ศักดิชัย กาย ชวดมรดก 300 ล้าน ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้เป็นโมฆะชี้มีพิรุธหลายข้อ
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้พินัยกรรมมรดกตระกูล ณ ป้อมเพชร โอนให้ ศักดิ์ชัย กายบก.นิตยสารลิปส์ 300 ล้านบาทเป็นโมฆะ ชี้มีพิรุธหลายข้อ ทำให้ศักดิ์ชัย กาย หมดสิทธิ์รับมรดกทันที เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2559 มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ศาลแพ่งได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ 2942/2550 ที่ นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการบริหาร นิตยสารลิปส์ เป็นจำเลย เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนทำลายพินัยกรรม ที่ นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร ยกทรัพย์ได้แก่ที่ดินจำนวน 3 ไร่ แขวงทุ่งวัดดอน เขตยานนาวา กทม. พร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเลขที่ 3G คอนโดมิเนียมการ์เด้นคลิฟ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ให้แก่จำเลย คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2548 นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร บิดาโจทก์ อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ,จำเลยกับพวกได้ร่วมกันทําหนังสือฉบับหนึ่ง ระบุว่า เป็นพินัยกรรม มีข้อความว่า นายวิวรรธน์ มีคำสั่งให้ยกเลิกพินัยกรรมเดิมของนายวิวรรธน์ ที่ทํามาก่อนหน้านี้ และต้องการยกทรัพย์สินคือที่ดิน 3 ไร่ ย่านยานนาวา กทม. พร้อมอาคารและสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งห้องชุดเลขที่ 3G คอนโดมิเนียมการ์เด้น คลิฟ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่ากว่า 300 ล้านบาทให้แก่จำเลย ต่อมาวันที่ 16 ก.ย. 2549 นายวิสูตร กาญจนปัญญาพงศ์ พยานผู้ลงลายมือชื่อในพินัยกรรม ได้มีหนังสือถึงโจทก์ให้ดำเนินการขอรับพินัยกรรมจากสำนักงานเขตราชเทวี เพื่อดำเนินการตามข้อกำหนดในพินัยกรรม ทั้งที่โจทก์และทายาท รวมทั้งญาติพี่น้องของนายวิวรรธน์ ไม่มีใครทราบมาก่อนว่า นายวิวรรธน์ ได้ทําพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้น รวมทั้งไม่มีใครรู้จัก นายสุทิน โชติสิงห์ และ น.ส.ศจีมาศ อภิชโยดม นายวิสูตร กาญจนปัญญาพงศ์ ซึ่งลงชื่อเป็นพยาน และผู้พิมพ์ ตลอดจนสำนักกฎหมายธรรมนิติ ทั้งที่พินัยกรรมฉบับนี้ไม่ใช่พินัยกรรมลับ เพราะนายวิวรรธน์ มิได้ผนึกซองพินัยกรรมและลงลายมือชื่อด้วยตัวเอง แล้วนำซองพินัยกรรมไปแสดงต่อผู้อำนวยการเขตราชเทวีหรือผู้กระทําการแทน นอกจากนี้ ในพินัยกรรมดังกล่าวยังไม่มีแพทย์รับรองว่า นายวิวรรธน์ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ในขณะทําพินัยกรรม ทั้งลักษณะลายมือชื่อของนายวิวรรธน์ในพินัยกรรม ก็ไม่ใช่ลายมือที่แท้จริง เชื่อว่า นายวิวรรธน์ ไม่มีเจตนาอันแท้จริงจะยกทรัพย์สินให้จำเลย พินัยกรรมดังกล่าวจึงเป็นพินัยกรรมปลอม ไม่มีผลตามกฎหมาย การกระทําของจำเลยซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นญาติ หรือครอบครัวกับนายวิวรรธน์ หรือตระกูล ณ ป้อมเพชร ทําให้โจทก์กับทายาทได้รับความเสียหาย ไม่สามารถดำเนินการรับทรัพย์มรดกของนายวิวรรธน์ ที่แบ่งให้กับทายาทคนอื่นได้ จึงขอให้ศาลโปรดมีคำสั่งทําลายพินัยกรรมปลอมฉบับดังกล่าวด้วย ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่าย จากพยานหลักฐานโจทก์ 5 ปาก และพยานจำเลย 6 ปาก นำเข้าสืบหักล้างและพยานผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบลายมือชื่อแล้ว ฟังได้ว่า พินัยกรรมฉบับดังกล่าวที่นายวิวรรธน์ทำขึ้น ซึ่งเป็นเอกสารลับนั้น เป็นเอกสารที่ถูกต้องแท้จริง พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์-ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าพินัยกรรมของ นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร ฉบับลงวันที่ 21 ธันวาคม 2548 เป็นโมฆะ จำเลยฎีกา-ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ จำเลยยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พินัยกรรมที่ทำขึ้นมีพิรุธ โดยได้ความจาก นายวิสูตร กาญจนปัญญาพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สำนักกฎหมายธรรมนิติ จำกัด พยานจำเลยว่า ปกติในการทำพินัยกรรมจะมีการบันทึกวิดีทัศน์และถ่ายรูป ขณะทำพินัยกรรมไว้ แต่ในขณะที่นายวิวรรธน์ทำพินัยกรรมไม่ได้มีการบันทึกวิดีทัศน์หรือถ่ายรูปไว้ ทั้งที่พยานสามารถเตรียมการให้มีการบันทึกวิดีทัศน์และถ่ายรูปไว้ในขณะทำพินัยกรรม แต่กลับไม่ดำเนินการ จึงเป็นพิรุธว่า ในวันที่ 21 ธ.ค. 2548 ได้มีการทำพินัยกรรมจริงหรือไม่ และลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมยังไม่อาจชี้ชัดว่าเป็นลายมือชื่อของผู้ตายหรือไม่ เมื่อพิจารณาเอกสารอื่นๆ ที่ผู้ตายเคยลงชื่อไว้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับช่วงที่มีการทำพินัยกรรมลายมือชื่อมีลักษณะปรากฏเพียงส่วนของชื่อและชื่อสกุล เขียนสั้นไม่ยาวนัก แต่ปรากฏว่า การลงลายมือชื่อในพินัยกรรมและลายมือชื่อหลังซองบรรจุพินัยกรรม กลับเป็นลายมือชื่อที่เขียนทั้งชื่อและชื่อสกุลที่มีความยาวมากกว่า ตามชื่อและชื่อสกุลว่า วิวรรธน์ ณ ป้อมเพชรซึ่งแตกต่างออกไปเป็นพิรุธ ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรม เป็นของผู้ตาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2550 นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการบริหาร นิตยสารลิปส์ เป็นจำเลย เพื่อให้ศาลมีคำสั่งทำลายพินัยกรรมของ นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร ผู้เป็นบิดา เนื่องจากเชื่อว่ามีการแอบอ้างใช้พินัยกรรมปลอม พลิกปูมศักดิ์ชัย กายจากแนวร่วม กปปส.สู่จำเลยคดีพินัยกรรมตระกูลดัง //www.isranews.org/isranews-scoop/item/37410-sakchaiguy_888.html ที่มา thaitribune
Create Date : 16 มิถุนายน 2559 |
Last Update : 16 มิถุนายน 2559 15:22:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 289 Pageviews. |
|
|