วันอาภากรกับวันอาภากรรำลึกคือวันสิ้นพระชนม์และวันประสูติของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ประกาศของกรมหลวงชุมพรฯระบุว่า กู กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้เป็นโอรสของพระปิยะมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเนื้อเอาชีวิตเข้าแลกไว้ ไอ้อีผู้ใด มันคิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤากระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือนร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดคิดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว วันอาภากร ตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466) ซึ่งเป็นที่เคารพของทหารเรือไทย ในฐานะที่ทรงเป็นผู้วางรากฐานและพัฒนากิจการกองทัพเรือไทย จัดตั้งฐานทัพเรือ โรงเรียนนายเรือ เป็นต้น กองทัพเรือไทยกำหนดให้วันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันอาภากร พร้อมกับขนานพระนามพระองค์ท่านเป็น"พระบิดาของกองทัพเรือไทย" ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 วันอาภากรรำลึก ตรงกับวันที่ 19 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันประสูติของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระประวัติกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าลูกยาเธอใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ราชสกุลวงศ์เป็น พระองค์ที่ 28 ทรงพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงศ์ ประสูติใน พระบรมมหาราชวัง เมื่อเดือนอ้ายปีมะโรง วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พุทธศักราช 2423 เป็นพระลูกเจ้ายาเธอพระองค์ที่ 1 ในเจ้าจอมมารดา โหมด ธิดาเจ้าพระยา สุรวงษ์ ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงมีพระกนิษฐาและพระอนุชา อีก 2 พระองค์ คือพระองค์เจ้าหญิง อรองค์ อรรคยุพา สิ้นพระชมน์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และพระองค์เจ้าสุริยง ประยุรพันธ์ ดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมหมื่นไชยา ศรีสุริโยภาสแล้วจึงสิ้นพระชมน์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวง ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงได้รับการศึกษาขั้นแรกในพระบรมมหาราชวังมีพระยาอิศพันธ์โสภณ (พูน อิศรางกูร) เป็นพระอาจารย์ทรงศึกษาภาษาอังกฤษกับ นายโมแรนท์ ชาวอังกฤษ และได้เป็นนักเรียนในโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ทรงศึกษาอยู่ ต่อมาเมื่อปีมะเส็งพุทธศักราช 2436 พระชนม์มายุย่าง 13 พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมชนกนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการที่ประเทศอังกฤษพร้อมกับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้นทรงพระยศเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าชาย มหาวชิราวุธ และได้เสด็จประทับศึกษาวิชาการเบื้องต้นร่วมกันจนถึงสมัยเมื่อจะทรงศึกษาวิชาการเฉพาะ พระองค์เสด็จในกรมฯจึงได้ทรงแยกไปศึกษาวิชาการทหารเรือนับเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์แรกของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงศึกษาวิชาการทหารเรือในต่างประเทศ ในระหว่างที่ทรงศึกษาวิชาการทหารเรืออยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้นได้ทรงแสดงความสามารถในการเดินเรือ คือขณะเมื่อเป็นนักเรียนนายเรืออยู่นั้นประจวบกับเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรกในพ.ศ. 2440 เสด็จในกรมฯทรงขออนุญาตออกมารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยได้ทรงเข้าร่วมกระบวนเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เกาะลังกา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รับราชการตำแหน่งนักเรียนนายเรือ ในเรือพระที่นั่งมหาจักรี ภายในการบังคับบัญชาของกัปตันเรือพระที่นั่งและได้ทรงถือท้ายเรือพระที่นั่งมหาจักรีด้วยพระองค์เอง แสดงความสามารถให้ปรากฎแก่พระเนตร เสด็จในกรมฯได้เสด็จติดตาม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถ ไปในเรือพระที่นั่งจนถึงประเทศอังกฤษแล้วจึงโปรดเกล้าฯให้ทรงศึกษาวิชาการทหารเรือต่อไปทรงศึกษาในหลักสูตรชั้นสูงของโรงเรียนนายเรืออังกฤษนับเวลาที่ได้ศึกษาอยู่ในราชนาวีอังกฤษ 6 ปีเศษจึงได้เสด็จกลับประเทศไทยโดยทางเรือ เสด็จในกรมฯได้เสด็จลงเรือเมล์เยอรมันที่เมืองเยนัว วันที่10 พฤษภาคม 2443 เสด็จพักแรมที่สิงค์โปร์หนึ่งคืนแล้วจึงเสด็จออกสิงคโปร์โดยเรือเมล์เช่นเดียวกันถึง ปากน้ำเจ้าพระยาจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา ออกไปคอยรับเสด็จที่สมุทรปราการแล้วประทับรถไฟสายปากน้ำจากสมุทรปราการเข้ามายังพระนคร งานอดิเรก เสด็จในกรมฯ ทรงสนพระทัยใน กีฬามวยและ กระบี่กระบอง กีฬาแล่นใบในทะเล ก็นับว่าทรงโปรดมากที่สุด ในด้านการดนตรี ก็ทรงมีความสามารถชำนาญทาง ดนตรีดีดสีตีเป่า ทั้งดนตรีไทยและดนตรีสากล การขับร้องเพลงไทย ทั้งยังทรงนิพนธ์บทเพลงเองก็มี โดยเฉพาะบทเพลงที่ทรงนิพนธ์เกี่ยวกับวิชาทหารเรือนั้น มีสาระสำคัญในการปลุกใจให้เข้มแข็ง ส่งเสริมกำลังใจให้มีความรักชาติ รักหน้าที่ รักเกียรติ รักวินัย รักหมู่คณะ และให้เกิดความมุมานะ กล้าตายไม่เสียดายชีวิตในยามศึก บทเพลงชองพระองค์ท่านนั้นเป็นที่ จับใจของผู้ฟัง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นทหารเรือ แม้ปัจจุบันจะมีเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ อีกหลายเพลงใน ทำนองเดียวกันนี้ แต่หาได้เป็นที่ซาบซึ้งในอย่างเพลงของพระองค์ท่านไม่ ฉะนั้น จึงได้จดจำ และร้องต่อ ๆ กันมาจนกลายเป็นเพลงประจำของทหารเรือและบรรดาทหารเรือทั้งหลายก็รับไว้เป็นอนุสรณ์แห่งพระองค์ท่านโดยเฉพาะ " เพลงดอกประดู่ " และเพลง " เกิดมาทั้งที " ที่มา thaitribune
Create Date : 19 พฤษภาคม 2559 |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2559 21:09:26 น. |
|
0 comments
|
Counter : 237 Pageviews. |
|
|