Cyc ปัญญาประดิษฐ์ที่เข้าใจความหมายของสิ่งต่าง ๆ พร้อมให้บริการแล้ว

อย่างที่เคยกล่าวไปว่า AlphaGo ไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์ที่เก่งที่สุดในโลก วันนี้มีข่าวของ Cyc (อ่านว่า ไซค์ เหมือน Encyclopedia) ปัญญาประดิษฐ์อีกระบบหนึ่งที่เก่งไม่แพ้กัน และกำลังถูกนำไปใช้งานจริงแล้ว

ถ้าถามว่า AlphaGo เก่งด้านไหน คงตอบได้ว่าปัญญาประดิษฐ์แบบ AlphaGo เก่งในการวิเคราะห์ว่าจากสถานะปัจจุบัน (หมากกระดานปัจจุบัน) ทำอย่างไรให้ (วางหมากถัดไป) ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด (ชนะ) แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่สมองมนุษย์ทำได้ ปัญญาของมนุษย์ยังมีความสามารถอื่น ๆ อีกหลายลักษณะ ซึ่งอีกความสามารถหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เห็นไปหาความหมายได้ (เช่น เห็นป้ายกากบาท แปลว่าห้ามเข้า)

Cyc ผลงานของ Doug Lenat เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ ในโลกมีความหมายว่าอย่างไร มีแนวคิดอย่างไร ทำงานอย่างไร จากการเรียนรู้คลังข้อมูลมานานกว่า 30 ปี Cyc เรียนรู้ว่า Sir Isaac Newton เป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสาตร์ซึ่งไม่มีชีวิตอยู่แล้ว Cyc รู้ว่าถ้าปล่อยแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลจะตกลงพื้น แอปเปิ้ลมีขนาดเล็กกว่าคน และคนโยนแอปเปิ้ลออกไปในอวกาศไม่ได้

ตอนนี้ Cyc พร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์แล้วโดยบริษัทชื่อ Lucid Cyc จะถูกนำไปใช้ในงานด้านสาธารณสุข การเงิน และระบบผู้ช่วยส่วนตัวคล้าย Siri แต่สามารถเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ได้ถูกต้องมากกว่า Cyc ถูกนำไปใช้ที่ Cleveland Clinic ในการค้นหาผู้ป่วยเพื่อทำการศึกษาอย่างอัตโนมัติ เช่น แพทย์สามารถสั่งให้ค้นหาผู้ป่วยที่มีแบคทีเรียในช่วงเวลาที่กำหนด Cyc จะหาจากฐานข้อมูลผู้ป่วย และบอกเหตุผลได้ว่าผู้ป่วยรายใดถูกเลือก เพราะเหตุใด

ที่มา thairobotics




 

Create Date : 18 มีนาคม 2559    
Last Update : 18 มีนาคม 2559 11:58:26 น.
Counter : 327 Pageviews.  

ตำนานเจดีย์กิ่ว นครเชียงใหม่

เจดีย์สีขาว ไม่ได้ตั้งอยู่ในวัด แต่ตั้งอยู่กลางถนน เป็นวงเวียนให้รถวนรอบ ตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหน้าของเทศบาลนครเชียงใหม่ ใกล้กับสถานกงศุลอเมริกา อีกด้านหนึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำปิงซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของเชียงใหม่ เจดีย์ขาว.....หรือที่ชาวเชียงใหม่เรียก "เจดีย์กิ่ว" สร้างแต่สมัยไหนไม่มีใครทราบ แต่มีตำนานเล่าไว้ว่า

สมัยหนึ่งเมืองเชียงใหม่ ได้ถูกข้าศึกยกกองทัพมาประชิดเมือง แม่ทัพฝ่ายข้าศึกได้มาท้าประลองการแข่งขันดำน้ำ ในแม่น้ำปิง ถ้าฝ่ายไหนดำน้ำได้นานเป็นฝ่ายชนะ ฝ่ายไหนแพ้ต้องเสียเมือง(ตกเป็นเมืองขึ้น) ให้หาคนมาแข่งขันภายใน 3 วัน เจ้าเมืองเชียงใหม่จึงได้ป่าวประกาศรับสมัครหาคนเป็นตัวแทนมาแข่งขันกับฝ่ายข้าศึก แต่ก็ไม่มีใครกล้ามาสมัครแข่งขัน เพราะเชียงใหม่อยู่ในภูมิประเทศที่ดอน คนเชียงใหม่จึงไม่ค่อยชำนาญเรื่องทางน้ำ เวลาผ่านไปสองวัน ก็ไม่มีใครมาสมัคร ท่านเจ้าเมืองจึงให้คนไปป่าวประกาศในพื้นที่รอบนอกเมืองบ้าง

จนมาถึงบ้านปู่เปียงซึ่งอาศัยอยู่ในห้างนานอกเมือง ปู่เปียงเป็นคนแก่อายุค่อนข้างมาก ไม่มีลูกหลาน อยู่ตัวคนเดียว เมื่อรู้ข่าวเมืองเชียงใหม่ถูกข้าศึกยกทัพมาประชิดเมือง และท้าให้คนเมืองเชียงใหม่แข่งกันดำน้ำ แกจึงคิดที่จะตอบแทนคุณของบ้านเมืองจึงเข้าไป รับอาสาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้

เมื่อถึงเวลากำหนดนัดหมาย ต่างก็มาสู่สถานที่แข่งขัน ณ ที่ท่าแม่น้ำปิง...ตัวแทนทั้งสองฝ่ายต่างก็ดำลงไปในน้ำพร้อมกัน นับเป็นเวลานาน ปรากฎว่าตัวแทนฝ่ายข้าศึกโผล่ขึ้นมาก่อน...จึงถือว่าแพ้ ก็ได้ยกกองทัพกลับไป ฝ่ายปู่เปียงดำน้ำเป็นเวลานาน ก็ไม่โผล่ขึ้นมาสักที ท่านเจ้าเมืองจึงให้คนดำลงไปดู ปรากฎว่า ปู่เปียง ใช้ผ้าต่อง(ผ้าขะม้า)มัดมือตนเองติดกับเสาหลักใต้น้ำ ถึงแก่ความตาย เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความดีของปู่เปียงที่สละชีวิตตนเอง เพื่อปกป้องบ้านเมืองเอาไว้ เจ้าเมืองเชียงใหม่จึงได้สร้างเจดีย์ขึ้นตรงนั้นเอง

ท่านได้อ่านแล้ว จะเป็นบุญกุศลต่อประเทศชาติไม่น้อย ขอความกรุณาช่วยแชร์ต่อให้ด้วย เพื่อประกาศคุณความดีของบุคคลในอดีตที่รักชาติ รักแผ่นดินถิ่นเกิด ยอมเสียสละชีวิตตนเองเพื่อรักษาแดนมาตุภูมิ จะทำให้ทุกคนในประเทศไทย รู้สึกสำนึกรักประเทศชาติขึ้นมาบ้าง

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 18 มีนาคม 2559    
Last Update : 18 มีนาคม 2559 11:17:46 น.
Counter : 204 Pageviews.  

โซเดียมแฝงในอาหารไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ โดย สายตรงพยาบาล

"อ้าววววว...ขนมปังไม่เค็มนี่คะ ทำไมไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ" คุณจรัสศรีทำเสียงสูง "คุณยายชอบมาก บอกว่านิ่มดี ให้ซื้อมาเรื่อยเลย" อาหารเค็ม ไม่ใช่เฉพาะที่อาหารที่มีรสเค็มเท่านั้น แต่หมายถึงอาหารที่มีโซเดียมมาก ขนมปังแผ่น ขนมปังสอดไส้ คุ้กกี้ ฯลฯ เหล่านี้ แม้รสไม่เค็ม แต่เป็นอาหารที่มีสารประกอบโซเดียมแฝงอยู่ ทั้งเนื้อขนมปังที่ใช้ผงฟูและไส้ที่ปรุงรส

 

วันนี้ พยาบาลขอนำเรื่องโซเดียมในอาหารมาเล่าสู่กันสักนิดนะคะ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ ให้ผู้ดูแล ญาติมิตร คัดเลือกอาหารให้ดีต่อสุขภาพผู้สูงวัยได้ดีขึ้น

โซเดียมที่พบบ่อยในอาหาร มีดังนี้ค่ะ

1.เกลือแกงหรือโซเดียมคลอไรด์ นิยมใช้ปรุงอาหาร เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำปลา ซีอิ๊วและใช้หมักดองถนอมอาหาร ทำเป็นซุปก้อน ผงปรุงรส ที่เราใส่ในน้ำแกง น้ำผัดผัก

2.ผงฟูและโซเดียมไบคาร์บอเนต ใช้ในขนมอบ เช่น ขนมปัง ขนมเค้ก คุ้กกี้

3.สารกันบูดหรือโซเดียมเบนโซเอต นิยมใช้ในอาหารแปรรูป เช่น แหนม ไส้กรอก เบคอน หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป

4.ผงชูรสหรือโมโนโซเดียมกลูตาเมท เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป ขนมกรุบกรอบ

รสชาติเค็มที่ลิ้นรับได้จึงไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าอาหารนั้นมีโซเดียมมากหรือน้อยค่ะ ต้องพิจารณาอาหารใน 4 ประเภทข้างต้น ให้เห็นโซเดียมที่แฝงอยู่ และจัดปริมาณให้เหมาะกับสุขภาพของผู้สูงอายุค่ะ

การกินเค็มเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง และส่งผลเสียมากมายต่อระบบร่างกาย อาทิ ผนังหัวใจหนาขึ้น ไตทำงานหนักขึ้น ในหนึ่งวันเราไม่ควรกินเกลือและโซเดียมแบบต่างๆ รวมกันเกินกว่า 6 กรัม (1 ช้อนชา เท่ากับ 5 กรัม)

ถ้ากินอาหารสำเร็จรูป ไม่ได้ปรุงเอง ต้องศึกษาจากฉลากข้างสินค้า ซึ่งจะมีความซับซ้อนนิดนึงนะคะ เช่น มันฝรั่ง 1 ถุงกลาง อาจแบ่งเป็น 2 หน่วยบริโภค และการแจ้งปริมาณโซเดียมในฉลาก เขาจะแจ้งต่อ 1 หน่วยบริโภค (แปลว่า ปริมาณโซเดียมต่อครึ่งถุง) หากเรากินหมดถุงในครั้งเดียว เราจะได้รับโซเดียมในปริมาณสองเท่าของที่ระบุไว้ในฉลาก

เห็นตาราง ตัวเลข บนฉลาก อย่างเพิ่งถอดใจนะคะ อยากให้ใส่ใจพิจารณาของที่เราหรือผู้ที่เราดูแลจะรับเข้าร่างกาย ฉลากหลายอย่างไม่ได้แจ้งตรงไปตรงมา แต่อ่านบ่อยๆ ก็จะอ่านได้คล่องขึ้น

เริ่มต้นวันนี้ เพื่อสุขภาพดีอย่างยืนยาวค่ะ ^^

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 18 มีนาคม 2559    
Last Update : 18 มีนาคม 2559 11:03:07 น.
Counter : 287 Pageviews.  

สำนักเลขาธิการนายกฯจัดทำเป็นกราฟฟิกให้ดูง่าย 16 พฤติกรรมเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล-ประกาศรัฐปราบจริง

สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโชว์อินโฟกราฟิก 16 พฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นผู้ที่มีอิทธิพล โฆษกรัฐบาลเผยนำข้อมูลมาจากศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศรัฐเอาจริงใครพบแจ้งตำรวจ-ศูนย์ดำรงธรรม-ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ใครเข้าข่ายก็ให้ลดละเลิก

 

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2559 สำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ภาพกราฟิกที่มีข้อความระบุว่า“REWARD WANTED” พฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นผู้ที่มีอิทธิพล 16 ข้อ ประกอบด้วย

1. นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ

2. ฮั้วประมูลงานราชการ

3. หักหัวคิดรถรับจ้าง

4. ขูดรีดผู้ประกอบการ

5. ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี

6. เปิดบ่อนการพนัน

7. ลักลอบการค้าประเวณี

8. ลักลอบนำคนเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย

9. ล่อลวงแรงงานไปยังต่างประเทศ

10. แก๊งต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว

11. มือปืนรับจ้าง

12. รับจ้างทวงหนี้ด้วยการข่มขู่ใช้กำลัง

13. ลักลอบค้าอาวุธสงคราม/ปืนเถื่อน

14. บุกรุกที่ดินสาธารณะ/ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

15. เรียกรับผลประโยชน์บนเส้นทางหลวงสาธารณะ และ

16. ผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

โดยมีภาพการ์ตูนประกอบข้อความ ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยให้แต่ละหน่วยงานประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ผ่านอินโฟกราฟิก สร้างการรับรู้ให้ประชาชน

ทั้งนี้อ้างว่าได้นำขึ้นแสดงผลบนเว็บไซต์รัฐบาลไทย //www.thaigov.go.th/ แล้ว

ทางด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวสำนักโฆษกรัฐบาล ได้นำมาจากศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปรอ.ตร.) และนำมาทำเป็นกราฟิก ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเผยแพร่โดยทั่วไปไม่ว่าจะออกทางช่องทางใดก็ตามเพื่อเป็นการย้ำเตือนให้สังคมตระหนัก 2-3ประการคือ

1. รัฐบาลเอาจริงเอาจังใครที่เห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมทั้งหลายเหล่านี้สามารถที่จะแจ้งข้อมูลข่าวสารให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล

2. บุคคลก็แล้วแต่ที่สำรวจตัวเองแล้วมีความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ก้อาจจะลดละเลิกพฤติกรรม จะทำให้ปลอดภัยแก่ตัวเอง ดังนั้น การเผยแพร่ภาพกราฟิกดังกล่าวถือเป็นประโยชน์ที่ทางสำนักโฆษกฯ เห็นความสำคัญ ทีมวิเคราะห์ของสำนักโฆษกฯ จึงได้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 17 มีนาคม 2559    
Last Update : 17 มีนาคม 2559 12:51:50 น.
Counter : 225 Pageviews.  

ปรับนิยามผู้ป่วยฉุกเฉิน ค่ารักษาเหมาะสม ทุกฝ่ายเห็นตรงห้ามเก็บเงินใน 72 ชม.

บอร์ดกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ลงความเห็นห้ามเก็บเงินผู้ป่วยฉุกเฉินใน 72 ชม. พร้้อมนิยามผู้ป่วยวิกฤตสีแดงให้ชัดเจน มีระบบเบิกจ่ายที่เหมาะสมตามราคากลางค่ารักษาพยาบาล พร้อมประกาศใช้ก่อนสงกรานต์ 2559

วันที่ 16 มีนาคม 2559 ที่ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข  นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ) พร้อมด้วยนพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ  ประชุมคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 6 /2559  โดยผู้แทน 3 กองทุน  และโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมประชุมด้วย ในวันนี้ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้า นโยบาย  “เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ” ที่มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และผู้แทนจาก 3 กองทุน หารือแนวทางการดำเนินงานเพื่อปรับระบบให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินรักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ ต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินฟรีในช่วง 72 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้ส่งต่อผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลตามสิทธิ ส่วนของการสำรองเตียงเพื่อรองรับการส่งต่อ ประกันสังคมไม่ค่อยมีปัญหา เพราะมีโรงพยาบาลคู่สัญญา ส่วนระบบข้าราชการหากไม่สามารถส่งต่อได้ กรมบัญชีกลางจะมีงบประมาณสำหรับดูแล ส่วนสิทธิบัตรทอง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะพยายามแก้ปัญหาให้ 

โดยจากการหารือ ส่วนใหญ่เห็นด้วยในหลักการ ทั้งในเรื่องการคัดแยกผู้ป่วยวิกฤตสีแดงตาม 25 กลุ่มอาการที่เห็นตรงกันทั้งโรงพยาบาลและผู้ป่วย  โดยหากมีข้อสงสัยจะมีหน่วยงานกลางคือสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติเป็นที่ปรึกษาและให้ความเห็นภายใน 15 นาที  ส่วนในเรื่องรูปแบบการเบิกจ่ายเงินนั้น เห็นด้วยกับการจ่ายแบบราคากลางค่ารักษาพยาบาล( Fee schedule) ให้มีการปรับราคากลางที่ทุกส่วนมีความพอใจ  สำหรับการดำเนินการหลัง 72 ชั่วโมงหลังผู้ป่วยพ้นวิกฤตที่ต้องหาโรงพยาบาลรับส่งต่อ กองทุนประกันสังคมใช้โรงพยาบาลต้นสังกัด กองทุนสวัสดิการข้าราชการ  กรมบัญชีกลางจะได้กำหนดระเบียบขึ้นมารองรับ เช่น ให้อยู่โรงพยาบาลเดิมต่อไป โดยกำหนดอัตราการเบิกจ่าย ส่วนต่างผู้ป่วยจ่ายเพิ่มเอง ส่วนกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ใช้โรงพยาบาลต้นสังกัดและเพิ่มการจัดการเรื่องศูนย์สำรองเตียง

"สำหรับนิยามเจ็บป่วยฉุกเฉิน ที่ประชุมเห็นด้วยกับหลักการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสีแดง 25 กลุ่มอาการ ดังนี้

1.ปวดท้องบริเวณหลัง เชิงกราน และขาหนีบ

2.แพ้ยา แพ้อาหาร แพ้สัตว์ต่อย แอนาฟิแล็กซิส ปฏิกิริยาภูมิแพ้

3. สัตว์กัด

4.เลือดออกโดยไม่ได้มีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บ

5. หายใจลำบาก หายใจติดขัด

6. หัวใจหยุดเต้น

7. เจ็บแน่นทรวงอก หัวใจ มีปัญหาทางด้านหัวใจ

8. สำลัก อุดกั้นทางเดินหายใจ

9. เบาหวาน

10. ภาวะฉุกเฉินเหตุสิ่งแวดล้อม

11. ปวดศีรษะ ภาวะผิดปกทางตา หู คอ จมูก

12. คลุ้มคลั่ง ภาวะทางจิตประสาท อารมณ์

13.พิษ รับยาเกินขนาด

14.มีครรภ์ คลอด นรีเวช

15. ชัก มีสัญญาณบอกเหตุการชัก

16. ป่วย อ่อนเพลีย อัมพาตเรื้อรัง ไม่ทราบสาเหตุจำเพาะ

17. อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง สูญเสียความรู้สึก ยืนหรือเดินไม่ได้เฉียบพลัน

18. ไม่รู้สติ ไม่ตอบสนอง หมดสติชั่ววูบ

19. เด็ก กุมารเวช

20. ถูกทำร้าย

21. ไหม้ ลวกเหตุความร้อน สารเคมี ไฟฟ้าช็อต

22. ตกน้ำ จมน้ำ บาดเจ็บทางน้ำ

23. พลัดตกหกล้ม อุบัติเหตุ เจ็บปวด

24. อุบัติเหตุยานยนต์

25 อื่นๆ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย สพฉ.จะเป็นหน่วยงานกลางคอยให้คำปรึกษาและให้ความเห็นภายใน 15 นาที" รมว.สธ. กล่าว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 17 มีนาคม 2559    
Last Update : 17 มีนาคม 2559 12:17:38 น.
Counter : 187 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.