ซึ่งคนขับได้พูดว่ารถไม่มีมิเตอร์แต่คิดราคาตามปกติ พอไปถึงที่หมายคนขับได้เขียนใบเสร็จพร้อมเบอร์โทรศัพท์และระบุชื่อ นายประสิทธิ์ ลีทอง พร้อมกับเรียกค่าบริการเป็นเงิน 1,200 บาท และยังได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของนางสาวบีไว้ด้วยโดยบอกว่าหากต้องการเรียกใช้ในภายหลังจะได้สะดวก แต่นนางสาวบีปฏิเสธที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ก่อนจะรีบจ่ายเงินและลงไปทำธุระ ขณะนี้ น.ส.บี กำลังอยู่ระหว่างการทำงานบนเครื่องบินไปต่างประเทศจึงให้น้องสาวเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนแทน
ต่อมาวันที่ 30 เม.ย. นายวัชระ ขับรถคันก่อเหตุเข้ามาทำทีรับผู้โดยสารที่สนาบิน แต่เจ้าหน้าที่สนามบินจำได้รถได้ว่าเป็นรถที่ต้องสงสัยจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมทว่า นายวัชระ ไหวตัวทันได้เปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีไปแต่ก็ถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด
จากการตรวจสอบประวัติ นายวัชระ พบว่ามีหมายจับอยู่ที่ สน.อุดมสุข ในข้อหายักยอกทรัพย์ด้วย นอกจากนี้ยังตรวจสอบไปยังกรมการขนส่งทางบกพบว่ารถแท็กซี่คันดังกล่าว ทะเบียน ทพ 7739 กทม. ทะเบียนถูกยกเลิกไปแล้ว
นายวัชระ ให้การว่า ตนเองได้ก่อเหตุดังกล่าวจริงโดยผู้โดยสารเรียกให้ไปส่งที่กงสุล ถ.แจ้งวัฒนะ ตนก็ได้มีการตกลงราคาอยู่ที่1,200บาท ผู้โดยสารเองก็ตกลง จึงได้ไปส่งที่หมายตามที่ได้ตกลงกับไว้ ซึ่งภายในรถตนนั้นมีมิเตอร์และมีชื่อคนขับอยู่ตามปกติ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าปกติราคาจากสนามบินดอนเมืองไปกงสุลค่าบริการเท่าไร ทำไม่เรียกค่าบริการในราคาสูง นายวัชระ กล่าวว่า ราคากว่า 100 บาท และตนยังขอโทษที่มีการเรียกค่าโดยสารเกินจริง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับจำนวน 2,000 บาท ก่อนจะส่งตัว นายวัชระ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.อุดมสุข เพื่อดำเนินคดีในหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ต่อไป
ที่มา thaitribune