เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2559 ก่าย หยิง-เหวิน(Tsai Ing-wen) สำเนียงจีนออกว่า  Cài Yīngwén วัย 59 ปีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวัน ตามประวัติเธอเกิดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 1956 เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่แต่งงาน,เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่ได้เป็นนายกเทศมนตรีนครไทเป และเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (the Democratic Progressive Party =DPP)ต่อไปอาจจะเรียกพรรคดีดีพีเพื่อให้ง่ายต่อการเขียน ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นหัวหน้าพรรคดีดีพีระหว่างปี 2008-2012 ก่าย หยิง-เหวิน เคยลงสมัครประธานาธิบดีมาเมื่อปี 2012 แต่ไม่สำเร็จและมาสำเร็จเอาปี 2016 ชนะแบบดินถล่ม

ภายหลังจากเรียนจบกฎหมายเธอเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย จากปี 1993 เป็นต้นมาได้รับแต่งตั้งหลายตำแหน่งในภาครัฐที่ยังบริหารงานโดยพรรคก๊กมินตั๋ง (Kuomintang =KMT) ทำงานภายใต้ประธานาธิบดีลี เต็ง ฮุย  

ในปี 2000 เมื่อประธานาธิบดีเฉิน สุย-เบียน ขึ้นรับหน้าที่ทำให้เธอได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีสภากิจการแห่งแผ่นดินใหญ่  ปี 2004 ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคดีดีพี จากนั้นเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีภายใต้การบริหารงานของนายซู เซ็ง-ชาง จนกระทั่งครม.ลาออกแบบยกทีมในปี 2007 

ในปี 2008 เธอขึ้นรับตำแหน่งประธานพรรคดีดีพี หลังจากพรรคแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่เธอลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2012 และพ่ายแพ้ หม่า หยิง-ชู ทำให้เธอลาออกจากประธานพรรคดีดีพี

ประวัติของ ก่าย หยิง-เหวิน

ก่าย หยิง-เหวิน มีพื้นเพมาจากเมือง  Fenggang  อยู่ทางใต้ของไต้หวันก่อนจะเข้ามาอยู่กรุงไทเปตอนเป็นวัยรุ่น เธอเรียนจบปริญญาตรีกฎหมายจาก  National Taiwan University จบปริญญาโทกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคอร์แนลในสหรัฐและจบ Ph.D จาก the London School of Economics ประเทศอังกฤษ ใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว  

ในบรรดาผู้นำสตรีของเอเชียถือได้ว่าเธอเป็น 1 ในจำนวนนั้น นอกเหนือจาก ออง ซาน ซูจีน แห่งเมียนมาร์และปัก กึน เฮ(Park Guen Hye) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ทั้ง 2 คนนับได้ว่ามาจาตระกูลการเมืองโดยแท้กล่าวคือพ่อของออง ซาน ซู จีหรือนายพลออง ซาน ถือเป็น“บิดาแห่งพม่า”เพราะเป็นผู้หนึ่งที่นำพม่าหลุดพ้นเป็นอิสระจากการปกครองของอังกฤษ  ส่วนนายปัก จุง ฮี บิดาของปัก กึน เฮ ก็เป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 1962 จนกระทั่งถูกลอบสังหารในปี 1979 ( แม้ว่าจะถูกประณามว่าเป็นเผด็จการเกาหลีใต้ ก็ตาม)

จีนแผ่นดินใหญ่กับจีนไต้หวัน

ตามรายงานกล่าวว่าสาเหตุที่เธอได้รับเลือกแบบถล่มทลายเป็นเพราะคนจีนในเกาะไต้หวันเลือกเธอและเธอประกาศคลายสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่   แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอเองคงใช้ความสุขุมของนักกฎหมายเจรจาความเมืองมากกว่า โดยไม่ผูกตนเข้าไปใกล้ชิดกับจีนแผ่นดินใหญ่มาก เพราะยังมีสหรัฐถือเป็นพี่ใหญ่อยู่

จีนแผ่นดินใหญ่ที่เราเรียกกันภาษาอังกฤษใช้ว่า the People's Republic of China หรือคำว่า China ก็เป็นที่เข้าใจ  ส่วนไต้หวัน(Taiwan )ชื่อเป็นทางการคือ the Republic of China แยกการปกครองกันเมื่อปี 1949 (พ.ศ.2492)ภายหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รับชัยชนะเด็ดขาดบนแผ่นดินใหญ่ บรรดาคนจีนที่ไม่เอาคอมมิวนิสต์โดยเฉพาะก๊กมินตั๋งก็หนีไปอยู่เกาะไต้หวัน  ส่วนหนึ่งหนีเข้ามาทางเหนือของไทยและตั้งกองพลที่ 93 ขึ้นมา

กระนั้นก็ตาม 2 จีนยังมีสัมพันธ์อันลึกซึ้งทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมกล่าวคือยังใช้ภาษาจีนกลาง (Mandarin Chinese)เหมือนกันเป็นภาษาทางการ

หากเราศึกษาประวัติศาสตร์ในช่วงพรรคคอมมิวนิสต์ยึดกุมการปกครองแผ่นดินใหญ่ได้นั้นจะต้องจัดการปัญหาของประเทศจึงไม่สนใจจีนคนอื่นใดที่ต้องการหนีออกจากประเทศ กระจัดกระจายไปแต่ละทิศก็ไปได้เลย(พูดง่ายๆใครไม่อยากอยู่แผ่นดินใหญ่ก็ออกไปได้เลย)ต่อเมื่อตั้งมั่นได้แล้วจึงประกาศจีนเดียว (One China) ตรงนี้ล่ะที่เป็นปัญหาของจีนกับไต้หวันตลอดมา  

โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

ถ้าเราศึกษาความเปลี่ยนแปลงของโลกจะเห็นได้ว่าโลกเปลี่ยนแปลงไป แม้แต่คำว่า One China ต่อไปในเวทีโลกก็อาจใช้ไม่ได้ เหตุเพราะคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เข้ามาสนใจการเมืองมากขึ้น โลกเปลี่ยนแปลงจากยุคก่อนๆมาสู่ยุคดิจิทัล  ดูตัวอย่างจากไต้หวันที่คนเลือกสตรีขึ้นเป็นผู้นำ   แม้ว่าสตรีคนนี้ไม่มีครอบครัวหรือไม่แต่งงาน และสนับสนุนกลุ่มLGBT (ย่อมาจากคำว่า lesbian, gay, bisexual, and transgender) อีกทั้งเธอเป็นคนรักแมวและมีแมวอยู่ 2 ตัวที่เลี้ยงไว้ชื่อ Tsai Hsiang Hsiang และ Ah Tsai

ที่มา thaitribune

Create Date : 21 พฤษภาคม 2559
Last Update : 21 พฤษภาคม 2559 4:07:01 น.		0 comments
Counter : 254 Pageviews.
Share Tweet