วัยรุ่นเยอรมัน-อิหร่านวัย 18 กราดยิงที่ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์เมืองมิวนิคตาย 9 เจ็บ 21 คนจากนั้นฆ่าตัวตาย



ตำรวจเผยวัยรุ่นเยอรมัน-อิหร่านลงมือกราดยิงผู้คนด้านหน้าภัตตคารแมคโดนัลด์ในช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ เมืองมิวนิค เยอรมนีสังหารผู้คน 9 รายบาดเจ็บกว่า 20 คน ก่อนฆ่าตัวตาย ตำรวจระบุเป็นการกระทำของคนๆเดียว สาเหตุยังไม่ชัดเจนว่ามีแรงจูงใจอะไร

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนีว่าเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.วันที่ 22 กรกฎาคม 2016 (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง)เหตุเกิดที่ศูนย์การค้าโอลิมเปีย (Olympia-Einkaufszentrum)มือปืนได้กราดยิงผู้คนในบริเวณดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 คนบาดเจ็บอีกกว่า 20 คนจากนั้นมือปืนได้ฆ่าตัวตาย  สาเหตุของการลงมือยังไม่ชัดเจนว่าได้รับแรงจูงใจอะไรจึงเกิดโศกนาฎกรรมขึ้นมา

จากการรายงานเพิ่มเติมพบว่ามือปืนรายนี้อายุ 18 ปีเป็นวัยรุ่นที่เกิดในเยอรมนีเชื้อสายอิหร่านจึงเรียกกันว่าเยอรมัน-อิเรเนียน

เขาเปิดฉากยิงผู้คนบริเวณด้านหน้าภัตตาคาร McDonald's ในช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์แห่งนั้นแบบไม่ยั้งมือ ก่อนที่จะเดินคืบเข้าไปในช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์  โดยมีผู้คนวิ่งหนีเอาตัวรอด

เจ้าหน้าที่ได้ส่งกำลังประมาณ 2,000 นายเข้าระงับเหตุและควบคุมพื้นที่

หลังเกิดเหตุ ทางการมิวนิคสั่งระงับการให้บริการของระบบขนส่งมวลชนและอพยพคนออกจากสถานีรถไฟขนาดใหญ่ที่บริการผู้คนวันละ 1.4 ล้านคน หลายชั่วโมงถัดมาจึงได้เปิดใช้งานอีกครั้ง ทำให้มีผู้คนพลายพันคนตกค้างอยู่ตามที่ต่างๆไม่สามารถกลับบ้านได้ แต่ก็มีชาวบ้านหลายรายให้ที่พักหลบภัยกับคนจำนวนหนึ่ง

ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์ที่มีวัยรุ่นผู้อพยพเข้าเมืองซึ่งกำลังขอเป็นผู้อาศัยอยู่ถาวรในเยอรมนีใช้มีดแทงประชาชนบนรถไฟบาดเจ็บ 5 คนเมื่อวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม เหตุการณ์ดงกล่าวกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลามหรือไอเอสอ้างว่าตนอยู่เบื้องหลัง จากนั้นเจ้าหน้าที่ของเยอรมนีก็เตือนประชาชนว่าอาจมีเหตุร้ายเกิดขึ้นได้อีก

รายงานข่าวเปิดเผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้อยู่ใกล้กับหมู่บ้านโอลิมปิก (Olympic Village) ซึ่งในปี 1972 ก็เกิดเหตุระทึก เพราะมีคนร้ายจับตัวนักกีฬาโอลิมปิกอิสราเอล 11 คนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นตัวประกันจากนั้นทั้งหมดก็ถูกสังหารโดยมือปืน

 ที่มา thaitribune




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2559 16:03:01 น.
Counter : 272 Pageviews.  

นายกฯ เปิดร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ชี้คนไทยไปนอกแต่โจมตีรัฐบาล ผิดกฏหมายต้องให้กฏหมายจัดการ



นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 ยอมรับกดดันหลายเรื่องแต่ไม่โดดเดี่ยว เพราะมี รมต.-ข้าราชการร่วมเดินหน้าประชารัฐ ชี้สังคมวุ่นวายเหตุเพราะคนไม่เข้าใจทำไมมะกัน-อียูบอกไม่ค้าขายไทยทั้งที่เจรจากันตลอด ลั่นไม่ชอบคนไทยต่างแดนโจมตีนอกประเทศไม่ใช่คนไทย ยันไม่ยอมให้กลับประเทศถ้าไม่รับกฎหมาย ชี้ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมถ้าหวังกลับไทย

 

เมื่อวันที่  22 กรกฏาคม2559 ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดการประชุมและแสดงปาฐกถาพิเศษ ในการประชุมประจำปี 2559 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เรื่องร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและนายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการ สศช.ร่วมงาน

โดย พล.อ.ประยุทธ์แสดงปาฐกถาตอนหนึ่งว่า การจะทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ถือเป็นโอกาสสำคัญของชาติและคนไทยในช่วงที่จะเปลี่ยนผ่านประเทศ ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งวันนี้เรามีรถไฟขบวน 6-6-4 ไม่ต้องเอาตัวเลขไปทำอย่างอื่น ตัวเลขนี้หมายถึง 6 คือ ปียุทธศาสตร์ และ 6 ด้านปฏิรูป ส่วน 4 คือ ปียุทธศาสตร์เสริมซึ่งจะเป็นแผนระยะยาวที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เราต้องใช้โอกาสสำคัญนี้เปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีกว่าเดิมอย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤต เราต้องลดความเสี่ยงอนาคตให้ได้ ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน

“ทุกครั้งที่ถูกติดดอกไม้ตรงอกเสื้อ เวลาอยู่ข้างล่างไม่รู้สึกอะไร แต่พอขึ้นมายืนพูดบนเวที ผมรู้สึกเหมือนเป็นจำเลยที่ต้องทำงานให้สำเร็จ นั่นคือปัญหาของผม แต่ก็เป็นแรงผลักดันให้ผมต้องทำมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะรัฐมนตรี ข้าราชการ ช่วยกันทำ พลังประชารัฐก็เดินหน้าโดยตลอด เพียงแต่กดดันในหลายเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จในระยะแรก ขณะที่ยังบริหารราชการแผ่นดินในขณะนี้” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 12 จะต้องแก้ปัญหาเดิม ของ11 แผนที่ผ่านมาซึ่งทำไม่สำเร็จเพราะที่ผ่านมาทำงานไม่เป็นเชิงรุก ไม่ทำงานต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้รัฐบาลและ คสช.จะขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงโดยเร็ว หากทุกอย่างเรียบร้อยแผนนี้จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเดือน ต.ค.นี้ เป็นการกำหนดว่าประเทศจะเดินหน้าอย่างไรในช่วง 5 ปี และจะเห็นได้ว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากโรดแมปที่วางไว้ทั้งสิ้น ยืนยันว่าทุกอย่างยังเดินหน้าเว้นแต่บางเรื่องที่ทำไม่ได้ นั่นคือปัญหาของประเทศไทย

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายสร้างความเข้มแข็ง เพราะประเทศเราต้องสร้างความเข้มแข็งให้มากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันโดยขจัดอุปสรรคต่างๆ เพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งวันนี้รายได้ประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญสุด หากไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง นับวันรายได้จะน้อยลงเรื่อยๆ เพราะปัจจัยภายนอกและประเทศอื่นมีความเข้มแข็งมากขึ้น ดังนั้นไทยจะชะลอตัวอยู่ต่อไปไม่ได้ และอย่าให้ปัญหาอื่นมาทำสิ่งที่วาดฝันไว้ในอนาคตถูกทำลาย

นายกฯ กล่าวว่า ทุกวันนี้ไม่ใช่วันไหนตนไม่ได้พูดแล้วไม่ได้ทำงาน ทำทุกวัน เช้าถึงเย็น เวลาไปไหนก็ได้สั่งกลับมาตลอดที่ผ่านมา พวกเราไม่เคยทิ้งประเทศ ไม่เคยทิ้งพวกเราสักคน รับฟังความคิดเห็นตลอดไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ตนก็รับทั้งหมด เพราะถือว่าได้ประกาศไปแล้วว่าตนต้องรับผิดชอบ วันนี้อยากขอเพียงร่วมกับตนหน่อยว่าจะทำอย่างไร ลองคิดตามดูแล้วกัน ขณะที่คนในความหมายของสังคมไทย คนที่มันทำให้มันยุ่ง ถ้าเรียกมนุษษย์มันไม่เข้าใจ ถ้าเรียกคนมันวุ่นวายไปหมด มันอยู่ที่คน อยู่ที่คนให้มันดีก็แล้วกัน ถ้าคนดีมันก็ไม่มีความสับสนวุ่นวาย แบบหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ซึ่งตนบังคับใครไม่ได้ คนบังคับและคนที่ทำให้เกิดขึ้นได้ คือประชาชนทุกคน เพราะเป็นคนกำหนดวิถีทางประชาธิปไตยเป็นคนเลือกผู้แทนฯ เลือก ส.ส.เลือกพรรคการเมืองเป็นรัฐบาล อยู่ที่ท่านทั้งหมด ตนบังคับเขาไม่ได้ ตนตีกรอบให้ได้ ซึ่งมันควรเป็นรัฐบาลที่แล้วทำ

นายกฯ กล่าวว่า หลายประเทศที่มาก็มาชี้แจงถามว่า จะหลุดพ้นกับดักภายในกี่ปี สิ่งเหล่านี้ต้องกำหนดเวลา แต่เราเคยมีไหม ไม่มีหรอก วันนี้เราต้องมาช่วยกัน ตนไม่ได้รังเกียจนักการเมือง เพราะวันหน้านักการเมืองก็ต้องเข้ามาอีก ถ้าประชาธิปไตยไม่เอานักการเมืองมา แล้วจะเอาใคร กลไกมันเป็นอย่างนั้น ก็เตรียมตัวให้ดี ทั้งคนเลือก และคนถูกเลือก ทั้งนี้ตนได้นำ 37 วาระปฏิรูปบางส่วนมาทำแล้วบ้าง อันไหนยังทำไม่ได้มาวางไว้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้รัฐบาลหน้าทำต่อ เชื่อว่าถ้าทำแบบนี้จะไปได้หมด และนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นเข็มทิศนำทาง เพื่อให้มีภูมคุ้มกันที่ดี เดินอย่างระมัดระวัง ประมาณตัวเอง โดยคนเป็นศูนย์กลางพัฒนา และต้องเป็นคนดีที่มีคุณธรรม มีธรรมาภิบาล รู้ดีรู้ชั่ว เพื่อสังคม องค์กร รัฐบาล ข้าราชการที่มีจริยธรรม ธรรมาภิบาล ไม่ใช่ร้องเรียนกันไปกันมาตลอด

นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเราสร้างคนดีให้มีคุณภาพ สร้างสังคมให้มีจริยธรรม สร้างประเทศให้มีธรรมาภิบาลความวุ่นวายที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เรามีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆ จะลดลง เราจะมีที่ยืนบนเวทีโลก แต่ถ้าเรายังทะเลาะกันแบบนี้ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือแม้จะทะเลาะกันด้วยเรื่องที่เป็นเรื่องก็ตามต่างชาติเขาจะรู้ไหมว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ เขาไม่รู้ เขารู้แต่เรื่องความขัดแย้งเพราะสื่อทุกประเทศในโลกเป็นแบบนี้ เรื่องธรรมดาเขาจะไม่ค่อยให้ความสนใจ เพราะสื่อมีการแข่งขันในเวทีสื่อด้วยกัน ผมไม่ได้ว่าสื่อ แต่ท่านต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง อย่างอ่านข่าวในรถก่อนมาก็หงุดหงิด แต่ไม่อ่านก็ไม่ได้ ถ้าเราเชื่อทุกอย่างไม่อ่านก็โง่ แต่ถ้าเชื่อทุกอย่างก็บ้า เป็นกันแบบนี้ทุกคนต้องคิดใหม่ ไม่ว่าจะโลกโซเชียลมีเดียหรืออะไรต่างๆ บ้าหมดแหละ โมโหทุกทีที่เห็นอะไรที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงแล้วมาเขียนกัน ทำให้สังคมเกิดความเกลียดชังกันไปหมด ไอ้ที่พอจะดีอยู่ได้ก็เลวกันหมด มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ เราจะผลักให้สังคมเป็นข้างใดข้างหนึ่งแบบนี้ไม่ได้เราต้องหาตรงกลางให้เจอเราถึงจะเดินต่อไปได้ ไม่ใช่ว่าแยกคนไปทางโน้นทางนี้ เราต้องแยกคนด้วยกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น จะแยกด้วยความรู้สึกไม่ได้ อยู่กันแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป เราต้องร่วมมือและสามัคคีกัน ให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ทำให้ทุกอย่างเกิดความเท่าเทียม ทำให้ทุกคนเป็นคนดีคนเก่ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องบนไปถึงบนเวทีโลก สหประชาชาติ (ยูเอ็น) หลายเวที หลายพันธสัญญาเราอยู่ในเวทีโลก เดี๋ยวประธานสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (USABC) และคณะนักธุรกิจสหรัฐอเมริกาก็มาเข้าพบตน มา 3-4 ครั้งแล้ว แต่ทำไมเขาบอกว่าเขาไม่ค้าขายกับเรา ตนไม่เข้าใจ สหภาพยุโรป (อียู) ก็มา เขามากันทุกอาทิตย์ มาคุยเรื่องพัฒนาเศรษฐกิจการลงทุน และขอรับทราบมาตรการต่างๆ ของเรา ทั้งนี้เขาก็เข้าใจว่าเรากำลังปรับแก้กันอยู่ แต่ติดตรงที่ว่าประชาธิปไตยที่คนพูดกันเสียหาย ไม่ได้บอกว่าจะไปเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยเมื่อไหร่ เพียงแต่ขอเวลาทำให้ท่านนั้นเองไม่ได้เลย มีแต่ขยายความขัดแย้งไปเรื่อยแล้วแบบนี้เขาจะมาลงทุนกันไหม วันนี้เขาลงทุนกันมากกว่าเดิมผมจะบอกให้ มีคนบอกว่าเขามาลงทุนน้อยลงการเจริญเติบโตน้อยลง มันใช่ไหมลองไปดูข้อเท็จจริง ไม่เคยฟังตัวเลขแต่มาบอกว่าเป็นตัวเลขปลอมๆ จะมีไว้ทำไมข้าราชการยกเลิกให้หมด ให้ประชาชนมาบริหารกันเอง มีไหมระบบแบบนี้มีที่ไหนในโลก ทุกคนต่างเชื่อว่าประชาธิปไตยเป็นระบบที่ดี ผมก็เชื่อหากเราได้คนดีเข้ามาก็ดีแน่นอน คนที่ดูแลทุกคนทั้ง 70 ล้านคน ดูทุกอาชีพไม่ใช่ดูคนเป็นกลุ่มๆ

“รัฐบาลผมดูแลทุกคนจะดีไม่ดีผมก็ดูแลเขาเพราะเป็นคนไทยนี่นา แต่หลายคนเขาก็ปฏิเสธที่จะเป็นคนไทย ไปอยู่ข้างนอก โจมตีรัฐบาลทุกวัน แล้วเขาจะกลับมาได้อย่างไรผมถามหน่อย ถ้าคนทำผิดกฎหมายแล้วหนีใครจะให้กลับ เอาละผมไม่ให้กลับ ผมอยากให้ทุกคนเดินตรงกลาง ถ้ายอมรับกฎหมายก็กลับได้ไม่เป็นไร เพียงแต่ท่านต้องยอมรับ ถ้าไม่ยอมรับกฎหมายแล้วไปด่าประเทศโครมๆ พวกท่านยอมไหม ถ้าต้องการให้เป็นแบบเดิมก็เอาสิ ผมไม่ว่าหรอก เอากลับมาให้หมดกลับมาก็ไปตั้งแถวต้อนรับก็ได้ ผมไม่เคยเกลียดใครเลย แต่จะชอบหรือไม่ชอบก็เรื่องของผม เพราะผมก็ไม่ชอบคนแบบนี้เพราะผมเป็นทหารไง เมื่อลูกน้องทำความผิดก็ลงโทษแล้วจบ แต่ถ้าเถียงเมื่อไหร่ก็ไม่ได้ มาสู้กันในคดีหรือกระบวนการยุติธรรมก็มาสู้กัน” นายกฯ กล่าว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2559 15:08:32 น.
Counter : 251 Pageviews.  

เจ้าชายจอร์จแห่งอังกฤษครบ 3 พรรษาเผย 4 ภาพใหม่พระราชทานปวงชน



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าวันที่ 22 กรกฎาคม 2016 ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ประทานภาพของเจ้าชายจอร์จ 4 ภาพแก่สื่อมวลชน เนื่องในวันคล้ายวันประสูติครบ 3 พรรษา เป็นภาพที่ฉายขณะเจ้าชายจอร์จทรงสำราญพระอิริยาบถที่พระตำหนักแอนเมอร์ ฮอล์ (Anmer Hall)ในวังที่เมืองนอร์ฟอล์ก ภาพหนึ่งทรงเล่นกับสุนัขทรงเลี้ยงชื่อ"ลูโป"ด้วยการป้อนไอศครีมให้กิน

 

เจ้าชายวิลเลียม พระบิดาและเจ้าหญิงแคเธอรินพระมารดาส่งสารขอบใจไปยังบุคคลต่างๆที่ส่งคำอวยพรวันเกิดและความปรารถนาดีมายังโอรสองค์โตของพระองค์

เจ้าชายจอร์จทรงฉลองพระองค์ด้วยเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินเข้มสลับขาว เชื่อว่าเสื้อที่เจ้าชายจอร์จฉลองพระองค์นี้ในท้องตลาดจะขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว ส่วนอีกภาพหนึ่งฉลองพระองค์ตรงกลางยังมีภาพของปลาวาฬอีกด้วย

โฆษกวังเคนซิงตันเปิดเผยว่าทั้งดยุคและดัชเชสหวังว่าประชาชนคงพึงพอใจที่ได้เห็นภาพใหม่ของเจ้าชายจอร์จ “ทั้งสองพระองค์ขอขอบใจแก่ทุกคนที่ส่งสารมาอวยพรในวันครบรอบวันเกิด 3 พรรษาของเจ้าชาย”

รายงานข่าวเปิดเผยว่าภาพแรกถ่ายเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมนี้โดยช่างภาพชื่อ แมท พอร์เทียส (Matt Porteous) เจ้าชายเสด็จประทับบนชิงช้าไม่สวมรองเท้า บริเวณด้านหน้าของชิงช้าสลักชื่อพระบิดาและพระมารดาของเจ้าชายไว้ว่าWilliam & Catherine  อีกภาพทรงนั่งบนชิงช้าและมองมายังกล้องถ่ายภาพหน้าตรง

ภาพที่สามเจ้าชายจอร์จดำเนิน ส่วนภาพสุดท้ายทรงนั่งป้อนไอศกรีมแก่สุนัขลูโป้ที่ครอบครัวทรงเลี้ยง  

รายงานข่าวเปิดเผยว่าในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ เจ้าหญิงแคทเธอริน พระมารดาจะทรงจัดให้ด้วยการเชิญเพื่อนร่วมสถานเลี้ยงเด็กวัยก่อนเข้าเรียนจาก Westacre Montessori มาร่วมด้วย จากนั้นก็จะมีครอบครัวทุกพระองค์ พร้อมด้วยคุณยายแครอล มิดเดิลตัน, Maria Teresa Turrion Borrallo คนเลี้ยงเจ้าชายปัจจุบันและเสด็จปู่ ดยุคแห่งเอดินบะระ

การจัดงานวันเกิดครั้งนี้เป็นเรื่องไม่ยุ่งยากนักเพราะครอบครัวของเจ้าหญิงเคทก็ทำธุรกิจด้านนี้โดยตรง เจ้าหญิงอาจเชิญน้องสาว Pippa Middleton มาช่วยดำเนินการก็ได้

รายงานข่าวเปิดเผยว่าหลังจากนี้เจ้าชายจอร์จอาจเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นอาทิเช่นสวมเสื้อผ้าเองได้รวมทั้งตระเตรียมถ้วยซีเรียลเพื่อเสวยเองได้

ในสหราชอาณาจักร เด็กอายุ 3 ถึง 4 ปี จะได้รับการศึกษาฟรี 570 ชั่วโมงต่อปี โดยเด็กจะถูกส่งไปอยู่สถานเลี้ยงดู (childcare) และให้การศึกษา หรือในแต่ละสัปดาห์จะเข้าเรียนและได้รับการเลี้ยงดูประมาณ 15 ชั่วโมง   

ในเดือนกันยายน 2017 เจ้าชายจอร์จมีกำหนดเข้าเรียนตามภาคบังคับ โดยเจ้าชายวิลเลียมจะตัดสินพระทัยด้วยพระองค์เองว่าจะส่งเจ้าชายจอร์จไปเข้าเรียนที่ใด

เจ้าชายจอร์จมีพระนามเต็มว่า  Prince George Alexander Louis of Cambridge ประสูติวันที่ 22 กรกฎาคม 2013 เวลา 16.24 น.ที่โรงพยาบาลเซนต์ แมรี กรุงลอนดอน ในส่วนที่เรียกว่า the Lindo Wing ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 8 ปอนด์ 6 ออนซ์   

เจ้าชายจอร์จจะเป็นกษัตริย์อังกฤษในอันดับ 4 ต่อจากควีนส์เอลิซาเบธ ที่ 2 (ย่าทวด) ,เจ้าชายชาร์ลส์ (ปู่),เจ้าชายวิลเลียม (พ่อ)และพระองค์หรือนับเป็นกษัตริย์อังกฤษองค์ที่ 43 ตั้งแต่กษัตริย์ William the Conqueror ครองราชอังกฤษเป็นต้นมา

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2559 22:57:20 น.
Counter : 266 Pageviews.  

ผบ.ทบ.รายงานทำประชามติไม่น่าห่วง นายก ฯ ยันไม่ผ่านก็ร่างใหม่



นายกฯ ไม่ห่วงโค้งสุดท้ายประชามติ เผย ผบ.ทบ.รายงานสถานการณ์คงปกติ ยืนยันพร้อมเปิดพื้นที่ให้แสดงความเห็นต่อร่าง รธน. ตราบใดที่ไม่บิดเบือนความจริง ตีกันต้องช่วยรับผิดชอบ แย้มไม่ผ่านก็ร่าง รธน.ใหม่

 

เมื่อวันที่21 กรกฏาคม2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เข้าพบในช่วงเช้าวันเดียวกันว่า ผบ.ทบ.ได้รายงานความก้าวหน้าในการทำงาน ซึ่งต้องมีการรายงานเป็นระยะอยู่แล้วในฐานะที่เป็นเลขาฯ คสช. นอกจากนี้ยังรายงานความคืบหน้าการทำงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) รวมทั้งสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ เพราะตนต้องเตรียมการลงพื้นที่ภาคใต้ จ.นราธิวาส ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ ไม่มีประเด็นอื่น เพราะวันนี้สถานการณ์บ้านเมืองปกติ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงสถานการณ์โค้งสุดท้ายก่อนวันออกเสียงประชามติว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการและการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกคนต่างทำหน้าที่ เช่น คสช.ก็จะจัดให้มีการเลือกตั้ง ดูแลเรื่องความปลอดภัย รัฐบาลและ คสช.มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนในการเดินหน้าสู่การเป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องการ

เมื่อถามว่า มีมาตรการอย่างไรที่จะรับมือต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ นายกฯ กล่าวว่า ช่างเขา แล้วจะให้ไปทำอะไร กฎหมายก็มีอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องที่จะไปยุ่งอะไรกันมากนัก เพราะมีกฎหมายซึ่ง กกต.ดูแลอยู่ อย่าให้คนไม่กี่คนทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกลุ่มเครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใย ที่มีผู้ร่วมสนับสนุนทั้งนักวิชาการ นักการเมืองและจากภาคองค์กรต่างๆ เคลื่อนไหวเรียกร้องให้เปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ต่อร่างรัฐธรรมนูญก่อนถึงวันลงประชามติพล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังให้ กกต.พิจารณาอยู่ ถ้าเหมาะสมก็จะทำให้ การเปิดพื้นที่นั้นได้สั่งการไปแล้ว รอฟังก็แล้วกันแต่ต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ไม่ใช่เปิดเวทีแล้วตีกันอีก ถ้าอย่างนั้นตนไม่ให้ การเปิดพื้นที่นั้นตนมีความตั้งใจอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาเปิดแล้วก็ไม่ยอมรับกัน ถ้าตีกันอีกทุกคนต้องรับผิดชอบ เพราะตนได้ทำให้แล้ว ทำให้ทุกอย่างแต่ต้องมีลิมิต ตราบใดที่มีการพูดจาบิดเบือน ยุยง บ้านเมืองก็ไม่ปกติ ประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้ จะเอาทุกอย่างโดยไม่แก้ไขอะไรเลยคงไม่ได้

เมื่อถามต่อว่า กลุ่มเครือข่ายดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาล คสช.มีความชัดเจนถึงทางออกหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงประชามติ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ผ่านก็จะทำรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะทำอย่างไรก็ไม่รู้ ไปว่ากันมา ผมไม่อยากให้คำพูดของผมถูกเก็บไปพิจารณาว่าจะให้รัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่าน เป็นเรื่องของประชาชน แต่ถ้าไม่ผ่านก็ร่างใหม่”

 เมื่อถามอีกว่า เป็นไปได้หรือไม่หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะเปิดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเหมือนปี 2540 เข้ามาทำหน้าที่โดยประชาชนมีสิทธิร่วมร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “อย่ามาบังคับผม ผมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร จะบังคับผมทุกอย่างทั้งเลือกตั้ง และเรื่องอื่นๆ คือสรุปแล้วจะเข้าสู่อำนาจอย่างเดียว แต่ไม่ยอมแก้ไขอะไรสักเรื่อง ถ้าท่านไม่ให้ผม ผมก็ไม่ให้ท่าน ต่างคนต่างก็หาตรงกลางให้เจอแล้วกัน ใครอยากจะเข้ามาทำงานให้ประเทศก็เข้ามา แต่ต้องเข้ามาอย่างถูกต้อง”

เมื่อถามว่า ขณะนี้ประชาชนหวั่นไหวภายหลังนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรวารินทร์ ออกมาทำนายว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในปี 2560 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “แล้วพวกคุณไปเชื่อโหรหรือเปล่า ผมเป็นคนที่ทำให้มีการเลือกตั้งอยู่ในขณะนี้แล้วถ้ามันจะไม่มีใครเป็นคนทำ ผมเป็นคนทำหรือ ผมเป็นคนทำให้มีการเลือกตั้ง ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญ ผมเป็นคนทำไม่ใช่โหรวารินทร์เป็นคนทำ ส่วนในเรื่องของการทำนายก็เป็นเรื่องของโหร เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ ก็ว่ามา ผมไม่ได้ไปก้าวล่วงอะไรท่านอยู่แล้ว” เมื่อถามว่าโหรวารินทร์ดูดวงแม่นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธว่าไม่รู้ ถ้าถูกต้องก็ฟังไปเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นักการเมืองต้องการให้มีการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็มีการขัดขวางเรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนต่างก็มีจุดมุ่งหมายของตัวเองทั้งนั้น ตนไม่รู้แล้วทุกคนจะยอมให้เป็นแบบเดิมหรือไม่ ตนจะได้บอกได้ว่าเอาแบบเดิม ขอให้ตอบมาถ้าจะเอาแบบเดิมก็เอา กลับมาเหมือนเดิม สื่อก็มีงานทำเขียนข่าวได้มากๆ เอาอย่างไรก็เอา ขณะนี้โลกยิ่งกำลังมีปัญหาเปลี่ยนแปลง กำลังมีภัยก่อการร้าย แล้วจะยังทำให้มาเกิดความไม่สงบในประเทศของเรา มันใช่หรือไม่ แล้วจะไปเรียกร้องกับใครถ้าทุกคนไม่ช่วยอะไรเลย มีแต่เรียกร้องมันจะไหวหรือไม่ ใครจะทำให้ได้ ก็ทำให้ได้แค่บางกลุ่มบางพวก ปัญหาก็จะกลับไปที่เดิม

“ผมพยายามจะทำให้ทุกกลุ่มทุกพวกได้ในสิ่งที่ควรจะได้เป็นพื้นฐานก่อน ผมทำแค่นั้นเอง วันข้างหน้าก็ต้องไปดูกันเอาเอง กับพวกนักการเมืองที่จะเข้ามา ผมไม่ได้รังเกียจเขา มีใครไปกล่าวหาว่าผมไปว่านักการเมือง ผมไม่ได้ว่าเลย ผมพูดถึงคนที่ไม่ดี ส่วนจะดีหรือไม่ดีก็เป็นเรื่องของผม ผมและพวกท่านทุกคนก็วิเคราะห์กันได้ ผมไม่ได้ว่าใคร ท่านอาจจะเห็นว่าคนที่ผมบอกว่าไม่ดีเป็นคนดี ก็แล้วแต่ท่าน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองกลุ่มเคลื่อนไหวที่มีความเห็นขัดแย้งในขณะนี้ว่าเป็นไปอย่างธรรมชาติ หรือมีขบวนการอยู่เบื้องหลัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ปัดโธ่ คำถามนี้ไม่ต้องมาถาม”

เมื่อถามว่า ในการลงประชามติครั้งนี้จะเปรียบได้หรือไม่ว่าประชาชนตัดสินใจว่าจะเอาหรือไม่เอา คสช. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธว่าไม่เกี่ยว “จะเอาหรือไม่เอา ผมก็อยู่จนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ จบหรือยัง ผมก็ทำรัฐธรรมนูญให้ได้ ไม่เช่นนั้นมันก็เลือกตั้งไม่ได้ ก็แค่นั้นเอง แล้วจะทำไมถ้าประชามติไม่ผ่าน จะให้ผมรับผิดชอบ มันไม่ใช่ เพราะผมไม่ได้เป็นคนร่างแต่เป็นคนรับผิดชอบที่จะต้องทำใหม่ ส่วนในวันลงประชามติจะเรียบร้อยหรือไม่นั้นก็ต้องถามคนทำ จะถามผมได้อย่างไรผมไม่ได้ไปรักษาความปลอดภัยในทุกสถานที่ แล้วก็ต้องไปถามไอ้คนที่จะมาทำเรื่องวุ่นวาย สื่อไม่รู้หรือว่าใครจะมาทำอะไรบ้าง ไม่รู้กันเลยหรือ สื่อไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่หรือไม่ รอถามแต่ผมคนเดียว วิเคราะห์ไม่เป็นหรืออย่างไร และไม่ใช่ผมคนเดียวที่จะควบคุมสถานการณ์ แต่เป็นประเทศไทย ประชาชนคนไทยที่จะต้องช่วยกันดูแลประเทศของท่านเอง ผมทำได้แค่นี้ จบ”

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2559 15:37:29 น.
Counter : 235 Pageviews.  

จ้างงานคนพิการหมื่นอัตราในปีนี้ 6 องค์กรวิชาชีพ 200องค์กรเอกชนผนึกกำลัง



6 องค์กรวิชาชีพ-200 องค์กรเอกชนผนึกกำลังสานพลังประชารัฐ จ้างงานคนพิการในปีนี้หมื่นอัตรา ด้าน “สสส.-มูลนิธินวัตกรรมฯ” เร่งสานความร่วมมือผู้จ้าง-คนพิการ ชูคำขวัญ “ทำได้ ทำง่าย ไม่ต้องรอ” ตั้งเป้าจ้างคนพิการ 3 พันอัตรา

 

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559  ที่หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรชัย ชั้น 7 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พล..ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน และ พล...อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมเป็นประธานงานประกาศความร่วมมือในโครงการ “สานพลังสู่มิติใหม่ สร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ 10,000 อัตรา” จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ในฐานะองค์กรตัวกลางที่สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานคนพิการ และภาคีเครือข่ายที่ทำงานด้านคนพิการอีกกว่า20 องค์กร โดยมีภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานคนพิการในงานนี้กว่า 200 องค์กร

พล..ศิริชัยกล่าวว่า กระทรวงฯ พร้อมขับเคลื่อนให้เกิดการจ้างงานและส่งเสริมอาชีพคนพิการตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล “ประชารัฐ” ที่เน้นบูรณาการพลังร่วมจากทุกภาคส่วนและสนับสนุนการจ้างงานและการส่งเสริมอาชีพคนพิการมิติใหม่ โดยอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจในการปฏิบัติตามกฎหมายจ้างงานตามมาตรา 33 ซึ่งสถานประกอบการไม่เพียงแต่จ้างคนพิการทำงานตรงกับบริษัท แต่ยังสามารถจ้างคนพิการให้ทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะในชุมชนหรือภูมิลำเนาได้ และยังส่งเสริมอาชีพตามมาตรา 35 ที่บริษัทสามารถให้การสนับสนุนคนพิการที่มีความต้องการประกอบอาชีพอิสระได้ โดยกระทรวงฯ ได้มอบนโยบายนี้แก่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อสนับสนุนให้เกิดจ้างงานคนพิการได้ 10,000 อัตราภายในสิ้นปีนี้

ขณะที่ พล...อดุลย์กล่าวว่า กระทรวงฯ มีบทบาทโดยตรงในการประสานนโยบายร่วมกับทุกหน่วยงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นำไปสู่ความเท่าเทียม และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ถ้าสามารถร่วมมือกันขับเคลื่อนการจ้างงานคนพิการให้ได้ตามเป้าหมาย สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากถึง 1,000 ล้านบาท เพราะตามกฎหมายได้กำหนดให้สถานประกอบการรับคนพิการเข้าทำงานในอัตราส่วนลูกจ้างต่อคนพิการ 100:1 ทำให้มีจำนวนคนพิการที่สถานประกอบการต้องจ้าง 55,283 ตำแหน่ง ขณะที่สถานประกอบการปัจจุบันสามารถจ้างงานคนพิการได้เพียง 34,383 ตำแน่ง คิดเป็นร้อยละ 62 เท่านั้น และหากสถานประกอบการใดไม่สามารถจ้างคนพิการได้ครบก็จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในอัตรา 109,500 บาทต่อคนต่อปี

ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.โดยแผนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะได้สนับสนุนแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแบบครบวงจร ภายใต้มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม โดยได้ริเริ่มและเชื่อมประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกับขับเคลื่อนจนเกิดการจ้างงานและส่งเสริมอาชีพคนพิการกว่า 1,277 อัตราในปี 2559 โดยความร่วมมือของบริษัทเอกชน 88 องค์กร ถือเป็นมิติใหม่การจ้างงานและสร้างอาชีพคนพิการ ทำให้คนพิการเข้าถึงโอกาสในการทำงาน ทั้งงานสาธารณะประโยชน์ รวมถึงการพัฒนารูปแบบการทำงานจิตอาสารณรงค์ให้ความช่วยเหลือคนพิการที่อดีตเป็นจิตอาสาสู่การเป็นอาชีพนักพัฒนาสังคมและนักรณรงค์ที่มีลักษณะเพื่อนช่วยเพื่อน (พิการทำให้คนพิการได้ทำงานที่มีคุณค่า พร้อมกับการมีรายได้ มีอิสระมีศักดิ์ศรีและพึ่งพาตนเองได้ ขณะที่บริษัทที่เข้าร่วมโครงการต่างมีความพึงพอใจต่อผลงานของคนพิการ และรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม

นายอภิชาติ การุณกรสกุล ประธานกรรมการมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมกล่าวว่า ผลจากการเชื่อมต่อผู้จ้างอันและคนพิการผ่านองค์กรภาคีภาคสังคมกลุ่มต่างๆ รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับภาครัฐทั้งสองกระทรวงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมมีความพร้อมที่จะร่วมกันขยายผลให้เกิดการจ้างงานตาม โครงการ “สานพลังสู่มิติใหม่ สร้างงาน สร้างอาชีพคนพิการ 10,000 อัตรา” ด้วยคำขวัญ “ทำได้ ทำง่าย ไม่ต้องรอ” จากความร่วมมือของ 6 องค์กรวิชาชีพชั้นนำของประเทศ ได้แก่ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย รวมทั้งบริษัทเอกชนที่มาร่วมงานในวันนี้กว่า 200 องค์กร ทำให้สามารถคาดหวังเป้าหมายในเบื้องต้น ว่าจะเกิดโอกาสการจ้างงานและส่งเสริมอาชีพคนพิการในงานนี้ไม่น้อยกว่า 3,000 อัตรา จาก 10,000 อัตราที่เป็นเป้าหมายร่วมภายในสิ้นปีนี้ผลิตสื่อของคนหูหนวก เป็นต้น

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2559    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2559 11:02:50 น.
Counter : 305 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.