ธ.กรุงเทพ แจ้งปิดปรับปรุงระบบชั่วคราว 5-6 เม.ย.นี้

ธนาคารกรุงเทพ ได้ประกาศเตรียมปิดปรับปรุงระบบเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ 22.30 น. ของวันที่ 5 เมษายน 2559 ถึง 6.00 น. ของวันพุธที่ 6 เมษายน 2559 ทั้งนี้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น ประกาศขออภัยลูกค้าในความไม่สะดวก

         ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น ธนาคารจะทำการปิดปรับปรุงระบบ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่เวลา 22.30 น. ของวันอังคารที่ 5 เมษายน 2559 ถึงเวลา 6.00 น. ของวันพุธที่ 6 เมษายน 2559

สำหรับช่องทางและบริการที่ลูกค้าไม่สามารถใช้บริการในช่วงเวลาดังกล่าวได้ชั่วคราว มีดังนี้

- ไม่สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม เครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ เครื่องปรับสมุดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ

- บัตรเอทีเอ็ม บัตรพรีเมียร์ บัตรเดบิตบีเฟิสต์ และบัตร Purchasing Card จะไม่สามารถใช้บัตรทำธุรกรรมที่เครื่องเอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพและเครื่องเอทีเอ็มธนาคารอื่นทุกธนาคารทั่วประเทศ และไม่สามารถใช้บัตรทำรายการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านเครื่องรูดบัตร (EDC) ของธนาคารกรุงเทพและธนาคารอื่นทุกธนาคารทั่วประเทศ

- บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต (บัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง และ บิซ ไอแบงก์กิ้ง) บริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือ (บัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง) และการทำธุรกรรมผ่านบัวหลวงโฟน

ทั้งนี้ ลูกค้ายังสามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพได้ตามปกติ

ธนาคารขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น ลูกค้าทุกท่านสามารถวางแผนการทำธุรกรรมและเตรียมเงินสดเพื่อใช้จ่ายในช่วงเวลาดังกล่าวได้ล่วงหน้า หากมีข้อสงสัยประการใดสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ (66) 2-645-5555 ตลอด 24 ชั่วโมง และดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ www.bangkokbank.com

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 31 มีนาคม 2559    
Last Update : 31 มีนาคม 2559 10:13:28 น.
Counter : 377 Pageviews.  

กระทรวงแรงงานลุยแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก เตรียมเสนอต่ำกว่า15ปี ห้ามช่วยพ่อแม่ทำงาน เข้า ครม.

เร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพิ่มโทษผู้ใช้แรงงานเด็ก - คุมเข้มนายหน้าเถื่อนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเกินจริง เตรียมชงเข้า ครม.ต้นเดือนเมษายนนี้

          เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 นายสุวิทย์ สุมาลา รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสร้างการรับรู้และติดตามป้องกันการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์กับหน่วยงานในส่วนภูมิภาคว่า ได้เน้นให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานทุกหน่วยประสานกันทำงาน และให้ประสานกับหน่วยราชการอื่นๆ ในพื้นที่ด้วย ให้ดูแลแรงงานในทุกมิติ สร้างความรับรู้ในเรื่องของการดูแลแรงงาน ตรวจแรงงาน และการปฏิบัติงานด้านแรงงานตามมาตรฐานสากล หน่วยงานในสังกัดได้รายงานสภาพปัญหาที่พบในพื้นที่ โดยส่วนใหญ่จะพบว่ามีการปฏิบัติไม่ถูกต้องด้านแรงงานที่ไม่ร้ายแรง เช่น การปฏิบัติต่อลูกจ้างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับนายจ้างให้ปฏิบัติตามกฎหมาย

          รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อว่า ประเด็นการเพิ่มโทษ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ในกรณีพบว่ามีการใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมายนั้น ขณะนี้กระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 เกี่ยวกับโทษในความผิดต่อแรงงานเด็ก จำนวน 3 ฐานความผิด ในเรื่องของงานอันตรายสำหรับเด็ก สถานที่ห้ามทำงานสำหรับเด็ก และอายุขั้นต่ำ สำหรับสาระสำคัญของ พ.ร.บ. ดังกล่าวจะมีการเพิ่มโทษในกรณีที่นายจ้างจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าทำงานหรือให้ทำงานในสถานที่ต้องห้าม จากเดิมจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาทเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 4 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีนายจ้างจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าทำงานหรือให้ทำงานในสถานที่ต้องห้าม เป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 8 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพิ่มโทษในกรณีนายจ้างจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในงานทั่วไป หรือกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 22 ที่เกี่ยวกับอายุของเด็กในงานเกษตรกรรมและงานประมงทะเล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คาดว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในต้นเดือนเมษายนนี้

          ส่วนการแก้ไขปัญหานายหน้าเถื่อนซึ่งเป็นตัวกลางในการจัดหาแรงงานต่างด้าวส่งผลให้แรงงานต่างด้าวมีค่าใช้จ่ายสูงและอาจขยายไปสู่การค้ามนุษย์นั้น กระทรวงแรงงานร่วมกับ ILO ได้ยกร่าง พ.ร.ก.การนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศ พ.ศ. .... ซึ่งได้นำอนุสัญญา ฉบับที่ 181 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมงมาประกอบด้วย โดยมีสาระสำคัญ คือ การนำเข้าแรงงานตาม MOU ผ่านผู้รับใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเรียกเก็บค่าใช้จ่ายและค่าบริการจากนายจ้างเท่านั้น ผู้รับใบอนุญาตต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด หรือบริษัท มหาชน จำกัด ที่มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และมีหลักประกันไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งมีโทษตั้งแต่จำคุก 3-10 ปี ปรับ 6 หมื่นถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งเรื่องเพื่อเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 30 มีนาคม 2559    
Last Update : 30 มีนาคม 2559 13:04:18 น.
Counter : 236 Pageviews.  

กรธ.นำคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญเพื่อลงประชามติให้ประชาชนพิจารณา-ดูฉบับเต็มได้ที่นี่

ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับก่อนลงประชามติมี 279 มาตรา จำนวน 105 หน้า แบ่งเป็น 16 หมวด คณะกรรมการร่างฯอธิบายสาระสำคัญให้ประชาชนรับทราบรวมทั้งร่างเต็มฉบับทั้งหมดสามารถดูได้ที่นี่

 

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 กรณี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติ โดยระบุว่า ร่างฉบับสุดท้ายมีทั้งสิ้น 279 มาตรา รวม 16 หมวด ประกอบด้วย

 1.บททั่วไป 2. พระมหากษัตริย์ 3.สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย 4. หน้าที่ของปวงชนชาวไทย 5. หน้าที่ของรัฐ 6. แนวนโยบายแห่งรัฐ 7.รัฐสภา 8.ครม. 9.การขัดกันแห่งผลประโยชน์ 10.ศาล 11.ศาลรัฐธรรมนูญ 12.องค์กรอิสระ13.องค์กรอัยการ 14. การปกครองท้องถิ่น 15. การแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญ 16.การปฏิรูปประเทศ และบทเฉพาะกาล

ขณะเดียวกันกรธ.ยังได้อธิบายสาระสำคัญให้ประชาชนรับทราบจัดทำโดยนายอัชพร จารุจินดา,นายปกรณ์ นิลประพันธ์,นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง,นายจินตพันธุ์ ทังสุบุตร และนายวราห์ เห่งพุ่ม

ทั้งนี้รัฐบาลกำหนดไว้ว่าวันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าจะรับหรือไม่รับกำหนดไว้วันที่ 7 สิงหาคม 2559 

คำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อลงประชามติ

//lawdrafter.blogspot.com/2016/03/blog-post.html?m=1

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม

//cdc.parliament.go.th/draftconstitution2/ewt_dl_link.php?nid=429&filename=index%E2%80%9C

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 30 มีนาคม 2559    
Last Update : 30 มีนาคม 2559 12:48:43 น.
Counter : 436 Pageviews.  

กรณีศึกษาการประมูลคลื่นความถี่ในต่างประเทศ โดย พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทร

ปากีสถาน- Pakistan Telecommunication Authority (PTA) ได้ยกเลิกใบอนุญาตของบริษัท M/S Pakcom (Instaphone) โดยทันที เมื่อ Instaphone ไม่สามารถจ่ายเงินค่าใบอนุญาตได้ในงวดที่ 2

 

Instaphone ได้ต่ออายุใบอนุญาตอีกครั้ง (renewed) ในวันที่ 19 เมษายน 2005 โดยมีอายุใบอนุญาต 15 ปี และมีเงื่อนไขว่าภายในเวลา 3 ปี จะต้องชำระค่าใบอนุญาตทั้งสิ้น 291 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ Instaphone จะต้องชำระเงินค่าใบอนุญาตครึ่งหนึ่ง (145.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยแบ่งชำระเป็น 7 งวด (7 เดือน)3 งวดแรกชำระงวดละ 14.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และชำระ 29.1 ล้านเหรียญสหรัฐ อีก 3 งวด และงวดสุดท้ายอีก 14.7ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเงินอีกครึ่งที่เหลือ จำนวน 145.5 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งจ่ายใน 29 เดือน

อย่างไรก็ตาม Instaphone สามารถชำระเงินได้เพียง 20 ล้าน ใน 3 เดือนแรกเท่านั้น หลังจากนั้น Instaphone ไม่สามารถชำระเงินค่าใบอนุญาตได้

PTA ให้ Instaphone แจ้งสาเหตุที่ไม่สามารถชำระเงิน แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ในที่สุด PTA จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเรียกคืนใบอนุญาต และให้ Instaphone หยุดการดำเนินการทันที ผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 329,743 รายที่ค้างอยู่ สามารถเปลี่ยนไปใช้บริการกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทั้ง 5 ราย โดยใช้วิธี Mobile Phone Number Portability (MNP)

Reference

//archives.dailytimes.com.pk/national/05-Jan-2008/pta-terminates-instaphone-licence

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 30 มีนาคม 2559    
Last Update : 30 มีนาคม 2559 11:54:14 น.
Counter : 271 Pageviews.  

นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปลดพล.อ.ไพบูลย์ตามที่กลุ่มศาสนากดดันชี้ปัญหาอยู่ที่ทนายปากไม่ดี

นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปลดพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พ้นรัฐมนตรียุติธรรมตามที่คณะสงฆ์กดดันจะยื่นจดหมายเดือนเมษายนนี้ ชี้ปัญหาอยู่ที่ทนายความปากไม่ดีพูดให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด

 

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) เตรียมยื่นรายชื่อ 4 หมื่นชื่อ เสนอนายกฯ เพื่อขอให้ปลด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม จากกรณีให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคดีรถโบราณที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นผู้ครอบครองว่า ใครมีอำนาจที่จะตั้งที่จะปลดใครๆ

ผู้สื่อตอบกลับว่าตัวนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ตนไม่ปลด จะปลดเรื่องอะไรเห็น พล.อ.ไพบูลย์ เคารพพระมาตลอด ปัญหาอยู่ที่ทนายปากไม่ดีที่พูดทุกอย่างวุ่นวายไปหมด “ดูซะบ้างสิ ไม่ใช่ใครบอกอะไรก็ตามเขาไปหมด เป็นปากเป็นเสียงเขาไปหมด แยกบ้างว่าอะไรดีหรือไม่ดี อันไหนคือคนดี อันไหนคือคนเลว แยกให้ตนบ้าง สื่อควรที่จะเป็นอย่างนั้น แยกไม่ออกหรือว่าใครดี ใครไม่ดี หรือมันดีเท่ากันหมด”นายกฯกล่าว

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มีนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึง ความเคลื่อนไหวของคณะสงฆ์ที่เรียกร้องให้มีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชว่าไม่ใช่หน้าที่ตน เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง

ส่วนเรื่องคดีรถเบนซ์ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญนั้น ตนไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว ได้มอบให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียบร้อยแล้ว สามารถไปสอบถามได้เลย ตนจะไม่ลงไปในรายละเอียดอีก ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ตนลาออกจากตำแหน่งนั้น เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี นายกฯเป็นคนตั้งตนมา สามารถเอาออกได้ ไม่ต้องมามองด้วยซ้ำไปว่าตนทำถูกหรือทำผิด ตนจะไม่คิดอะไรเลยหากนายกฯเห็นว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ ย่อมสามารถทำได้

“ผมเคยเรียนนายกฯตั้งแต่ตอนตั้งครม.แล้วว่าจะไม่รับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่ท่านบอกให้มาช่วยกันทำงาน ซึ่งผมยังบอกนายกฯ ตั้งแต่ตอนเริ่มเป็นรัฐมนตรีใหม่ๆ ว่า ไม่ต้องห่วงผม อะไรที่ทำให้นายกฯสบายใจเกี่ยวกับผมท่านทำได้เลย ไม่ต้องถามผมหรอก เพราะการที่ได้มาเป็นรมว.ยุติธรรม เพราะนายกฯตั้งมา ดังนั้นอยู่ที่นายกฯ ขณะที่สิ่งที่ผมแถลงเกี่ยวกับคดี เป็นดุลยพินิจของประชาชนที่จะมองแล้วว่าพล.อ.ไพบูลย์เป็นคนอย่างไร ทำงานอย่างไร แค่นั้นเอง”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

เมื่อถามว่า ท้อหรือไม่ที่เจอกระแสกดดัน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่ท้อ ตนมุ่งมั่นอยู่แล้ว ถ้าตนอ่อนแอและไม่ยืนหยัดกับความถูกต้องเมื่อไรเจตนารมณ์ที่เราตั้งไว้ก็ไปไม่ได้ จะมาเป็นทำไมตำแหน่งรัฐมนตรี ตนพูดเสมอว่าถ้าเราไม่กล้าที่จะทำเรื่องต่างๆ บนความถูกต้อง เราอย่ามาเป็นตำแหน่งนี้เลย ตนเชื่อว่าคนเก่งกว่าตนมีอีกเยอะ และถ้าเราไม่เก่งแล้วยังไม่ทำอีกก็อย่ามาเป็นเลย ตนพูดกับข้าราชการเสมอ พูดกับเจ้าหน้าที่ในกระทรวงตลอด

เรื่องการกดดันนี้เมื่อวันที่ 24 มีนาคม นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.)กล่าวว่า หลังจากพบว่าการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายที่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายเรายอมหยุดตามที่นายกฯ บอกแล้ว ทำให้พระผู้ใหญ่แจ้งมายังศูนย์พิทักษ์ฯ และภาคีเครือข่ายให้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยผลจากการหารือร่วมกับศูนย์พิทักษ์ฯเห็นตรงกันว่าจะดำเนินการดังนี้

1. ศูนย์พิทักษ์ฯ สนพ. และภาคีเครือข่ายจะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง

2. จะนำรายชื่อที่มีการรวบรวมเพื่อยื่นถอดถอนผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งขณะนี้รวบรวมได้แล้วกว่า 60,000 รายชื่อ แบ่งเป็นสองส่วนเพื่อนำไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาถอดถอนหรือย้าย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม คาดว่าจะสามารถยื่นรายชื่อได้ประมาณต้นเดือนเมษายนนี้

3. จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่พุทธะอิสระแสดงพฤติกรรมที่อาจะเข้าข่ายมาตรา 44 ทวิ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 44 ตรี ผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์ หรือคณะสงฆ์อื่น อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความแตกแยก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อประสานไปยังพระสังฆาธิการทั่วประเทศให้ดำเนินการแจ้งความในแต่ละพื้นที่ต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 30 มีนาคม 2559    
Last Update : 30 มีนาคม 2559 11:08:00 น.
Counter : 251 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.