ศาลทหารรับคำร้องฝากขัง“บุรินทร์ อินติน”สมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ-ผิดม.112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์



ตุลาการศาลทหารออกนั่งบัลลังก์รับคำร้อง ปอท.ฝากขังผัดแรก 12 วันสมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ บุรินทร์ อินติน ผู้ต้องหาความผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทนายความเตรียมยื่นประกันตัว 2 พ.ค.

เมื่อเวลา 09.30 วันที่ 30 มษายน 2559 ที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้ควบคุม นายบุรินทร์ อินติน หนึ่งในกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เดินทางมาฝากขังกับศาลทหาร หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ทั้งนี้ ตุลาการศาลทหาร พิจารณาคำร้องของพนักงานสอบสวน ปอท.ให้ฝากขัง นายบุรินทร์ ผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากยังสอบสวนพยานและตรวจสอบหลักฐานทางเทคโนโลยียังไม่แล้วเสร็จ จึงอนุมัติให้ฝากขังนายบุรินทร์ เป็นเวลา 12 วัน ก่อนที่จะนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าทนายความของนายบุรินทร์ จะเดินทางมาขอยื่นประกันตัวต่อศาลทหารในวันที่ 2 ฤษภาคม 2559

มาร่วมพฤติกรรม“ยืนเฉยๆ”จึงถูกรวบตามหมายจับ

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 เมษายน กลุ่มพลเมืองโต้กลับ ได้นัดทำกิจกรรม“ยืนเฉย ๆ”บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกรณีทหารบุกจับกุมประชาชนที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำผิด พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ จ.ขอนแก่น

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ควบคุมตัวกลุ่มเคลื่อนไหวทั้งหมด 16 คน โดยทหารได้แยกตัว นายบุรินทร์ อินติน เป็น 1 ใน 16 คน ไปสอบปากคำ เนื่องจากมีพฤติกรรม กระทำความผิด ม.112

ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 29 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายเสนาธิการผู้บังคับบัญชา คณะทำงานพิเศษฝ่ายกฎหมาย คสช. นำตัว นายบุรินทร์ อินติน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร เลขที่ 33/2559 คำร้องขอให้ออกหมายจับที่ จพ.18/2559 ลงวันที่ 29 เมษายน 2559 ในข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ม.14(3) ส่ง พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร หนูทอง รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3บก.ปอท. เพื่อสอบปากคำขยายผลและดำเนินคดีต่อไป

พ.อ.บุรินทร์ เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามพฤติกรรม นายบุรินทร์มาตลอด หลังจากสายข่าวพบการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “Burin Intin” ในลักษณะต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาลและ คสช.รวมทั้งมีการแชตพูดคุยกับบุคคลอื่นโดยมีข้อความลักษณะกล่าวว่าร้ายพระมหากษัตริย์ ซึ่งเข้าข่ายผิด ป.อาญา ม.112

จนกระทั่งวันที่ 27 เมษายน เวลา 12.13 น. นายบุรินทร์ ได้โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมข้อความ “นู๋อยากโดนอุ้ม#ปล่อยเพื่อนเราที่โดนอุ้ม” ก่อนจะมีบุคคลเข้ามาแสดงความคิดเห็นในคลิปดังกล่าว

ในวันเดียวกันช่วงเวลา 18.00 น. นายบุรินทร์เดินทางไปร่วมกิจกรรม“ยืนเฉย ๆ”กับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก่อนจะเป็น 1 ใน 16 รายที่ถูกตำรวจ สน.พญาไท ควบคุมตัว จากนั้นทหารเดินทางไป สน.พญาไท เพื่อเชิญตัว นายบุรินทร์ มาควบคุมตามคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558

ต่อมาวันที่ 28 เมษายน เจ้าหน้าที่ทหารเดินทางมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับ นายบุรินทร์ ก่อนที่ศาลทหารจะออกหมายจับในข้อหาดังกล่าว

พ.อ.บุรินทร์เปิดเผยว่า ต่อมา เจ้าหน้าที่ทหารได้คุมตัว นายบุรินทร์ ไปตรวจค้นบ้านพักที่อาศัยอยู่กับญาติ ซึ่งเป็นร้านอัดรูปสปอร์ตดิจิตอลโฟโต้ ปากซอยปลูกจิตร 1 ถ.พระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ ก่อนยึดซีพียูคอมพิวเตอร์ จำนวน 3 เครื่อง เพื่อตรวจสอบว่า มีการใช้เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นทางการเมืองหรือไม่ และมีขันแดง 1 ใบที่ได้มาจากการไปชุมนุมในกลุ่มพลเมืองโต้กลับด้วย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่พบโทรศัพท์มือถือของ นายบุรินทร์ จากการสอบถามบอกว่าได้ฝากเพื่อนที่ชื่อ “ว่าน” ไปแล้ว และอยู่ระหว่างติดตามตัว

เริ่มแชตกับกลุ่มฯเมื่อกันยายน 2558

ทางด้าน นายบุรินทร์ รับสารภาพว่าได้เริ่มเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ เมื่อวันที่ 19 ันยายน 2558 เป็นครั้งแรก จากนั้นก็เริ่มรู้จักกับแกนนำของกลุ่ม และมีการโพสต์คุยกันในเฟซบุ๊กมาตลอด

ทั้งนี้ นายบุรินทร์ยอมรับว่า เป็นคนโพสต์ข้อความต่างๆผ่านทางโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนของตัวเองก่อนโพสต์ก็ไม่คิดว่าจะมีเจ้าหน้าที่ทราบเรื่อง ที่ตนโพสต์ไปไม่มีใครมาแนะนำแต่อย่างใด ซึ่งการรวมตัวกันในแต่ละครั้งจะมีการพูดคุยในเฟซบุ๊กก่อนนัดหมายกำหนดการ โดยตนได้โพสต์ข้อความสุดท้าย คือ วันที่ 27 เมษายนช่วงเที่ยง ก่อนมาถูกจับกุมในตอนเย็นของวันเดียวกัน

ส่วนโทรศัพท์นั้นได้ฝากเพื่อนชื่อ“ว่าน”ซึ่งนายว่านเป็นเพื่อน “จ่านิว” นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ตนไม่มีเจตนาจะทำลายหลักฐาน และขอร้องผ่านสื่อช่วยเอาโทรศัพท์ของตนกลับมาคืนให้ที

ขณะที่ พ.ต.ท.สัณห์เพ็ชร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับตัว นายบุรินทร์ จากทหาร ก่อนดำเนินการสอบปากคำเพื่อขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมเตรียมตรวจสอบซีพียูคอมพิวเตอร์ที่ได้มาว่ามีข้อมูลใดบ้าง โดยจะนำตัวนายบุรินทร์ไปฝากขังศาลทหารก่อน 09.00 น.วันที่ 30 เมษายน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2559 15:08:50 น.
Counter : 231 Pageviews.  

โพลชี้นักการเมืองเคลื่อนไหวหวังกดดันรัฐบาล หวั่นสร้างความขัดแย้ง ฝากให้นึกถึงส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส



สวนดุสิตโพล เผยผลสำรวจเกี่ยวกับออกมาเคลื่อนไหวของนักการเมือง ต้องการกดดันรัฐบาลคสช. แม้ผลดีทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารแต่ผลเสียจะเกิดความวุ่นวาย ความขัดแย้งมากขึ้น ฝากให้นึกถึงส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว

 

วันที่ 30 เมษายน 2559 "สวนดุสิตโพล"มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ต่อสถานการณ์ทางการเมือง ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เริ่มมีให้เห็นเป็นระยะๆ ทำให้หลายฝ่ายจับตามองและมีความเป็นห่วงว่าอาจจะสร้างความขัดแย้งในสังคมได้ โดยเฉพาะประชาชนที่ติดตาม ข่าวสารทางสื่อต่างๆเป็นประจำ โดยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,247 คน สำรวจระหว่างวันที่ 25-29 เมษายน 2559 สรุปผลได้ ดังนี้

1. ประชาชนคิดอย่างไร? กับ นักการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหว ณ วันนี้

อันดับ 1         ต้องการสร้างกระแส กดดันรัฐบาล 80.67%

อันดับ 2         เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถทำได้ 67.07%

อันดับ 3         ควรนึกถึงผลดี ผลเสียให้มาก 61.81%

อันดับ 4         รัฐบาลและคสช. น่าจะควบคุมดูแลได้  60.26%

อันดับ 5         เป็นเรื่องปกติทางการเมือง57.44%

2.ประชาชนคิดว่า “ผลดี” จากการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักการเมือง คือ

อันดับ 1 ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น 73.08%

อันดับ 2 เกิดการตื่นตัวทางการเมือง 62.11%

อันดับ 3 กระตุ้นให้รัฐบาลทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบ 59.74%

3.ประชาชนคิดว่า “ผลเสีย” จากการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักการเมือง คือ

อันดับ 1  สร้างความวุ่นวาย ขัดแย้ง แตกแยก 76.34%

อันดับ 2  กระทบต่อภาพลักษณ์และเศรษฐกิจของประเทศ 74.90%

อันดับ 3  สังคมเกิดความสับสนในข้อมูลข่าวสาร67.92%

4. การที่มีนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหว ประชาชนคิดว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่

อันดับ 1         ไม่เหมาะสม 63.19% เพราะ ควรใช้วิธีการเจรจาพูดคุยด้วยเหตุผลหรือยื่นหนังสือจะดีกว่า การออกมาเคลื่อนไหวอาจทำให้บ้านเมืองวุ่นวายมากขึ้น กลายเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก กระทบต่อภาพลักษณ์ของ ประเทศ ฯลฯ

อันดับ 2         เหมาะสม 36.81% เพราะ เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ นักการเมืองเป็นตัวแทนของประชาชน มีประสบการณ์ มีความเข้าใจ เรื่องการเมืองเป็นอย่างดี ช่วยตรวจสอบการทำงานและกระตุ้นให้รัฐบาลตื่นตัว ทำงานรัดกุมมากขึ้น ฯลฯ

5.การที่มีนักการเมืองออกมาเคลื่อนไหวจะทำให้ประชาชนขัดแย้งเพิ่มขึ้นหรือไม่

อันดับ 1     เพิ่มขึ้น    53.41% เพราะเป็นการจุดกระแสทำให้สถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ขัดแย้งทางความคิด แตกแยกกันมากขึ้น ฯลฯ

อันดับ 2    ไม่แน่ใจ    32.80%เพราะ ยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรง ต้องรอดูท่าที อาจเป็นเพียงการสร้างกระแส ไม่ควรด่วนสรุป ฯลฯ

อันดับ 3    ไม่เพิ่มขึ้น  13.79% เพราะ คนไทยมีบทเรียนทางการเมืองมาแล้วหลายครั้ง มีสติวิจารณญาณมากขึ้น รัฐบาลน่าจะควบคุมดูแลสถานการณ์ได้ ฯลฯ

 

6.สิ่งที่ประชาชนอยากฝากบอก “นักการเมือง” ที่ออกมาเคลื่อนไหว

อันดับ 1นึกถึงส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว  83.48%

อันดับ 2 อยากให้แสดงออกทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์  72.57%

อันดับ 3 นำเสนอข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ไม่บิดเบือน   71.77%

อันดับ 4 ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม 63.83%

อันดับ 5 ควรคิดให้รอบคอบ คำนึงถึงผลดี ผลเสียที่จะตามมา  62.39%

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2559 0:33:37 น.
Counter : 262 Pageviews.  

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯเสด็จออกวันคล้ายวันประสูติพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงปล่อยนก ปล่อยเต่าพร้



สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

เมื่อเวลา 08.57 น. วันที่ 29 เมษายน25599  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เพื่อทรงพระราชทานโคเพศผู้หนึ่งตัว โคเพศเมียหนึ่งตัว แก่เกษตรกรในโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษรตกรตามพระราชดำริ

ทรงปล่อยนก ปล่อยเต่าพร้อมด้วยพันธุ์ปลาไทยจำนวน 9 ชนิดได้แก่ ปลาตะเพียนขาว ปลาตะเพียนทอง ปลาแก้มช้ำ ปลาสร้อยขาว ปลาหมอไทย ปลากราย ปลาเสือพ่นน้ำ ปลายี่สกไทย ปลาบึก รวมจำนวน 390,000 ตัว เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ วันที่ 29 เมษายน 2559 ณ ท่าวาสุกรี

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 30 เมษายน 2559    
Last Update : 30 เมษายน 2559 21:58:14 น.
Counter : 522 Pageviews.  

ประวัติเทวรูปเมืองมอญเข้าสู่เมืองไทย



ศุภฤกษ์ เอมโอช ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กลักษณะไทย เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2559 ไว้ว่า “เจ้าพ่อ เจ้าแม่แห่งเทวรูปเมืองมอญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวรามัญเมืองพระประแดงยังคงถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีจากเหล่าอนุชนรุ่นหลังจนถึงยุคปัจจุบัน อาทิ เจ้าพ่อเจ้าแม่หมู่บ้านเว่ขะราว มีประวัติการเดินทางเข้าสู่สยาม”

 

เมื่อปี พ.ศ.๒๓๑๗ ชาวมอญได้อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร เนื่องจากทนการกดขี่ข่มเหงของพม่าไม่ไหว อพยพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ และทางเมืองตาก โดยมีพระยาเจ่งเป็นหัวหน้า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงโปรดให้ตั้งภูมิลำเนาอยู่ในเขตเมืองนนทบุรี ตั้งแต่ปากเกร็ดจนถึงสามโคก

ในการอพยพครั้งนี้มีชาวมอญบ้านเว่ขะราวได้ร่วมเดินทางเข้ามาด้วย พร้อมกับเทวรูปของเจ้าพ่อและเทวรูปของเจ้าแม่ โดยนายโกนทอและนายจั๊ก เป็นผู้หาบหามมาจนถึงประเทศไทย โดยพักอยู่ที่ปากเกร็ดชั่วคราว (จากคำบอกเล่าของครูทวน รัชตปกรณ์ ที่ได้ทราบจากบรรพบุรุษ)

ต่อมารัชกาลที่ ๒ ได้สร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์เสร็จเรียบร้อย ตามพงศาวดารกล่าวว่าให้ย้ายครอบครัวมอญจากปทุมธานี ชายฉกรรจ์ ๓๐๐ คน มาอยู่นครเขื่อนขันธ์ จึงอพยพตามกันมาและตั้งบ้านเรือนอยู่กลุ่มเดียวกัน พร้อมกับการสร้างศาลประจำหมู่บ้าน

จากการประทับทรงนางทองเติม สุขพิศาล เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๗ เจ้าพ่อ (ศาลหมู่บ้านเว่ขะราว) ท่านเล่าว่าท่านเป็นแม่ทัพของมอญในสมัยที่เมืองเมาะลำเลิงเป็นราชธานี มีชื่อว่า "มิทะนาย" ส่วนน้องชายของท่านชื่อ "ชุมพล" เป็นชาวเมาะตะมะโดยกำเนิด ตำแหน่งของท่านเป็นแม่ทัพมีช้างเป็นพาหนะเป็นจำนวนพันๆเชือก พวกเราจึงเรียกกันว่า "เจ้าพ่อช้างพัน" ท่านเสียชีวิตในสนามรบเมื่ออายุ ๓๔ ปี

เจ้าแม่ (ศาลหมู่บ้านเว่ขะราว) ท่านเป็นชาววังมีเชื้อเจ้ามีสององค์ องค์พี่ชื่อ "กาวทอ" องค์น้องชื่อ "กาวซอน" มีบุตรสาวชื่อ "กาวซะลอย" และบุตรีของเจ้าแม่องค์นี้เองได้แต่งงานกับเจ้าพ่อ "มิทะนาย" เจ้าแม่จึงไม่ใช่ภรรยาเจ้าพ่อ แต่เป็นแม่ยาย ซึ่งบางคนอาจเข้าใจผิด ส่วนเทวรูปภรรยาของเจ้าพ่อนั้นไม่ได้นำมาอยู่เมืองไทยด้วย

ซึ่งช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์จะจัดให้มีพิธีทำบุญรำเจ้าพ่อ เจ้าแม่ในวันอาทิตย์ที่ ๑ พ.ค.๒๕๕๙ นี้

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 30 เมษายน 2559    
Last Update : 30 เมษายน 2559 19:59:08 น.
Counter : 1015 Pageviews.  

จดหมายเปิดผนึกของ คุณเกียรติ ศรีเฟื่องฟุ้ง



คนไทยส่วนใหญ่รู้จักคุณเกียรติ ศรีเฟื่องฟุ้งในฐานะนักธุรกิจเชื้อสายจีนคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง คุณเกียรติ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งธนาคารศรีนคร บริษัทกระจกไทยอาซาฮี และกิจการในเครืออีกหลายแห่ง แต่นอกจากการเป็นผู้ประสบความสำเร็จทางธุรกิจแล้ว คุณเกียรติยังมีประสบการณ์ในอีกหลายด้าน เคยแม้กระทั่งเป็นทหารในพรรคก๊กมินตั๋งหรือนักบิน

 

ช่วงปลายชีวิตของคุณเกียรติที่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากท่านจึงได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง ลูก หลาน เหลน ของท่าน ถ่ายทอดคำสั่งสอนอันมีคุณค่า เพื่อให้ลูกหลานของท่านได้นำไปใช้เป็นแนวทางชีวิต

ภายหลัง ทางลูกหลานของคุณเกียรติได้นำข้อความในจดหมายเปิดผนึกมาจารึกบนแผ่นหิน ตั้งอยู่เคียงข้างรูปปั้นของคุณเกียรติ ณ อุทยานสามก๊ก จ.ชลบุรี มาลง

(หมายเหตุ : ข้อความต่อไปนี้เป็นลิขสิทธิ์ของมูลนิธิศรีเฟื่องฟุ้ง)

---------------------------------------------------------

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา และในโลกมีความสำคัญมาก จงเป็นคนที่มีความรอบรู้ เพราะทุกอย่างมีความสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อย"

"ด้านการเมือง จงมีเพื่อนในตำแหน่งใหญ่ๆ แต่อย่าเล่นการเมือง"

"อย่าถือข้างพรรคหนึ่งเพื่อต่อต้านอีกพรรคหนึ่ง หรือให้ท้ายพรรคใดพรรคหนึ่ง พ่อเตือนไว้อย่างนี้เพื่อลูกจะได้ไม่มีศัตรู"

"พรรคการเมืองทุกพรรคพยายามทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ นี่คือประเด็นที่สำคัญที่สุด ศาสนาก็เหมือนกัน ศาสนาทุกศาสนาสอนคนให้ประพฤติดีและหลีกเลี่ยงความชั่ว เพราะฉะนั้นจงอย่าได้พูดว่าศาสนาใด หรือลัทธิใด หรือพรรคใด ดีกว่าศาสนาอื่น หรือลัทธิอื่น หรือพรรคอื่น แต่จงแสดงความเคารพต่อผู้นำที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด และอนุญาตให้ใช้ความคิดกันได้อย่างเสรีในบ้านของลูก"

"เราได้เข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์พอๆกับยุคของมลภาวะ การเจริญเติบโตและความทันสมัยก็มีราคาที่จะต้องจ่าย ไม่มีอะไรที่เป็นของได้เปล่า"

"พ่อได้ก่อตั้งบริษัท และโรงงานประมาณ 50 แห่ง ด้วยการกระทำนี้ พ่อได้สร้างกระจาดขึ้นหลายใบ แต่ละใบเป็นอิสระต่อกัน และเจริญได้ด้วยตัวของตัวเอง อย่าจับมันมารวมกัน"

"จงมีรังหลายรัง อย่ามีแต่เพียงรังเดียว เมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นกับรังหนึ่ง รังอื่นๆก็ยังเรียบร้อย และไม่ได้รับผลกระทบ"

"อย่าเก็บไข่ทั้งหมดของลูกไว้ในกระจาดใบเดียวกัน"

"พ่อทิ้งอาณาจักรธุรกิจอันกว้างใหญ่ไว้ให้ลูก หลาน เหลนที่รัก จงดูแลมรดกอันยิ่งใหญ่นี้ให้ดี รักษาบริษัทเหล่านี้ให้มีความมั่นคง มีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยนโยบายการเติบโตที่ไม่มีการเสี่ยง"

"อย่าดำเนินกิจการโดยใช้เครดิต แต่จงใช้เงินสดตามทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ ถ้าลูกต้องการจะเสี่ยงโชค จงใช้เงินส่วนของลูก อย่าใช้เงินของ “กงสี” (เงินกองทุน) "

"โชคชะตาของชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ถ้าลูกมีเงินเหลือ และเพื่อนของลูกเขาร้อนเงิน จงให้เขายืม แต่อย่าค้ำประกันให้เพื่อน"

"จงสอนลูกของลูกให้รู้จักคุณค่าของเงิน เปิดโอกาสให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง และหาเงินเลี้ยงตัวเอง จงอย่าให้เขา มากกว่าที่จำเป็น จงปลูกฝังให้เขารู้จักคุณค่าของความขยัน ความจริงใจและความหมั่นเพียร"

"จะเป็นอะไรก็ได้ที่ใจอยากจะเป็น แต่จงเป็นให้ดีที่สุดที่จะเป็นได้ 

จงรับผิดชอบต่อชีวิตและการกระทำของตนเอง

จงจำไว้ว่าความสามารถของเธอที่จะทำให้สำเร็จตามความปรารถนา ไม่มีขอบเขตจำกัด

เหนือสิ่งอื่นใด จงรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ และบรรพบุรุษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีอยู่

พ่อไม่ปรารถนาให้ลูกบ่นถึงสิ่งที่ลูกไม่มี เหมือนคนอ่อนแอ ที่พยายามหาข้อแก้ตัว เพื่อที่จะไม่ทำอะไรเรื่อยๆไป

จงทำงานกับสิ่งที่ลูกมีอยู่และเมื่อลูกทำได้เพียงพอแล้ว จงตอบแทนให้สังคมและประเทศชาติซึ่งให้ทุกสิ่งกับลูก"

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 29 เมษายน 2559    
Last Update : 29 เมษายน 2559 19:44:18 น.
Counter : 512 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.