Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 
ทัวร์พม่า 9-12 สิงหาคม 2555 ตอนที่4,ชมช้างเผือก,วัดพระหินอ่อน


กว่าจะมาทำตอนที่ 4 นานมาก จึงเอาลิงค์ตอนที่ 1-3 มาแปะไว้เผื่อท่านที่ยังไม่ได้ชมจะย้อนดูค่ะ


ทัวร์พม่า 9-12 สิงหาคม 2555 ตอนที่ 1 สิเรียม เจดีกลางน้ำเยเลพญา พระอุปคุต

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=dada&group=3&month=08-2012&date=16


ทัวร์พม่า 9-12 สิงหาคม 2555 ตอนที่ 2 เจดีย์โบตาทาวน์

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=dada&month=08-2012&date=26&group=3&gblog=178


ทัวร์พม่า 9-12 สิงหาคม 2555 ตอนที่ 3 ชเวดากอง

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=dada&month=08-2012&date=29&group=3&gblog=179


จากตอนที่สาม เที่ยวเสร็จแล้วไปทานข้าวที่ร้านอาหารPadonmar ร้านดังของทัวร์(ขอบคุณ คุณพี่โบเดีย สำหรับชื่อร้านอาหารค่ะ)  เห็นโคมไฟเรียงรายสวยดีเก็บภาพมาฝากค่ะ





ที่นี่เป็นร้านอาหารไทยในพม่า รสชาดออกจะแปลกๆสักนิดไทยปนกลิ่นอายพม่า

จากนั้นก็นั่งรถกลับโรงแรม เที่ยวนี้ไปจะเจอฝนตลอดทริปเลยขลุกขลักพอสมควร





ยามเช้าหน้าโรงแรมที่พัก





ไปเที่ยวพม่าช่วงกีฬาโอลิมปิค





Yangon-hotelยามฟ้าหม่น ที่พักของเรา





มีเวลาก่อนรถมารับเดินชมสวนหน้าโรงแรมทั้งๆที่ฝนตกปรอยๆ





ดอกดอนญ่ายังไม่บาน ดอกไม้ที่นี่เหมือนกับที่เมืองไทยทุกอย่าง





ดอกพวงแก้ว เห็นครั้งใดอดถ่ายไม่ได้สักที ชอบมาก


---

พวงแก้ว เป็นไม้พุ่มกึ่งเถาขนาดกลาง ใบเดี่ยวรูปไข่ กว้าง ๖-๑๐ เซนติเมตร ยาว ๑๐-๑๗ เซนติเมตร ปลายใบแหลม

ถึงเรียวแหลม ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ โคนใบมนหรือเว้าเล็กน้อย ขอบเรียบ ก้านใบยาว ๒-๒.๕ เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อ

ตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ช่อละ ๘-๒๐ ดอก กลีบเลี้ยงสีขาว รูปหัวใจ ๕ กลีบ โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉก กลีบดอกมีสี

แดงสดใส โคนเขื่อมติดกันเป็นหลอดยาว ๒-๓ เซนติเมตร ปลายแยกเป็น ๕ แฉก ส่วนกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และตัวเมีย

ยื่นยาวออกมา โดยก้านเกสรตัวเมีย ๑ ก้าน จะยาวกว่าก้านเกสรตัวผู้ที่มี ๔ ก้าน ผลมีสีดำเป็นมัน


พวงแก้วมีถิ่นกำเนิดในอัฟริกาเขตร้อน เป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์ Verbinaceae มีชื่อสามัญว่า

Bleeding heart หรือ White Bleeding Heart และมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า

Clerodendrum thomsoniae Balf.f. พวงแก้วอีกชนิดหนึ่งมีชื่อว่า พวงแก้วแดง

มีลักษณะคล้ายกับพวงแก้ว เพราะอยู่ในวงศ์เดียวกัน สกุลเดียวกัน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า

Clerodendrum x speciosum Dombr. (C. splendens x C. thomsoniae)
แต่พวงแก้วแดงจะมีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกเป็นสีแดง


ข้อมูลจาก พรรณไม้ในสวนหลวง ร ๙ พ.ศ. ๒๕๓๙





น้ำตาฟ้าที่เข็มแดง






เก็บภาพลวดลายกระถางต้นไม้ และรูปทรงต้นไม้ภายในสวน





ทัศนียภาพหน้าโรงแรม





รูปปั้นหงส์สามตัวบริเวณเกาะกลางถนน





แท๊กซี่ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสีแดง รูปทรงประมาณนี้ทั้งนั้น





ฝ่าสายฝน





รถตำรวจ มีมือนักโทษโผล่ที่หน้าต่างสะหลอนเชียว





และแล้วก็ถึงเวลานัด รถมาจอดเทียบหน้าโรงแรม





ถึงแล้วสถานที่จะไปชมช้างเผือก น้องติ๊กลูกสาวย่าหน่วยบอดีการ์ดถือร่มและถือกระเป๋ากล้องให้ย่า





ลวดลายสวยๆที่หลังคาเพนียดช้าง





หนูตี้คนนำเที่ยวบอกว่าแต่ก่อนห้ามถ่ายรูป แต่เดี๋ยวนี้มีอยู่หลายเชือก เลยไม่ค่อยหวง ถ่ายรูปได้

เอาลิงค์เกี่ยวกับช้างเผือกมาให้อ่าน

ช้างเผือกไทย-ช้างเผือกเพื่อนบ้าน


//topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/02/K7520883/K7520883.html


ขอบคุณ คุณNavarat.C สำหรับกระทู้ความรู้เกี่ยวกับช้างเผือก รีวิวไว้ละเอียดมากค่ะ





โดนมุขเพื่อนร่วมทางชี้ให้ดูงวงที่สองของช้าง ที่แท้ก็ช้างตัวผู้นี่เอง





ที่นี่ไม่เก็บค่าเข้าชม จึงซื้ออ้อยเลี้ยงช้างกันค่ะ แต่ต้องให้คนเลื้ยงนำเอาไปให้ช้างนะคะ





ช้างเผือกตัวผู้สองตัวเมียหนึ่งตัวยืนอยู่ในโรงช้างไกลจากคนดูพอประมาณ ฝนกำลังตกอย่างหนักเชียว





แมวน่ารักที่สถานที่ชมช้างเผือก





เชื่องมากเข้าหาคนไม่หนีเลยคงคุ้นกับผู้คน





ทำบุญเพื่อที่เป็นค่าอาหารช้างและค่าผู้ดูแล





ออกจากชมช้างเผือกก็มีโอกาสทำบุญใกล้กับรถอีก





ถวายปัจจัยเป็นเงิน





คนขายมาลัยดอกสเลเตไหว้พระ





พญานาคเมียรม่าสไตล์ที่บันไดวัดพระหินอ่อน





หนูน้อยชาวพม่าที่หน้าวัดพระหินอ่อน





วัดพระหินอ่อน บันไดกว้างมากกล้องเก็บไม่หมดเพราะตำแหน่งใกล้เกินไป ไม่มีเวลาถอยออกไปถ่ายไกลหน่อย

เก็บแนวภาพclose up แล้วกัน





สามสาวสามสไตล์ หลั่นล้าหน้าวัดหินอ่อน





ลายกนกเมียรม่าสไตล์





กลุ่มชาวพม่าที่ไปไหว้พระที่วัด จับจังหวะตอนเดินไม่ทัน อยากได้เป็นแบคกราวน์ที่ราวบันไดเลยขอถ่ายรูป

ภาพเลยออกมาประมาณนี้





สิงห์กับหางนาค ลีลาขนดหางต่างจากบ้านเราเนอะ





น้องเต๋าเตรียมดอกไม้ไหว้พระให้กับพวกเรา





ช่อดอกไม้ไหว้พระที่นี่จะมีเจ้าสิ่งนี้กำกับอยู่ด้วยไม่รู้เรียกว่าอะไร
--------
กระดาษสีขาวๆ ร่มและฉัตร ในภาษาพม่าเรียกว่า ที พม่าถือว่าฉัตรที่ยอดพระเจดีย์เป็นดุจร่มที่กางกั้นเจดีย์ให้บังเกิด ความร่มเย็นและประสบแด่ความสุข ความสำเร็จ เรามักจะเห็นฉัตรจำลองแบบนี้ตามพระเจดีย์ต่างๆในพม่า ชาวพม่าจึงนิยมถวายฉัตรจำลองแด่องค์พระเจดีย์ และสีสันของฉัตรกระดาษที่ถวายองค์พระเจดีย์ ก็มีมากมายและความหมายที่ต่างกัน เช่น สีเงิน สีทอง แสดงถึงความมั่งมี สีขาวแสดงถึงความบริสุทธิ์ สงบ เป็นต้นค่ะ ...


ขอบคุณข้อมูลจาก   พี่โบเดีย





โถงบันไดทั้งกว้างทั้งสูง อลังการมาก





ราวระเบียง กับเจ้าหน้าที่ ด้านหน้าเป็นซองใส่เงินทำบุญ





พระหยกใส่อยู่ในครอบแก้วปรับอุณหภูมิ





กระโจมด้านนอกสะท้อนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน





สังเกตุตัวฟิกกระจกด้านข้าง กระจกทั้งหนาและใหญ่มาก





ลวดลายที่เพดานสวยมากทีเดียว





จะมีสาวกรอบองค์พระหยกอยู่รายรอบ





ภาพวาดประวัติผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ตรงโถงบันได





สังเกตุดูตรงด้านขวาจะมีลบรูปคณะผู้ก่อตั้งไป1 คน เข้าใจว่าเนื่องจากหมดอำนาจจึงโดนลบภาพไปจากทำเนียบผู้ก่อตั้ง





เดินหามุมจุดที่ไม่สะท้อนแสงอยู่นานกว่าจะได้มุมนี้





ลวดลายที่เสาและเพดาน





เทียบขนาดองค์พระกับตัวคน


------

วัดพระหินอ่อน พระหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดในพม่า หรือชาวพม่าเรียกเป็นหยก เป็นพระที่สลักด้วยหินอ่อนก้อนเดียวทั้งองค์

และมีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า ที่วัดเจ้าดอจี หน้าประตูวัดองค์พระถูกล้อมด้วยกระจกแก้วเพราะต้องการควบคุมอุณหภูมิไว้

เพื่อป้องกันการเสียหายของหยกหรือหินอ่อนเพราะหากอากาศร้อนเกินไป หยกหรือหินอ่อนอาจเกิดรอยร้าวหรือแตกได้

เลยทำให้ถ่ายภาพออกมาไม่ค่อยสวยเลยพระสาวกแกะจากหินอ่อนเช่นกัน ตั้งอยู่ทั้ง 4 ทิศหันหาองค์พระหินอ่อน


นี่คือพระพุทธรูปที่แกะสลักขึ้นด้วยหินอ่อนที่นำมาจากมัณฑะเลย์ ที่มีน้ำหนักถึง 60 ตัน สูง 37 ฟุต เป็นพระพุทธรูป

หินอ่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า


//journeystars.com/print.php?type=A&item_id=22





เสียดายที่ไม่มีเวลาที่จะถ่ายด้านนอกได้กว้างมากกว่านี้ อีกทั้งฝนยังตกอยู่ไม่ขาดสาย

ในภาพนี้จะเห็นพระหยกสาวกที่อยู่ที่มุม1 องค์ จากทั้งหมด4องค์ องค์ละทิศ





รูปวาดบอกเล่าเรื่องราวการย้ายพระหยกมาประทับณที่แห่งนี้





ศาลาด้านนอก ด้านข้างวัดพระหยก





ได้เวลากลับขึ้นรถ บันไดของที่นี่กว้างจริงๆ





อำลาวัดพระหินอ่อน (วัดเจ้าดอจี)





แล้วพบกันใหม่ในตอนที่ 5 ค่ะ



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2556 9:46:16 น. 7 comments
Counter : 6425 Pageviews.

 
น่าไปเที่ยวมากทีเดียว
นะครับ...ตั้งใจไว้ จะไปที่
ทุ่งเจดีย์ นะครับ


โดย: panwat วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:0:48:11 น.  

 
ผมก็เล็งพุกามไว้เหมือนพี่พันวัตครับ

แฮ่ๆ

รอฝึกฝีมือถ่ายภาพอีกนิด


ตั้งแต่เขาเปิดประเทศนี่ น่าเที่ยวมากขึ้นเยอะเลยครับย่าดาครับ



โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:2:01:47 น.  

 
ยังไม่เคยไปพม่า ลึก ๆ เข้าไปเลย.... ดูแล้วน่า
ไปเที่ยวครับ

เพิ่งเห็นช้างเผือกคราวนี่้เอง


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:23:47 น.  

 
สวัสดีค่ะย่าดา..

แวะมาเที่ยวพม่าด้วยคนค่ะ..

ว่าจะ ว่าจะ ไปพม่า มาหลายรอบแล้ว

ก็ยังไม่ได้ไปซะทีเลยค่ะ..

มีความสุขมากๆในช่วงจีนนะค่ะ

เฮงๆรวยๆ มีสุขภาพแข็งแรงนะค่ะ



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:21:35:43 น.  

 



More Candles Comments

**********************************
ระลึกถึงเสมอ วันนี้พอมีเวลาจึงรีบแวะมาเยี่ยมเยียน สบายดีนะคะ คืนนึ้ขอให้หลับอย่างมีความสุขค่ะคุณดา


โดย: เกศสุริยง วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:21:21:15 น.  

 
ทักทายสวัสดีครับย่าดา
อยากไปเที่ยวพม่าอยู่เหมือนกันครับ ยังไม่ได้ไปสักที
ชมภาพสวยๆ แล้วยิ่งอยากไปครับ

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ เดย์ กันด้วยครับ


โดย: ถปรร วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:7:40:16 น.  

 
มาตามไปเที่ยวครับ คุณย่าดา
แล้วฝากใจไว้ตามไปเที่ยวด้วยเรื่อยๆสักดวง


โดย: คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m ) วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:11:31:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดา ดา
Location :
1 Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดา ดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.