สวัสดีค่ะ
อยากลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเยอะๆ ทำไงดี หลายคนคงอยากจะทราบคำตอบของคำถามนี้กันใช่ไหมคะ วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้นก็คือ การลงทุนที่ผลตอบแทนไม่ถูกหักภาษีออกไปค่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยอย่างดอกเบี้ยเงินฝากประจำซึ่งถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ถ้าเราได้ดอกเบี้ยมา 10,000 บาท ก็ต้องถูกหักภาษีสูงถึง 1,500 บาทเลยล่ะค่ะ ดูๆ แล้วก็เป็นเงินไม่น้อยเลย แล้วอะไรบ้างล่ะที่เราลงทุนแล้วไม่ถูกหักภาษี K-Expert ได้รวบรวมมาฝากเพื่อนๆ แล้วล่ะค่ะ
กองทุนรวม
เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับการลงทุนกองทุนรวมกันแล้ว ถ้าเราลงทุนกองทุนรวม แล้วได้กำไรจากราคา NAV ที่แตกต่างกัน กำไรส่วนนี้ก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้ากองทุนรวมจ่ายเงินปันผล และเราได้แจ้งให้มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายในวันที่เปิดบัญชีกองทุนครั้งแรก เมื่อได้เงินปันผลมา เราก็จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ค่ะ มาถึงตรงนี้ อาจมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า ถ้าอยากได้เงินกลับมาจากการลงทุน แต่ไม่อยากถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย จะมีวิธีมั้ย คำตอบก็คือ มี ค่ะ แต่อาจจะยุ่งยากขึ้นซักหน่อยนั่นคือ เราต้องลงทุนในกองทุนที่ไม่ได้มีนโยบายจ่ายเงินปันผล แล้วส่งคำสั่งขายกองทุนรวมด้วยตัวเองเมื่อกองทุนมีกำไร เช่น ได้กำไร 5% เราก็ส่งคำสั่งขายเอาส่วนที่เป็นกำไรออกมา วิธีนี้จะเป็นการจ่ายปันผลให้ตัวเราเองโดยไม่ต้องเสียภาษี แต่ก็อย่าลืมเช็คด้วยว่า กองทุนที่เราจะขายเอากำไรออกมานั้น มีกำหนดยอดเงินขั้นต่ำที่สามารถขายกองทุนออกมาได้หรือไม่ด้วยค่ะ อีกวิธีหนึ่งคือ การลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto Redemption) ซึ่งกองทุนแบบนี้มีนโยบายขายคืนหน่วยลงทุนกลับคืนมาให้กับเรา เมื่อราคาขึ้นไปถึงราคาที่กำหนดเอาไว้ หรือเมื่อถึงวันที่บลจ.กำหนดเอาไว้ล่ะค่ะ
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
กองทุนประเภทนี้เรียกได้ว่า เป็นน้องใหม่ในวงการกองทุนรวม เพราะเพิ่งออกขายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยกองทุนประเภทนี้จะนำเงินจากนักลงทุนอย่างเราๆ ไปลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานเช่น ระบบขนส่งทางราง ไฟฟ้า ประปา เป็นต้น ดังนั้นทางการก็เลยมีเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมจากกองทุนรวมแบบปกติ เพื่อกระตุ้นให้คนนำเงินมาลงทุนในกองทุน โดยผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานนั้น หากเป็นกำไรจากส่วนต่างราคายังคงได้รับการยกเว้นภาษีเหมือนกองทุนรวมแบบปกติ ส่วนเงินปันผลนั้นจะพิเศษหน่อยค่ะคือ ได้รับยกเว้นภาษีเป็นเวลาถึง 10 ปี นับตั้งแต่ปีที่มีการจัดตั้งกองทุนค่ะ ดังนั้น ใครที่ลงทุนในช่วง 10 ปีแรกที่กองทุนจัดตั้ง ก็จะได้ผลตอบแทนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ถูกหักภาษีไปแม้แต่บาทเดียวเลยค่ะ
เงินฝากปลอดภาษี
ส่วนคนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำหรือยังคุ้นเคยกับการฝากเงินกับธนาคารเพียงอย่างเดียว เงินฝากปลอดภาษีก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนะคะ เพราะเงินฝากประเภทนี้มีจุดเด่นคือ อัตราดอกเบี้ยมักสูงกว่าเงินฝากประจำทั่วๆ ไป แถมพอได้ดอกเบี้ยมาแล้วก็ไม่ต้องถูกหักภาษีเหมือนเงินฝากประจำด้วยค่ะ โดยเงินฝากประเภทนี้มีเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องฝากเงินเท่าๆ กันทุกเดือนเป็นเวลา 24 หรือ 36 เดือน ซึ่งยอดเงินฝากในแต่ละเดือนก็จะเริ่มต้นตั้งแต่ 500 ไปจนถึง 25,000 บาท สำหรับระยะเวลา 24 เดือน ส่วนระยะเวลา 36 เดือน ยอดเงินฝากประมาณ 1,000 ถึง 16,000 บาทค่ะ แต่ถ้าในช่วง 2 หรือ 3 ปีที่ฝาก เกิดมีเหตุจำเป็นต้องถอนเงินหรือไม่สามารถฝากได้ทุกเดือน ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เรายังคงได้เงินต้นกลับมาครบ เพียงแต่ว่า ดอกเบี้ยที่จะได้จากธนาคารก็จะไม่ใช่อัตราดอกเบี้ยสูงๆ อย่างที่ธนาคารกำหนดไว้ในตอนแรก โดยอาจจะไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือได้รับเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เท่านั้นล่ะค่ะ
แม้ว่าการลงทุนบางประเภท ผลตอบแทนที่เราได้รับจะถูกหักภาษีออกไปบ้าง แต่ถ้าดูแล้วเป็นรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับวัตถุประสงค์และความเสี่ยงที่เรารับได้ ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับตัวเรา เช่น เกษียณแล้ว และอยากมีรายได้จากดอกเบี้ยเป็นประจำสม่ำเสมอ การลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้ก็ดูเป็นทางเลือกที่ดี แม้ว่าจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไป 15% ก็ตามค่ะ ดังนั้น 3 แหล่งลงทุนแบบปลอดภาษีที่นำมาฝากกัน น่าจะเป็นส่วนเสริมให้การลงทุนของเราสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นนะคะ
------------------------------------------------------
Recommended! ตัวช่วยที่เกี่ยวข้องกับบล็อกวันนี้
>>> K-Expert Tool: โปรแกรมคำนวณภาษีอย่างง่าย <<< โหลดฟรี