ปลัด สธ. ยัน แพทย์-พยาบาล-คนไข้ รพ.เจาะไอร้องปลอดภัย หลังผู้ก่อความหนีเข้าไปหลบจากการปะทะกันกับเจ้าห

จากกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.นราธิวาส 3 จุด และได้หลบหนีเข้าไปซ่อนตัวใน รพ.เจาะไอร้อง หลังจากคนร้ายปะทะกับเจ้าหน้าที่

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีโจรใต้บุกเข้ารพ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ว่า เบื้องต้นทราบว่าบุกเข้ามาไม่นานมาก และไม่ได้ทำร้ายร่างกายบุคลากรในโรงพยาบาล มีเพียงข้าวของเสียหาย มีคอมพิวเตอร์ โต๊ะ ประตู ซึ่งแพทย์พยาบาล บุคลากรทุกคนปลอดภัยดี รวมทั้งผู้มารับบริการก็ไม่ได้รับการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม ในวันที่14 มีนาคม ทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.) จะเดินทางลงไปตรวจสอบ และทางกระทรวงจะส่งทางผู้ตรวจราชการกระทรวงฯลงไปตรวจสอบด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันกระทรวงจะมีการประชุมหารือเรื่องดังกล่าวด้วย ส่วนรายละเอียดต่างๆขอให้ทางฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ให้ข้อมูลจะเหมาะสมกว่า

จากเหตุคนร้ายหลบหนีเข้าไปโรงพยาบาลเจาะไอร้อง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

           เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 15.55 น. คนร้ายจำนวน 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ฐานปฎิบัติการของตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) อ.เจาะไอร้อง เบื้องต้นไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางบ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง

          ต่อมาเวลา 16.40 น. คนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการของกองร้อยทหารพรานที่ 4816 (ร้อย ทพ. 4816) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 เบื้องต้นมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 7 นาย

          ทั้งนี้ ฐานปฏิบัติการดังกล่าวตั้งอยู่ริมรั้วโรงพยาบาลเจาะไอร้อง และผู้บังคับกองร้อยให้ข้อมูลว่า คนร้ายน่าจะยิงออกมาจากอาคารโรงพยาบาล ส่วนที่เป็นบ้านพักของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ทำให้ไม่สามารถส่งตัวกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปปฐมพยาบาลในโรงพยาบาลเจาะไอร้องได้ ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส ทันที

          จากนั้นเวลา 17.09 น. เกิดระเบิดในพื้นที่บ้านยานิง หมู่ 2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง บริเวณเชิงสะพานตลาดบ้านยานิง เบื้องต้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ 

          สำหรับเหตุรุนแรงเหตุที่ 2 ที่มีรายงานคนร้ายยิงออกมาจากโรงพยาบาลนั้น ได้รับการยืนยันจาก พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ว่าได้รับรายงานดังกล่าวจริง และคนร้ายน่าจะยิงออกมาจากอาคารที่พักเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ได้ส่งกำลังเข้าปิดล้อมโรงพยาบาลและเคลียร์พื้นที่อย่างระมัดระวังแล้ว

          มีรายงานอีกกระแสหนึ่งว่า คนร้ายที่บุกเข้าไปในโรงพยาบาลเจาะไอร้องมีประมาณ 10-12 คน โดยเข้าไปบนอาคาร แต่ไม่ได้ทำร้ายผู้ป่วย หรือแพทย์ พยาบาล เพียงแต่ใช้ปืนยาวทุบเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์จนได้รับความเสียหาย และทำลายเอกสารระบุรายชื่อผู้ป่วยของโรงพยาบาล จากนั้นได้หลบหนีออกไปทางด้านหลังของโรงพยาบาล

          สำหรับโรงพยาบาลเจาะไอร้อง เป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ ด้านหลังของโรงพยาบาลคือเขาตะเว ซึ่งเป็นภูเขาที่มีฐานพักหรือฐานฝึกของผู้ก่อความไม่สงบหลายฐาน เจ้าหน้าที่เคยเดินเท้าขึ้นไปทลายหลายครั้ง

          เวลา 19.25 น. เกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นเขตต่อเนื่องกับ อ.เจาะไอร้อง เบื้องต้นมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ - คนพื้นที่ร่วมประณามคนร้าย

          นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า คนร้ายใช้วิธีปีนบ้านพักแพทย์  แล้วใช้เป็นสถานที่ยิงใส่ฐานทหารพราน 4816 โดยในตึกดังกล่าวซึ่งมี 2 ชั้น พบพยาบาลที่กำลังตั้งครรภ์ 6 เดือนนั่งอยู่คนเดียว จึงใช้เชือกฟางมัดมืด แล้วบอกให้ก้มหน้า โดยพูดเป็นภาษาไทย  จากนั้นจึงขึ้นไปยิงฐานทหาร ก่อนวิ่งลงด้านล่าง แล้วหนีไปด้านหลังโรงพยาบาล กลับขึ้นเทือกเขาตะเว

          นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ขัดแย้ง หรือแม้แต่ภาวะสงคราม หลักการสากลที่ถือปฏิบัติกันทั่วโลกคือ ต้องไม่ทำร้ายบุคลากรด้านสาธารณสุข หรือสถานพยาบาล ตรงนี้ขัดกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และขัดกับหลักการอิสลาม เพราะหลักสิทธิมนุษยชนในอิสลาม แม้ในช่วงสงคราม สถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ก็ต้องได้รับการคุ้มครอง

          "การใช้ความรุนแรงต่อบุคลากรสาธารณสุข และสถานพยาบาล นอกจากเป็นการไม่เคารพหลักกฎหมายมนุษยธรรม และละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว ยังเป็นการสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนทั่วไป และจะทำลายบรรยากาศของการสร้างสันติภาพของทุกฝ่ายด้วย เหตุการณ์นี้จึงสมควรประณามผู้กระทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเจตนาใช้สถานพยาบาลเป็นที่ก่อเหตุรุนแรง ทุกฝ่ายต้องออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย สำหรับกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเหตุการณ์ รวมถึงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว"

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 มีนาคม 2559    
Last Update : 14 มีนาคม 2559 11:38:44 น.
Counter : 241 Pageviews.  

ทำความรู้จักกับ อู ถิ่น จอว์ (U Htin Kyaw) ว่าที่ประธานาธิบดีเมียนมาร์

การจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนเมียนมาร์จะมีขึ้นครั้งแรกในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากทหารครองอำนาจมาถึงกึ่งศตวรรษเมียนมาร์ก็ตัดสินใจเปิดประเทศ รวมทั้งการปล่อย ออง ซาน ซูจี นักต่อสู้หญิงผู้มอบหัวใจให้กับบ้านเกิดเมืองนอนของตนจนทำให้พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD)ที่เธอเป็นผู้นำชนะการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2015 แบบถล่มทลาย

 

ขณะนี้พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) เสนอชื่อนายอู ถิ่น จอว์ (U Htin Kyaw) เพื่อนสนิทของนางอองซานซูจี เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศผ่านสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาล่าง

พรรค NLD ยังเสนอชื่อ เฮนรี่ วัน เทียว (Henry Van Thio) สมาชิกของกลุ่มชาติพันธุ์ฉิ่น (Chin)จากรัฐฉิ่น ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซึ่งมีพรมแดนติดกับอินเดียและบังกลาเทศ เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากสภาสูง

จากฝ่ายทหารที่ส่งเข้าแข่งประกอบด้วย พล.อ.มินต์ ส่วย (Myint Swe) อายุ 64 ปีมุขมนตรีนครย่างกุ้งพันธมิตรของ พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย อดีตผู้นำรัฐบาลเผด็จการทหาร มินต์ ส่วย นั้นยังติดบัญชีดำของสหรัฐ (Specially Designated National)และไม่ให้นักธุรกิจอเมริกันทำธุรกิจด้วย 

พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา ( USDP) พรรครัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ที่กำลังจะหมดวาระเสนอชื่อลูกพรรคร่วมชิงด้วยเช่นกันคือ นายไส ม็อค คาม รองประธานาธิบดีและขิ่น อ่อง มินต์ อดีตประธานสภาผู้แทนฯ

วันเลือกตั้งมีขึ้นในวันที่ 15 มีนาคม ทั้งสองสภาจะประชุมร่วมกันเพื่อลงมติ ผู้ชนะจะได้เป็นประธานาธิบดี ส่วนผู้ได้คะแนนเข้ามาอันดับ 2 และ 3 จะได้เป็นรองประธานาธิบดีและด้วยความที่พรรค NLD ครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา ทำให้คนใดคนหนึ่งที่พรรค NLD เสนอเข้ามาจะได้เป็นประธานาธิบดีและอีกคนจะได้เป็นรองประธานาธิบดีค่อนข้างแน่นอน

ประธานาธิบดี จะเป็นผู้เลือกคณะรัฐมนตรีเข้าทำหน้าที่แทนรัฐบาลของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 1เมษายน 2016 ยกเว้นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม,กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกิจการชายแดน จะได้รับการแต่งตั้งโดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพราะถือเป็นเรื่องของความมั่นคง

พรรค NLD ครองเสียงส่วนใหญ่ทั้ง 2 สภาก็เชื่อว่าประธานาธิบดีคนต่อไปของเมียนมาร์ไม่น่าจะพลาดไปจาก อู ถิ่น จอว์ เพื่อนสนิทของออง ซาน ซูจี

เมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้ก็น่าจะมาทำความรู้จักกับนายถิ่น จอว์ หรือ อู ถิ่น จอว์ ว่าที่ประธานาธิบดีเมียนมาร์ซึ่งเป็นพลเรือนที่จะได้เป็นประธานาธิบดี(เงา) เพราะออง ซาน ซูจีจะต้องอยู่เบื้องหลังการบริหารประเทศอย่างแน่นอน รัฐธรรมนูญเมียนมาร์กำหนดไว้ไม่ให้เธอเป็นประธานาธิบดี เหตุเพราะมีลูกเป็นคนต่างชาติคือเป็นพลเมืองอังกฤษ (British citizenship)

ข้อมูลจากนสพ.เมียนมาร์ ไทมส์ รายงานว่านายถิ่น จอว์ เกิดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 1946 อายุ 69 ปี เป็นบุตรของ มิน ตู หวุ่น (Min Thu Wun) นักเขียนชื่อดังระดับตำนานของเมียนมาร์ อายุน้อยกว่าออง ซาน ซูจี 1 ปี ทั้งคู่เรียนหนังสือด้วยกันที่โรงเรียน Basic Education High School Number 1 ในเขตดากอนของย่างกุ้ง  ต่อมาถิ่น จอว์ เรียนจบปริญญาตรีและโทด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง (Yangon University) จากนั้นเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย

ปี 1971 เป็นนักเรียนทุนคนแรกของรัฐบาลที่ถูกส่งไปเรียนต่างประเทศโดยเรียนด้านคอมพิวเตอร์ เข้าศึกษาที่สถาบันวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยลอนดอน (University of London Institute of Computer Science) ปัจจุบันสถาบันนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว  ในระหว่างนั้นออง ซาน ซูจี อาศัยอยู่ลอนดอนแล้ว เธอเองก็เข้าเรียนสถาบันศึกษาตะวันออกและแอฟริกา มหาวิทยาลัยลอนดอน (University of London’s School of Oriental and African Studies)

เมื่อถิ่น จอว์ เรียนจบปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ในปี 1975 ก็กลับมาทำงานให้รัฐบาลสังคมนิยมในยุคของนายพลเน วิน โดยทำงานที่กระทรวงอุตสาหกรรม

ปี 1980 ย้ายกระทรวงไปทำงานให้กับกรมเศรษฐกิจสัมพันธ์ต่างประเทศ (Foreign Economic Relations Department) กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาปี 1987 เขาเรียนจบ MBA จาก the Arthur D Little School of Management รัฐแมสซาชูเส็ทท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา สถาบันดังกล่าวเปลี่ยนชื่อมาเป็น Hult International Business School ในปัจจุบัน

กระทั่งปี 1992 เขาลาออกจากกระทรวง

ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการมูลนิธิชื่อดอว์ ขิ่น จี( Daw Khin Kyi Foundation) เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรชื่อของมูลนิธิตั้งเป็นเกียรติแก่มารดาของนาง ออง ซาน ซูจีและเขายังทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค  NLD  อีกด้วย

ชีวิตส่วนตัว ถิ่น จอว์ แต่งงานกับ ซู ซู ละวิน ( Su Su Lwin )ลูกสาวของ อู ละวิน(U Lwin)สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งพรรคNLD ปัจจุบันเธอเป็นส.ส.สภาล่างของพรรคเขต Thongwa  ทั้งสามีและภรรยาคู่นี้ใกล้ชิดกับออง ซาน ซูจี มาก นับตั้งแต่เธอถูกกักบริเวณในบ้านเป็นต้นมา 

ถั่น มินท์ อู(Thant Myint-U) นักประวัติศาสตร์เมียนมาร์กล่าวถึง ถิ่น จอว์ว่าเขาเป็นทางเลือก“ของที่สุด”ที่จะเป็นประธานาธิบดีได้รับการยอมรับ ถือว่าเป็นคนสมบูรณ์แบบและเป็นคนดีมาก 

นี่คือประวัติคร่าวๆของ ถิ่น จอว์ ผู้ที่จะเป็นประธานาธิบดีเมียนมาร์คนต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 มีนาคม 2559    
Last Update : 14 มีนาคม 2559 10:52:44 น.
Counter : 256 Pageviews.  

ชายไทยกับการเกณฑ์ทหาร โดย สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส

เมื่อกล่าวถึงเดือนเมษายน หลายคนคงจะนึกถึงวันสงกรานต์หรือวันปีใหม่ไทย จริงๆ ยังมีอีกสิ่งสำคัญของชายไทยที่อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์แล้ว นั่นก็คือ “การเกณฑ์ทหาร” หรือที่ภาษาราชการ เรียกว่า “การตรวจเลือกทหาร” ซึ่งตามกฎหมายแล้วชายที่มีสัญชาติไทยทุกคนมีหน้าที่รับราชการทหารด้วยตนเอง ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ต้องถูกลงโทษปรับหรือจำคุก หรือตามแก้ปัญหากันในภายหลัง จึงขอนำสาระเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร โดยเฉพาะการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารของผู้ที่ศึกษาอยู่ในต่างประเทศมาแบ่งปันกัน

 

การลงบัญชีทหารกองเกิน (การขึ้นทะเบียนทหาร)

ชายที่มีสัญชาติไทยเมื่อมีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ (อายุย่างเข้า 18 ปี) ต้องไปแสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกินตามภูมิลำเนาของบิดา หรือที่เรียกว่า ภูมิลำเนาทหาร โดยติดต่อหน่วยสัสดีเขตหรืออำเภอที่บิดามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เช่น ในปี พ.ศ. 2559 ผู้ที่มีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ (อายุย่างเข้า 18 ปี) คือ ผู้เกิด พ.ศ. 2542 ต้องไปลงบัญชีทหารกองเกิน โดยลงบัญชีได้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 และเมื่อดำเนินการแล้ว จะได้รับใบสำคัญทหารกองเกิน หรือที่เรียกว่า สด. 9 หากไม่สามารถไปได้ด้วยตนเอง ต้องให้บุคคลที่บรรลุ   นิติภาวะและเชื่อถือได้ไปแจ้งแทน (ควรเป็นบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง) หากพ้นกำหนดถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืน มีความผิดตามกฎหมาย

การรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร

ชายไทยที่ได้ลงบัญชีทหารกองเกินไว้แล้ว เมื่อมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ (อายุย่างเข้า 21 ปี) ให้ไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหารที่หน่วยสัสดีเขตหรืออำเภอที่มีภูมิลำเนาทหารภายในปี พ.ศ. นั้น เพื่อเข้ารับการตรวจเลือกทหารในเดือนเมษายนของปี พ.ศ. ถัดไป เช่น ผู้เกิด พ.ศ. 2539 จะมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ในปี พ.ศ. 2559 ให้ไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร หรือที่เรียกว่า สด. 35 ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 เพื่อเข้ารับการตรวจเลือกทหารในเดือนเมษายน 2560 หากไม่สามารถไปรับหมายเรียกได้ด้วยตนเอง ต้องให้บุคคลที่บรรลุนิติภาวะและเชื่อถือได้ไปแจ้งแทน (ควรเป็นบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง) หากพ้นกำหนดถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืน มีความผิดตามกฎหมาย

การขอผ่อนผันการตรวจเลือกทหาร (ขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร)

ในเดือน เม.ย. ของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีการตรวจเลือกทหาร หรือ การเกณฑ์ทหารตามเขตและอำเภอต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งชายไทยที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร แต่ไม่สามารถไปตรวจเลือกทหารตามวันเวลาที่กำหนด เนื่องจากกำลังศึกษาในต่างประเทศ ให้ยื่นเรื่องขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารที่หน่วยสัสดีเขตหรืออำเภอที่มีภูมิลำเนาทหาร โดยให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองเป็นดำเนินการ ซึ่งโดยปกติแล้วจะได้รับการผ่อนผันตามจำนวนปีใช้ศึกษาตามหลักสูตรจนกว่าจะจบการศึกษา และยกเว้นให้ไม่ต้องมาแสดงตนในวันเกณฑ์ทหาร

สำหรับเอกสารที่จะต้องใช้ยื่นขอผ่อนผันเกณฑ์ทหารกับหน่วยสัสดีเขตหรืออำเภอที่มีภูมิลำเนาทหาร  นอกจาก สด.9 และ สด.35  ตลอดจนหลักฐานแสดงตนอื่นๆ จำพวกบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านแล้วนั้น ยังมีเอกสารสำคัญที่จะต้องยื่นประกอบด้วย คือ (1) หนังสือรับรองของสถาบันการศึกษา พร้อมคำแปลภาษาไทย และ (2) หนังสือรับรองของสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่กำลังศึกษาอยู่

การออกหนังสือรับรองเพื่อใช้ผ่อนผันการตรวจเลือกทหารหรือการเกณฑ์ทหารจึงเป็นอีกบริการของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิสที่อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ประสงค์จะทำเรื่องขอผ่อนผันและกำลังศึกษาในสถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่ใน 13 รัฐในเขตกงสุล คือ แคลิฟอร์เนีย โคโลราโด เนวาดา นิวเม็กซิโก มอนทานา ยูทาห์ วอชิงตัน ไวโอมิง  อลาสกา อริโซนา โอเรกอน ไอดาโฮ ฮาวาย

ผู้ที่จะขอหนังสือรับรองของสถานสถานกงสุลใหญ่ฯ เพื่อใช้ผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองในวันจันทร์ – วันศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ) ที่สถานกงสุลใหญ่ฯ ตั้งอยู่ที่ 611North  Larchmont Boulevard, Floor 2, Los Angeles, CA90004 ยื่นเอกสารเวลา 09.00 –12.00 น. และรับหนังสือรับรอง เวลา 13.00 – 16.00 น. ของวันทำการถัดไป หรือผู้ที่อยู่ต่างรัฐและไม่สะดวกเดินทาง ให้ดำเนินการได้ทางไปรษณีย์ ทั้งนี้ สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องจัดเตรียมได้ที่เว็บไซต์ www.thaiconsulatela.org    (เลือกหัวข้อ “นิติกรณ์และงานทะเบียนราษฏร์”จากแถบเมนูด้านซ้ายมือ และเลือก “การขอหนังสือรับรอง   เพื่อใช้ขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร”) 

ส่วนผู้ที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การลงบัญชีทหารกองเกิน (การขึ้นทะเบียนทหาร) การรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร การขอผ่อนผันการตรวจเลือกทหาร (ขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร)  ขอแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลที่ 

       กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (โทรศัพท์ 02 – 2233259 และเว็บไซต์//www.sussadee.com/  )

       หน่วยสัสดีเขตหรืออำเภอที่มีภูมิลำเนาทหาร (ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของสัสดีจังหวัด และสัสดีเขตหรืออำเภอทั่วประเทศได้ที่  //www.sussadee.com/TEL_thailand.pdf

---------------------------------

สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส

ที่มาข้อมูล

1.         พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497

2.         //www.sussadee.com/    (กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน)

3.         //www.engrdept.com/Burachat/sadsadee_army.htm    (สายด่วนสัสดี: คู่มือสำหรับเยาวชนในการเข้ารับราชการทหาร)

หมายเหตุ บทความนี้สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชน จึงขอสงวนสิทธิ์ที่บุคคลใดจะนำไปใช้อ้างอิง

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 13 มีนาคม 2559    
Last Update : 13 มีนาคม 2559 17:18:11 น.
Counter : 491 Pageviews.  

คุณหมอกัมปนาทเขียนจดหมายถึง“โก๊ะตี๋”ที่ถูกกระแสสังคมวิจารณ์

นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.) ได้เขียนลงเฟซบุ๊กของตัวเองเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2559 ถึง “โก๊ะตี๋”นักแสดงที่มีชื่อเสียงหรือเป็นคนดังและเป็นน้องรักของสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ใช้โซเชียลมีเดียเหวี่ยงใส่คนที่เคยชื่นชมหรือแถไปเรื่อย หลังถูกกระแสสังคมวิจารณ์ คุณหมอเตือนโก๊ะตี๋ลองหันมาใช้สรรพนาม“ผม”แทน“หนู”ดู จะได้เรียนรู้ความเหมาะสมของการมีมารยาททางสังคมมากขึ้น ดังนี้....

มีคนที่ใช้โซเชี่ยลมีเดีย จำนวนไม่น้อย ที่มีปัญหาสุขภาพจิต ไม่รู้จักแยกแยะ....แต่ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะครับ...ถ้าจะกล่าวหาแบบนั้น คุณกำลังสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆให้กับชีวิตคุณแล้วล่ะครับ...เรื่องแบบนี้จะบอกว่าไม่สนใจ คงไม่ได้มังครับ....เพราะคุณเป็นคนดัง...หรือจะลองดูก็ได้ครับ

.....ประเด็นคือคุณ ยังไม่รู้จักโตพอที่จะเรียนรู้ว่า การเป็นคนดังควรระมัดระวังการใช้โซเชี่ยลมีเดียอย่างไร ทั้งๆที่คุณก็เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว (แม้หน้าตารูปร่างจะดูเป็นเด็กก็ตาม)....คุณมีปัญหาเรื่องงาน คุณไม่ควรมาระบายในโซเชี่ยลมีเดียแบบตั้งค่า public นะครับ

....คุณควรจะระบายกับใครสักคนที่คุณไว้ใจ เป็นการส่วนตัวมิใช่หรือครับ...คุณทำแบบที่ผ่านมา คนก็เข้าใจว่า คุณไปเหวี่ยงใส่พวกเขา แถมตอบโต้คนที่เคยปลื้มคุณด้วยอีกต่างหาก...ใครเขาจะไปรู้ความในใจคุณละครับ ควรยอมรับความจริงว่าในโลกโซเชี่ยลมีเดีย คนดังก็มีคนติดตามดูทุกอิริยาบทนะครับ เพราะคุณเป็นคนดังจริงๆ มิใช่ชาวบ้านทั่วๆไป ที่โพสท์อะไร ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจ อยากจะไปตอแยด้วย....

...แล้วที่ออกมาชี้แจงนี้ แน่ใจหรือว่า เป็นการชี้แจง มิใช่แก้ตัว เหวี่ยงใส่คนที่เคยชื่นชมคุณซ้ำๆหรือแถไปเรื่อยๆ หลังโดนกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ จนกลัวเรตติ้งทางการทำมาหากินเสียหายนะ....ผมเคยถูกบอกเสมอครับว่าการทะเลาะกับลูกค้าหรือแฟนคลับสำหรับดาราและคนทำงานนี่ เขารู้กันในแวดวงการทำงานครับว่า....ถือเป็นความหายนะแบบหนึ่งเลยทีเดียว

....คนที่ชื่นชมคุณ รักคุณมีอยู่ค่อนประเทศ ถ้าคุณอยากอยู่ในวงการและทำมาหากินจากแฟนคลับและชื่อเสียง....ลองคิดทบทวนใหม่นะว่าควรทำอย่างที่ผ่านมาหรือไม่....

....และที่สำคัญ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ชื่นชมคุณน่ะ...เขาไม่ได้เกลียดชังคุณเพราะคุณเป็นพวกเดียวกับใครหรอกนะ แต่เขาไม่พอใจหรืออาจเข้าใจผิดที่คุณแสดงตรรกะในการชื่นชมหรือให้กำลังใจคนกระทำผิดกฎหมาย....

....คนอื่นๆที่เขาคิดแบบคุณ (และฉลาดพอ) เขาคงเลือกที่จะอยู่เฉยๆ แอบให้กำลังใจกันเงียบๆดีกว่ามาทำตัวสวนกระแสหรือทะลุกลางปล้องขึ้นมา ให้คนเข้าใจผิดหรือไม่พอใจ...เรื่องมารยาททางสังคมเหล่านี้ เป็นสิ่งที่คุณควรเรียนรู้ครับ....

ปล.ถ้าเปลี่ยนจากการใช้สรรพนามคำว่า"หนู" เป็น "ผม" บ้าง คุณจะได้มองตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และเรียนรู้ความเหมาะสมของการมีมารยาททางสังคมมากขึ้น....แล้วคุณจะทำมาหากินได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องมารบรากะชาวเน็ตและสื่อให้เสียอารมณ์....ลองทำใจร่มๆคิดทบทวนดูดีๆนะครับ....

.....จากแฟนคลับคนนึงครับ...

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2559 มีรายงานว่า....เกิดเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมา หลังจากที่น้องคนสนิทของ “สรยุทธ” ซึ่งร่วมกันทำงานมาอย่างยาวนานอย่าง “โก๊ะตี๋” ที่ก่อนหน้านี้ออกมาโพสต์ข้อความ “ถึงจะดีแสนดีอย่างไร ถ้าไม่ใช่พวกตัว มันก็ว่าชั่วอยู่ดี ถึงจะชั่วแสนชั่วอย่างไร ถ้าเป็นพวกตัว มันก็ว่าเป็นคนดี..อยู่ดี” พร้อมแคปชันว่า “โลกนี้แม่งอยู่ยาก” ลงผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว จนถูกโยงเอี่ยวกับปมดราม่าของพี่ชายคนสนิท อย่าง “สรยุทธ” ที่ออกมาประกาศยุติบทบาทการทำงานข่าวช่อง 3 หรือเปล่า

ล่าสุด “โก๊ะตี๋” ได้ลบโพสต์ข้อความดังกล่าวทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งชี้แจงว่า สาเหตุที่ลงรูปดังกล่าว เกี่ยวกับเรื่องงาน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนายสรยุทธแต่อย่างใด และตนไม่เคยคิดดูหมิ่นศาล

 “ขอชี้แจงนะครับ ทำไมผมถึงลงรูปนั้น ฟังนะ!! คือ ผมมีปัญหาด้านงานของผม และผมก็ระบายผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่ยุทธเลย พี่นักข่าวครับช่วยแก้ให้หนูด้วยนะ ถามตรง ๆ นะศาลเขาตัดสินมาแล้วหนูจะทำไรได้วะ นอกจากให้กำลังใจ และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก็คุยกันแล้วผมไม่คิดดูหมิ่นศาล อย่าโยง ถามว่าทำไมถึงลบ เพราะคิดไม่ถึงไงว่าจะโยงไปหากันได้ และไม่อยากให้สังคมที่สวยงามนี้ต้องคิดมาก ก็เลยลบ เข้าใจตรงกันนะครับ”

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 13 มีนาคม 2559    
Last Update : 13 มีนาคม 2559 15:44:32 น.
Counter : 254 Pageviews.  

๑๓ มีนาคม วันช้างไทย-ความเป็นมา

วันช้างไทย ริเริ่มจากคณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงาน องค์การภาครัฐและเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างไทยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

 

เนื่องจากเล็งเห็นว่าหากมีการสถาปนาวันช้างไทยขึ้น จะช่วยให้ประชาชนคนไทย หันมาสนใจช้าง รักช้าง หวงแหนช้าง ตลอดจนให้ความสำคัญต่อการให้ความช่วยเหลืออนุรักษ์ช้างมากขึ้น

คณะอนุกรรมการฯ จึงได้พิจารณาหาวันที่เหมาะสม ซึ่งครั้งแรกได้พิจารณาเอาวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา แต่วันดังกล่าวถูกใช้เป็นวันกองทัพไทยไปแล้ว จึงได้พิจารณาวันอื่น และเห็นว่าวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการคัดเลือกสัตว์ประจำชาติ มีมติให้ช้างเผือกเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยนั้นมีความเหมาะสม จึงได้นำเสนอมติตามลำดับขั้นเข้าสู่คณะรัฐมนตรี โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกทางหนึ่ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 เห็นชอบให้ วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็น วันช้างไทย และได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2541ลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2541

 ผลจากการที่ประเทศไทยมีวันช้างไทยเกิดขึ้น นับเป็นการยกย่องให้เกียรติว่าเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอีกครั้ง นอกเหนือจากเกียรติที่ช้างเคยได้รับในอดีต ไม่ว่าจะเป็นช้างเผือกในธงชาติ หรือช้างเผือกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หรือสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 13 มีนาคม 2559    
Last Update : 13 มีนาคม 2559 15:13:46 น.
Counter : 214 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.