"องค์การอนามัยโลก"จัดอันดับไทยติดท็อป 14 ประเทศติดเชื้อวัณโรครุนแรง - สธ.เตือนผู้ที่ท้องร่วงท้องเสีย

องค์การอนามัยโลก จัดอันดับไทยติดท็อป 14 ประเทศติดเชื้อวัณโรครุนแรงเผยยอดผู้ป่วยเฉลี่ย 1 หมื่นต่อปี พร้อมกันนี้สาธารณสุขแนะมาตรการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” ป้องกันอาการท้องร่วง ท้องเสีย และหากท้องเสียแนะให้เลือกดื่มเกลือแร่ ชนิดโอ – อาร์ – เอส เพื่อทดแทนน้ำกับเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไปจากอาการท้องเสีย

 

27 มีนาคม 2559 กระทรวงสาธารณสุข เผยตั้งแต่ปี 2559 จนปัจจุบันพบผู้ป่วยโรคอุจาระร่วงแล้ว กว่า 2.4 แสนคน โรคนี้พบได้บ่อยในช่วงอากาศร้อน สาเหตุมาจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด 

นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้เป็นช่วงหน้าร้อนประชาชนอาจมีอาการท้องร่วงหรือท้องเสีย มักมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด หรือมีเชื้อโรคเชื้อปน ทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิ นอกจากนี้อาการท้องเสียยังสามารถเกิดได้จากการรับประทานอาหารรสจัด หรือเกิดจากยาและโรคบางชนิด ซึ่งจะมีอาการถ่ายอุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป หรือถ่ายเป็นมูกเลือดตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง อาการเหล่านี้หากมีอาการไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะเรียกว่า ท้องเสียเฉียบพลัน แต่หากนานเกิด 2 สัปดาห์จะเรียกว่า ท้องเสียเรื้อรัง โดยข้อมูลการเฝ้าระวังจากสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1มกราคม - 21 มีนาคม 2559 พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงแล้ว 245,988 คน จาก 78 จังหวัด

สำหรับวิธีดูแลตัวเองเมื่อท้องเสียในช่วง 24-72 ชั่วโมงแรก ให้หยุดรับประทานอาหาร 2 - 4 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้หยุดการทำงาน ดื่มเกลือแร่สำหรับคนที่ท้องเสียหรือโอ – อาร์ – เอส (ORS) ผสมกับน้ำต้มสุก หากไม่สามารถหาซื้อโอ-อาร์-เอส สามารถเตรียมเองได้โดยผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือแกง ครึ่งช้อนชาในน้ำที่ต้มสุก 1 ขวดน้ำปลา หรือ 750 ซีซี ละลายให้เข้ากัน เพื่อทดแทนน้ำกับเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป การเสียน้ำจากอาการท้องเสีย และไม่ควรรับประทานยาที่ทำให้หยุดถ่ายทันที จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เช่น ท้องอืด ท้องผูก และยังมีเชื้อโรคอยู่ในร่างกาย เป็นต้น

ทั้งนี้ ยังมีประชาชนเข้าใจผิด ซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับผู้เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย หรือโอ-อาร์-ที (ORT) มาดื่มเมื่อท้องเสีย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เนื่องจากอาการท้องเสียร่างกายจะขาดน้ำและเกลือแร่ แต่ในโออาร์ ทีจะมีน้ำและน้ำตาลสูง ทำให้ร่างกายดึงน้ำและน้ำตาลเข้ามาในทางเดินอาหาร ส่งผลให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้นกระตุ้นการถ่ายเหลวมากขึ้น ดังนั้นเมื่อท้องเสียจึงควรดื่มเกลือแร่ โอ อาร์ เอส ที่มีส่วนผสมของน้ำและเกลือแร่

"องค์การอนามัยโลก"จัดอันดับไทยติดท็อป 14 ประเทศติดเชื้อวัณโรครุนแรง

และเมื่อในวันที่ 24 มีนาคม 2559 ที่บริเวณโถงกลาง สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)  ได้จัดงาน "กรุงเทพฯ หยุดวัณโรค" ซึ่งสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ องค์กรอนามัยโลก ประจำประเทศไทย มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย มูลนิธิรักษ์ไทย มูลนิธิ BE Health Association บริษัท ซาโนฟี–อเวติส ประเทศไทย องค์กร FHI 360 (Family Health International) ศูนย์ความร่วมมือไทย–สหรัฐ (ด้านสาธารณสุข) หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21–25 มี.ค.นี้ เนื่องวันวัณโรคสากล (World TB Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 24 มี.ค.ของทุกปี 

นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า กทม.ให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาวัณโรค เนื่องจากเชื้อวัณโรคอยู่ในอากาศสามารถแพร่กระจายได้ง่าย เพียงแค่ไอ จามก็สามารถแพร่เชื้อได้ ทุกคนจึงมีโอกาสป่วยเป็นวัณโรคได้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัด การระบายอากาศไม่ดี หรือสถานที่ที่ติดเครื่องปรับอากาศแบบระบบปิด อาทิ สถานประกอบการ บริษัท โรงงาน ห้างร้าน และผู้ขับรถรับจ้างสาธารณะ จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อวัณโรคได้ จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสุขภาพและดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อให้ปลอดภัยจากวัณโรคและโรคต่างๆ โดยตั้งแต่เดือนม.ค.2559 องค์การอนามัยโลกได้จัดกลุ่มประเทศที่มีปัญหาวัณโรครุนแรง ได้แก่ 1.ปัญหาวัณโรคสูง 2.วัณโรคในผู้ติดเชื้อเอดส์ และ3.วัณโรคดื้อยาหลายขนาน ซึ่งประเทศไทยก็ติดอยู่ 1 ใน 14 ประเทศของโลกที่มีปัญหาวัณโรคทั้ง 3 ประการ 

"ขณะเดียวกันในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ที่ขึ้นทะเบียนรับการรักษาปีละประมาณ 10,000 คน ในจำนวนนี้มีผู้เข้ารับการรักษาจนหายขาดประมาณร้อยละ 80 ส่วนที่เหลือไม่เข้ารับการรักษาต่อเนื่อง ทำให้ยังมีปัญหาวัณโรคอยู่ ซึ่งในปีนี้องค์การอนามัยโลกได้กำหนดคำขวัญว่า “UNITE END TB” หรือรวมพลังยุติวัณโรค จึงอยากให้ทุกฝ่าย ร่วมพลังสำคัญในการช่วยกันปัญหาวัณโรคให้ประสบความสำเร็จต่อไป"นางผุสดี กล่าว

สำหรับสัปดาห์รณรงค์วัณโรคสากล"กรุงเทพฯ หยุดวัณโรค" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21–25 มี.ค.2559

โดยวันที่ 21 มี.ค. จะจัดที่บริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง

วันที่ 22 มี.ค. จะจัดที่บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต เขตจตุจักร

วันที่ 23 มี.ค. จะจัดที่บริเวณตลาดมีนบุรี เขตมีนบุรี

วันที่ 24 มี.ค. เวลา 08.00–16.00 น. จะจัดที่บริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง เขตปทุมวัน

และวันที่ 25 มี.ค.เวลา 10.00–20.00 น. จะจัดที่บริเวณสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เขตตลิ่งชัน

โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพและคัดกรองวัณโรคได้ฟรี นอกจากนี้ในช่วงระหว่างวันที่ 21–25 มี.ค. ศูนย์บริการสาธารณสุขกทม.ที่มีเครื่องเอกซเรย์ จะให้บริการเอกซเรย์บริการผู้ที่มีอาการต้องสงสัยเป็นวัณโรคโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และฉีดวัคซีนบีซีจีใหเเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อนด้วย

ที่มา thaitribune




Create Date : 27 มีนาคม 2559
Last Update : 27 มีนาคม 2559 17:38:25 น. 0 comments
Counter : 503 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.