เสริมภูมิคุ้มกัน..เสริมสุขภาพ โดย ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ ประธานมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ



ปัจจุบันภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ทำให้บางคนอาจไม่สบายได้ง่าย แต่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมบางคนกลับมีสุขภาพแข็งแรงไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายๆ นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายคนเรามีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแตกต่างกัน

 

อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า โดยธรรมชาติแล้ว ร่างกายของเรามีกลไกที่จะป้องกัน กำจัด หรือทำลายสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายไม่ต้องการออกไป ผิวหนังช่วยป้องกันหรือขับถ่ายสารบางอย่างที่จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เช่น น้ำตา น้ำลาย มีฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย หรือหากสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปทางระบบหายใจของเรา ร่างกายจะช่วยกำจัดเชื้อโรคโดยใช้ขนบริเวณจมูกและน้ำเมือกในช่องทางเดินหายใจ หรืออาจจะกำจัดออกนอกร่างกายด้วยการไอหรือจาม แต่หากไม่สามารถที่จะกำจัดหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นได้ ร่างกายก็ยังมีกลไกที่จะกำจัดในขั้นตอนต่อไป เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีอยู่ในกระแสเลือดจะคอยกำจัดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกไปได้ แต่ถ้ากรณีที่ร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอมในปริมาณมากเกินไป หรือสารที่เข้าไปไม่สามารถถูกทำลายโดยกลไกดังกล่าวข้างต้น ร่างกายก็ยังมีกลไกที่สำคัญและสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีประสิทธิภาพในการทำลายสิ่งแปลกปลอมก่อนที่จะก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย ที่เรียกว่า ระบบภูมิคุ้มกัน (Immunity) นั่นเอง

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคนเรามีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนมากและเกี่ยวเนื่องกับสารเคมีและเซลล์หลายชนิดในร่างกาย โดยเฉพาะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ต่อสู้และทำลายเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกาย ซึ่งเป็นเสมือนทหารคอยทำหน้าที่เฝ้ายามและกำจัดผู้บุกรุก สิ่งแปลกปลอม แต่เนื่องด้วยชีวิตคนทำงานในยุคปัจจุบัน ที่มักจะมีความเครียดสูง พักผ่อนไม่เพียงพอ อาจละเลยการดูแลสุขภาพ รวมถึงการรับประทานอาหารไม่ครบหมู่ ขาดการออกกำลังกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานต่ำลง ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อและเป็นโรคที่เกิดจากการติดต่อได้ง่ายขึ้นเช่น มีอาการเป็นหวัดบ่อย การฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ผิดปกติไปจากเดิมเป็นต้น

พฤติกรรมเสริมภูมิคุ้มกัน

คนเราสามารถเสริมภูมิคุ้มกันให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงได้ โดยมีหลักการง่ายๆที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเอง เริ่มต้นจาก ลดความเครียด เพราะอารมณ์เครียดจะส่งผลทำให้ภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ ลดลงจึงเกิดการติดเชื้อได้ง่าย นอนหลับให้เพียงพอ ให้ได้คืนละ 7-8 ชั่วโมง หากนอนไม่พอจะส่งผลให้การสร้างเซลล์ในระบบภูมิต้านทานลดลง ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพออย่างน้อยวันละ แก้ว เพื่อช่วยเพิ่มสารคัดหลั่งและความชุ่มชื้นของเยื่อบุผิวในท่อทางเดินหายใจส่วนบน ที่มีหน้าที่ช่วยป้องกันและดักจับฝุ่นละอองหรือเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย

ออกกำลังกายพอเหมาะสม่ำเสมอ เพื่อช่วยในการขับของเสียผ่านทางเหงื่อและเพิ่มปริมาณการไหลเวียนเลือดทำให้เซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิต้านทานทำลายสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคที่บริเวณอวัยวะต่างๆ ได้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ภูมิต้านทานอ่อนแอ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์เกินวันละ 2 แก้ว การกินอาหารรสหวานจัด การมีน้ำหนักอ้วนเกินไป เป็นต้น และที่สำคัญคือ การกินอาหารครบถ้วนเพียงพอตามหลักโภชนาการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดี

ซึ่งการกินอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายนั้น นอกจากการเลือกอาหารที่มีประโยชน์อุดมไปด้วยสารอาหารหลักครบ 5 หมู่ตามที่ร่างกายต้องการแล้ว ควรเลือกกินอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วย ซึ่งมีอยู่ในอาหารธรรมชาติหลากหลายชนิด เช่น กลุ่มผักผลไม้เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่างๆสูง อาหารจำพวกโปรตีนเช่น เนื้อไม่ติดมัน ปลาทะเล ถั่วเมล็ดแห้ง และธัญพืชต่างๆ และยังเป็นแหล่งแร่ธาตุซีลีเนียมซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์และระบบภูมิคุ้มกัน

อาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีบทบาทต่อภูมิคุ้มกันคือ เห็ด นอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง คือมีไขมันต่ำและพลังงานต่ำ แต่มีคาร์โบโฮเดรทและโปรตีนสูง เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญเช่น บี1 บี2 ไนอะซิน ไบโอติน วิตามินซี ฟอสฟอรัส และโพแตสเซียม

และยิ่งถ้าเป็นเห็ดที่มีสรรพคุณในการบำรุงและรักษาโรค หรือที่เรียกกันว่าเป็น “เห็ดทางการแพทย์” (Medicinal Mushrooms) ก็ยิ่งมีสาระสำคัญมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ในทางการแพทย์แผนตะวันออก เช่น ในญี่ปุ่น จีนและเกาหลี มีการใช้เห็ดทางการแพทย์ เป็นยามานานหลายศตวรรษแล้ว

เห็ดทางการแพทย์  ในบ้านเราหลายๆคนอาจจะคุ้นหูเกี่ยวกับเห็ดทางการแพทย์อยู่แล้ว เช่น ยามาบูชิตาเกะ มัตสึซาเกะ ไมตาเกะ ถั่งเฉ้า หลินจือ เป็นต้น เห็ดทางการแพทย์ คือเห็ดที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ จากเอกสารการวิจัยทางวิชาการพบว่า สารสำคัญในเห็ดทางการแพทย์ มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานเซลล์เม็ดเลือดขาวในการกำจัด ไวรัส เชื้อโรค แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมที่เป็นสาเหตุในการเจ็บป่วย ได้ดียิ่งขึ้น หรือพูดง่ายๆคือการเสริมภูมิคุ้มกันนั่นเอง

ซึ่งในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมามีงานวิจัยระดับนานาชาติ ทั้งในอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลียืนยันตรงกันในคุณประโยชน์ดังกล่าว อาทิ งานวิจัยของเห็ดยามาบูชิตาเกะพบว่าช่วยกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเม็ดเลือดขาว (Xu et al.1994; Khan et al. 2013) จากการวิจัยพบว่าสารสกัดจากเห็ดหลินจือและเห็ดไมตาเกะ มีผลทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแม็คโครฟาจ ผลิตไซโตไคน์ที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน (Lull et al 2005) นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าการรับประทานสารสกัดจากเห็ดไมตาเกะร่วมกับสารสกัดจากเห็ดชิตาเกะให้ผลในการกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าการรับประทานเห็ดเพียงชนิดเดียว (Vetvicka and Vetvickova 2014) การวิจัยพบว่าสารสกัดจากถั่งเฉ้ามีผลช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายได้

โดยพบว่าถั่งเฉ้าทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด Natural Killer Cells ดีขึ้น (Kang et al. 2015)และยังมีผลการวิจัยทางการแพทย์อื่นๆ เช่น อาจช่วยลดความดันโลหิต และมีผลต่อระดับไขมันใจเลือด มีผลดีต่อหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น

แต่อย่างไรก็ตามเห็ดทางการแพทย์หายากและมีราคาสูง การดึงสารสำคัญจากเห็ดเพื่อมาใช้ประโยชน์ต่อสุขภาพจำเป็นต้องใช้วิทยาการสมัยใหม่ เช่น การสกัดด้วยไอน้ำภายใต้อุณหภูมิและความดันที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้รับปริมาณของสารออกฤทธิ์ที่มากกว่า

การพักผ่อนให้เพียงพอรับประทานอาหารให้ครบถ้วนเหมาะสม และการออกกำลัง ก็เป็นสิ่งที่ควรทำควบคู่ไปกับการบริโภคเห็ดทางการแพทย์ จะช่วยให้เม็ดเลือดขาวและระบบภูมิคุ้มกันต่างๆทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถกำจัดเชื้อโรค ไวรัสหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆได้ดี และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

ที่มา thaitribune




Create Date : 20 เมษายน 2559
Last Update : 20 เมษายน 2559 8:30:08 น. 0 comments
Counter : 221 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.