กรมอนามัยเตือน! ใช้ถังสีบรรจุอาหารเสี่ยงรับสารตะกั่วกระทบระบบประสาท-หลังโลกออนไลน์เผยแพร่ภาพลอดช่องบ



กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือน ใช้ถังสีบรรจุอาหาร เสี่ยงรับสารตะกั่ว อาจส่งผลต่อระบบประสาทส่วนปลายเป็นอัมพาต ย้ำ พ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการ เลือกภาชนะบรรจุอาหารที่ปลอดภัย ล้างทำความสะอาดเป็นประจำป้องกันสิ่งปนเปื้อน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพบแล้วร้านขายลอดช่องบรรจุถัง เจ้าของร้านชี้คนส่งลอดช่องคนใหม่ทำให้วางผิดที่ รับปากนายกเทศมนตรีนครบาลหาดใหญ่เร่งจัดหาบรรจุภัณฑ์ใส่อาหารใหม่ที่ถูกสุขอนามัย

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า การเฝ้าระวังในเรื่องของความปลอดภัยด้านอาหารเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้ประกอบการค้าทั้งในตลาดค้าส่ง ตลาดสด ร้านอาหาร และแผงลอยจำหน่ายอาหารจะต้องมีความตระหนักด้านสุขลักษณะความสะอาด ผู้ปรุง ผู้จำหน่ายต้องแต่งกายด้วยเสื้อมีแขน ผูกผ้า กันเปื้อน สวมหมวกคลุมผม เล็บสั้น ใช้อุปกรณ์ในการหยิบจับอาหาร ไม่ใช้มือหยิบจับโดยตรง อาหารที่จำหน่ายต้องมีการปกปิดวางสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร เลือกใช้ภาชนะที่ปลอดภัย เนื่องจากการออกแบบวัสดุที่ใช้ทำภาชนะ และอุปกรณ์ มีผลต่อการปนเปื้อนของสารเคมีลงสู่อาหารและขณะเดียวกันอาจทำให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้

โดยเฉพาะการนำถังสีมาใช้ จะทำให้ผู้บริโภคได้รับสารตะกั่วที่ตกค้างอยู่ในถังสี หากได้รับพิษตะกั่วอย่างต่อเนื่องและปริมาณมากจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายอย่างเฉียบพลันคือ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง เมื่อพิษสะสมจะทำให้ระบบประสาทส่วนปลายเป็นอัมพาตที่นิ้วเท้าและมือ เหนื่อยง่าย และอ่อนเพลียได้

นายแพทย์ดนัย กล่าวต่อว่า หลักในการเลือกภาชนะหรืออุปกรณ์ใส่อาหารนั้น จะต้องไม่ทำหรือประกอบด้วยวัสดุที่เป็นพิษ เช่น ไม่ทำจากวัสดุที่ใช้แล้ว ไม่มีการแต่งสีในส่วนที่จะสัมผัสอาหาร ภาชนะอุปกรณ์ต้องมีความแข็งแรง ทนทาน ไม่ชำรุด สึกหรอ หรือแตกกะเทาะ เป็นสนิมง่าย ทนต่อการกัดกร่อนของอาหารที่มีรสเปรี้ยวหรือเค็มจัดได้ ทำความสะอาดง่าย มีความปลอดภัยในการนำไปใช้ ผิวเรียบ ไม่มีร่อง ซอก มุม ปากไม่แคบ ก้นไม่ลึกจนเกินไป และต้องป้องกันการปนเปื้อนได้ เช่น ภาชนะใส่น้ำดื่มต้องมีฝาปิด มีก๊อกหรือทางเทน้ำออก เป็นต้น ที่สำคัญ ภาชนะที่จะนำมาใช้กับอาหารต้องไม่ผ่านการใช้บรรจุสารเคมีอันตรายมาก่อน เพราะอาจทำให้เกิดสารเคมีตกค้างได้

“ทั้งนี้ นอกจากการเลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารให้เหมาะสม สะอาดและปลอดภัยแล้ว การล้างภาชนะ อุปกรณ์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันสิ่งสกปรกและการปนเปื้อนสู่อาหารได้ ซึ่งพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการร้านอาหาร จะต้องล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากใช้แล้ว และหากไม่แน่ใจว่าสะอาดเพียงพอ เช่น พบคราบไขมัน ฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บนภาชนะ หรือหากภาชนะอุปกรณ์ปนเปื้อนระหว่างการใช้ เช่น ทำตก หล่น หรือมีแมลงวันไต่ตอม ต้องนำไปล้างให้สะอาดอีกครั้ง” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในทีสุด

จนท.บุกตรวจลอดช่องในถังสีที่หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังมีการเผยแพร่ภาพขนมลอดช่องและขนมรวมมิตรที่วางขายในตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มีสิ่งปนเปื้อนและบรรจุในภาชนะถังสีขายให้กับผู้บริโภค

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 59 นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบร้านขายลอดช่องบริเวณตลาดสดพลาซ่า 3 เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา หลังมีคนนำภาพเผยแพร่ในสังคมโซเชียล ลอดช่องใส่ถังสีไปวางบนพื้นอาจปนเปื้อนสิ่งสกปรกมาจำหน่ายให้กับประชาชน และมีการร้องเรียนเข้ามาจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ ได้เข้าตรวจสอบร้านขายลอดช่องของ นายสมศักดิ์ เร็มศรีงาม อายุ 50 ปี ชาว อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นพ่อค้าขายลอดช่องอยู่บริเวณฟุตปาทตรงข้ามโรงรับจำนำหาดใหญ่ หลังมีคนถ่ายภาพลอดช่องใส่ถังสีเอาไปโพสต์เผยแพร่ลงในโลกโซเชียล จนเป็นข่าวลือไปทั่ว จากการตรวจสอบร้านดังกล่าวพบลอดช่องสีเขียวและสีขาวบรรจุใส่ถังสีอะคริลิคจริง โดยวางอยู่บนโต๊ะ 4 ถัง เป็นลอดช่องเขียว 1 ถัง และลอดช่องขาว 3 ถัง จึงสั่งกำชับให้เจ้าของร้านหาถังบรรจุใส่อาหารที่ถูกต้องตามที่สาธารณสุขกำหนดไว้มาใช้ และภาชนะควรมีฝาปิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนสิ่งสกปรก เบื้องต้นได้ว่ากล่าวตักเตือน เพื่อให้รีบแก้ไขหาภาชนะบรรจุใหม่ให้ถูกต้อง

ด้าน นายสมศักดิ์ เร็มศรีงาม พ่อค้ากล่าวว่า ตนได้รับลอดช่องมาจากโรงงานเพื่อใส่ถุงแบ่งขายต่อ ปกติคนที่มาส่งจะนำลอดช่องใส่ถังสีอะคริลิคมาวางบนโต๊ะซึ่งได้จัดเตรียมไว้ แต่วันที่มีคนมาถ่ายภาพไปเผยแพร่ในโลกสังคมออนไลน์นั้น คนส่งไม่ได้มาด้วยตัวเอง แต่สั่งลูกน้องอีกคนขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างบรรทุกลอดช่องใส่ถังสีมาส่งและไม่พบตน ทำให้เข้าใจผิดคิดว่านำไปวางบนพื้น ทำให้ดูแล้วไม่สะอาดถังสีมีคราบเปื้อน เนื่องจากลอดช่องทำจากแป้งทำให้เกิดคราบเหลืองติดขอบถังดังกล่าว ตนยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและจะรีบแก้ไขปัญหาโดยหาภาชนะใส่อาหารที่ถูกต้องมาใส่แทนต่อไป

นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า หลังมีข่าวในโลกโซเชียลในเรื่องดังกล่าว จึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และจากการตรวจสอบก็พบว่ามีการนำลอดช่องใส่ถังสีอะคริลิคจริง และดูแล้วไม่ถูกสุขลักษณะ ภาชนะที่ใส่ไม่ถูกต้อง จึงได้แจ้งเจ้าของร้านทราบและให้แก้ไขให้ถูกต้อง ให้ใช้ภาชนะบรรจุใส่อาหารตามที่สาธารณสุขเทศบาลกำหนดไว้ และช่วงที่ยังหาถังไม่ได้ให้ใช้ถุงพลาสติกมารองใส่ภาชนะใช้ไปก่อน และห้ามนำอาหารไปวางบนพื้น เพราะอาจปนเปื้อนสิ่งสกปรก รวมถึงช่วงนี้เข้าหน้าฝนควรมีฝาปิดให้ถูกต้อง และไม่ได้สั่งห้ามขาย แต่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

ทั้งนี้ นอกจากการเลือกใช้ภาชนะบรรจุอาหารให้เหมาะสม สะอาดและปลอดภัยแล้ว การล้างภาชนะ อุปกรณ์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันสิ่งสกปรกและการปนเปื้อนสู่อาหารได้ ซึ่งพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการร้านอาหาร จะต้องล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากใช้แล้ว และหากไม่แน่ใจว่าสะอาดเพียงพอ เช่น พบคราบไขมัน ฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บนภาชนะ หรือหากภาชนะอุปกรณ์ปนเปื้อนระหว่างการใช้ เช่น ทำตก หล่น หรือมีแมลงวันไต่ตอม ต้องนำไปล้างให้สะอาดอีกครั้ง ขณะที่ผู้ปรุง ผู้จำหน่ายต้องแต่งกายด้วยเสื้อมีแขน ผูกผ้ากันเปื้อน สวมหมวกคลุมผม เล็บสั้น ใช้อุปกรณ์ในการหยิบจับอาหาร ไม่ใช้มือหยิบจับโดยตรง อาหารที่จำหน่ายต้องมีการปกปิดวางสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2559    
Last Update : 1 มิถุนายน 2559 14:22:20 น.
Counter : 249 Pageviews.  

เข้าใจล่ะ สื่อญี่ปุ่นตีข่าว Apple ขยายระยะเวลาผลัดใบเทคโนโลยีเพิ่มเป็น 3 ปี



รายงานชิ้นล่าสุดจากสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นอย่าง Nikkei นี้อาจจะกลายเป็นจิ๊กซอว์ภาพชิ้นสำคัญที่ทำให้เราเข้าใจถึงสถานการณ์และแผนการทำตลาดของ Apple ถัดจากนี้ไปได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ระบุว่าทาง Apple จะขยายระยะเวลาของการผลัดใบเทคโนโลยี (Product Life-cycle) เพิ่มขึ้นเป็น 3 ปี ต่อหนึ่งครั้ง โดยจะนำมาใช้แทนที่นโยบายการผลัดเปลี่ยนแบบที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งมีวงรอบการทำตลาดอยู่ที่ 2 ปีครั้ง

โดยการปรับเปลี่ยนแผนการทำตลาดดังกล่าวนี้ก็อาจจะทำให้ตอบโจทย์ได้ว่าทำไม iPhone 7 ที่มีภาพหลุดออกมาตลอดเดือนพฤษภาคมนั้นถึงยังคงใช้ดีไซน์งานออกแบบที่ใช้มาตั้งแต่รุ่น iPhone 6 เมื่อปี 2014 นั่นเอง การปรับเปลี่ยนดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากปัจจัยทางตลาดที่กำลังซื้อทั่วโลกชะลอตัวกว่าที่เคยๆ เป็นมา อีกทั้งพัฒนาการด้านของฮาร์ดแวร์นั้นอาจจะใกล้มาถึงจุดอิ่มตัวแล้วเช่นกัน อีกทั้งจะยังทำให้บรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือ ไต้หวัน นั้นต้องปรับตัวธุรกิจของพวกเขาตามไปด้วย เนื่องจากการพึ่งพารายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงบริษัทด้วยการทำธุรกิจกับทาง Apple นั่นเองครับ

ที่มา macstroke




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2559    
Last Update : 1 มิถุนายน 2559 9:17:24 น.
Counter : 239 Pageviews.  

รมว.ยุติธรรม เป็นประธานในพิธีการร่วมลงนามเอ็มโอยูระหว่าง ป.ป.ส.กับตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย เพื่อร่วมมื



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและสกัดกั้นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด โดยผนึกกำลังเจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศเข้าด้วยกันเป็นหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ เพื่อให้การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2559  ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายพอล โรบิลเลียร์ด (H.E. PAUL ROBILLIARD) เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย ร่วมกันเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (THE AUSTRALIAN FEDERAL POLICE : AFP) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของทั้งสองประเทศในการปราบปรามยาเสพติดและสารตั้งต้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร โดยมีนายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. และนายแอนดริว โคลวิน (ANDREW COLVIN) ผู้บัญชาการตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย ร่วมลงนาม

       นอกจากการลงนามร่วมระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส.กับสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียแล้ว ยังมีการลงนาม 5 ฝ่ายเพื่อร่วมกันจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมด้านการปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ (TASKFORCE STORM) โดยผู้ร่วมลงนาม 5 ฝ่าย ประกอบด้วย นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายแอนดริว โคลวิน (ANDREW COLVIN) ผู้บัญชาการตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง. และพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียให้เกียรติ และเห็นความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศไทย และประเทศออสเตรเลียในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เนื่องจากปัญหายาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยลำพังเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือประเทศใดเพียงประเทศเดียวได้ เห็นได้จากมีความพยายามของนานาประเทศที่ต้องการลดปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติดอย่างจริงจังมาโดยตลอด แต่ปัญหายาเสพติดก็ยังคงรุนแรงอยู่ ดังนั้น ทางออกที่สำคัญคือการร่วมมือกันของทุกฝ่าย ทุกหน่วยงาน รวมไปถึงความร่วมมือกันระหว่างประเทศปลายทาง ประเทศต้นทาง และประเทศผู้เป็นทางผ่านของยาเสพติด ร่วมกันสกัดกั้นสารตั้งต้นในการผลิต 

"ยาเสพติดที่จะไหลเข้าสู่แหล่งผลิต และสกัดกั้นยาเสพติดที่จะไหลออกไปสู่ประเทศทางผ่าน และประเทศปลายทาง เพื่อปิดทางเข้าและทางออกของยาเสพติดทุกทาง นอกจากนั้น การให้การสนับสนุนแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศในด้านการข่าว การแลกเปลี่ยนความรู้และเพิ่มพูนทักษะในการปราบปราม การป้องกัน และการบำบัดรักษายาเสพติดระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นหนทางในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ประสบผล และสามารถควบคุมยาเสพติดไม่ให้สร้างความเดือดร้อนกับประชาชนได้" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว 

       ด้านนายณรงค์กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส.กับสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย และการลงนามบันทึกข้อตกลงการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมกันปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติทั้ง 5 ฝ่าย ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (AFP) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงาน ปปง. และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยเป็นไปตามนโยบายและมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของสำนักงาน ป.ป.ส. ในด้านการแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ

       นายณรงค์กล่าวอีกว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้จะเกิดผลดีต่อการปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ซึ่งการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมขึ้นมาเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะความรู้และข้อมูลด้านการข่าวในการปราบปรามยาเสพติด การปฏิบัติการปราบปรามจับกุมอาชญากรข้ามชาติและยาเสพติดร่วมกัน รวมถึงการประสานความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงาน และระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและมีความเข็มแข็งในการสนับสนุนซึ่งกันและกัน นอกจากนั้นประเทศไทยจะได้รับการสนับสนุนในเรื่องการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ทั้งการอบรมในประเทศและต่างประเทศ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2559 11:33:42 น.
Counter : 253 Pageviews.  

พล.อ.ไพบูลย์จวกกลุ่มโยงคดีธัมมชโย-ตั้งสังฆราชพร้อมฟ้องคนปล่อยข่าวเรียก 2 พันล้านยุติคดี



รัฐมนตรียุติธรรมจวกพวกสร้างความสับสน โยงคดี‘ธัมมชโย-แต่งตั้งสังฆราช’วอนทุกฝ่ายทำความเข้าในคดีนี้เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ไม่ได้จับธัมมชโยคนเดียว ปฏิเสธกระแสข่าวคสช.เรียกเงิน 2,000 ล้านบาทจบคดีธัมมชโย

เมื่อวันที่ 30 ฤษภาคม 2559 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ว่า ขอเรียนให้ศิษยานุศิษย์ให้ทำความเข้าใจว่า เรื่องราวมันเป็นอย่างไรถึงได้ร้อยเรียงและเดินมาถึงตอนนี้ อีกทั้ง คณะพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่ได้เจาะจงการดำเนินคดีเฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง

เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งตนต้องออกมาชี้แจงแทนผู้ใต้บังคับบัญชาคือดีเอสไอที่เขาทำงานอยู่ทุกวันนี้ เนื่องจากเริ่มมีหลายหน่วยงานออกมาพูด และกลายเป็นเรื่องของกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ออกมาพูด และก็เริ่มทำความไม่เข้าใจให้กับสังคมไทย มันจะเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย

“ผมไม่อยากให้ท่านไปเบี่ยงเบนกฎหมาย เราพูดเสมอว่ากฎหมายบังคับใช้ไม่ได้ กฎหมายเป็นสองมาตรฐาน หรือไม่ให้ความเป็นธรรม เวลาท่านพูดไปและท่านพูดไม่หมดมันจะเป็นประเด็น และกลายเป็นเรื่องการกลั่นแกล้ง ไม่ให้ความเป็นธรรมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง มันเสียหายสำหรับกระบวนการยุติธรรมไทย มันไม่ได้เสียหายของกระทรวงยุติธรรม มันไม่ได้มองถึงความเสียหายของดีเอสไอ แต่มันมองไปถึงตรงนั้นเลย จึงอยากขอความกรุณาบุคคลที่ออกมาก็ตาม หรือกลุ่มศิษยานุศิษย์ก็ตามให้ได้ทำความเข้าใจ ซึ่งผมเสนอว่าถ้าท่านสงสัยอะไรให้มาพูดกัน อย่ามาใช้ดุลพินิจมาออกตามสื่อ และมาบิดเบือนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่าพูดเสมอว่าคนที่พูดอาจจะไม่รู้เรื่องครบถ้วนก็เลยพูดไปด้วยความเข้าใจอย่างนั้นอย่างนี้ แต่วันนี้เริ่มบุคคล กลุ่มบุคคล 3-4 คนที่ออกมาพูดจาแล้วรู้จริงขนาดไหน ซึ่ง 3-4 คนที่ออกมาถ้าท่านสงสัยก็มาพบตนก็ได้ ยินดีให้อธิบดีดีเอสไอชี้แจงว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เราทำงานกันอย่างไร เพราะเราไม่อยากให้ปัญหานี้กลายเป็นความขัดแย้ง

“วันนี้มันสืบเนื่องจากคดีสหกรณ์ฯคลองจั่น บุคคลนี้ที่สืบเนื่องจากคดีนี้ไม่ใช่พระธัมมชโยท่านเดียว มันเป็นความเกี่ยวโยงกับหลายคน ถ้าท่านยกเลิกการปฏิบัติก็ต้องยกเลิกกับคน 10 คน หรือ 20 คนไปด้วย แล้วจะบังคับใช้กฎหมายกันได้อย่างไร”รัฐมนตรียุติธรรมตั้งคำถาม

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวอีกว่า ขณะที่พนักงานสอบสวนเชื่อมโยงกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น หากท่านไม่มีความผิดก็เข้าไปต่อสู้ในชั้นอัยการ ชั้นศาล ซึ่งก็เปิดกว้างอยู่แล้วในเรื่องเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมาเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นและให้กลายเป็นประเด็น

โดยเฉพาะบุคคลนอกที่ออกมาพูดโดยไม่ยอมเข้ามาพูดคุยกันเพียงแต่ให้ปรากฏข่าวบนสื่อแล้วสร้างความสับสนให้กับสังคม ตนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะทางกระทรวงยุติธรรม หรือดีเอสไอก็ไม่เคยคิดจะปกปิดข้อมูลอะไรอยู่แล้ว

“การที่ดีเอสไอค่อยทำทีละขั้นๆ นั้น ประชาชนหรือศิษยานุศิษย์เองต้องเข้าใจ อย่าพูดเบี่ยงเบนความเข้าใจ ผมพูดทั้งสองฝ่าย ซึ่งบางฝ่ายเริ่มกดดันดีเอสไอ บางฝ่ายก็เริ่มพูดในเรื่องการรังแกพระ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งท่านไม่เคยเข้าใจว่าพิถีพิถันแต่ละขั้นตอนขนาดไหน และใช้ความรอบคอบขนาดไหน ซึ่งท่านไม่เคยมานั่งฟัง” รมว.ยุติธรรมกล่าว พล.อ.ไพบูลยืกล่าวว่า เมื่อคณะสงฆ์มีฝ่ายปกครองสงฆ์ เราก็ไปถึงตรงนั้น เพื่อให้รับทราบและมีวิธีการดำเนินการอย่างไรก็จะได้มาช่วยกันแก้ปัญหา แต่เราต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย เราต้องให้ทุกคนได้รับความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ขั้นตอนของกฎหมายเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถทำเป็นอย่างอื่นไปได้ ซึ่งต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่ด้วยว่าถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้นแล้ว ตัวเจ้าหน้าที่เองก็จะถูกตำหนิ ถูกลงโทษตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องเข้าใจเขาด้วยและไม่มีใครอยากเอาปัญหามาสุมอยู่กับตัวเองหรอก

ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ก็ระมัดระวังมาก สิ่งที่เขาทำตามกฎหมายอย่งเคร่งครัดมันนำไปสู่การกระทบกระทั่งหรือเสียหายหนักท่านจะยอมหรือไม่ ซึ่งตรงนี้พูดถึงฝ่ายที่กดดันเจ้าหน้าที่ทำไม่ไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ดังนั้น จึงต้องค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันอย่าให้มันกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมหาเถรสมาคม (มส.) ทำหนังสือถึงวัดปากน้ำภาษีเจริญแล้ว ตรงนี้ดี

เอสไอจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.อ.ไพบูลย์ตอบว่า ตรงนี้คือขั้นตอนตาม พ.ร.บ.สงฆ์ เป็นขั้นตอนการปกครองของสงฆ์ วันนี้ตนขอถามเลยว่าถ้าดีเอสไอจะใช้กฎหมายเราก็ใช้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องไปบอก มส. หรือการปกครองของสงฆ์

แต่เราก็พยายามที่จะให้การดำเนินการในคดีนี้เป็นไปด้วยความเข้าใจ เป็นไปด้วยเหตุด้วยผลไม่ต้องการให้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ เราจึงพยายามใช้ทุกๆ ส่วนที่รับรู้เรื่องนี้เข้ามาแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งมันไม่ถูกหรือ หรือต้องการให้เราใช้กฎหมายลุยเข้าไปเลย ซึ่งตามกฎหมายแล้วเราก็สามารถทำได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการเชื่อมโยงคดีพระธัมมชโยกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ทำไมต้องไปผูกพันกับเรื่องนี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อยู่ในฐานะของผู้ปกครองสงฆ์ มีอำนาจในการปกครองสงฆ์อยู่ และไปผูกพันกับเรื่องการแต่งตั้งมันถูกต้องที่ไหน การที่เราไปหาท่านเพราะท่านมีหน้าที่อยู่ตรงนั้น

ขณะเดียวกันทางผู้อำนวยการ มส. ก็ทำหน้าที่ของเขาในฐานะที่ดูแลเรื่อง พ.ร.บ.สงฆ์ การปกครองทางสงฆ์ ซึ่งก็ลงมาช่วยกันทุกคน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกระแสข่าวที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อรองเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อจบคดีนี้ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า “คนพูดมีตัวหรือไม่ ผมจะฟ้องให้ดู มีหรือไม่ ซึ่งสื่อเองก็เหมือนกันพยายามถามและบางทีก็มาจากแหล่งข่าว ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะไปฟ้องใคร มันเกี่ยวกับผมหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ ถ้ามันเกี่ยวกับผม หรือเกี่ยวกับพนักงานสอบสวนผมก็จะถามว่าคุณจะเล่นงานเขาอย่างไรตามประมวลกฎหมายเพื่อรักษาเกียรติภูมิของตัวเอง ทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ผมพูดกับพวกเราเสมอว่าการทำงานทุกงาน คุณทำไปวันหนึ่งสังคมเขาจะยอมรับองค์กรคุณหรือไม่ องค์กรคุณก็จะเสื่อมไปเอง คุณคิดว่าสังคมจะไม่รู้หรือ และคนที่พูดถึงเงิน 2,000 ล้านบาทละอายแก่ปากตัวเองหรือไม่ คุณกำลังทำลายเจ้าหน้าที่ที่เขาตั้งใจทำงานอยู่ถ้ามันเป็นความผิดชัดแจ้งคุณบอกผมมาเลย ผมจะจัดการให้ดู อย่ามาพูดลอยๆ แบบนี้” พล.อ.ไพบูลย์

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2559 7:01:18 น.
Counter : 194 Pageviews.  

เศร้า! นักเรียนหญิง ม.5 เป็นลมหน้าเสาธงหายใจไม่ออกก่อนวูบดับคาดกินยาลดความอ้วน



นักเรียนหญิง ชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี กินยาลดความอ้วนที่สั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ตมากว่า 2 เดือน เกิดอาการหายใจไม่ออกก่อนเป็นลมหมดสติ ครูและเพื่อนได้รีบนำส่งโรงพยาบาลปากเกร็ดอาการสาหัส แพทย์พยายามปั้มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตเป็นเวลานานกว่า 20 นาที แต่ไม่สามารถที่จะยื้อชีวิตของนักเรียนหญิงไว้ได้

วันที่ 30 พฤษภาคม 2559 เมื่อเวลา 09.00 . เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีนักเรียนหญิงของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นลมหายใจไม่ออก ครูและเพื่อนนักเรียนช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลปากเกร็ด แพทย์ต้องนำเข้าห้องฉุกเฉินช่วยกันปั๊มหัวใจแต่สุดท้ายยื้อชีวิตไม่สำเร็จ

ภายในห้องฉุกเฉินพบศพน.ส.แพรว (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5/1 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เสียชีวิตอยู่ในชุดนักเรียนโดยมีครู-นักเรียนที่ช่วยกันนำตัวส่งร.พ.ปากเกร็ด ยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

โดยนางอรพร รองผอ. กล่าวว่า ได้รับรายงานจากอาจารย์ที่ทำการตรวจความเรียบร้อยระหว่างที่เด็กนักเรียนกำลังเข้าแถวหน้าเสาธงว่ามีเด็กเป็นลมและอาเจียนออกมาและได้มีการนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนจะเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด คงต้องให้แพทย์ได้ตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง

ด้านนางสุธัญญา ครูอนามัย กล่าวว่า ขณะตรวจแถวดูความเรียบร้อย ได้มีเด็กนักเรียนมาตามว่ามีเพื่อนเป็นลมเมื่อไปดูก็พบว่ามีเด็กนักเรียนนอนอยู่กับพื้น จึงได้เข้าไปประคองแต่เด็กมีอาการอาเจียนพุ่งออกมา เพื่อจับดูชีพจรก็พบว่าเต้นอ่อนมาก จึงรีบน้ำขึ้นรถนำส่งโรงพยาบาลทันที

จากการสอบถามเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตทราบว่าน.ส.แพรว เป็นคนมีรูปร้างอ้วน แต่หลังจากที่โรงเรียนเปิดเทอมก็พบว่ามีน้ำหนักลดลงไป 10 กิโล เมื่อสอบถามน.ส.แพรวก็บอกว่าออกกำลังกาย แต่เพื่อนๆไม่เชื่อ นอกจากนี้ระหว่างที่ครูนำตัวน.ส.แพรวส่งโรงพยาบาล ทางครูได้แจ้งให้มารดาของน.ส.แพรวทราบ

ต่อมามารดาของน.ส.แพรว ผู้เสียชีวิตได้ให้การกับเจ้าหน้าที่พยาบาลว่าลูกสาวได้กินยาลดความด้วนช่วงระหว่างปิดเทอมยาวกว่า เดือน เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นแพทย์ระบุว่า น.ส.แพรว หัวใจวายเสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้ไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุจะมาจากการรับประทานยาลดความอ้วนหรือไม่ ต้องรอผลตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2559 3:04:34 น.
Counter : 236 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.