เมืองไทยมีคนขี้โกงมากจึงตั้งศาลปราบคนโกงที่ไม่หมดอายุความ-ถือเป็นจุดเริ่มของการปฏิรูปประเทศ
ข่าวที่ไม่ค่อยฮือฮาเหมือนดีเอสไอยกกำลังผสมกันกับตำรวจหลายร้อยคนไปล้อมวัดธรรมกายเพื่อจับพระธัมมชโย หรือข่าวการเตรียมการเพื่อให้ประชาชนลงประชามติ แล้วมีสมุนของนักการเมืองที่แพ้แต่ไม่ยอมแพ้ออกมากวนน้ำให้ขุ่นทำทีเป็นตั้งศูนย์ปราบทโกงประชามติก็เห็นจะเป็นข่าวการออกกฏหมายที่เกี่ยวกับการปราบคนโกงนั่นเอง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีมติรับหลักการจัดตั้งศาลปราบคนทุจริตคดโกง หรือ "พรบ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ.."ตามที่ครม,เป็นผู้เสนอ รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องนี้บอกว่า เป็นการรองรับนโยบายในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจังของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเอาจริงเอาจังมาขึ้นเท่าใดคดีความที่ขึ้นสู่ศาลก็มีมากขึ้น เป็นผลการดำเนินคดีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เมื่อมีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ขึ้นแล้ว ประโยชน์จะได้รับที่เห็นเป็นประการแรกก็คือการจัดการกับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ประพฤติมิชอบในแบบต่าง ๆ ซึ่งนับวันแต่จะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องก็จะมีการพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องปล่อยไปตามคิวของคดีที่จะต้องใช้เวลาเนิ่นนาน บางครั้งผลคดีออกมาก็เมื่อบุคคลผู้นั้นล้มหายตายจากไปแล้ว เนื่องจากศาลคดีอาญาทุจริตฯนี้ ถือว่าเป็นศาลที่มีความชำนาญเฉพาะ จึงจำเป็นที่จะต้องประกอบไปด้วยบุคคลากรทั้งผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่เฉพาะ ต่างกับศาลที่เป็นแผนกหนึ่งของศาลปกติ อาทิ การพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง,คดียาเสพติด ฯลฯ จึงต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ในการปราบปรามหรือพิจารณาตดีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบ แน่นอนว่า การประสานงานในหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบในการปราบปรามกาทุจริตจะกระทำได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น เป็นผลดีในการดำเนินการมากขึ้น เนื้อหาของกฏหมายฉบับนี้ กำหนดให้มี 2 ศาล คือศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ หากผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปด้วยประการใด คดีก็หยุดพักการพิจารณาไว้ได้โดยไม่ขาดอายุความเหมือนคดีอาญาทั่วไป จนกว่าได้จะได้ตัวผู้นั้นมา ศาลนี้แตกต่างจากศาลอื่นที่ใช้ระบบไต่สวน ไม่ใช่กล่าวหาว่ามีการกระทำความผิด แล้วนำสืบให้ศาลเห็น แต่ศาลอาจเรียกหรือให้นำพยานหลักฐานต่าง ๆ ตามที่ศาลมีความเห็นเข้าไปสู่กระบวนการพิจารณาได้ น่าชื่นชมยินดีที่จะได้มีกระบวนการยุติธรรมเฉพาะในการจัดการกับบุคคลและกระบวนการทุจริตที่นับวันจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น การทุจริตคอรัปชั่นในสังคมไทย โดยเฉพาะในระบบราชการและการเมืองไทยมีมายาวนานและต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งจนฝังรากลึกไปนานแล้วเหมือนกัน กฏหมายฉบับนี้ ต้องถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิรูปปัญหาคอรัปชั่น เมื่อมีศาลชำนาญการโดยเฉพาะอย่างนี้ คดีทุจริตคอรัปชั่นก็ย่อมที่จะพิจารณาได้รวดเร็ว คนโกงหรือข้าราชการที่ประพฤติมิชอบก็จะลดน้อยถอยลง น่ากังวลอยู่ที่ว่า เมื่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตั้งมานานวันเข้า ความเติบใหญ่ขององค์กรก็จะเติบโตเป็นเงาตามตัว ทั้งผู้พิพากษาตุลาการ พนักงาน อาคารสถานที่และเมื่อนั้นศาลนี้ก็จะใหญ่โตขึ้นเพื่อรองรับกับดคีอาญาทุจริตประพฤติมิชอบ เรื่องที่น่ากังวลต่อไปก็คือ ถ้าปรากฏว่าการทุจริตคดโกงลดน้อยถอยลงไปได้จะมากหรือน้อยก็ตาม ใครไปใครมา,ใครเห็นใครอาจพูดว่าเมืองไทยน่ากลัวที่มีศาลปราบคนโกง เพราะมีคนทุจริตคิดมิชอบ และน่ากังวลมากยิ่งขึ้น ถ้าหากศาลนี้ มีคดีความมากมายที่ขึ้นไปสู่ศาล เพราะนั่นหมายถึงว่าแม้จะมีศาลปราบโกง ก็ยังมีคนโกงมากมาย ที่มา thaitribune
Create Date : 26 มิถุนายน 2559 |
Last Update : 26 มิถุนายน 2559 17:48:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 249 Pageviews. |
|
|