งมาเรียบร้อยแล้วเป็นท่อนสั้นๆ ถุงละสิบห้าบาท เราซื้อมาหนึ่งถุงแต่ใช้ไม่หมดหรอก เพราะบ้านเราคนน้อยก็แกงแต่พอกินเท่านั้น วันนี้เราจึงนำเสนอเมนูแกงหยวกกล้วยใส่หมูสามชั้น มาให้ลองทำกินกัน ............. เครื่องปรุง.....หยวกกล้วย หมูสามชั้น ชะโอม ใบมะกรูด กะทิ พริกแห้ง ตะใคร้ ข่า ผิวมะกรูด ขมิ้น หัวหอม หัวกระเทียม กะปิ น้ำปลา น้ำตาลทราย
วิธีทำ.....พริกแห้งเด็ดก้านแล้วหั่นท่อนแช่น้ำให้อ่อนนุ่ม ซอยตะใคร้ ข่า ผิดมะกรูด ขมิ้นสักสองหัวเล็ก กระเทียมปอกเปลือกออก หัวหอมปอกเปลือกสักหัว เกลือสัก 1/4 ช้อนชา นำทุกอย่างลงโขลกให้ละเอียด ใส่กะปินิดหน่อย เสร็จแล้วตักเตรียมไว้
หมูสามชั้นหั่นบางๆ หรือจะหั่นเป็นชิ้นหนาหน่อยก็ได้ ถ้าฟันยังดีอยู่น่ากินกว่า แต่เราคนแก่ฟันฟางไม่ค่อยดีแล้ว เลยต้องหั่นชิ้นบางๆเพื่อจะได้เคี้ยวได้สะดวก หยวกกล้วยใช้เฉพาะแกนในซอยแช่น้ำไว้ บีบมะนาวใส่หรือใช้น้ำมะขามก็ได้จะไม่ดำ ซอยใบมะกรูด ชะโอมเด็ดเอาแต่ยอดไม่ต้องมาก กะทิคั้นแยกหัวแยกหางไว้ไม่ต้องมาก
ตั้งกะทะให้ร้อนใส่หัวกะทิลงไป ใส่น้ำพริกลงไปผัดให้พอหอม ไม่ต้องให้กะทิแตกมัน ใส่หมูสามชั้นลงไปผัดคลุกเคล้าให้ทั่ว ใส่หยวกกล้วย ใส่กะทิเที่เหลือลงไปพอเดือด เติมน้ำปลา น้ำตาลทรายสักช้อนชา (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้เพราะกะทิก็ออกรสหวานอยู่บ้างแล้ว) เมื่อเดือดดีแล้วใส่ชะโอม ใบมะกรูดซอย ชิมรสตามชอบ เสร็จแล้วตักใส่ชามรับประทานได้แล้ว
### สุกรพาเพลิน ###
...... อาหารเช้าแสนอร่อยของบ้านเรา ทำไม่ยาก เด็กกินได้ผู้ใหญ่อ้วนพีแน่นอน ลองมาทำกันนะ เครื่องปรุง เนื้อหมูใช้หมูเนื้อสัน หรือส่วนสะโพกที่นิ่มๆก็ได้ ต้นหอมผักชี รากผักชี กระเทียม พริกไทย เกลือ แป้งข้าวเจ้า ซีอิ๊วขาว ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำตาลทรายครึ่งช้อนชา วิธีทำ ล้างเนื้อหมูหั่นแล้วสับให้ละเอียด ระหว่างสับให้เติมน้ำ หรือน้ำเกลือเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อหมูนุ่มขึ้น สับให้ละเอียดแล้วใส่ชามพักไว้ นำรากผักชีล้างและหั่นท่อน กระเทียมแกะเปลือกออก พริกไทยดำ หรือพริกไทยขาวก็ได้ นำมาโขลกรวมกัน แล้วตักใส่ชามหมูที่สับไว้แล้ว ล้างต้นหอมและนำมาซอยหยาบ ผักชีซอยหยาบ ใส่ลงไปในชามหมูเช่นกัน เดิมซีอิ๊วขาวสักนิดเพิ่มความหอม น้ำตาลทรายสักครึ่งช้อนชา เกลือปลายช้อนชา ใส่แป้งข้าวเจ้าสักสองช้อนโต๊ะ ตอกไข่ใส่ลงไปหนึ่งฟอง จากนั้นก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และแป้งต้องละลาย เป็นเนื้อเดียวกันเป็นอันใช้ได้ ตั้งกะทะให้ร้อนจัดใส่น้ำมันทอดลงไป (เราใช้น้ำมันหมูเจียวเอง) พอน้ำมันร้อนจัด หรี่ไฟให้เหลือไฟกลาง ตักหมูลงทอดเป็นชิ้นๆ ทอดไปจนเหลืองและสุกจึงตักใส่จาน นำไปรับประทานกับซอสพริกศรีราชาก็ได้ หรือจะทานกับข้าวเปล่าๆก็อร่อย ลองทำรับประทานกันนะ ง่ายๆ สะดวก และอร่อยด้วยฝีมือเราเอง ### เต้าหู้หมูสามรส ###
เต้าหู้หมูสามรส ............ เครื่องปรุง..... เต้าหู้ขาวแผ่น เนื้อหมู มะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ เกลือ วิธีทำ... หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำลงทอดให้กรอบนอกนุ่มใน เนื้อหมูต้มพอสุกแล้วนำมาหั่นชิ้นเล็ก แต่อย่าบางหั่นเป็นแบบสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แล้วนำลงทอดให้กรอบนอกนุ่มในเช่นกัน คั้นน้ำมะขามเปียก นำลงเคี่ยวกับน้ำตาลปี๊บ เติมเกลือหน่อย เคี่ยวพอหนึด ชิมรสดูให้ได้สามรส นำเต้าหู้และหมูที่ทอดไว้ลงคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วจ้า เต้าหู้หมูสามรสแสนอร่อย รับประทานเป็นกับข้าว หรือ ทานเล่นก็ได้ จะกรอบและมีสามรสอร่อยมากจ้า ลองทำรับประทานกันนะจ๊ะ
................ |
tangkay
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?] (‿✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้ แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ .... สิบปีผ่านไป....... อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์ แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ Link |
