Group Blog
กันยายน 2565

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ทนายอ้วนชวนเที่ยว - วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) เพชรบุรี
สถานที่ท่องเที่ยว : วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) เพชรบุรี, เพชรบุรี Thailand
พิกัด GPS : 13° 6' 22.33" N 99° 56' 28.80" E

 








วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) เพชรบุรี









วัดพระพุทธไสยาสน์  (วัดพระนอน)  เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย  ตั้งอยู่บนที่ราบเชิงเขาลูกโดดลูกเล็กๆ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขามไหสวรรย์  หรือ  เขาวัง  (พระนครคีรี)   บนถนนคีรีรัถยา  ตำบลคลองกระแชง  อำเภอเมือง  เพชรบุรี  
 
 



 
จากถนนเพชรเกษมพอถึงตัวอำเภอเมือง  จังหวัดเพชรบุรี  ให้ฉีกออกทางซ้ายมือจากถนนเพชรเกษม  ไม่มุ่งหน้าไปหัวหิน  เราจะมุ่งหน้าเข้าตัวจังหวัดเพชรบุรี  ขับตรงมาเรื่อยๆ  ขวามือเราคือ  พระนครคีรี  (เขาวัง)  มาสุดที่สามแยก  (เรียกกันเล่นๆว่าสามแยกศาลหลักเมือง)  ให้เราเลี้ยวขวาไป  จะเห็นทางเดินขึ้นเขาวังอยู่ทางขวามือตรงกับไฟแดงพอดี  ให้เราผ่านไฟแดงตรงเข้าถนนเล็กๆที่อยู่เชิงพระนครคีรี  (เขาวัง)  ไปครับ  ถนนเส้นนี้มีวัดเก่าและวัดที่มีชื่อเสียงน่าเที่ยวชมอยู่หลายวัดครับ  เช่น  วัดข่อย  (มีพระธาตุฉิมพลีเศรษฐีนวโกฎิที่สวยงามมาก)  วัดรัตนตรัย  และ  วัดสระบัว (วัดเก่าสมัยอยุธยาที่มีพระอุโบสถศิลปะอยุธยาที่สวยงามมากๆ) 
วัดพระพุทธไสยาสน์  (วัดพระนอน)  จะอยู่เป็นวัดสุดท้ายเลยครับ
 



 
 

วัดพระพุทธไสยาสน์  (วัดพระนอน)   เป็นวัดเก่าแก่ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่ชัดเจน  แต่สันนิษฐานกันว่าเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา  (ข้อมูลกรมการศาสนาระบุว่าตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2200  -  จนถึงวันนี้มีอายุ  356 ปี)  โดยชาวรามัญที่มีจิตศรัทธาช่วยกันสร้างพระพุทธไสยาสน์ขึ้นไว้กราบไหว้บูชา  ต่อมาหลังจากสิ้นสุดสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดแห่งนี้จึงถูกปล่อยทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน
 
 
 





อาจารย์ล้อม  เพ็งแก้ว  เชื่อว่า  ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  สุนทรภู่  ได้กลับมาเยี่ยมญาติพี่น้องฝ่ายมารดาที่จังหวัดเพชรบุรี  จึงแต่ง  นิราศเมืองเพชร  ขึ้น  มีการกล่าวถึง  พระพุทธไสยาสน์  ไว้ว่า  ....
 
 



สาธุสะพระนอนสิขรเขา
พระพุทธเจ้าหลวงสร้างแต่ปางหลัง
ยี่สิบวาฝากั้นเป็นบัลลังก์
ดูเปล่งปลั่งปลื้มใจกระไรเลย
พระนอนหลับทับบาทไสยาสน์เหยียด
อ่อนละเอียดอาสนะพระเขนย
พระเจ้างามยามประทมน่าชมเชย
ช่วยรำเพยพัชนีนั่งวีลม




 
 
(อภิธานศัพท์:
พระพุทธเจ้าหลวง  ไม่ได้หมายถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตามที่เราเคยได้ยินกันมานะครับ  เนื่องจากสุนทรภู่แต่งนิราศเมืองเพชรนี้ในรัชกาลที่  3  แต่  พระพุทธเจ้าหลวงสร้างแต่ปางหลัง  หมายถึง  พระเจ้าอยู่หัวองค์ก่อนๆหน้านี้ที่ได้สร้างพระนอนองค์นี้  -  คนธรรมดาคงไม่มีทุนทรัพย์จะสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ได้  จะต้องเป็นผู้มีอำนาจ  วาสนา  หรือ  กษัตริย์
 

ประทม  คือ  บรรทม  แปลว่า  นอน  เป็นการหลากคำในคำประพันธ์)
 
 
 


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 4  ได้เสด็จประพาสยังพระนครคีรี (เขาวัง)  จังหวัดเพชรบุรี ทอดพระเนตรองค์พระนอน  เห็นว่าชํารุดทรุดโทรมมาก  เนื่องจากประดิษฐานอยู่กลางแจ้งถูกปล่อยให้ทิ้งไว้ ผ่านแดดลมฝนมาตลอด  โปรดเกล้าฯ  ให้สร้างหลังคาสังกะสีคลุมไว้  ภายในวิหารพระนอนยังมีแผ่นสังกะสีที่ได้รับพระราชทานจาก  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 4  ซึ่งทางวัดได้จัดแสดงไว้  และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ทอดกฐินต้นที่วัดพระนอนนี้เป็นประจำทุกปี







 



 
 
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 5  มีพระราชหัตถเลขาเมื่อคราวเสด็จประพาสมณฑลราชบุรีในปี  พ.ศ.  2452   ฉบับที่  5  กล่าวว่า 
“ออกจากพระนครคีรีไปตามถนนหน้าวัดพระนอน  เห็นหลังคาที่ได้อนุญาตให้ทำสังกะสีคลุมขึ้นไว้นั้นแล้วสำเร็จ  แต่เป็นการป้องกันได้ชั่วคราว  เพราะตัวผนังชำรุดน่ากลัวจะพัง”   จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหลังคาคลุมองค์พระนอนใหม่  โดยเปลี่ยนจากหลังคาสังกะสีเป็นหลังคากระเบื้อง  พร้อมทำผนังรอบองค์พระ  เป็นลักษณะวิหารพระพุทธไสยาสน์ดังที่เห็นอยู่ปัจจุบัน



 



วิหารพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน)  ตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนเนินเขา  สันนิษฐานว่าแต่เดิม  พระพุทธไสยาสน์คงประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง  ด้านหลังองค์พระอยู่ชิดกับเขา  ต่อมาคงมีการทำหลังคาคลุมไว้เพื่อไม่ให้องค์พระโดนแดดฝน  ดังที่สุนทรภู่ได้กล่าวไว้ใน  นิราศเมืองเพชร  ว่า  ....
 
 


สาธุสะพระนอนสิขรเขา
พระพุทธเจ้าหลวงสร้างแต่ปางหลัง
ยี่สิบวาฝากั้นเป็นบัลลังก์
ดูเปล่งปลั่งปลื้มใจกระไรเลย
 

 
 
แสดงว่าคงจะมีการทำหลังคาหรือสิ่งก่อสร้างบางอย่างแล้ว  แต่ไม่ได้เป็นอาคารปิดเหมือนเช่นปัจจุบัน
 


 

วิหารพระพุทธไสยาสน์  ตั้งอยู่บนไหล่เขาสูงประมาณ  15  เมตร  เป็นอาคารทรงไทย  ก่ออิฐถือปูน  วางตัวขนานไปกับไหล่เขา  ผนังทางทิศเหนือใช้ส่วนหนึ่งของภูเขาเป็นผนังธรรมชาติ  ผนังทางทิศตะวันออกเจาะประตู  1  ช่อง  ผนังด้านทิศใต้เจาะหน้าต่าง  2  ช่อง  ภายในมีเสาขนาดใหญ่จำนวน  10  ต้น  เป็นเสา  8  เหลี่ยม  มีบัวเสาแบบบัวกลุ่ม





















 

พระพุทธไสยาสน์  ก่ออิฐถือปูน ยาว  43  เมตร  ความสูงจากพระเศียรถึงฐานบรรทม  15  เมตร  ประดิษฐานอยู่บนแท่นสูงประมาณ  1  เมตร  องค์พระพุทธรูปนอนประทับในอิริยาบถตะแคงขวา  (สีหไสยาส)  พระเศียรหันไปทางทิศตะวันตก  ส่วนหลังอิงอยู่กับหินภูเขาด้านหลังซึ่งใช้เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงพระวิหาร  มีพระเขนยรูปกลม  3  ชั้น  รองรับพระเศียร  พระหัตถ์ซ้ายแนบพระวรกายเบื้องซ้าย  พระหัตถ์ขวายกขึ้นแตะพระเศียร  พระกัปประ  (ข้อศอก)  ล้ำมาด้านหน้า  พระบาทตั้งซ้อนกัน  ฝ่าพระบาททั้งสองข้างเขียนลายลงมล  108  ประการสีแดงบนพื้นสีทอง  นิ้วพระบาทเป็นลายก้นหอย  ลงรักปิดทองทั้งองค์สวยงาม 
 
 




ในการบูรณะองค์พระนอนเมื่อ พ.ศ. 2540 พบอุโมงค์ภายในองค์พระ มีโบราณวัตถุอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปทำจากวัสดุตาง ๆ ได้แก่ สำริด ดินเผา ปูนปั้น หินทราย และไม้บุเงิน ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปแบบศิลปะอยุธยาตอนปลาย
 




 

พระพุทธไสยาสน์ (พระนอน)  จังหวัดเพชรบุรี  เป็นหนึ่งในพระปางไสยยาสน์ขนาดใหญ่  (ในยุคโบราณ)  ของประเทศไทย  ที่ต้องวงเล็บเอาไว้ด้วยเพราะว่าในสมัยนี้วิชาการก่อสร้างเจริญก้าวหน้ามาก  ใครๆก็สามารถสร้างพระนอนขนาดใหญ่มากๆได้  แต่ในสมัยก่อนการจะสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่นอกจากจะต้องมีทรัพย์มากแล้ว  ยังต้องมีอำนาจมาก  (บารมี)  ด้วยถึงจะสามารถทำได้สำเร็จ
 
 




จุดเด่นของพระนอนองค์นี้ที่แตกต่างจากที่อื่นกล่าวคือ  ที่เศียรขององค์พระมีหมอนบรรทมรูปดอกบัวรองพระเศียรอยู่สองดอก  ดอกบัวดอกแรกรองรับพระเศียร  ดอกบังดอกที่สองรองรับพระกัปประ  (ข้อศอก)
 
 
 




นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือช่างในสมัยอยุธยา   เช่น  ในหนังสือที่กรมพระยาดำรงราชานุภาพฯ  มีถึงสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์  ทรงกล่าวไว้ว่า 
“พระนอนของเก่านั้น  พระกรขวาทำทอดศอกออกไปข้างหน้า  ตามแบบอินเดีย  ตัวอย่างมีที่ถ้ำเมืองยะลา  และพระนอนจักรสีห์  (จ.สิงห์บุรี – เจ้าของบล็อก)  แต่พระนอนรุ่นหลังที่ทำศอกตรงลงมาจกพระเศียร  เช่น  พระนอนวัดป่าโมก  พระนอนวัดพระเชตุพน”
 
 



สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ  ทรงหมายถึง  พระนอนที่   วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน)   นอนตะแคง  ยกพระกับประ  (ข้อศอก)  ขึ้น  แต่ยื่นพระกับประ  (ข้อศอก)  ล้ำมาทางด้านหน้า  เหมือนกับเวลาเราเล่นนอนตะแคงข้างหนุนมือตัวเองครับ
 
 
 

ท่านเปรียบเทียบให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นกับพระนอนวัดป่าโมก  จังหวัดอ่างทอง  และพระนอนวัดพระเชตุพนฯ  กรุงเทพ  ที่ตั้งพระกัปประ  (ข้อศอก)  ขึ้นตั้งฉากกับพื้นครับ
 
 




อาจารย์  น.  ณ  ปากน้ำ  กล่าวไว้ว่า  พระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน)  เพชรบุรี  “มีพระพักตร์งามมาก  ทั้งพระโอษฐ์  และพระนาสิกดูสมส่วน  หนักแน่น  สวยได้ลักษณะ”



 
 
พระนอนหรือปางไสยาสน์มีหลายรูปแบบย่อยๆ  นะครับ  ที่เราเห็นกันบ่อยๆก็เป็น 
ปางโปรดอสุทินราหู  ครับ 
 


 

อสุทินราหู  เป็นยักษ์ตนนึ่ง  มีร่างกายใหญ่โตมาก  มีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้ามาก  อยากจะเข้าเฝ้าสักครั้งหนึ่ง  แต่เกรงด้วยตัวเองมีร่างกายใหญ่โต  อาจจะเกิดความเดือดร้อนกับพระพุทธเจ้า



 
 
พระพุทธเจ้าทรงหยั่งทราบถึงความต้องการของอสุทินราหูจึงทรงกระทำปาฎิหาริย์ให้พระวรกายใหญ่โตมาก  ขนาดที่ประทับไสยาสน์  พระบาทซ้อนกันยังสูงกว่าอสุทินราหูด้วยซ้ำ  จึงเป็นที่มาของ  ปางโหรดอสุทินราหู  ครับ
 



 
 
แต่เดิมในพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน)  มีทางเข้าห้องถ้ำจำนวน  11  ห้อง  (เนื่องจากเป็นเขาที่เป็นหินปูน  จึงมีถ้ำมากมาย)  นอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูปองค์เล็กเป็นจำนวนมากภายในถ้ำ  แต่ตอนนี้ทางวัดได้ปิดทางเข้าไว้  ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเนื่องจากข้างในไม่มีอากาศให้หายใจเพียงพอ
 
 























 

วิหารพระนั่ง   เป็นวิหารขนาดเล็ก  ตั้งอยู่ใกล้วิหารพระนอนทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง  ชฏาสูงทรงเทริด  มีต่างหู  มีพระนามว่า  พระพุทธมหาอุดมมงคลนิมิต












 
 

มณฑปพระฉาย  หรือ  วิหารพระยืน  ตั้งอยู่บนไหล่เขาในระดับเดียวกันกับวิหารพระนอน  และวิหารพระนั่ง  ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  ถัดจากวิหารพระนั่ง  เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน  ฉาบปูนตลอดถึงหลังคา  ผนังด้านทิศตะวันออกเจาะประตู  1  ช่อง  ผนัง  3  ด้านทึบ  ด้นนอกเจาะเป็นซุ้มยอดแหลม
 










 
ผนังด้านในฉาบปูนเรียบมีภาพเขียน  ด้านทิศเหนือตรงกลางเป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับยืน  พระหัตถ์แสดงปางประทานอภัย  เขียนเต็มความสูงของผนัง  ด้านหลังเขียนเปลวรังสี  ด้านข้างมีพระสาวกยืนประคองอัญชลีอยู่ข้างละองค์  ส่วนผนังด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเขียนรูปพระสาวกยืนประคองอัญชลีเต็มผนัง  ด้านละองค์ 


 
 
มณฑปพระฉายนี้  สร้างโดย  พระครูสุเมธาจารีย์  (กุน)  คงสร้างก่อนปี  พ.ศ.  2456  เนื่องจากที่ฐานสถูปจำลองบรรจุอัฐิของท่านมีจารึกข้อความ 
“พระปลัด  (เทพ)  ที่ใส่พระบรมธาตุพระครูสุชาติเมธาจารีย์  (กุน)  ทำเมื่อ  2456”
 















 

พระอุโบสถ  มีขนาดเล็ก  ได้รับการปฎิสังขรณ์มาตลอด  แต่มีเค้าโครงว่าน่าจะเป็นพระอุโบสถที่มีความเก่าแก่ในระดับหนึ่งเลย  สังเกตจาก  พาไล  หน้าพระอุโบสถที่ไม่นิยมทำกันในปัจจุบันแล้ว  บันไดทางขึ้นพระอุโบสถยังเป็นไม้กระดานแผ่นใหญ่ๆ  แผ่นเดียวด้วยครับ














 
 





ภายในพระอุโบสถมีจิตรกรรมฝีมือช่างท้องถิ่น  สีสันสวยงาม  ดูสดใสมากๆ
 













 

หลวงย่อยิ้มให้ลาภ  เป็นพระประธานในพระอุโบสถ












เปิด ทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00 – 17.00 น.
 
 

ค่าเข้าชม ฟรี
 

 
 
 
 

 ขอขอบคุณท่านผู้มีพระคุณทุกท่านที่อุปการะข้อมูลครับ
 
 
 

 
สักการะ พระนอน วัดพระพุทธไสยาสน์ เพชรบุรี –  oporshady

 
วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) : Sai Ias Bhuddist Temple – ชิลไปไหน.คอม

 
พระนอนองค์ใหญ่ วัดพระพุทธไสยาสน์ เพชรบุรี – sakanaj.

 
วัดพระพุทธไสยาสน์ - วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 
วัดพระพุทธไสยาสน์ หรือ วัดพระนอน - travel2guide.com

 
วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) เพชรบุรี – สายหมอกและก้อนเมฆ
 
 









 






 
140139138







 
 



Create Date : 19 กันยายน 2565
Last Update : 19 กันยายน 2565 12:36:35 น.
Counter : 1605 Pageviews.

18 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณปัญญา Dh, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณหอมกร, คุณnonnoiGiwGiw, คุณSleepless Sea, คุณhaiku, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกะว่าก๋า, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณเริงฤดีนะ, คุณtanjira, คุณtuk-tuk@korat

  
สวัสดีครับ

มาชมวัดด้วยครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 19 กันยายน 2565 เวลา:14:33:02 น.
  
นึกถึงพระนอนจักสีห์คุณบอล องค์ใหญ่เบ้อเริ่มจริงๆ

โดย: หอมกร วันที่: 19 กันยายน 2565 เวลา:21:18:43 น.
  
มาเที่ยว ไหว้พระ ด้วยครับ
วัดนี้ เคยไปแล้วครับ
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 19 กันยายน 2565 เวลา:23:08:13 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับคุณบอล

ชอบพระพักต์ท่านครับ
เป็นยิ้มละไม
ที่ดูแล้วสงบ เย็น มีความสุข

องค์พระประธานก็ยิ้มละไมเช่นกัน

ดูแล้วนึกถึงช่วงที่มีการสร้างพระ
บ้านเมืองในยุคนั้นน่าจะสงบร่มเย็นมากๆ
จนศิลปินผู้ปั้นสะท้อนใส่ลงไปในองค์พระพุทธรูปครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กันยายน 2565 เวลา:5:38:21 น.
  
วัดผาลาดสวยมากจริงๆครับ
ผมยังคิดว่าจะหาโอกาสไปเดินอีกสักรอบ
หน้าฝนแบบนี้
มอสต้องขึ้นเยอะแน่นอนเลยครับ



ไม่รู้คุณบอลต้องกินยาแก้แพ้ด้วยรึเปล่า
เพราะผมกินทีไร
สลบเหมือดทุกทีเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กันยายน 2565 เวลา:14:10:01 น.
  
อ่านแล้วอยากเที่ยวเพชรบุรีรเลยครับ
เมื่อก่อนเป็นจังหวังใกล้ๆ ที่ไปบ่อยมาก แต่ไม่เคยไปฝั่งวัดเลยครับ
อยู่ที่ทะเล แล้วก็เลยไปหัวหินเลย หัวหินคราวหน้าก็จะไปกินร้าน อะไรนะ...เดอะ บาเก็ท อะไรแบบนี้ใช้ไหมครับที่เป็นร้านประจำของพี่บอลเหมือนกัน อร่อยดี แถมราคาถูกด้วย

จากบล๊อก
ผมก็ว่า ผมน่าจะเป็นช่วงรู้สึก downๆ
จังหวะพี่บอลดีครับที่คนข้างๆ เข้ามาพูดคุยเปิดใจกัน เคลียร์ใจกันได้ และพี่บอลก็พร้อมเปิดใจด้วย
ผมไม่เลยครับ ผมไม่อยากพูดไม่อยากเคลียร์ รู้สึกไม่มีอะไรจะอธิบาย หรืออยากพูดคุย อยากแค่เงียบๆ ไป
ผมก็น่าจะเหมือนพี่บอลครับ ถ้ายังพูดคือไม่สุด ถ้าสุดคือไม่พูด เหมือนครั้งนี้ครับ

ยินดีด้วยครับที่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว จริงๆ เพื่อนช่วยได้เยอะนะครับ
การอยู่ท่ามกลางคนที่เราเป็นตัวเองได้ เราไว้ใจดีที่สุดครับ
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 20 กันยายน 2565 เวลา:14:17:24 น.
  
กราบพระค่ะคุณบอล
งดงาม น่าเที่ยวมากค่ะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:0:17:02 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:5:23:36 น.
  
ด้วยความยินดีครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2565 เวลา:22:34:05 น.
  

สวัสดียามเช้าครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:5:47:10 น.
  
กราบ กราบ กราบ
พระนอนองค์ใหญ่มากค่ะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:7:42:37 น.
  
สวัสดีค่ะคุณบอล

พี่แวะมาลงชื่อไว้ก่อนนะคะ
เดี๊ยวมาใหม่ค่ะ

สุขกายสบายใจนะคะคุณบอล
โดย: tanjira วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:16:23:36 น.
  
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:17:12:34 น.
  
ขอบคุณที่แวะไปทักทายนะครับ

โดย: Sleepless Sea วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:17:53:28 น.
  
ขอบคุณกำลังใจที่บล็อกนะครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:20:48:57 น.
  
ขอให้หายเร็วๆนะครับคุณบอล
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนจริงๆครับ
เชียงใหม่วันนึงมี 3 ฤดูเลย
เช้าหนาว บ่ายร้อน ค่ำฝนตกครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:20:59:10 น.
  
สวัสดีครับคุณบอล

แวะมาเที่ยวอีกรอบครับ
ฟังเสียงกระดิ่งลม พาใจร่มดีจัง

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบล็อกการ์ตูนน้องหมา
และส่งกำลังใจให้นะครับ
โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 22 กันยายน 2565 เวลา:23:22:54 น.
  

สวัสดียามเช้าครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 กันยายน 2565 เวลา:5:46:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 157 คน [?]