สูงวัยเป็นสุข..ด้วยการออกกำลังกาย โดย ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ ประธานมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
หลายคนทราบดีว่า การออกกำลังกายเป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดีและเป็นเหมือนยาอายุวัฒนะที่ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง กระฉับกระเฉง สดชื่นแจ่มใส มีสมาธิ เพิ่มพลังกาย พลังใจ พลังความคิด อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ข้อมูลจาก ศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ เปิดเผยว่า เมื่อหญิงและชายก้าวเข้าสู่วัยทอง ร่างกายและจิตใจมักจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ ไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อลดลง อวัยวะต่างๆ เริ่มมีการเสื่อมสภาพลง อัตราการเผาผลาญพลังงานน้อยลงทำให้อ้วนง่าย ฯลฯ เมื่อเป็นเช่นนี้เห็นทีคุณควรจะต้องหันมาดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการออกกำลังกายให้มากขึ้น และต้องคำนึงถึงความสม่ำเสมอของการออกกำลังกาย แต่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงท่าที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อร่างกาย การออกกำลังกายที่ดีและเหมาะกับวัยทองนั้นได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก นั่นคือ การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 20-30 นาที เพื่อให้หัวใจบีบตัวเร็วกว่าปกติ 60-70 % เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เต้นลีลาศ เป็นต้น เพื่อช่วยให้ระบบทางเดินหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด นอกจากนี้ยังช่วยทำให้อารมณ์ดี คลายเครียด ลดไขมันบริเวณหน้าท้อง เสริมความหนาแน่นของกระดูก ลดคอเลสเตอรอลและเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายโดยรวม การที่จะเลือกประเภทหรือชนิดของการออกกำลังกาย ขึ้นอยู่กับความสะดวก ความชอบ ความง่ายต่อการเข้าถึง รวมถึงข้อจำกัดด้านสุขภาพของแต่ละคน เช่น ผู้ที่มีปัญหาโรคข้อเข่าเสื่อม ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายแบบที่มีการกระแทกน้ำหนักอย่างรุนแรง แต่เน้นในเรื่องความยืดหยุ่นและการทรงตัว เช่น โยคะ การรำมวยจีน ชี่กง ไท้เก็ก เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการกระแทก และลดโอกาสที่เกิดการบาดเจ็บกับข้อเข่าหรือกล้ามเนื้อต่างๆ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ควรมีการเตรียมตัวและเลือกวิธีการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม โดยเริ่มในปริมาณน้อยๆ ก่อน จากนั้นค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาให้มากขึ้นตามสมรรถภาพของร่างกาย อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายเพื่อสร้างเสริมสุขภาพจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งๆ ละประมาณ 30 นาที ที่สำคัญควรอบอุ่นร่างกายทุกครั้งก่อนออกกำลังกาย โดยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ และเมื่อออกกำลังกายเสร็จ ควรผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการเดิน หรือสะบัดแขนขาเบาๆ เพราะถ้าออกกำลังกายแล้วหยุดทันทีเลือดอาจไปคั่งอยู่ที่ปลายเท้า และอวัยวะภายในทำให้เลือดกลับสู่หัวใจน้อยลง เกิดอาการเป็นลมหรือวูบได้ง่าย ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีอาการผิดปกติขณะออกกำลังกาย เช่น หน้ามืด แน่นหน้าอก วิงเวียน หอบเหนื่อย ใจสั่น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย เพียงแค่ตั้งใจจริงและสนุกกับการออกกำลังกาย...ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม คุณก็จะมีความสุขและมีสุขภาพที่ดีพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ที่มา thaitribune
Create Date : 25 มิถุนายน 2559 |
Last Update : 25 มิถุนายน 2559 14:00:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 237 Pageviews. |
|
|