เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.ภ.นครสวรรค์ ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายคดีปล้นร้านปืนของ หจก.อินเตอร์อาร์ม ย่านวังบูรพา กรุงเทพฯ แล้วหลบหนีมาทางรถไฟบนขบวนที่ 51 ด่วนพิเศษ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กลางดึกที่ผ่านมา จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.สุกฤษฎิ์ บุญทรง รอง ผบก.ภ.นครสวรรค์ นำทีมตำรวจชุดสืบสวน สายตรวจ ทั้ง สภ.เมืองนครสวรรค์ และ สภ.หนองปลิง ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจรถไฟนครสวรรค์ ลงพื้นที่ตรวจสอบ

เวลาประมาณ 01.00 น.หรือเช้ามืดวันที่ 5 มีนาคม เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเข้าไปประจำจุดต่างๆ โดยรอบสถานีรถไฟนครสวรรค์ คาดว่ารถไฟขบวนที่ 51 จะถึงสถานีนครสวรรค์ ในเวลา 02.42 น. แต่ขบวนรถไฟมีความล่าช้ามาถึงสถานีในช่วงเวลา 02.53 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟได้ประสานกับพนักงานขับรถไฟไว้ล่วงหน้า ขณะที่รถไฟขบวนดังกล่าวเข้าสถานีหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เรียบร้อยแล้ว

เมื่อรถไฟขบวนที่ 51 เข้าถึงสถานีนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายได้เข้าตรวจค้นทั้ง 11 โบกี้ จนพบคนร้ายนั่งโดยสารมาโบกี้ที่ 6 เป็นห้องผู้โดยสารชั้น 3 ชื่อ Mr.Yang Zheng ( เจิ้ง หยาง)อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ถือหนังสือเดินทางเลขที่ E 28994691 ขณะเข้าจับกุมคนร้ายได้หลับอยู่ จึงควบคุมตัวลงมาจากขบวนรถไฟเพื่อทำการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับการปล้นปืนในตัว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายเจิ้ง หยาง ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.หนองปลิง และเวลา 05.00น. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวนครสวรรค์นำตัวส่งไปสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว

จักรทิพย์บอกไม่เกี่ยวก่อการร้าย-อุยกูร์

ต่อมาพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าสอบปากคำนาย เจิ้ง หยาง  ผู้ต้องหาที่เชื่อว่าเป็นหัวหน้าสั่งการ หลังจากถูกตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ควบคุมตัวได้ที่สถานีรถไฟนครสวรรค์ คาดว่าเตรียมหลบหนีไปที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อเดินทางออกนอกประเทศ

พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า การควบคุมตัวนาย เจิ้ง หยาง มาสอบปากคำนั้นยังไม่ใช่เป็นการปิดคดี เชื่อว่ายังมีผู้ให้การสนับสนุนขบวนการดังกล่าว เบื้องต้นไม่ใช่เป็นขบวนการก่อการร้าย และ ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการก่อเหตุของชาวอุยกูรย์  แต่ในส่วนเส้นทางการหลบหนีต้องตรวจสอบก่อนว่า จะมีคนไทยให้การสนับสนุนหรือไม่  พร้อมมั่นใจว่าหลักฐานทั้งหมดที่มีสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้

นอกจากนี้มีคำสั่งให้ตำรวจน้ำดำเนินการค้นหาพยานหลักฐานโดยเฉพาะวิทยุการสื่อสารที่ผู้ต้องหาโยนทิ้งในคลองผดุงกรุงเกษม ใกล้กับสถานีรถไฟหัวลำโพง อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมด โดยเฉพาะในเรื่องเส้นทางการหลบหนี และที่มาของการเตรียมอาวุธก่อเหตุปล้น รวมทั้งหลังจากได้อาวุธในการปล้นจะนำไปก่อเหตุในพื้นที่ใด

หลังจากสอบปากคำเบื้องต้นเสร็จสิ้น ตำรวจได้คุมตัวนายเจิ้ง หยาง ออกมาจากกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว บริเวณศุภชลาศัย เดินทางไปที่คลองผดุงกรุงเกษม ในระหว่างที่พาตัว นายเจิ้งไปจุดทิ้งวิทยุสื่อสารในคลองผดุงกรุงเกษม มีสีหน้าเรียบเฉยและแสดงท่าทางสับสนจำไม่ได้ว่าทิ้งบริเวณช่วงใด ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตัวไปสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล

หิ้วทีมปล้นปืนทำแผน-ฝากขัง-ส่งตัวเข้าเรือนจำ

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 5 มีนาคม พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผกก.สน.สำราญราษฎร์ พร้อมกำลังตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ เบิกตัว นายหม่า เกิง อายุ 34 ปี และ นายหลี่ คุณเผิง อายุ 26 ปี ทั้งคู่สัญชาติจีน สองผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ หลังร่วมกับ นายเจิ้ง หยาง อายุ 30 ปี (หัวหน้าแก๊ง) นายซุน จุ้นเหว่ย อายุ 27 ปี (ได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อายัดตัวไว้) และ นายหวู๋ ซิ่งจุน อายุ 40 ปี (เสียชีวิต) เป็นเพื่อนร่วมขบวนการชาวจีน ก่อเหตุปล้นอาวุธปืนจากร้านขายปืนห้างหุ้นส่วนจำกัด อินเตอร์อาร์ม เลขที่127/17 โครงการสามยอดพลาซ่า แขวงบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ จุดเกิดเหตุ รวม 4 จุด

การทำแผนครั้งวนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. และ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.6เดินทางมาร่วมควบคุมดูแลการทำแผนในครั้งนี้ด้วย โดยใช้เวลาในการทำแผนประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า การทำแผนวันนี้ ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และสอดคล้องกับคำให้การของผู้ต้องหา และตนได้พูดคุยกับทางสถานทูตจีน ซึ่งยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุทั้งหมดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง และการก่อการร้ายแต่อย่างใด เนื่องจากชาวจีนจะไม่กระทำการลักษณะดังกล่าวนอกประเทศของตน

ขณะที่ นายฐิติธร บูรพพาร์มณีย์ นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจอาวุธปืนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เดิมทีสมาคมฯ มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอยู่แล้ว ทั้งนี้สมาคมจะมีกลุ่มไลน์ สำหรับส่งข้อมูลต่างๆอาทิ การแจ้งบุคคลต้องสงสัยที่เข้ามาภายในบริเวณร้านค้า อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ สมาคมได้เฝ้าระวังกลุ่มชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการเน้นย้ำให้ทุกร้านค้า ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดใหม่ เพื่อทดสอบการทำงานของกล้องวงจรปิดด้วย

ตำรวจขอหมายจับหัวหน้าแก๊ง 4 ข้อหา

รายงานข่าวแจ้งว่า นายเจิ้ง หยาง ที่เพิ่งถูกตำรวจท่องเที่ยวจับกุมตัวได้นั้น ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ขออนุมัติหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 472/1559 ลงวันที่ 5 มี.ค. 2559ข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ, พยายามฆ่า, พกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และครอบครองวิทยุสื่อสารคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต เอาไว้แล้ว และอยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทำการสอบปากคำ

ต่อมาเวลา 12.40 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ได้ควบคุมตัว นายหม่า เกิง นายหลี่ คุณเผิง และ นายซุน จุ้นเหว่ย มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก พร้อมกับยื่นขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากพวกผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ทั้งเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ หากปล่อยชั่วคราวเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี

ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาผ่านล่ามภาษาจีนแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ขึ้นรถไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

หิ้วนักธุรกิจจีนที่ภูเก็ตสอบโยงแก๊งจีนปล้นปืน

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 5 มีนาคม พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.สมคิด บุญรัตน์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต และ พ.ต.ท.อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ สว.สทท.2 กก.5 บก.ทท. ควบคุมตัว

นายซู ซู อายุ 30 ปี สัญชาติจีน จากวิลล่าเมอเดก้า หมู่ 2 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สอบปากคำที่ สภ.ถลาง หลังสืบทราบว่า นายซู ซู อาจมีส่วนเกี่ยวข้องเปิดการใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือให้กับหนึ่งในผู้ต้องหาชาวจีนที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นปืนที่ย่านวังบูรพา กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 4มีนาคม

การสอบปากคำใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง นายซู ซู ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เบื้องต้นยอมรับว่า เป็นคนเปิดหมายเลขโทรศัพท์มือถือให้กับเพื่อนชาวจีน แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุดังกล่าว

พล.ต.ต.ธีรพล ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยว่า การควบคุมตัว นายซู ซู มานั้นไม่ได้เป็นการจับกุม แต่เป็นการเชิญตัวมาสอบสวน เนื่องจากที่ชุดเฉพาะกิจส่วนกลางได้สืบสวนพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปล้นปืนของแก็งชาวจีนที่กรุงเทพฯ เพราะมีชื่อเป็นเจ้าของซิมโทรศัพท์ที่กลุ่มคนร้ายใช้ จึงประสานมายังภ.จว.ภูเก็ต เพื่อเข้าเชิญตัวมาสวบสวน

เบื้องต้น นายซู ซู ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยมีการซื้อซิมโทรศัพท์ในประเทศไทยเป็นล็อตใหญ่ จำนวนครั้งละมากๆ ส่งให้บริษัททัวร์ เพื่อจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวจีนใช้เมื่อเดินทางมาประเทศไทย คนร้ายจึงเอาซิมนี้มาใช้ ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า นายซู ซู มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ จึงต้องนำตัวไปสอบสวนเพิ่มที่กรุงเทพฯ

ส่วนเรื่องซิมโทรศัพท์ที่นำไปจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวจีนใช้คราวละมากๆ โดยไม่เป็นการลงทะเบียนผู้ใช้ที่ถูกต้องนั้น แน่นอนว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ส่วนเรื่องแผนที่ที่พบในบ้านของกลุ่มคนร้ายมีการวงกลมไว้ที่ภูเก็ตและเชียงใหม่ซึ่งอาจเป็นเป้าหมายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภูเก็ตและทุกหน่วยงานไม่กังวล เพราะมีมาตรการตรวจสอบป้องกันอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยหย่อนในด้านมาตรการความปลอดภัยอยู่แล้ว สำหรับ นายซู ซู เข้ามาประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2015 วีซ่าอนุญาตให้อยู่ถึง 27 สิงหาคม 2015 จากนั้นได้ยื่นต่อวีซ่าเพื่อขอทำธุรกิจต่อที่ กก.2 ตม.1 ได้รับอนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2016 และมาทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งใน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ก่อนหน้านี้ นายซู ซู มีชื่อภาษาไทยว่า "โป้ง" เคยทำงานบริษัททัวร์ที่เมืองกวางโจ สาธารณรัฐประชาชนจีน จนกระทั่งเข้ามาทำงานที่ จ.ภูเก็ต

ที่มา thaitribune

Create Date : 06 มีนาคม 2559
Last Update : 6 มีนาคม 2559 16:51:32 น.		0 comments
Counter : 296 Pageviews.
Share Tweet