พล.อ.ประวิตรประชุมรับมือสงกรานต์จับยึดรถคนเมา-ปราบมาเฟียทุกพื้นที่ตลอดไปยันไม่ละเมิดสิทธิ์จับเฉพาะกล



พล.อ.ประวิตรประชุมรับมือสงกรานต์ลดอุบัติเหตุ จับและยึดรถคนเมา ย้ำปราบมาเฟียตลอดทุกพื้นที่ ยืนยันไม่ละเมิดสิทธิ์ไม่ได้จับคนทั่วไปแต่จับพวกมีบัญชี ไม่เกี่ยวการเมือง จัดหลักสูตรอบรมทำความเข้าใจไม่ได้เชิญนักการเมืองเข้าค่ายทหาร นักการเมืองไม่ได้ทำผิดไม่ได้พูดผิดใครจะเชิญมาคุย

 

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2559 ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัย และลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี2559 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พร้อมด้วยพลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม,พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม, ผบ.สส.,ผบ.3 เหล่าทัพ,ผบ.ตร.  พร้อมกันนี้ยังมีการประชุมทางไกลกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผบ.ตำรวจภูธรจังหวัด ด้วย

ภายหลังการประชุมพล.อ.ประวิตรกล่าวว่าขณะนี้ทุกหน่วยงานมีการประชาสัมพันธ์เร่งรัดประชาชนให้มีจิตใต้สำนึก และความรับผิดชอบในเรื่องการใช้ท้องถนนมากขึ้น โดยมีการสั่งการตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดจนไปถึงกำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งหน่วยงานทั้งหมดต้องมีการบูรณาการ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบว่าต้องมีความระมัดระวังในการเดินทาง และการใช้ถนนเพื่อลดอุบัติเหตุ อาทิ กระทรวงคมนาคมจะต้องดูแลเรื่องสภาพรถโดยสาร เครื่องบิน รถไฟ รวมทั้งผู้ขับขี่จะต้องตรวจสอบสภาพความพร้อมก่อนเดินทาง เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่จะดำเนินการตลอด เพราะที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้งทั้งการขับรถเร็ว เมาสุรา และไม่สวมหมวกนิรภัย เป็นต้น

สำหรับมาตรการดังกล่าวจะเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมาย โดยตนได้กำชับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งหน่วยทหารที่เกี่ยวข้องจะต้องบังคับใช้คำสั่ง คสช.ที่ 46/2558 เกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะอย่างเต็มที่ เช่น การยึดใบขับขี่ การยึดรถของคนที่ไม่มีความพร้อมจะสามารถเดินทางไปได้ ขณะเดียวกันก็มีการตั้งด่านตรวจเพื่อชะลอความเร็วของรถ ทั้งยังเป็นด่านตรวจความมั่นคงด้วย เพราะมีการทำงานร่วมกันทั้งตำรวจ และทหาร เป็นต้น

ปราบกลุ่มอิทธิพลทำตลอดไป-ไม่เกี่ยวกับการเมือง

รองนายกฯกล่าวถึงความคืบหน้าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลว่า ตนอยากย้ำว่าการปราบปรามผู้อิทธิพลจะไม่สิ้นสุดในเดือนเมษายนนี้ แต่จะดำเนินการไปตลอด ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเราได้มีการดำเนินการต่อคนกระทำความผิดอย่างชัดเจน อีกทั้งยังไม่ได้สรุปผลว่าดำเนินการไปเท่าใดแล้ว เราได้ดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทุกพื้นที่ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงพื้นที่ใด

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 13/2559 เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อย หรือบ่อนทำลายเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อยากย้ำว่าไม่ได้ให้อำนาจทหารบังคับใช้กฎหมายมากเกินไป แต่ต้องประสานงานกับตำรวจในพื้นที่ด้วย อีกทั้งการลงพื้นที่จะต้องมีการรายงานผลทุกครั้ง

ส่วนที่วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่สามารถตรวจค้นได้โดยที่ไม่มีหมายศาลนั้นขอชี้แจงว่าเราไม่ได้จับกุมบุคคลทั่วไป แต่จะดำเนินการเฉพาะบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ก่อนแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า มาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพลจะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่มี ไม่เกี่ยวกับการเมืองเลย เพราะการทำประชามติ ถ้าใครเห็นชอบก็ลงไป ถ้าไม่เห็นชอบก็ไม่ต้องลง”

นักการเมืองหน้าเดิมๆต้องจัดหลักสูตรอบรม

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงหากมีนักการเมืองที่วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ แล้วถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เชิญตัวไปอบรมตามหลักสูตรอบรมว่าประเด็นนี้ คสช.เป็นผู้ดำเนินการ เห็นได้ว่านักการเมืองที่ถูกเชิญไปพูดคุยมีแต่คนหน้าเดิมๆ ที่ไม่ค่อยเข้าใจ ฉะนั้นเราจะต้องทำให้พวกเขามีความเข้าใจให้ได้

“หลักสูตรอบรมนักการเมืองนั้นกำลังจะเริ่มดำเนินการ ผมอยากบอกว่าหลักสูตรนี้ไม่ใช่เป็นการเอาตัวนักการเมืองมาเข้าค่ายทหารแต่อย่างใด เพียงแต่การเชิญนักการเมืองมาอบรมนั้นต้องมีสาเหตุ เพราะมีการแสดงความคิดเห็นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้นต้องเชิญมาชี้แจง ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปเชิญตัวมาอบรม เพราะทำไม่ได้ ผมบอกได้เลยว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ถ้าไม่ผิดจะเรียกมาทำไม”พล.อ.ประวิตรกล่าว

เมื่อถามว่าหากมีการพูดคุยแล้วไม่เข้าใจจะใช้มาตรา 44 ดำเนินคดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้นต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ที่เราทำอยู่ตอนนี้เป็นเพียงการทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้และเกิดความปรองดอง

5 ผู้ทรงคุณวุฒิร่างกฎกำลังสำรอง

พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำลังสำรองแห่งชาติโดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาผู้ทรงคุณวุฒิ 5คน จากหลายอาชีพเพื่อพิจารณาร่างกฎกระทรวงและระเบียบของกระทรวงกลาโหม ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติกำลังสำรอง พ.ศ. 2558 ที่ใช้ในขณะนี้ โดยคณะผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวมีจำนวน 5 คน ประกอบด้วยข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มองค์กรนายจ้าง นักวิชาการด้านกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มดังกล่าวจะถูกนำเสนอเพื่อพิจารณาในที่ประชุมอีกครั้งวันที่ 16ฤษภาคมนี้ เพื่อให้คณะกรรมการสำรองแห่งชาติพิจารณา

พล.อ.ปรีชากล่าวว่า การนำกำลังพลสำรองมาปฏิบัติงานมีอยู่ใน 5หมวดในร่างกฎกระทรวง มีทั้งในยามปกติในการช่วยเหลือด้านภัยพิบัติแก่ประชาชน อีกทั้งช่วงภัยสงคราม ในภารกิจป้องกันประเทศรวมและปฏิบัติงานตามความเชี่ยวชาญ ซึ่งกำลังพลสำรองที่จะถูกเรียกนี้จะมีอายุในถูกเรียกจำนวน 6 ปี โดยกลุ่มกำลังสำรองที่ถูกเรียกจะมีเงินเดือน สวัสดิการ และให้ชั้นยศ ทั้งยังเป็นประโยชน์แก่นายจ้างด้วย

ที่มา thaitribune




Create Date : 01 เมษายน 2559
Last Update : 1 เมษายน 2559 11:03:26 น. 0 comments
Counter : 257 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.