พล.อ.ไพบูลย์จวกกลุ่มโยงคดีธัมมชโย-ตั้งสังฆราชพร้อมฟ้องคนปล่อยข่าวเรียก 2 พันล้านยุติคดี



รัฐมนตรียุติธรรมจวกพวกสร้างความสับสน โยงคดี‘ธัมมชโย-แต่งตั้งสังฆราช’วอนทุกฝ่ายทำความเข้าในคดีนี้เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ไม่ได้จับธัมมชโยคนเดียว ปฏิเสธกระแสข่าวคสช.เรียกเงิน 2,000 ล้านบาทจบคดีธัมมชโย

เมื่อวันที่ 30 ฤษภาคม 2559 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ว่า ขอเรียนให้ศิษยานุศิษย์ให้ทำความเข้าใจว่า เรื่องราวมันเป็นอย่างไรถึงได้ร้อยเรียงและเดินมาถึงตอนนี้ อีกทั้ง คณะพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่ได้เจาะจงการดำเนินคดีเฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง

เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งตนต้องออกมาชี้แจงแทนผู้ใต้บังคับบัญชาคือดีเอสไอที่เขาทำงานอยู่ทุกวันนี้ เนื่องจากเริ่มมีหลายหน่วยงานออกมาพูด และกลายเป็นเรื่องของกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ออกมาพูด และก็เริ่มทำความไม่เข้าใจให้กับสังคมไทย มันจะเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย

“ผมไม่อยากให้ท่านไปเบี่ยงเบนกฎหมาย เราพูดเสมอว่ากฎหมายบังคับใช้ไม่ได้ กฎหมายเป็นสองมาตรฐาน หรือไม่ให้ความเป็นธรรม เวลาท่านพูดไปและท่านพูดไม่หมดมันจะเป็นประเด็น และกลายเป็นเรื่องการกลั่นแกล้ง ไม่ให้ความเป็นธรรมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มันเสียหายสำหรับกระบวนการยุติธรรมไทย มันไม่ได้เสียหายของกระทรวงยุติธรรม มันไม่ได้มองถึงความเสียหายของดีเอสไอ แต่มันมองไปถึงตรงนั้นเลย จึงอยากขอความกรุณาบุคคลที่ออกมาก็ตาม หรือกลุ่มศิษยานุศิษย์ก็ตามให้ได้ทำความเข้าใจ ซึ่งผมเสนอว่าถ้าท่านสงสัยอะไรให้มาพูดกัน อย่ามาใช้ดุลพินิจมาออกตามสื่อ และมาบิดเบือนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่าพูดเสมอว่าคนที่พูดอาจจะไม่รู้เรื่องครบถ้วนก็เลยพูดไปด้วยความเข้าใจอย่างนั้นอย่างนี้ แต่วันนี้เริ่มบุคคล กลุ่มบุคคล 3-4 คนที่ออกมาพูดจาแล้วรู้จริงขนาดไหน ซึ่ง 3-4 คนที่ออกมาถ้าท่านสงสัยก็มาพบตนก็ได้ ยินดีให้อธิบดีดีเอสไอชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เราทำงานกันอย่างไร เพราะเราไม่อยากให้ปัญหานี้กลายเป็นความขัดแย้ง

“วันนี้มันสืบเนื่องจากคดีสหกรณ์ฯคลองจั่น บุคคลนี้ที่สืบเนื่องจากคดีนี้ไม่ใช่พระธัมมชโยท่านเดียว มันเป็นความเกี่ยวโยงกับหลายคน ถ้าท่านยกเลิกการปฏิบัติก็ต้องยกเลิกกับคน 10 คน หรือ 20 คนไปด้วย แล้วจะบังคับใช้กฎหมายกันได้อย่างไร”รัฐมนตรียุติธรรมตั้งคำถาม

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า ขณะที่พนักงานสอบสวนเชื่อมโยงกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น หากท่านไม่มีความผิดก็เข้าไปต่อสู้ในชั้นอัยการ ชั้นศาล ซึ่งก็เปิดกว้างอยู่แล้วในเรื่องเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมาเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นและให้กลายเป็นประเด็น

โดยเฉพาะบุคคลนอกที่ออกมาพูดโดยไม่ยอมเข้ามาพูดคุยกันเพียงแต่ให้ปรากฏข่าวบนสื่อแล้วสร้างความสับสนให้กับสังคม ตนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะทางกระทรวงยุติธรรม หรือดีเอสไอก็ไม่เคยคิดจะปกปิดข้อมูลอะไรอยู่แล้ว

“การที่ดีเอสไอค่อยทำทีละขั้นๆ นั้น ประชาชนหรือศิษยานุศิษย์เองต้องเข้าใจ อย่าพูดเบี่ยงเบนความเข้าใจ ผมพูดทั้งสองฝ่าย ซึ่งบางฝ่ายเริ่มกดดันดีเอสไอ บางฝ่ายก็เริ่มพูดในเรื่องการรังแกพระ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งท่านไม่เคยเข้าใจว่าพิถีพิถันแต่ละขั้นตอนขนาดไหน และใช้ความรอบคอบขนาดไหน ซึ่งท่านไม่เคยมานั่งฟัง” รมว.ยุติธรรมกล่าว พล.อ.ไพบูลยืกล่าวว่า เมื่อคณะสงฆ์มีฝ่ายปกครองสงฆ์ เราก็ไปถึงตรงนั้น เพื่อให้รับทราบและมีวิธีการดำเนินการอย่างไรก็จะได้มาช่วยกันแก้ปัญหา แต่เราต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย เราต้องให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ขั้นตอนของกฎหมายเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถทำเป็นอย่างอื่นไปได้ ซึ่งต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่ด้วยว่าถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้นแล้ว ตัวเจ้าหน้าที่เองก็จะถูกตำหนิ ถูกลงโทษตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องเข้าใจเขาด้วยและไม่มีใครอยากเอาปัญหามาสุมอยู่กับตัวเองหรอก

ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ก็ระมัดระวังมาก สิ่งที่เขาทำตามกฎหมายอย่งเคร่งครัดมันนำไปสู่การกระทบกระทั่งหรือเสียหายหนักท่านจะยอมหรือไม่ ซึ่งตรงนี้พูดถึงฝ่ายที่กดดันเจ้าหน้าที่ทำไม่ไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ดังนั้น จึงต้องค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันอย่าให้มันกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมหาเถรสมาคม (มส.) ทำหนังสือถึงวัดปากน้ำภาษีเจริญแล้ว ตรงนี้ดี

เอสไอจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.อ.ไพบูลย์ตอบว่า ตรงนี้คือขั้นตอนตาม พ.ร.บ.สงฆ์ เป็นขั้นตอนการปกครองของสงฆ์ วันนี้ตนขอถามเลยว่าถ้าดีเอสไอจะใช้กฎหมายเราก็ใช้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องไปบอก มส. หรือการปกครองของสงฆ์

แต่เราก็พยายามที่จะให้การดำเนินการในคดีนี้เป็นไปด้วยความเข้าใจ เป็นไปด้วยเหตุด้วยผลไม่ต้องการให้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ เราจึงพยายามใช้ทุกๆ ส่วนที่รับรู้เรื่องนี้เข้ามาแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งมันไม่ถูกหรือ หรือต้องการให้เราใช้กฎหมายลุยเข้าไปเลย ซึ่งตามกฎหมายแล้วเราก็สามารถทำได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการเชื่อมโยงคดีพระธัมมชโยกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ทำไมต้องไปผูกพันกับเรื่องนี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อยู่ในฐานะของผู้ปกครองสงฆ์ มีอำนาจในการปกครองสงฆ์อยู่ และไปผูกพันกับเรื่องการแต่งตั้งมันถูกต้องที่ไหน การที่เราไปหาท่านเพราะท่านมีหน้าที่อยู่ตรงนั้น

ขณะเดียวกันทางผู้อำนวยการ มส. ก็ทำหน้าที่ของเขาในฐานะที่ดูแลเรื่อง พ.ร.บ.สงฆ์ การปกครองทางสงฆ์ ซึ่งก็ลงมาช่วยกันทุกคน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกระแสข่าวที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อรองเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อจบคดีนี้ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า “คนพูดมีตัวหรือไม่ ผมจะฟ้องให้ดู มีหรือไม่ ซึ่งสื่อเองก็เหมือนกันพยายามถามและบางทีก็มาจากแหล่งข่าว ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะไปฟ้องใคร มันเกี่ยวกับผมหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ ถ้ามันเกี่ยวกับผม หรือเกี่ยวกับพนักงานสอบสวนผมก็จะถามว่าคุณจะเล่นงานเขาอย่างไรตามประมวลกฎหมายเพื่อรักษาเกียรติภูมิของตัวเอง ทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ผมพูดกับพวกเราเสมอว่าการทำงานทุกงาน คุณทำไปวันหนึ่งสังคมเขาจะยอมรับองค์กรคุณหรือไม่ องค์กรคุณก็จะเสื่อมไปเอง คุณคิดว่าสังคมจะไม่รู้หรือ และคนที่พูดถึงเงิน 2,000 ล้านบาทละอายแก่ปากตัวเองหรือไม่ คุณกำลังทำลายเจ้าหน้าที่ที่เขาตั้งใจทำงานอยู่ถ้ามันเป็นความผิดชัดแจ้งคุณบอกผมมาเลย ผมจะจัดการให้ดู อย่ามาพูดลอยๆ แบบนี้” พล.อ.ไพบูลย์

ที่มา thaitribune



Create Date : 31 พฤษภาคม 2559
Last Update : 31 พฤษภาคม 2559 7:01:18 น. 0 comments
Counter : 193 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.