แต่ละคน 'บนเส้นทาง' ที่ต้องเดิน โดย เปลว สีเงิน



เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2559 เปลว สีเงิน เขียนไว้ในนสพ.ไทยโพสต์เรื่องของแต่ละคนบนเส้นทางที่ต้องเดินนับตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปพบของจริงคือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นรากแก้วของสังคมที่จะต้องปูนบำเน็จในความดีความชอบให้ แตกต่างจากทักษิณ ชินวัตรและระบอบเลือกตั้ง ที่เห็นเป็นฐานเสียงหนักไปกว่านั้นเปรียบเปรยว่าเป็น”ไพร่-อำมาตย์”ไปโน่น แต่คนสุดท้ายที่พูดถึงก็คือพระธัมมชโย มีวิชาวิเศษ ท่องนรก-ท่องสวรรค์-จัดสรรวิมานขาย-ปัดระเบิดได้เป็นพวงๆ แต่พอเจอหมายเรียกดีเอสไอกลับดิ้นพรวดเป็นถึง 10 โรค ดังนี้.....

 

เอาล่ะ...จากวันนี้ (๒๖ เม.ย.๕๙) เป็นต้นไป "ปากผู้นำ" ด้วยการสื่อสาร และคำพูด-คำจา

ถ้า "ตั้งสติ-ตั้งลำ" ได้.....!

ที่เกลียดก็จะกลับมารัก ที่เป็นปฏิปักษ์จะกลับมาปกป้อง ที่ปองร้ายก็จะคลายเป็นหวังดี

ที่ไม่เคยเข้าใจ ก็กลับกระจ่างอยู่กับทางบ้านเมือง!

พวกองค์กรต่างด้าว-คนต่างแดน ที่หาเหตุจ้องทิ่ม-จ้องตำสยามประเทศมาตลอด ๒ ปี

ต่อจากนี้ ถ้าจะมี ก็คงเป็นวาระส่งท้าย จากนั้น พวกเขาจะมีเป้าหมายใหม่ ที่จะหันไปจ้องจิกแทน!

เมื่อวาน เห็นนายกฯ ประยุทธ์ กับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ภาคกลาง ๖ จังหวัด ร่วม ๔ พันคน

ร่วมพูด-ร่วมคิด-ร่วมฟัง ด้วยกัน ในปัญหาบ้านเมืองที่ต้องร่วมทำ-ร่วมรับผิดชอบด้วยกัน ที่หอประชุมธรรมศาสตร์ รังสิต บอกได้คำเดียว

ดีใจเงียบๆ.......

แสดงว่า นายกฯ "เห็นหัวชาวบ้าน" จากฐานรากขึ้นไปจริงๆ แล้ว!

ยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี ที่นายกฯ ตั้ง และหวังนำไทยสู่อนาคตใหม่ที่ยั่งยืนนั้น จะเป็นดังหวังได้ยาก ถ้า...ท่านนายกฯ ไม่เริ่มจาก

"กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน" ด้วย!

ประชาชนกว่า ๖๕ ล้าน ต่อให้ใช้เวลา ๔๐ ปี ถ้ารัฐบาลใช้แต่ข้อมูลและรายงานจากข้าราชการ ตั้งแต่ระดับอำเภอ-จังหวัด ถึงระดับกระทรวง

ทุกอย่าง...รากหญ้า จะได้แค่ ๑ ส่วน

ระดับยอดหญ้า เอาไป ๒ ส่วน

นอกนั้น ที่เหลืออีก ๗ ส่วน ระดับยอดยางและหอคอย สอยไปแดกเรียบ!

กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านนั่นแหละ รู้ปัญหาพื้นที่ รู้ใจ-รู้ความต้องการคนในพื้นที่มากที่สุด

ที่ว่ากำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน "ตัวกิน" นั่นน่ะ ..........

ส่วนใหญ่ แรกๆ ก็ "กินด้วยจำใจ" เพราะระดับเหนือขึ้นไปคล้าย "บังคับให้กิน" เป็นการรวมพวกและปิดปาก

นานๆ เข้า เออ..ก็ดีนี่หว่า ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งอิงอำนาจ-บารมี "กังฉิน" สบายกว่า

"ตงฉิน" นอกจากไม่ได้กินแล้ว ซื่อตรง-ทำดี ก็ไม่เคยมีใครเห็น แถมกระเด็นจากตำแหน่ง-หน้าที่ได้ง่ายๆ

เพราะการเป็น "คนดีหัวเน่า" เขาก็ไม่เอาเข้าพวก-เข้าฝูง นี่...สังคมบริหารปกครองท้องถิ่น ที่ผ่านๆมาจะลักษณะนี้

"ระดับบน"..........

ใช้ทั้งอำนาจและค่าทางสังคมกดสถานะกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านไว้ ตีราคาปรามาสว่า ต่ำต้อย-ด้อยความรู้-ด้อยปัญญา

เป็นตำแหน่ง "คร่ำครึ-น่าขัน" ไม่มีค่า ประมาณนั้น!

ด้วยทัศนคติ "ดูถูก-กดทับ" ตำแหน่งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านมาเรื่อยๆ ในระบบบริหารราชการงานเมือง จึงไม่เคยฟัง ไม่เคยเคารพความคิดเขา

เอาแต่ชี้นิ้วสั่งและใช้เขาเหมือนข้าทาสบริวารในระบบ!

คำว่า "อำมาตย์-ไพร่" ที่ นปช.ทักษิณเลือกมาใช้ทางแบ่งชนชั้นในการปลุกระดม

เนี่ย....มันก็มาจากทัศนคติพวกเขาที่มีและใช้กับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านมาด้วยตัวเองนั่นแหละ

เมื่อต้องการปลุกระดมเรื่องชนชั้นให้เกลียดชังกัน ก็เลยสะท้อนสันดานตัวเองออกมาเป็น "ไพร่-อำมาตย์"

ดูตอนพวกเขาเป็นอำมาตย์ซี ข้าราชการต้องคลานเข่าไปหาบ้าง ยื่นตีนให้ข้าราชการถอดรองเท้าให้บ้าง

กับข้าราชการกระทรวง นักเลือกตั้งระบอบทักษิณยังทำขนาดนี้ ก็ไม่ต้องคิดแล้วว่า กับระดับ "กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน" พวกเขาจะตีราคาให้อยู่ระดับไหน?

ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง.........

ดังนั้น คนระบบราชการ-ระบบการเมืองที่สมประโยชน์ จึงใช้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเป็นลูกมือ "ทำผิด-ทำชั่ว" ให้มาตลอด

จนกลายเป็นค่าสังคมที่รู้กัน "กำนัน-ผู้ใหญ่" นั้น ของนักการเมือง โดยนักการเมือง และ เพื่อนักการเมือง!

เมื่อกำนัน-ผู้ใหญ่ เป็นเครื่องมือนักการเมือง ไปควบคุมชาวบ้านให้เป็น "บริวารนักการเมือง"

การบริหาร-การปกครองไทยจึงเป็นอย่างที่ปรากฏ จังหวัดนี้ พวกนี้ เลือกเรา ก็เอางบ "บังหน้า" ไป แต่เจตนาบังหลังคือ

"ข้า....ข้างบน" คำใหญ่

"เอ็ง...ข้างล่าง" คำเล็ก!

ก็ตามค่านิยมประชาธิปไตยกินเมืองระบอบทักษิณ "โกงไม่เป็นไร ได้แล้วแบ่งกัน" เป๊ะเลย

จะเจาะจงว่าเฉพาะระบอบทักษิณ ก็ดูอคติไป เพราะความจริง มันเป็นแบบนี้ทุกระบอบรัฐบาลเลือกตั้งแหละ!

ในเมื่อนายกฯ ประยุทธ์ขออีก ๕ ปี เพื่อให้ยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี หยั่งราก ก็หมั่นอยู่กับดิน คลุกอยู่กับดิน ศึกษา-เข้าใจดินคือ "กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน" อันเป็นฐานราก

นี่แค่ภาคกลาง ๓,๘๗๘ คน......

ยังภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้อีก กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งหมดคงหลายหมื่น

ถ้าหวังให้ไทยเดินหน้าชนิดฐานรากยั่งยืน ได้ใจนักธุรกิจ-พ่อค้า นั่นแค่ "ไม้ค้ำ"

ถ้ารัฐบาล คสช.โดยนายกฯ ประยุทธ์ ได้ใจกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านได้ใจนายกฯ

นั่นคือ "รากแก้ว"!

ผลงานกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ในยุคนักเลือกตั้งครองเมือง วัดที่ทำให้ฐานเสียงนักเลือกตั้งมั่นคง

แต่ขณะนี้ เมื่อ คสช.ครองเมือง ก็หวังว่า นายกฯ ประยุทธ์ จะวัดความดี-ความชอบกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จากผลงานที่ทำให้ฐานประเทศมั่นคง

นักต่อสู้ที่คนชื่นชม จะเป็นลักษณะ "พูดน้อย-ต่อยหนัก"

ประเภท "พูดมาก-ต่อยวืด" คนจะหยัน

ที่ "พูดมากด้วย-ต่อยหนักด้วย" คนยอมรับและชื่นชมมีคนเดียว คือ "เคสเซียส เคลย์" หรือ มูฮัมหมัด อาลี

ที่พูด ๔ คำ....."กลับบ้านเถอะลูก" แล้วอยู่จนเบื่อ ๘ ปี จนต้องออกปากว่า "ผมพอแล้ว" ก็มีอยู่คนเดียว

คือ "พลเอกเปรม ติณสูลานนท์"!

เนี่ย...มันก็มี "สินค้าตัวอย่าง" ให้เลือกเป็นต้นแบบอยู่หลากลักษณะ แต่ถ้าใครไม่อยากเลียนแบบใคร ต้องการเป็นสินค้านวัตกรรม

นั่นก็ต้องดูว่า นวัตกรรมนั้น......

ทำแล้วพาเด่น หรือพาดับ!?

แต่ที่เห็นทีถึงคราวดับจริงๆ น่าจะเป็นอลัชชีโล้น "ธัมมชโย" แห่งลัทธิธรรมกาย

ไปนรก ไปสวรรค์ ไปเยี่ยมสตีฟ จอบส์ไปได้........

แค่ดีเอสไอเขามีหมายเรียกไปรับทราบข้อหาฐานร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรเมื่อวาน (๒๕ เม.ย.) กลับอ้างป่วยด้วยสารพัดโรค ไม่ยอมไปตามนัด

นี่...เขาขอหมายศาลจะมาจับตัวแล้วรู้มั้ย?

อะไรกัน มีวิชาวิเศษ ท่องนรก-ท่องสวรรค์-จัดสรรวิมานขาย-ปัดระเบิดได้เป็นพวงๆ

ไหง...ถูกข้อหาหน่อยเดียว ป่วยกระเสาะ-กระแสะซะแล้ว ดูตามรายการอ้างป่วย ถ้าจริงตามนั้นทั้งหมด น่าจะไม่รอด!

ก็ดูแต่ละโรคที่อ้างเป็นเหตุไม่สามารถมาพบดีเอสไอได้ซี

-เวียนศีรษะ

-บ้านหมุน

-ทรงตัวไม่อยู่

-ปวดหลัง

-ปวดขาซ้าย

-กล้ามเนื้ออักเสบรุนแรง

-เบาหวาน

-ภูมิแพ้

-เส้นเลือดอุดตันโคนขาซ้าย

-แผลติดเชื้อที่เท้า

โห...หมอคนไหนเซ็นใบรับรองแพทย์ให้นะ แพทยสภาน่าจะเชิญไปเชิดชูเกียรติซะหน่อย

เมื่อกระบวนการกฎหมายเดินหน้า อาชญากรโล้นที่มากเงิน-มากพวก-มากอิทธิพล-มากเล่ห์ จะเดินแต้มไหนต่อไป สนใจจัง

ธัมมชโยกับผมนี่ สงสัยราศีเดียวกัน ธัมมชโยถูกหมายเรียก ผมก็ถูกตำรวจโรงพักทองหล่อเรียกไปเป็นผู้ต้องหาเหมือนกัน

ต่างกันเพียงข้อหา ของธัมมชโย-บุญหนัก เลยถูกข้อหาฟอกเงิน รับของโจร

ส่วนผม-บุญน้อย ถูกแค่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ให้ลูกน้องไปแจ้งความว่าหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์หมิ่นประมาทเขา

อ้างเป็นพระ แต่เบี้ยว ไม่ดีหรอก ผมเป็นโจรแท้ๆ ยังไม่เบี้ยวเลย ต่างคน-ต่างไป, ต่างคน-ต่างติด "เอาฤกษ์-เอาชัย"

ดีมั้ย...ไชยบูลย์เอ้ย!

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 26 เมษายน 2559    
Last Update : 26 เมษายน 2559 13:29:23 น.
Counter : 351 Pageviews.  

รัฐมนตรีสำนักนายกฯสวนทักษิณพูดไม่จริงเผยผลงานรัฐบาล-คสช.เพียบ



สุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ เผยผลงานรัฐบาล-คสช.เพียบ 2 ปี คนไทยมีความสุขมากขึ้น แต่ยังมีคนบางกลุ่มเอาจริงและเท็จมารวมกัน ผ่านบทความต่างประเทศ โลกออนไลน์ คนไทยตัดสินใจได้ว่าใครมีคุณธรรม ซื่อสัตย์ บอกไม่มีผลงานจึงพูดไม่จริงและตั้งใจทำให้สังคมเข้าใจผิด

 

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2559 นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่ารัฐบาลไม่มีผลงานว่า ตลอด 2 ปีที่ คสช.และรัฐบาลเข้ามาควบคุมอำนาจและบริหารราชการแผ่นดิน ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ดี การแก้ไขปัญหา การบริหารราชการ มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันจำนวนมาก เช่น

1.การแก้ไขภัยแล้งด้วยการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ จนสามารถผ่านพ้นวิกฤต

2.มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านกองทุนหมู่บ้าน ผ่านกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ

3.การช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ชาวนา

4.การช่วยเหลือเรื่องที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย

5.การแก้ไขปัญหา SME เพื่อให้เข้าสู่ระบบและมีความแข็งแกร่งขึ้น

6.การออกกฎหมายหลายฉบับเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

7.การแก้ปัญหาประมงและการบิน

8.มิติด้านปฏิรูปประเทศก็มีความก้าวหน้า

9.เรื่องสิ่งแวดล้อม ก็อยู่ในขั้นปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ

10.เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ เชื่อมโยงไปถึงเศรษฐกิจดิจิทัล กฎหมาย 4 ฉบับเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ที่เหลืออีก 4 ฉบับก็กำลังจะเข้า ครม.

11.เรื่องตำรวจก็กำลังปรับปรุงระบบการให้บริการประชาชนเรื่องการสอบสวนและการแจ้งความ ยังไม่ได้พูดถึงแผนงานอีกจำนวนมากที่ได้ทำไปแล้ว มีผลสัมฤทธิ์ไปแล้ว

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่าจุดเด่นที่สำคัญของรัฐบาลนี้คือการขับเคลื่อนเร่งรัดโดยนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ลงมาถึงรัฐมนตรี จะมีการประชุมเร่งรัดขับเคลื่อนของคณะกรรมการชุดต่างๆ ต่อเนื่อง ผลดีคือมาตรการแก้ปัญหา การริเริ่ม การบริหารจัดการ ถูกนำไปปฏิบัติอย่างรวดเร็ว มีการติดตามประเมินผล

ดังนั้น ตนคิดว่าถ้าเรามองด้วยความเป็นธรรม พวกเราคงตระหนักได้ดีว่าตั้งแต่กลางปี 2557 เป็นต้นมา ประเทศอยู่ได้ ก้าวเดินต่อไปได้ คนไทยมีความสุขมากขึ้น ไปไหนมาไหนได้ด้วยความปลอดภัย ไม่มีการชุมนุมประท้วง ธุรกิจเดินต่อได้ อันนี้คือข้อเท็จจริงที่เห็นกันอยู่ และเป็นสิ่งที่เราได้อยู่กับมันมาตลอด 2 ปี เพราะฉะนั้นคนที่บอกว่ารัฐบาลไม่มีผลงานจึงพูดไม่จริง และตั้งใจทำให้สังคมเข้าใจผิด

“วันนี้มีคนกลุ่มหนึ่ง ใช้การทำสงครามข้อมูลข่าวสารทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ มาสร้างชุดข้อมูลใหม่ที่เอาความจริงมาผสมกับความเท็จหรือเลือกใช้ข้อมูลบางส่วนโดยตั้งใจไม่ใช้ข้อมูลด้านดีอีกด้านหนึ่งมานำเสนอ มาเผยแพร่ผ่านบทความภาษาต่างประเทศบ้าง ผ่านโลกไซเบอร์ เฟซบุ๊ก ไลน์ และอื่นๆ บ้าง โดยอ้างว่าเป็นเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งผมคิดว่า มาถึงวันนี้คนไทยผ่านอะไรมามาก เรียนรู้ความเหมือนหรือต่างของรัฐบาลในแต่ละยุคสมัย คนไทยตัดสินได้ ว่าใครมีจริยธรรม มีคุณธรรม ใครเป็นคนดีหรือคนไม่ดี ใครมีความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต หรือใครที่นำพาประเทศไปในทิศทางที่ดี ทั้งการพัฒนาและดีทั้งด้านจิตใจ”นายสุวพันธุ์ กล่าว

นายกฯพอใจคนใช้บริการกองทุนการออมแห่งชาติ

//www.posttoday.com/politic/428195

เว็บไซต์ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

//www.thaigov.go.th/en/index.php

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 24 เมษายน 2559    
Last Update : 24 เมษายน 2559 13:13:07 น.
Counter : 255 Pageviews.  

คสช.แฉหลักฐานทักษิณจ้างล้อบบี้ยีสต์บอยคอตไทย-วัชระชี้แค่แม้วแง้มปากก็โกหกแล้ว



คสช. แฉหลักฐานยืนยันทักษิณจ้างล็อบบี้ยิสต์ให้ประเทศต่างๆบอยคอตไทย แนะจับตาขบวนการดำเนินเรื่องต่อผ่านช่องทางสื่อที่ไม่เป็นกลาง วัชระ เพชรทอง ชี้แค่ทักษิณแง้มปากก็โกหกแล้ว“เขาจ้างบริษัทล็อบบี้ยีสต์โจมตีประเทศไทยและเคลื่อนไหวด่ามาตุภูมิของตนเองในต่างประเทศตลอด”

 

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2559 แหล่งข่าวจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้จ้างล็อบบี้ยิสต์เพื่อล็อบบี้ประเทศต่างๆ ให้แอนตี้ บอยคอตประเทศไทยว่า มีหลักฐานปรากฎออกมาว่า บริษัท Bell Pottingerประเทศอังกฤษ โดยบทความจากหนังสือพิมพ์ The Guardian และบทความสัมภาษณ์เจ้าของบริษัท Bell Pottinger ของหนังสือพิมพ์ Financial Times ยอมรับว่านายทักษิณเป็นลูกค้าเขาอยู่

พร้อมกันนี้ยังมีเอกสาร แบบฟอร์มยืนยันการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ชื่อ BGR Government Affairs จากสหรัฐอเมริกา โดยแบบฟอร์มโชว์อยู่บนเว็บไซต์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปลายปี 2558 (2015)

“คสช.ต้องการชี้ให้เห็นว่านายทักษิณมีการจ้างล็อบบี้ยิสต์จริง ไม่ใช่การโกหกคำโต และอยากให้ติดตามหลังจากนายทักษิณโพสต์ข้อความเมื่อวานนี้(22เม.ย.)ต่อไปจะมีขบวนการ ดำเนินเรื่องต่อตามบท เป็นซีรีส์ ตัวละครจะทยอยออกมาตามลำดับ จังหวะ ไม่วันนี้ ก็วันพรุ่งนี้ โดยผ่านช่องทางสื่อที่ไม่เป็นกลาง ทั้งนี้ ประชาชนไม่ต้องเชื่อ คสช.ทั้งหมด แต่โปรดสังเกต ศึกษา ทำความเข้าใจ ก็จะเห็นเอง”แหล่งข่าว คสช.กล่าว.

เมื่อวันที่ 23 เมษายน นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์เพซบุ๊คว่าตนเองเงียบมาตลอด ไม่ได้จ้างล็อบบี้ยีสต์ และโจมตีรัฐบาลว่าใช้อำนาจไม่ถูกต้อง ไม่มีผลงาน ดูถูกคนยากจนว่าโง่นั้นนายทักษิณก็คือนายทักษิณวันยังค่ำ

“ค่ประโยคแรกที่ว่าผมเงียบมาตลอดก็เป็นเท็จเสียแล้ว เพราะเขาจ้างบริษัทล็อบบี้ยีสต์โจมตีประเทศไทยและเคลื่อนไหวด่ามาตุภูมิของตนเองในต่างประเทศตลอด ไปประเทศไหนก็พูดที่นั่น เขาจึงกล้าโกหกกับคนทั้งโลกว่าไม่ได้จ้างบริษัทล็อบบี้ยีสต์”นายวัชระกล่าว

นายวัชระกล่าวว่าความจริงเว็บไซต์ Lobbying Disclosure โดย Office of the Clerk ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้ระบุอย่างชัดเจนว่านายทักษิณจ้างบริษัทล็อบบี้ยีสต์ตั้งแต่พ.ศ.2549-2558 ใช้บริการบริษัทใดบ้างแล้วจะมาปฏิเสธว่าไม่ได้จ้างล็อบบี้ยีสต์ได้อย่างไร 

“ประชาชนจะเชื่อข้อมูลของหน่วยงานในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา หรือจะเชื่อลมปากของนายทักษิณ ทั้งนี้ในอดีตนายทักษิณเคยกล้าให้การเท็จต่อศาลมาแล้วในคดีซุกหุ้น  ขนาดต่อหน้าศาลนายทักษิณยังกล้าโกหก แล้วนี่หนีคุกไปอยู่ต่างประเทศแล้วจะให้เชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่ทักษิณพูดนั้นเป็นความจริง นายทักษิณเคยสั่งให้เสื้อแดงทุกคนแกล้งตายยังจำได้ไหม และนายภูมิธรรม ( เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ) เคยให้สัมภาษณ์ว่านายทักษิณกระหายชัยชนะอยู่ตลอดเวลา คำพูดของนายภูมิธรรมซึ่งหวังดีต่อนายย่อมมีน้ำหนักและเชื่อถือได้”นายวัชระกล่าว

อดีตส.ส.ปชป.กล่าวว่า กรณีที่นายทักษิณโจมตีรัฐบาลว่าไม่มีผลงาน ก็นายทักษิณจะบอกว่ามีได้อย่างไร แม้แต่ยศพ.ต.ท.ของนายทักษิณก็ถูกพลเอกประยุทธ์ใช้อำนาจถอดตามกฎหมายเหมือนตำรวจคนอื่นๆ ที่ทำผิดแล้วถูกถอดยศทั่วไป จะว่าพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีผลงานได้อย่างไร การถอดยศทักษิณนั่นแหละคือผลงานการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ให้นายทักษิณอยู่เหนือกฎหมายอีกต่อไป

นายวัชระย้ำว่าพลเอกประยุทธ์ควรใช้โอกาสที่มีอำนาจนี้ทำการปฏิรูปตำรวจหรือสร้างผลงานให้ประทับใจประชาชนให้มากขึ้น อย่าให้นักโทษชายทักษิณมาดูถูกดูแคลนได้อีกต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องปปช.อย่าให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในปปช.เป็นอันขาด

ส่วนที่กล่าวหาว่ามีการดูถูกคนยากจนว่าโง่ นั้นายวัชระกล่าวว่าดูเหมือนว่านายทักษิณต้องการยุแยงแบ่งแยกประชาชนออกเป็นฝักฝ่ายเหมือนเสื้อแดงที่ผ่านมา คนเคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ควรคิดทำหรือพูดเช่นนี้ หรือแม้แต่ประโยคสุดท้ายที่เตือนพลเอกประยุทธ์ว่าอย่าทำตัวเหมือนที่ผ่านมาเลยนั้น นายทักษิณน่าจะจดไว้บนกระจกเงาสำหรับเตือนตนเองจะดีกว่า

-คดีฟอกเงินของนายพานทองแท้ ชินวัตรบุตรชายนายทักษิณอาจจะหลุดจากกรมสอบสวนคดีพิเศษและอัยการก็ได้ หากพลเอกประยุทธ์ไม่จับตามองให้ด

-กรณีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร มีชื่อปรากฏในปานามา เปเปอร์ หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) , คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง. ) และกรมสรรพากรไม่ดำเนินการเจาะลึกมากเพียงพอ คดีนี้ก็อาจเงียบหายไปได้อีกเช่นกัน

“พลเอกประยุทธ์ ควรเร่งรัดติดตามตรวจสอบในทุกขั้นตอนอย่าให้เป็นมวยล้มเหมือนคดีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ปราศรัยเรื่องกระสุนพระราชทานซึ่งยังคาใจสังคมอยู่จนถึงทุกวันนี้”นายวัชระกล่าว

เว็บไซต์บริษทล้อบบี้ยิสต์ที่ คสช.กล่าวถึง

Bell Pottinger

https://en.wikipedia.org/wiki/Bell_Pottinger

BGR Government Affairs

//www.bgrdc.com/

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 24 เมษายน 2559    
Last Update : 24 เมษายน 2559 0:44:16 น.
Counter : 321 Pageviews.  

ในหลวงมีพระราชสาส์นแสดงความยินดีกับพันเอกบุนยัง วอลิจิด ประเทศส.ส.ป.ลาวคนใหม่



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความยินดีไปยัง พันเอก บุนยัง วอละจิด ในโอกาสได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวคนใหม่ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.59 ความว่า

ฯพณฯ พันเอก บุนยัง วอละจิด

ประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

เวียงจันทน์

ในโอกาสอันสำคัญที่ท่านเข้าดำรงตำแหน่งประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ข้าพเจ้าขอส่งคำอำนวยพรและความปรารถนาดีมา เพื่อท่านประธานประเทศประสบความสำเร็จและความสุขสวัสดิ์ ทั้งเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประชาชนและความวัฒนาถาวรของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือในกิจการด้านต่างๆ ระหว่างประเทศของเราทั้งสองซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจอันดีต่อกัน จะช่วยขยายขอบเขตและเสริมสร้างสัมพันธไมตรีที่มีอยู่ของเราทั้งสองให้ใกล้ชิดแนบแน่นและเจริญงอกงามยิ่งขึ้นไปในภายภาคหน้า

 (พระปรมาภิไธย) ภูมิพลอดุลยเดช ปร.

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 23 เมษายน 2559    
Last Update : 23 เมษายน 2559 19:58:32 น.
Counter : 307 Pageviews.  

คดีสลายพันธมิตร:วิชา มหาคุณชี้ศาลรับฟ้องแล้วป.ป.ช.จะอ้างขอถอนฟ้องไม่ได้



วิชา มหาคุณ ชี้คดีที่ศาลรับฟ้องแล้วป.ป.ช.จะอ้างขอถอนฟ้องไม่ได้ ระบุทำงานมา 9 ปีไม่เคยมีการถอนฟ้องคดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา กลุ่มพันธมิตรฯเผยถอนฟ้องจขุดศพกันมาฆ่าอีกหรือ

 

นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าคดีใดที่ป.ป.ช.ได้ทำการฟ้องร้องต่อศาลและศาลมีคำสั่งรับและดำเนินการพิจารณาไปแล้ว ย่อมไม่สามารถหยิบยกข้ออ้างมาขอถอนฟ้องได้ เพราะพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 ไม่ได้กำหนดอำนาจดังกล่าวเอาไว้

นายวิชา กล่าวว่า มาตรา 86 ของพ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่า เรื่องที่ศาลรับฟ้องในประเด็นเดียวกันและอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลหรือที่ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งเสร็จเด็ดขาดแล้ว ห้ามมิให้คณะกรรมการป.ป.ช.ยกข้อกล่าวหานั้น

ดังนั้น ในเมื่อกฎหมายไม่ได้ระบุข้อยกเว้นให้สามารถทำได้ จึงต้องตีความกฎหมายอย่างเคร่งครัด

นายวิชา กล่าวว่าเท่าที่อยู่ในวาระการดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช.มาเป็นเวลา 9 ปี ป.ป.ช.ไม่เคยมีการถอนฟ้องคดีที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่เท่าที่จำได้มีเพียงกรณีทีมีบางคดีที่หมดอายุความในศาลชั้นต้นแล้วป.ป.ช.ไปดำเนินการถอนฟ้องในเวลาต่อมา

สำหรับมาตรา ๘๖ ห้ามมิให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับหรือยกคํากล่าวหาตามมาตรา ๘๔ ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ขึ้นพิจารณา

(๑) เรื่องที่มีข้อกล่าวหาหรือประเด็นเกี่ยวกับเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้วินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดแล้ว และไมมีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งเป็นสาระสําคัญแห่งคดีหรือ

(๒)๘๒ เรื่องที่เป็นคดีอาญาในประเด็นเดียวกันและศาลประทับฟ้องหรือพิพากษา

มีคําสั่งเสร็จเด็ดขาดแล้ว เว้นแต่คดีนั้นได้มีการถอนฟ้องหรือทิ้งฟ้อง หรือเป็นกรณีที่ศาลยังมิได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะรับหรือยกคํากล่าวหานั้นขึ้นพิจารณาก็ได้

คณะกรรมการปัจจุบัน (30 ธันวาคม พ.ศ. 2558)

พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ (30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน)  

นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ (29 กันยายน พ.ศ. 2553 - ปัจจุบัน)  

พลตำรวจเอกสถาพร หลาวทอง กรรมการ (7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - ปัจจุบัน)

นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ (29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน)

นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ (9 กันยายน พ.ศ. 2557 - ปัจจุบัน)

นายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ (30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน)

นางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ (30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน)

นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ (30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน)

พลเอก บุณยวัจน์ เครือหงส์ กรรมการ (30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน)

เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. - สรรเสริญ พลเจียก

รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. - วรวิทย์ สุขบุญ ชูศักดิ์ ปริปุญโญ นายชัยรัตน์ ขนิษฐบุตร นายประหยัด พวงจำปา นายยงยุทธ มะลิทอง นายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ นางณัชชา เกิดศรี

เว็บไซต์ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

https://www.nacc.go.th/main.php?filename=index

ปานเทพ-สุริยะใสให้ความเห็นจะขุดศพขึ้นมาทำร้ายอีกหรือ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2559 นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตแกนนำและโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกระแสข่าวคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยุคที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน มีมติว่า ป.ป.ช. มีอำนาจถอนฟ้องคดีที่เคยสั่งฟ้องต่อศาล ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามายึดอำนาจการปกครอง ก็เพราะความพยายามผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือที่เรียกกันว่า พ.ร.บ. สุดซอย ที่ต้องการล้างความผิดและเอื้อประโยชน์ให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง จนเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง และมีปัญหาความขัดแย้งอย่างหนัก

หากรัฐบาล คสช. ซึ่งเป็นความหวังของประชาชน และอ้างตัวเองว่าเป็นรัฐบาลที่มาทำหน้าที่เพื่อการปฏิรูปประเทศปล่อยให้ ป.ป.ช. ถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกระบวนการใดก็ตามที่เป็นไปในทำนองเดียวกับการนิรโทษกรรมเพื่อพวกพ้องตัวเอง ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ประชาชนยอมรับไม่ได้ เพราะเท่ากับว่า รัฐบาล คสช. ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่ คสช. เองก็กล่าวหาว่าไม่มีความชอบธรรม

“เป็นที่รู้กันดีว่า หาก ป.ป.ช. ยื่นถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บุคคลที่ได้ประโยชน์โดยตรง ก็คือ ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด หรือคนในครอบครัวของผู้ที่มีอำนาจในขณะนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงรัฐบาล คสช. ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย” นายปานเทพ ระบุ

ทางด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หาก ป.ป.ช. จะบอกว่า มีอำนาจถอนฟ้องคงฟังไม่ขึ้น แน่นอนว่า อาจถูกมองว่าตีความเข้าข้างตัวเอง แต่ว่าเรื่องนี้จริงๆ แล้วคนที่วินิจฉัยว่า ป.ป.ช. มีอำนาจแค่ไหนต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเขตอำนาจขององค์กรอิสระ

แต่ถ้าบอกมีอำนาจตามกฎหมาย แล้วความชอบธรรมมีหรือไม่ อย่าลืมว่าบทเรียนหนึ่งที่ ป.ป.ช. เคยสร้างปัญหา คือ กรณีขึ้นเงินเดือนตัวเองจนพังกันทั้งองค์กรมาแล้ว

นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนคิดว่า เรื่องนี้ป.ป.ช. ต้องมีคำอธิบายต่อสังคม เพราะถ้านำไปสู่การถอนฟ้องจริงๆ จะอ้างว่ามีอำนาจตามกฎหมายนั้น ฟังไม่ขึ้น อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะมูลเหตุของคดี คือมีคนเจ็บและคนตาย

ภาพประวัติศาสตร์ก็เป็นการยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ใช้กำลังยิงถล่ม ทั้งกระสุนปืน แก๊สน้ำตาหมดอายุ แก๊สน้ำตาด้อยคุณภาพจากจีน รุมถล่มผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภา จนมีคนบาดเจ็บจำนวนมาก อีกทั้งคดีความก็ยังขึ้นศาลกันยังไม่จบ อยู่ ๆ จะมาถอนฟ้องผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งการนั้นไม่ถูกต้อง

ที่สำคัญพอข่าวออกมาแบบนี้ยิ่งทำให้คนสงสัยว่าโอกาสที่จำเลยทั้ง 4 คน จะถูกตัดสินลงโทษมีสูงใช่หรือไม่ จึงหาเหตุตัดตอนด้วยการถอนฟ้อง ซึ่งจะถือเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม และหลักการถ่วงดุลอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง

“เรื่องนี้จะเกิดคำถามว่า ทำเพื่อใคร ใครสั่ง ภารกิจนี้เป็นมิชชันที่ใครอยู่เบื้องหลัง ใครบงการมา ถ้า ป.ป.ช. อธิบายไม่ได้ จะเป็นจุดจบของระบบถ่วงดุลการตรวจสอบ เรื่องปราบโกงเลิกพูดกัน ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ถูกตรวจสอบตามกฎหมายอย่างเสมอหน้าเหมือนกับประชาชนทั่วไป เรื่องปราบโกงจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ และคิดว่าถึงที่สุดไม่มีใครยอม อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนถ้าใช้วิธีหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องว่ามีอำนาจหรือไม่ แต่เป็นเรื่องความชอบธรรมว่าฟังขึ้นแค่ไหน ถ้ามีถอนฟ้องจริง ๆ จะเท่ากับการขุดศพขึ้นมาฆ่าอีกครั้งหนึ่ง” นายสุริยะใส กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ มีการตั้งข้อสังเกตกันถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.อ.วัชรพล ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าของ พล.ต.อ.พัชรวาท น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายสุริยะใส กล่าวว่า ยิ่งจะทำให้ชัดขึ้น คนจะมองว่าไม่ใช่องค์กรอิสระอย่างแท้จริง แล้วจะมองมาที่ตัวประธาน ป.ป.ช. คนปัจจุบัน รวมทั้งกรรมการหลายคนที่ถูกตั้งข้อสังเกตก่อนหน้านี้ จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบ จะกระทบความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. เวลาวินิจฉัยคดีใหญ่ ๆ ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าเรื่องนี้ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะจะถูกมองว่าช่วยคนใดคนหนึ่ง เอาขื่อแป ระบบกฎหมาย ระบบถ่วงดุลบ้านเมือง ไปกระทำการบางอย่างเพื่อช่วยคนใดคนหนึ่ง จะกลายเป็นความล้มเหลวของระบอบนิติรัฐ นิติธรรม

ส่วนที่หนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับ ป.ป.ช. ของทั้ง 3 คน ระบุว่า มีหลักฐานใหม่นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องไปว่าในศาล เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน สามารถเอาหลักฐานใหม่เหล่านี้ไปให้ศาลไต่สวนได้ แต่ถ้าบอกมีหลักฐานใหม่แล้วจะให้ถอนฟ้อง อย่างนี้แสดงว่ากรรมการ ป.ป.ช. ชุดเก่าใช้ไม่ได้ใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นต้องไปรื้อคดีอื่นที่สั่งฟ้องไปแล้วกันอีก มันคงเป็นโดมิโนกันไป

ดังนั้น อะไรที่ ป.ป.ช. วินิจฉัยสิ้นสุดไปแล้วต้องจบ หากไม่เห็นด้วยเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้วขณะนี้ศาลยังไม่ได้ตัดสิน ยังมีเวลาพิสูจน์ตัวเอง ถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 เมษายน 2559    
Last Update : 22 เมษายน 2559 23:09:57 น.
Counter : 276 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.