นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปลดพล.อ.ไพบูลย์ตามที่กลุ่มศาสนากดดันชี้ปัญหาอยู่ที่ทนายปากไม่ดี
นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปลดพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พ้นรัฐมนตรียุติธรรมตามที่คณะสงฆ์กดดันจะยื่นจดหมายเดือนเมษายนนี้ ชี้ปัญหาอยู่ที่ทนายความปากไม่ดีพูดให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) เตรียมยื่นรายชื่อ 4 หมื่นชื่อ เสนอนายกฯ เพื่อขอให้ปลด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม จากกรณีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีรถโบราณที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นผู้ครอบครองว่า ใครมีอำนาจที่จะตั้งที่จะปลดใครๆ ผู้สื่อตอบกลับว่าตัวนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ตนไม่ปลด จะปลดเรื่องอะไรเห็น พล.อ.ไพบูลย์ เคารพพระมาตลอด ปัญหาอยู่ที่ทนายปากไม่ดีที่พูดทุกอย่างวุ่นวายไปหมด ดูซะบ้างสิ ไม่ใช่ใครบอกอะไรก็ตามเขาไปหมด เป็นปากเป็นเสียงเขาไปหมด แยกบ้างว่าอะไรดีหรือไม่ดี อันไหนคือคนดี อันไหนคือคนเลว แยกให้ตนบ้าง สื่อควรที่จะเป็นอย่างนั้น แยกไม่ออกหรือว่าใครดี ใครไม่ดี หรือมันดีเท่ากันหมดนายกฯกล่าว ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มีนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึง ความเคลื่อนไหวของคณะสงฆ์ที่เรียกร้องให้มีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชว่าไม่ใช่หน้าที่ตน เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง ส่วนเรื่องคดีรถเบนซ์ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญนั้น ตนไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว ได้มอบให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียบร้อยแล้ว สามารถไปสอบถามได้เลย ตนจะไม่ลงไปในรายละเอียดอีก ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ตนลาออกจากตำแหน่งนั้น เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี นายกฯเป็นคนตั้งตนมา สามารถเอาออกได้ ไม่ต้องมามองด้วยซ้ำไปว่าตนทำถูกหรือทำผิด ตนจะไม่คิดอะไรเลยหากนายกฯเห็นว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ ย่อมสามารถทำได้ ผมเคยเรียนนายกฯตั้งแต่ตอนตั้งครม.แล้วว่าจะไม่รับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ท่านบอกให้มาช่วยกันทำงาน ซึ่งผมยังบอกนายกฯ ตั้งแต่ตอนเริ่มเป็นรัฐมนตรีใหม่ๆ ว่า ไม่ต้องห่วงผม อะไรที่ทำให้นายกฯสบายใจเกี่ยวกับผมท่านทำได้เลย ไม่ต้องถามผมหรอก เพราะการที่ได้มาเป็นรมว.ยุติธรรม เพราะนายกฯตั้งมา ดังนั้นอยู่ที่นายกฯ ขณะที่สิ่งที่ผมแถลงเกี่ยวกับคดี เป็นดุลยพินิจของประชาชนที่จะมองแล้วว่าพล.อ.ไพบูลย์เป็นคนอย่างไร ทำงานอย่างไร แค่นั้นเองพล.อ.ไพบูลย์ กล่าว เมื่อถามว่า ท้อหรือไม่ที่เจอกระแสกดดัน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่ท้อ ตนมุ่งมั่นอยู่แล้ว ถ้าตนอ่อนแอและไม่ยืนหยัดกับความถูกต้องเมื่อไรเจตนารมณ์ที่เราตั้งไว้ก็ไปไม่ได้ จะมาเป็นทำไมตำแหน่งรัฐมนตรี ตนพูดเสมอว่าถ้าเราไม่กล้าที่จะทำเรื่องต่างๆ บนความถูกต้อง เราอย่ามาเป็นตำแหน่งนี้เลย ตนเชื่อว่าคนเก่งกว่าตนมีอีกเยอะ และถ้าเราไม่เก่งแล้วยังไม่ทำอีกก็อย่ามาเป็นเลย ตนพูดกับข้าราชการเสมอ พูดกับเจ้าหน้าที่ในกระทรวงตลอด เรื่องการกดดันนี้เมื่อวันที่ 24 มีนาคม นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.)กล่าวว่า หลังจากพบว่าการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายที่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายเรายอมหยุดตามที่นายกฯ บอกแล้ว ทำให้พระผู้ใหญ่แจ้งมายังศูนย์พิทักษ์ฯ และภาคีเครือข่ายให้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยผลจากการหารือร่วมกับศูนย์พิทักษ์ฯเห็นตรงกันว่าจะดำเนินการดังนี้ 1. ศูนย์พิทักษ์ฯ สนพ. และภาคีเครือข่ายจะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง 2. จะนำรายชื่อที่มีการรวบรวมเพื่อยื่นถอดถอนผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งขณะนี้รวบรวมได้แล้วกว่า 60,000 รายชื่อ แบ่งเป็นสองส่วนเพื่อนำไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาถอดถอนหรือย้าย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม คาดว่าจะสามารถยื่นรายชื่อได้ประมาณต้นเดือนเมษายนนี้ 3. จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่พุทธะอิสระแสดงพฤติกรรมที่อาจะเข้าข่ายมาตรา 44 ทวิ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 44 ตรี ผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์ หรือคณะสงฆ์อื่น อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความแตกแยก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อประสานไปยังพระสังฆาธิการทั่วประเทศให้ดำเนินการแจ้งความในแต่ละพื้นที่ต่อไป ที่มา thaitribune
Create Date : 30 มีนาคม 2559 | | |
Last Update : 30 มีนาคม 2559 11:08:00 น. |
Counter : 251 Pageviews. |
| |
|
|
|