เตือนภัยผู้ปกครอง !! อย่าปล่อยเด็ก 3 ขวบแรกเล่นสมาร์ทโฟน เสี่ยง“พัฒนาการช้า -ไร้จินตนาการ” !!!



กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนผู้ปกครองที่ชอบให้เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ ดูการ์ตูนหรือเกมทางทีวีหรือทางสมาร์ทโฟน จะมีผลให้พัฒนาการสำคัญในชีวิต 5 ด้านของเด็กล่าช้า ไร้จินตนาการ พบเด็กวัย 3 ขวบ มีพัฒนาการ ไม่สมวัยสูงถึงร้อยละ 43 เป็นผลมาจากการเลี้ยงดู กระตุ้นให้แม่หลังคลอด เลี้ยงลูกตามสูตร กิน กอด เล่น เล่า

 

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันอัตราการเกิดเด็กไทยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จากช่วง 5-10 ปีก่อนเดิมเกิดปีละประมาณ 8 แสนคน ลดลงเหลือประมาณปีละ 7 แสนคน แต่ที่น่ากังวลและต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วนก็คือเรื่องของพัฒนาการเด็กไทย ซึ่งมีความสำคัญต่อการเตรียมเข้าสู่ระบบการศึกษา

ผลการสำรวจล่าสุดในปี 2556 กลุ่มเด็กเล็ก อายุ 3 ขวบที่เกิดในปี 2553 พบว่า มีเด็กที่มีพัฒนาการสมวัยเพียงร้อยละ 57 ไม่สมวัยถึงร้อยละ 43 เมื่อติดตามความก้าวหน้าพัฒนาการในเด็กกลุ่มเดิมที่พัฒนาการสมวัย พบว่าร้อยละ 20 มีพัฒนาการไม่เป็นไปตามอายุ ส่วนกลุ่มที่พัฒนาการไม่สมวัยเดิม มีมากถึงร้อยละ 70 ที่พัฒนาการไม่ก้าวหน้า จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง กล่าวต่อว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กเล็กมีพัฒนาการช้า เกิดมาจาก 3 สาเหตุ ได้แก่

1.เด็กไม่ได้รับอาหารที่ดีและมีคุณค่าตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม่ โดยเฉพาะเกลือแร่ที่มีผลต่อสมอง คือไอโอดีน ธาตุเหล็ก และโฟเลต ส่วนใหญ่จะพบในครอบครัวที่ยากจน หรือพบได้ในแม่วัยรุ่น

2.เกิดมาจากการเลี้ยงดูหรือคนเลี้ยงมีปัญหา โดยเฉพาะในครอบครัวเดี่ยว ซึ่งขณะนี้มีประมาณร้อยละ 30 ซึ่งโอกาสดูแลลูกมีน้อย เด็กจึงอยู่กับพี่เลี้ยงในสถานรับเลี้ยงเด็กและศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งหากไม่มีการเล่านิทานหรือการเล่น พัฒนาการจะไม่เกิดขึ้น

3.คือการใช้สื่อโทรทัศน์หรือโทรศัพท์ประเภทสมาร์ทโฟนมาให้เด็กดูเกม หรือการ์ตูน เป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก เพราะเด็กในวัย 3 ขวบแรก ควรหยุดการใช้สื่อ สิ่งที่ควรใช้ที่สุดก็คือการเล่านิทาน หรือการเล่น เป็นวิธีที่เด็กจะได้รับการกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งหมด การเล่านิทานจะเป็นการฝึกเด็กสร้างจินตนาการ ฝึกพัฒนาการของสมอง

ในปี 2559 นี้ กรมสบส.ได้เน้นงานพัฒนาตำบลจัดการสุขภาพคนทุกกลุ่มวัย ได้จัดอบรมอสม.จำนวน 52,236 คน ให้มีความรู้และมีส่วนร่วม เป็นกำลังสำคัญในการเฝ้าระวังในชุมชน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศูนย์เด็กเล็ก ผู้ปกครอง เพื่อดูแล กระตุ้นให้เด็กมีพัฒนาการสมวัย ครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ

ทางด้านนายแพทย์ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดีกรมสบส. กล่าวว่า อสม.ที่เข้ารับการอบรมเรื่องการดูแลเด็กปฐมวัยอายุแรกเกิดถึง 5 ปี ใช้เวลาอบรมเพียง 1 วัน เน้นหนักที่การส่งเสริมพัฒนาการเด็กเล็ก สามารถค้นหา วิเคราะห์เด็กที่มีภาวะเสี่ยงได้ เช่น แม่ตั้งครรภ์ที่ยังเป็นวัยรุ่นที่ขาดการดูแลใส่ใจหรือความรู้ในช่วงตั้งครรภ์ โดย อสม.จะติดตามเยี่ยมเด็กเกิดใหม่ทุกคน ค้นหาเด็กมีพัฒนาการล่าช้าให้ได้เร็วที่สุด ตามเทคนิควิชาการ หากพบว่าเด็กมีลักษณะไม่เหมาะสมตามวัย เช่น อายุ1-3 เดือน เด็กดูดนมแม่ได้ไม่ดี ไม่จ้องหน้า ไม่มองตาม ไม่สบตา อายุ 2 ขวบ ยังบอกชื่อตัวเองไม่ได้ จะให้คำแนะนำพ่อแม่เพื่อกระตุ้นและส่งตรวจที่สถานบริการ ค้นหาหญิงตั้งครรภ์ใหม่ ให้ฝากครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ และแนะให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวจนอายุ 6 เดือน ให้พ่อแม่บันทึกการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ในสมุดบันทึก ฉีดวัคซีนตามนัด ทั้งนี้เทคนิคการฝึกพัฒนาเด็กแก่พ่อแม่นั้น ผู้ปกครองที่ถูกต้องคือ ต้องใจเย็น ไม่โมโห ไม่ขึ้นเสียง ไม่ตีเด็ก เมื่อเด็กทำได้ตามที่ฝึก ควรให้ความเอาใจใส่คือชมเชยเด็ก ยิ้ม ปรบมือ กอด เพื่อให้เด็กมีกำลังใจที่จะฝึกต่อ ซึ่งจะทำให้แก้ไขพัฒนาการล่าช้าของเด็กได้สำเร็จ พัฒนาการ 5 ด้านที่สำคัญของชีวิตเด็กได้แก่ พัฒนาการด้านร่างกาย ด้านภาษาการสื่อสาร ด้านสติปัญญา ด้านสังคม และอารมณ์จิตใจ หากมีครบถ้วนจะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2559 17:08:56 น.
Counter : 280 Pageviews.  

2 ด็อกเตอร์ ม.ราชภัฎพระนครถูกยิงดับเผยจ่อศีรษะเรียงตัว-ตำรวจให้ดร.มือปืนมอบตัว



เกิดเหตุอาจารย์ระดับ ดร. 3 คน คุยกันไม่ลงตัว ก่อนหนึ่งในสามใช้ปืน 9 มม.ยิงอีก 2 คนตายทันทีภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร รักษาการผบช.น.ให้เข้ามอบตัวเคลียร์ปัญหาพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

 

เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น วันที่ 18 พฤภาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตำรวจ สน.บางเขน รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิตภายในอาคาร ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถ.แจ้งวัฒนะ เขตบางเขน กรุงเทพฯ เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าเหตุเกิดที่ห้อง 502 ชั้น 5 อาคารเรียนรวม พุทธวิชชาลัย ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ซึ่งเป็นสำนักศิลปะและวัฒนธรรม สอนด้านพุทธศาสนา โดยเกิดเหตุยิงกัน มีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย ทราบชื่อ คือ ดร.วิชัย ไชยสงคราม อายุ 50 ปี และดร.ณัฐพล ชุมวรฐายี อายุ 50 ปี ทั้ง 2 เป็นอาจารย์ที่กำลังคุมสอบการทำวิทยานิพนธ์ระดับมหาบัรฑิตของมหาวิทยาลัย

จากการสอบสวทราบว่า เหตุเกิดเวลาประมาณ 08.00 น. อาจารย์ระดับปริญญาเอก 3 คน เข้าไปเคลียร์ปัญหากันในห้องประชุมวิชาการที่ชั้น 5 แล้วตกลงกันไม่ได้ หนึ่งในสามได้ชักปืนจ่อยิงศีรษะอาจารย์คนหนึ่ง แล้วยิงอีกคนจนมีผู้เสียชีวิต 2 คน ก่อนจะหลบหนีไป

ผู้รู้เหตุการณ์ทราบชื่อผู้ก่อเหตุที่หลบหนีไปคือ ดร.วิชัย ดนัยตโมนุช อายุ 60 ปี

ภายหลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท. ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ สน.บางเขน ได้เดินทางถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้กันพื้นที่ไม่อนุญาตให้บุคคลนอกเข้าไปภายในตัวอาคารได้แต่เฝ้ารออยู่ด้านนอกเท่านั้น

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ สน.บางเขน แจ้งสกัดจับ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน อัลเมร่า สีน้ำตาล ทะเบียน2 กพ 721 กทม. ซึ่งเป็นรถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะหลบหนี โดยผู้พบเห็น สามารถแจ้ง สน.ขางเขน02-5212232, 081-8994748

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท. ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า ด๊อกเตอร์ทั้งสองคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ  แพทย์กำลังชันสูตรศพเพื่อเก็บรายละเอียดและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

พล.ต.ท.ศานิตย์ได้เรียกร้องให้ดร.วิชัยมือปืนผู้ก่อเหตุเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอยากทราบถึงเรื่องแท้จริงทั้งหมด พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในเรื่องคดี  “หากมามอบตัวเรื่องก็จบเร็ว ผมคิดว่าวันนี้น่าจะได้ตัว”

รายงานข่าวเพิ่มเติมทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ  ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท อายุ 60 ปี ใช้อาวุธปืนขนาด 9มม.ก่อเหตุ ขณะที่ผู้ตายทั้งสองคนกำลังสอบนิสิตปริญญาโท หลักสูตรบริหารการศึกษาอยู่ พยานให้ปากคำว่า คนร้ายเป็นอาจารย์เคยสอนที่วิทยาลัยมาก่อน เมื่อเข้ามาภายในห้องที่เกิดเหตุแล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสองคนจนเสียชีวิต  ส่วนสาเหตุคาดมีการโกรธเคืองกันมาก่อน โดยมีการร้องเรียนเรื่องการทำงานกันขึ้นมา

เบื้องต้นสอบสวนระบุว่า ผู้ตายทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาก่อน ก่อนเกิดเหตุทั้ง 2 ที่ตายน่าจะทะเลาะกันเรื่องใดเรื่องหนึ่งกับมือปืน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนพยานแวดล้อมและพยานเกี่ยวข้องเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2559 0:09:28 น.
Counter : 293 Pageviews.  

อีกหนึ่งเบาะแส Apple จ้างวิศวกรเทคโนโลยีชาร์จไฟไร้สายเข้าร่วมทีมวิจัยพัฒนานับสิบ



ท่ามกลางกระแสข่าวที่ผลัดเปลี่ยนกันถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อข่าวในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจจะต้องบอกว่าเรื่องของเทคโนโลยีการชาร์จประจุไฟไร้สายนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจมากที่สุดเวลานี้ ซึ่งเร็วๆ ไม่กี่เดือนมานี้แหล่งวงในของสำนักข่าว Bloomberg ได้ออกมาเปิดเผยว่า Apple กำลังขมักเขม้นกับแผนการพัฒนาเทคโนลยีดังกล่าวอยู่อย่างจริงจัง โดยคาดว่าจะเริ่มนะออกมาเปิดตัวใช้งานได้สำหรับอุปกรณ์รุ่นใหม่ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นไป

สอดคล้องกับการรายงานความคืบหน้าล่าสุดของเว็บไซต์ The Verge ที่ค้นพบข้อมูลอีกหนึ่งชุดซึ่งมีความสอดคล้องกันซึ่งระบุว่าตลอดสองปีหลังที่ผ่านมาทาง Apple นั้นได้จัดการว่าจ้างทีมงานวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟไร้สายนับสิบชีวิตเข้าร่วมทีมงานในการพัฒนาและวิจัยครั้งนี้มาโดยตลอด และหนึ่งในนั้น คือ Paul Reynolds จาก uBeam บริษัทที่เคยเปิดตัวออกมาเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี Ultrasonic ในการชาร์จประจุไฟให้กับสมาร์ทโฟนและแท๊บเลตได้ในแบบไร้สาย เช่นเดียวกับการที่ไม่ต้องมีแท่นชาร์จเป็นอุปกรณ์เสริมแยกออกมาต่างหาก

โดยหนึ่งในสาเหตุที่วิศวกรของ uBeam นั้นย้ายค่ายข้ามฟากมาทำงานกับฝั่งของ Apple เนื่องจากเกิดความไม่พอใจเกี่ยวกับความคืบหน้าที่ดูจะไม่เห็นวี่แววของการปล่อยตัวผลิตภัณฑ์ออกมาทำตลาดได้อย่างจริงจัง ก็คงต้องมาติดตามดูกันว่าทาง Apple สุดท้ายแล้วจะประสบผลสำเร็จเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวนี้มากน้อยเพียงใดในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้าถัดจากนี้ครับ

ที่มา macstroke




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2559 21:59:34 น.
Counter : 246 Pageviews.  

โลกหักมุมพิลึกเมื่อ“ไพร่-ทักษิณ”หันมาเชิดชูยกย่องทุนนิยมมะกัน !!



เว็บไซต์ของ ASTV ผู้จัดการ โดย เมืองไทย 360 องศา เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 ตั้งข้อสังเกตุไว้อย่างน่าคิดที่คนในยุค 14 ตุลาคม 2516 เคยเข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ฯ,เป็นฝ่ายซ้าย,เคยประณามสหรัฐว่าเป็นจักรวรรดินิยม-ซาตาน-กระฎุมพีและชนชั้นปกครอง มาคราวนี้กลับยกย่องสหรัฐเสมือนเป็นบิดา บางคนถึงกับบอกว่าหากไปด่ากลิน เดวีส์ ทูตสหรัฐระวังนะจะติดคุก สำหรับคนรุ่นหลังก็น่าติดตามยิ่งที่คนเสื้อแดงหรือไพร่ยุคใหม่ไปยกย่องทุนนิยมสามานย์ว่าเป็นพวกประชาธิปไตย,เป็นนักสิทธิมนุษยชน หรือว่าโลกสมัยนี้มันเอียงไปหมดแล้ว ดังนี้.....

 

จะเรียกว่าพิลึกกึกกือกันแบบหักมุมสามร้อยหกสิบองศากันเลยทีเดียวสำหรับ"พวกไพร่"ในยุคใหม่ ในยุค 2016 ที่ออกมาสนับสนุนเชิดชูและปกป้องประเทศมหาอำนาจอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศยุโรป เพราะหากจำกันได้ย้อนหลังกลับไปแค่ไม่นานนัก เพราะยังอยู่ในช่วงอายุของหลายคน โดยเฉพาะใน"ยุค 5 ย."ที่พวกผมยาว ใส่รองเท้ายาง สะพายย่าม เสื้อยืด กางเกงยีนส์ในยุคแสวงหาความหมาย ที่ในยุคนั้นต้องต่อต้าน"จักรวรรดินิยมอเมริกา" ต่อต้านสงคราม ที่สำคัญก็คือต่อต้าน "กระฎุมพี"หรือพวกพ่อค้าวานิช หรือที่ในมุมมองของพวกมาร์กซิสต์บอกว่านี่คือพวก"ชนชั้นปกครอง"ที่เอาเปรียบ

ขณะเดียวกันคงจำกันได้ว่ากลุ่มการเมืองยุคใหม่ที่สถาปนาตัวเองว่า"ไพร่"นั้น เป็นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าคนเสื้อแดง ซึ่งก็เป็นคนของพรรคเพื่อไทย เป็นคนในสังกัดของครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร พวกเขาอ้างว่าเป็น"ฝ่ายประชาธิปไตย" เพราะอ้างว่าพวกเขามาจากการเลือกตั้ง รวมไปถึงทุกเรื่องต้องตัดสินกันด้วยการเลือกตั้ง ตัดสินกันด้วยเสียงข้างมาก

มองฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวก"อำมาตย์และพวกอนุรักษ์นิยม" โดยฝ่ายแรกมองว่าฝ่ายหลังเป็นพวกล้าหลัง เป็นมีแนวคิดสนับสนุนเผด็จการ ซึ่งก็เป็นทัศนะที่แปลกประหลาด เพราะหากย้อนให้เห็นภาพ คนที่พวกไพร่กลุ่มนี้ คือ บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงตั้งแต่หัวแถวยันปลายแถวต่างเคารพบูชา ทักษิณ ชินวัตร กลับเป็น นายทุนใหญ่ และยังเป็น"ทุนผูกขาด"เสียอีก และตามแบ็กกราวด์ก็ชัดเจนว่า"ที่มีวันนี้เพราะเผด็จการรสช.เขาให้" ส่วนการที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยนั้นก็เป็นประชาธิปไตยด้วยเสียงส่วนใหญ่ "แต่ไม่ใช่เพื่อคนส่วนใหญ่" และการชนะเลือกตั้งก็ใช้วิธีซื้อตั้งแต่ซื้อ สส.ซื้อพรรคการเมือง แน่นอนว่านี่คือนิยามของประชาธิปไตยตะวันตกแบบสหรัฐอเมริกา ที่มักนำมาอ้างกับบางประเทศเพื่อหวังประโยชน์บางอย่าง

ขณะที่ประเทศใดก็ตามที่ตัวเองได้ประโยชน์ก็ทำเป็นหลับตาไม่รู้ไม่เห็น เช่นแทบทุกประเทศในตะวันออกกลางมีประเทศไหนบ้างที่เป็นประชาธิปไตย นอกเหนือจากอิสราเอล แต่สหรัฐฯก็สนับสนุนแบบสุดลิ่ม ซึ่งก็ว่ากันไปไม่ติดใจ เพียงแต่ต้องการสื่อให้เห็นว่านี่คือ"ผลประโยชน์ระหว่างประเทศ"ที่บางครั้งคำว่าประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน เป็นข้ออ้างเพื่อเป้าหมายที่ซ่อนเร้นบางอย่างเท่านั้น

ขณะเดียวกันหากพิจารณากันเฉพาะกรณีของ ทักษิณ ชินวัตร กับพวก แน่นอนว่าย่อมเข้าข่ายประชาธิปไตย เพราะมาจากการเลือกตั้ง แต่จะเป็นเพียงรูปแบบหรือไม่ ส่วนเนื้อหาแท้จริงเป็นแบบไหน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ย่อมรู้ดี เพราะทุกคนต่างมีประสบการณ์ตรงกันมานาน อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องพิจารณากันในเวลานี้ก็คือ พวกไพร่ กลับไปญาติดีและเชิดชูยกย่อง สหรัฐอเมริกา ที่สมัยก่อนคนกลุ่มประณามแบบเกลียดชังว่าเป็น "จักรวรรดินิยม" เป็นซาตาน ขณะเดียวกันในความเป็นจริงเครือข่ายและคนที่สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร มีไม่น้อยที่มีบทบาทสำคัญในเวลานี้ก็ยังเป็น"พวกฝ่ายซ้าย"เคยเข้าป่ากับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) ทำสงครามลัทธิกันมาแล้ว และเคยถึงขั้นเดินขบวนขับไล่สหรัฐฯในประเทศไทยกันมาแล้ว

แต่มาวันนี้กลับเป็นหนังคนละม้วน กลับตาลปัตร เพราะคนพวกนี้กลับหันมายกย่องชื่นชมท่าทีและความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯในทุกเรื่อง ล่าสุดบรรดา แกนนำคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็น จตุพร พรหมพันธุ์ วรชัย เหมะ รวมไปถึง สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ต่างก็ออกมาชื่นชมยินดีสหรัฐฯที่ออกคำแถลงตำหนิไทยในเรื่องสิทธิมนุษยชน การจำกัดสิทธิเสรีภาพ และเรื่องสำคัญก็คือ สหรัฐฯได้คัดค้านการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องหลังนี่แหละที่คนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้ จึงได้ออกมาประณามสหรัฐฯและเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เกล็น เดวีส์ อย่างรุนแรง ว่าแทรกแซงกิจการภายในและไร้มารยาททางการทูต

แต่บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงกลับออกมาปกป้องสหรัฐฯ และถึงขั้นขู่คนไทยด้วยกันที่แสดงท่าทีไม่พอใจทูตสหรัฐฯว่าทำผิดธรรมเนียมทูต และยังเตือนให้ระวังจะติดคุก หากคนไทยคนไหนก็ตามที่ไปแสดงท่าทีแบบนั้นต่อ เกล็น เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย

มีคนสำคัญและมีชื่อเสียงหลายคน ต่างออกมาประณาม และเรียกร้องให้มีการแสดงปฏิกิริยาต่อต้านสหรัฐฯกันอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดีนั่นเป็นปฏิกิริยาของคนไทย ไม่ใช่ท่าทีของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นครั้งแรกที่คนไทยมีท่าทีแบบนี้ในรอบหลายสิบปี

แน่นอนว่าหากใครได้ติดตามการเมืองมาแบบรู้ทันอย่างต่อเนื่องก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่สหรัฐฯมีท่าทีสนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายของเขา เนื่องจากเชื่อมต่อด้วย"ทุนสามานย์" เป็นทุนใหญ่ข้ามชาติ ที่บทบาทของ ทักษิณ ในอดีตก็ไม่ต่างจาก"นายหน้า"แบบผลประโยชน์วินวิน แต่ในยุคปัจจุบันเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป เปลี่ยนอำนาจรัฐใหม่ แม้จะยังไม่ชัดนักว่าผลประโยชน์สหรัฐฯจะได้รับความกระทบกระเทือน แต่เชื่อว่าคงไม่เหมือนเดิม จึงต้องมีท่าทีบางอย่างออกมาดังกล่าว

ขณะเดียวกันสำหรับการพิจารณาเฉพาะในมุมของ "ไพร่ยุคใหม่"กลับมีมุมมองที่น่าประหลาด เพราะพวกเขากลับยืนเคียงข้างและปกป้องพวกจักรวรรดินิยมอเมริกา ถึงขั้นขู่คนไทยด้วยกันในทำนองว่าห้ามไปต่อต้านหรือประณาม สหรัฐฯหรือทูตสหรัฐฯเป็นอันขาด เพราะอาจถึงขั้นติดคุก และกระทบกับความสัมพันธุ์ระหว่างประเทศ ว่ากันถึงขั้นนั้นทีเดียว ซึ่งก็ได้แต่มองว่านี่คือเรื่องแปลกแบบพิลึกกึกกือมาก !!

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2559 16:05:20 น.
Counter : 320 Pageviews.  

นายกรัฐมนตรีและคณะ เยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการและเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหพันธรัฐรั



พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการ (Working Visit) ระหว่างวันที่ 17 – 19 พฤษภาคม 2559 และการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหพันธรัฐรัสเซีย สมัยพิเศษ (ASEAN – Russia Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 19–21พฤษภาคม 2559

 

วันที่ 17 พฤษภาคม เวลา 11.00 น. ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกำหนดการ และวัตถุประสงค์การเดินทางเยือนและการเข้าร่วมประชุม ว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมภริยา และคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

การเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการ ในครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือกับรัสเซียอย่างเป็นรูปธรรม และอย่างรอบด้าน โดยสหพันธรัฐรัสเซียถือเป็นประเทศแรกนอกภูมิภาคเอเชียที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนในลักษณะทวิภาคี และยังเป็นการเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีไทยในรอบ 11 ปี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ในปี พ.ศ. 2560 จะครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซีย ซึ่งการเยือนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากเป็นเมืองที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ทวิภาคีของไทยและรัสเซีย โดยเป็นเมืองที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรก รวมถึงสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ที่เสด็จแทนพระองค์ ในโอกาสเชื่อมความสัมพันธ์ 110 ปี ไทย-รัสเซีย อีกทั้งยังเป็นบ้านเกิดของทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีรัสเซียอีกด้วย

โดยการหารือกับนายกรัฐมนตรีรัสเซียนั้น ซึ่งครั้งนี้นับเป็นการพบหารือกันครั้งที่ 4 ของผู้นำทั้งสอง (1) การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงเนปิดอว์ เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 57 (2) การเยือนไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 8 เม.ย. 58 ณ ทำเนียบรัฐบาล และ (3) การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 23 วันที่ 18 พ.ย. 58 ณ กรุงมะนิลา)

นายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ในการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีอย่างรอบด้านบนผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายจะมุ่งให้ความสำคัญกับการหารือเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และวิชาการ โดยจะมุ่งผลักดันการเปิดตลาดสินค้าเกษตรและอาหารของไทยในรัสเซีย รวมถึงยางพารา และสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น สินค้าประมง เนื้อสัตว์ปีก และเนื้อสุกร และเร่งส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น และลดอุปสรรคทางด้านการค้าระหว่างกัน ทั้งทางด้านการเงินและการธนาคารและระบบ โลจิสติกส์ รวมถึงผลักดันความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมกับรัสเซียให้เป็นรูปธรรม

สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหพันธรัฐรัสเซีย สมัยพิเศษ (ASEAN – Russia Commemorative Summit) การประชุมครั้งนี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-รัสเซีย ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาแนวทางความสัมพันธ์อาเซียนแบบใหม่ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายในบริบทสถานการณ์โลกที่มีความตึงเครียดทางการเมืองและการแข่งขันที่สูงทางเศรษฐกิจ โดยฝ่ายอาเซียนมองว่า รัสเซียควรมีบทบาทที่แข็งขันและสร้างสรรค์ในภูมิภาคเพื่อที่จะสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค ในส่วนของรัสเซียมองว่า ความสัมพันธ์อาเซียนกับรัสเซียยุคใหม่จะช่วยเพิ่มทางเลือกทางการทูตและเศรษฐกิจในภาวะที่รัสเซียมีความตึงเครียดกับประเทศตะวันตก

การประชุมครั้งนี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นประธานการประชุมร่วมกับ นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ในฐานะประธานอาเซียน ทั้งนี้ ในปี 2559 สปป. ลาว ยังรับหน้าที่เป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-รัสเซียด้วย)ประเด็นที่รัสเซียเสนอสำหรับประชุมสุดยอดฯ ได้แก่ ความมั่นคงในภูมิภาค การจัดการกับความท้าทายรูปแบบใหม่ การพัฒนาความร่วมมือระหว่างอาเซียน-รัสเซีย ด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ พลังงาน สังคมและวัฒนธรรม

ส่วนประเด็นสำคัญที่ไทยจะผลักดัน ได้แก่ผลักดันให้มีความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ในทุกมิติที่มีผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างอาเซียนกับรัสเซียมากยิ่งขึ้น โดยไทยต้องการให้รัสเซียมี presenceและบทบาทสร้างสรรค์มากขึ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเพื่อสนับสนุน regional architecture ที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง และเพื่อเพิ่มทางเลือกทางการทูตให้กับไทยและอาเซียนในการมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจ สนับสนุนการยกระดับความสัมพันธ์อาเซียน-รัสเซีย สู่ระดับหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการที่รัสเซียมีปฏิสัมพันธ์กับอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นในการสนับสนุนการเป็นประชาคมอาเซียนและนโยบายของอาเซียนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สนับสนุนความเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์ ในด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม และระหว่างประชาชน ระหว่างอาเซียน EEU และ regional organization อื่นๆ รวมถึง SCO และ Asia Cooperation Dialogue (ACD) และส่งเสริมการค้าการลงทุนของทั้งสองฝ่าย

โดยเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อขจัดอุปสรรคทางการค้าต่างๆ และเน้นการเข้ามามีบทบาทของภาคเอกชน สนับสนุนความร่วมมือในการรับมือปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงการจัดการภัยพิบัติ การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการก่อการร้ายและลัทธิสุดโต่ง โดยส่งเสริมความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ รวมทั้งสนับสนุนการทำงานศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน และส่งเสริมความร่วมมือด้านการต่อต้านยาเสพติดร่วมกับศูนย์ ASEAN-NARCO

ส่วนผลลัพธ์การประชุมฯ ครั้งนี้จะมีเอกสารผลลัพธ์ของการประชุม ได้แก่ปฏิญญาโซชิ ร่างแผนปฏิบัติการอย่างครอบคลุมเพื่อส่งเสริมความร่วมมืออาเซียนกับสหพันธรัฐรัสเซีย ค.ศ. 2016-2020และรายงานข้อเสนอแนะแนวทางความสัมพันธ์อาเซียน-รัสเซียของกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิอาเซียน-รัสเซีย

สำหรับกำหนดการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการ และการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย

วันอังคารที่ 17 พ.ค. 2559 เวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะออกเดินทางไปยังไปยังนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เวลา 16.40 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย (เวลาที่นครเซนต์ปีเตอร์เบิร์กช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง) เวลา 19.00 น. ผู้ว่าการนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและภริยา

วันพุธที่ 18 พ.ค. 2559 ช่วงเช้า พิธีวางพวงมาลา ณ สุสานทหารนิรนาม (Piskaryovskoye Memorial Cemetary) นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดงาน Thai-Russia Business Dialogue ช่วงเที่ยง นายกรัฐมนตรีพบทีมประเทศไทยในสหพันธรัฐรัสเซียและร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน ซึ่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก และภริยาเป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี และภริยา ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีพบหารือทวิภาคีแบบเต็มคณะกับนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย ช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและภริยา

วันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ค. 2559 ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีและคณะออกเดินทางจากนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ไปยังเมืองโซชิ (ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง) ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีพบหารือทวิภาคีกับนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย ช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีและภริยาเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับผู้นำซึ่งนายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซียเป็นเจ้าภาพ

วันศุกร์ที่ 20 พ.ค. 2559 ช่วงเที่ยง นายกรัฐมนตรีพบปะกับนักธุรกิจในงาน Business Forum ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ 17.00 น. นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติโซชิ เมืองโซชิ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2559 05.30 น. นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะ เดินทางถึงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2559 22:13:39 น.
Counter : 331 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.